นิยาย : ตัวทำละลาย (ตอนที่ 1)

บท 1

3 มีนาคม 2558 ตีห้าตรง เช้าวันจันทร์อีกแล้ว

นาฬิกาปลุกจากไอโฟน 6 ราคาสองหมื่นปลายๆ ดังขึ้น ต้นลูกพีชงัวเงียยื่นมือไปกดสนู๊ซเกือบจะทันทีแล้วนอนต่อ ชั่วครู่เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นอีก ต้นลูกพีชไม่มีทางเลือกต้องจำใจลุกจากเตียง ก่อนเดินลงไปห้องน้ำชั้นล่าง

ทำธุระส่วนตัวไป กดมือถือเล่นไป สามจีเจ้ากรรมโหลดช้าจนไม่ทันใจต้นลูกพีช เวลาเช้าตรู่ขนาดนี้คนน่าจะเล่นน้อย แทนที่จะเร็วกลับช้าประหนึ่งเต่าคลาน ไลน์เช้าวันนี้มีข้อความใหม่เกือบห้าสิบได้ ทั้งโฆษณาต่างๆ ที่ส่งมาแทบทุกวัน แล้วไหนจะไลน์ดารานักร้องที่ต้นลูกพีชชอบจึงไปแอดไว้หลายสิบคน ทำให้เสียเวลาอยู่นานกว่าจะไล่อ่านจนเจองานได้ ต้นลูกพีชเป็นสาวรุ่นใหม่มั่นใจเกินร้อย ดีกรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากจุฬาฯ อินเตอร์ จบโทจากมหาวิทยาลัยท็อปเทนของอังกฤษ ซึ่งเรียนแค่ปีเดียวแต่ค่าเทอมและค่ากินอยู่พอๆ กับเรียนสองปีอย่างอเมริกาเลยทีเดียว ภาษาอังกฤษต้นลูกพีชยังเป็นเลิศ หากเป็นงานที่เธอชำนาญ เธอจะสามารถเขียนออกมาได้เกือบเท่าเจ้าของภาษาเลยทีเดียว ต้นลูกพีชหมายมั่นปั้นมือว่าหลังจบโทกลับมา โปรไฟล์อย่างเธอจะเรียกเงินเดือนแพงๆ จากบริษัทข้ามชาติชื่อดังได้อย่างที่หวัง แล้วเธอก็ทำได้จริงๆ ตำแหน่งเลขาผู้บริหารที่ต้องการคนไฟแรง กระตือรือร้น ภาษาดี และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงเป็นงานที่เธอหวังมากกว่าจะนำความสำเร็จและความคุ้มทุนที่พ่อแม่ของเธอจ่ายไปไม่น้อยเพื่อส่งเธอเรียนตรีและโทได้ขนาดนี้ ต้นลูกพีชจึงต้องคอยอ่านไลน์ตลอดเวลาเผื่อว่ามีงานด่วนหลังเธอนอนแล้ว    

เกือบๆ หกโมงเช้า ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีน้ำเงินใสขึ้นทุกที แต่ขับมาได้ไม่นานรถก็ติดเสียแล้ว การจราจรกรุงเทพช่างไม่ได้ดั่งใจเด็กสาวเจ็นวายอย่างเธอจริงๆ รถไฟฟ้าสายสีม่วงใกล้เปิดวิ่งเต็มที แต่ไกลจากบ้านเธอมาก แถมยังมาสุดแค่เตาปูน แทนที่จะต่อไปให้ถึงบางซื่อจะได้ทีเดียวจบ ความหวังของคนย่านฝั่งธนแบบเธอ คือ สายสีน้ำเงินบางซื่อ-ท่าพระ แต่โชคช่างไม่เข้าข้าง น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ทำให้การก่อสร้างล่าช้าไปอีกปี จึงยังไม่มีใครยืนยันได้ว่ารถไฟฟ้าสายวงกลมรอบเมืองนี้จะเปิดได้เมื่อใด หากจะซื้อคอนโด ก็แคบไปเสียอีก ที่อยู่อาศัยแบบนี้ถูกใจเธอมากพอควร เนื่องจากอยู่ติดแนวรถไฟฟ้า พื้นที่ใดมีโครงการรถไฟฟ้าผ่าน ราคาที่ดินจะขึ้นพรวดหลายสิบเปอร์เซ็นต์ ยิ่งทำเลดี ยิ่งเห่จองกันชนิดที่แทบจะขายหมดภายในวันแรก เพื่อนเธอที่มีฐานะ หรือสาวไฮโซสาวมั่นบางคนซื้อเพื่อเก็งกำไรเวลาขายต่อ คนที่อยู่อาศัยจริงๆ มีเพียงครึ่งหนึ่ง แต่ต้นลูกพีชเลือกอยู่บ้าน เพื่อดูแลพ่อแม่ที่แก่ตัวลงทุกวัน

เสียงมือถือดังขึ้น เฟิร์ส เพื่อนเก้งสาวของเธอนั่นเอง "ฮัลหลู ยัยต้นลูกพีช ทำไรอยู่แก คุยได้มั๊ย?"
"หวัดดีแก วันนี้มีไร เสียงใสมาแต่เช้าเชียว นกขุนทองยังตื่นเช้าสู้แกไม่ได้เลยนะยะ"
"ก็ลูกค้าตัวดีของเธอน่ะสิ นางเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา งานเลยไม่ไฟนอลซะที ชั้นว่าจะไม่รับงานที่ยังไม่ไฟนอล แต่ก็ทำไม่เคยจะได้ เราเป็นฟรีแลนซ์ ก็ต้องแลกกับอะไรแบบนี้"
"หรอแก วุ่นวายจัง แต่เอาไงก็เอา แปลมาจะเสร็จแล้ว"

วางสายเสร็จต้นลูกพีชครุ่นคิดจนว้าวุ่นไม่น้อย นอกจากงานประจำแล้ว เธอยังเป็นฟรีแลนซ์รับงานแปลอิสระจากเพื่อนๆ ที่ส่งต่อกันมา บางช่วงงานเยอะก็ยุ่งเสียจนปวดหลัง กลับมาจากที่ทำงานก็ต้องรีบมานั่งหน้าคอมที่บ้านต่อ ถือว่ารับจ็อบเพิ่ม จะได้มีเงินเก็บเพิ่มขึ้นอีก บางช่วงงานน้อย ก็น้อยเสียจนเธอคิดว่าจะไม่มีใครจ้างเธออีกแล้ว แต่ก็นั่นแหละ จ๊อบแบบนี้ไม่มั่นคงและหาความแน่นอนไม่ได้มาก แต่เพราะเงินดี และสามารถสร้างเครือข่ายได้ วันหนึ่งหากมีลูกค้าเยอะ เธออาจเปิดบริษัทรับแปลเป็นของเธอเองด้วย ค่านายหน้าก็ไม่โดนหัก รับเงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่า หากช่วงใดงานล้นมือจนทำไม่ทัน เธอก็แค่ส่งงานต่อให้เพื่อนๆ หรือรุ่นน้องรุ่นพี่ทำไป แต่ตอนนี้ยังมือใหม่ ก็ต้องเก็บประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ก่อน และแน่นอนว่าต้องเจอลูกค้าร้อยแปดปัญหา บางคนกดราคา บางคนจ่ายช้า บางคนช่างเปลี่ยนใจไปมาเป็นที่หนึ่ง บางคนวิจารณ์งานเธอทั้งที่ภาษาแย่กว่าเธอ และเมื่อเจอปัญหาจากงานประจำพร้อมกัน ต้นลูกพีชก็หงุดหงิดใจมากขึ้นไม่ใช่น้อย

ต้นลูกพีชเริ่มคิดหาทางใหม่ให้ชีวิต การลาออกหลังเริ่มงานได้ไม่นาน ไม่เคยเป็นผลดีต่อเรซูเมของใคร ต้นลูกพีชจึงยังไม่เลือกใช้วิธีลาออก สำหรับยุคนี้ การหางานใหม่บ่อยๆ ถือเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เพื่อนรุ่นเดียวกันหากได้ข้อเสนอเรื่องเงินที่มากกว่าเดิม หลายคนก็พร้อมจะไปโดยไม่ลังเล เพราะอะไรหรือ ใครๆ ก็อยากรวยทางลัดทั้งนั้น แต่หากเป็นเจ้าของกิจการก็ยังเร็วไปสำหรับคนประสบการณ์ยังน้อยอย่างเธอ เธออาจเป็นคนรุ่นใหม่ อยากประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย แต่จะให้เอาเงินหลายแสนหลายล้านมาลงทุนทั้งที่ตนยังไม่มีความสามารถพอ เธอจัดว่าเป็นความเสี่ยงที่ไม่คุ้มและเธอไม่เอาแน่นอน อีกอย่างเธอยังไม่มีเงินมากขนาดนั้น ต้นลูกพีชอยากเก็บหอมรอมริบจากความสามารถตนเองมากกว่าแบมือขอพ่อแม่แบบคนรุ่นก่อนๆ ด้วยเหตุผลว่า ยืนด้วยลำแข้งตนเอง มันเจ๋งกว่าเป็นไหนๆ

จอดรถเสร็จ เดินขึ้นลิฟท์กดขึ้นไปชั้น 26 ออฟฟิศต้นลูกพีชอยู่ย่านราชประสงค์ ซึ่งเป็นทำเลเดินทางสะดวกมาก เพราะมีทั้งรถไฟฟ้า ใกล้ทางด่วน ห้างสรรพสินค้าเกือบสิบแห่งก็อยู่ย่านนี้ เสียอย่างเดียว คือ เป็นย่านประท้วงของคนหลายกลุ่มที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันในทางความคิดเห็นทางการเมือง ทั้งเสื้อแดง เสื้อเหลือง และช่วงหลังๆ ยังพ่วงเอาชาวต่างชาติอีกด้วย ระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหมตรงสี่แยกเมื่อ 17 สิงหาคม ทำให้มีคนเสียชีวิตไปนับสิบ ต้นลูกพีชยังจำได้ว่าคืนวันเกิดเหตุ เธอยังทำงานอยู่ในตึก แต่เสียงระเบิดดังมากจนได้ยินเข้ามาถึงในตึก หลายบริษัทจึงรีบปล่อยพนักงานกลับบ้านเพื่อความปลอดภัย ตอนแรกข่าวบอกว่าเป็นระเบิดมอเตอไซค์ แต่สุดท้ายแล้วเป็นระเบิดที่ชาวต่างชาตินำมาวางไว้ที่เก้าอี้ข้างศาล หนุ่มสาวออฟฟิศจึงอกสั่นขวัญแขวนกันถ้วนหน้า ทุกครั้งที่เดินบนสกายวอล์ค ต้นลูกพีชจะอดหันลงมามองจุดเกิดเหตุไม่ได้ หากว่าได้ที่ทำงานใหม่ คงตัดปัญหาต้องคอยกังวลว่าเมื่อไหร่จะประท้วงหรือเกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินอีกออกไปได้

แผนกของเธอมีกันอยู่ไม่กี่คน นายใหญ่ซึ่งเป็นชาวออสเตรเลีย แต่อยู่เมืองไทยมาหลายปีจนเกือบจะเป็นคนไทยไปแล้ว ส่วนตัวเธอไม่ค่อยสนิทกับผู้ชายคนนี้นัก ถึงจะทำตำแหน่งเลขาโดยตรง แต่งานส่วนใหญ่กลับเป็นงานที่รับต่อมาจากเลขาตัวจริงอีกทีมากกว่า เธอคนนี้อายุสามสิบต้นๆ คล่องแคล่ว มั่นใจ รู้จักผู้คนกว้างขวางโดยเฉพาะวงการสื่อ ส่วนเพื่อนร่วมงานของต้นลูกพีชมีสองคน เป็นผู้หญิงทั้งคู่ อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน นั่งโต๊ะติดกันสามคนเรียงเป็นหน้ากระดาน ความสัมพันธ์ของทั้งสามดีพอควร

ต้นลูกพีชวางกระเป๋าคริสเตียน ลูบูแต็ง ราคาหลายหมื่นลงบนโต๊ะ แล้วหยิบกาแฟราคาร้อยกว่าบาทที่ซื้อจากใต้ตึกขึ้นดื่ม พร้อมทานขนมปังชิ้นเล็กๆ ขณะเปิดคอมไปพลาง ล็อกอินเข้าเฟสบุ๊คได้เธอรีบเปิดอ่านข่าวในหน้าฟีดทันที สมัยนี้หนังสือพิมพ์อาจไม่จำเป็นอีกต่อไป การกดไลค์หน้าเพจสำนักข่าวทั่วโลกเป็นเรื่องง่ายและประหยัดมาก แถมยังสามารถคอมเมนท์กับคนทั่วโลกอีกด้วย หน้าเพจที่ต้นลูกพีชสนใจรองลงมาคือท่องเที่ยว สมัยนี้คนนิยมเที่ยวเองมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า ข้อมูลต่างๆ หาได้ง่ายเพียงปลายนิ้วคลิ๊ก โปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินก็มีให้เลือกจากเว็บเอเย่นต์หลายสิบหลายร้อย สายการบินต่างๆ แข่งกันออกโปรแย่งลูกค้า ทำให้โอกาสเดินทางไปต่างประเทศมีมากกว่าสมัยพ่อแม่เธอหลายเท่านัก ญี่ปุ่นจึงแทบจะกลายเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยไปแล้ว รีวิวเที่ยวของบรรดาบล็อกเกอร์หรือเจ้าของเพจมีให้อ่านกันแทบทุกวัน ต้นลูกพีชเลื่อนหน้าจอลงมาเรื่อยๆ จนไม่เห็นมีข่าวใดน่าสนใจจึงหยุดสิ่งบันเทิงไว้เพียงแค่นั้น พอดีกับที่เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งส่งงานมาให้ เธอชื่อเฟรม เรียนจบจากมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง หลักสูตรอินเตอร์ จึงมั่นใจได้ว่าภาษาอังกฤษจะดีพอๆ กับคนที่จบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของรัฐ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่