ชาวต่างชาติโดนหญิงไทยโกงเงิน บ้านและที่ดิน ขอคำแนะนำด้วยค่ะ

ขอปรึกษาค่ะ  เพิ่งตั้งกระทู้ครั้งแรก ผิดพลาดอะไรขอคำแนะนำด้วยนะคะ  ปกติจะเข้ามาอ่านหาความรุ่อย่างเดียว   แต่วันนี้เห็นแฟนนั่งร้องไห้เสียใจแล้ว ไม่ไหว เลยมาตั้งกระทู้ถามความเห็นต่างผู้รุ่และเพื่อนๆค่
ขอแนะนำตัวเองก่อนนะค๊ะ  ดิฉันสอบถามแทนแฟนชาวต่างชาติค่ะ  กรณีมีอยุ่ว่า..

ชายชาวต่างชาติ  ได้มาเที่ยวประเทศไทยหลายครั้ง จนตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตบั้นปลายที่เมืองไทย ชาวต่างชาติจึงตัดสินใจซื้อบ้านพร้อมที่ดินมือสอง(นส.3ก) โดยใช่ชื่อผู้หญิงไทยรายหนึ่ง ซึ่งตอนซื้อครั้งแรกนั้นชาวต่างชาติไม่รุ้กฏหมายที่ดินของไทยรุ้แค่ว่าฝรั่งเป็นเจ้าของที่ดินไม่ได้ เค้าจึงซื้อในนามของหญิงไทยคนนี้ โดยกรรมสิทธิ์ทั้งหมดจึงเป็นของผู้หญิงฝ่ายเดียว(ซึ่งฝ่ายชายไม่ทราบเรื่องสิทธิของผู้ถือกรรมสิทธิ์) โดยมีจุดประสงค์ว่า บ้านและที่ดินหลังนี้ ฝ่ายชายได้ซื้อไว้สำหรับเวลามาพักผ่อนที่เมืองไทย เค้าจะกลับไปต่างประเทศหกเดือน และอยุ่เมืองไทยหกเดือน  โดยระหว่างที่ชาวต่างชาติอยุ่ต่างประเทศหกเดือนนั้น  ได้ให้บ้านหลังนี้อยุ่ในความดูแลของผู้หญิงไทย และอนุญาติให้หญิงไทยสามารถมาลูกและแม่มาอยุ่อาศัยในบ้านหลังนี้ได้ และฝ่ายชายตกลงจะจ่ายเงินเดือนให้กับหญิงไทยรายนี้เดือนละ10000 บาทและส่งเสียค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรของผู้หญิงไทย ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีเป็นเวลา 2 ปี ฝ่ายชายได้ซื้อที่ดินเปล่า (นส.3ก) เนื้อที่ประมาน 3.3ไร่  เพื่อเอาไว้ปลูกผักเลี้ยงปลาและปลูกบ้านโดยเพื่ออยู่อาศัยและจะขายบ้านหลังที่ซื้อก่อนหน้านี้โดยใช้ชื่อผู้หญิงคนเดิมเช่นกัน  หลังจากซื้อที่ดินเปล่าเพิ่ม หญิงไทยรายนี้ก็เริ่มมีพฤติกรรมไม่ดี คือระหว่างที่ชาวต่างชาติกลับประเทศหญิงรายนี้ไม่ได้ดูแลบ้าน ขโมยของ ขโมยเงิน และหลังสุดคือฝ่ายชายกลับมาเมืองไทยมีคนบอกชายต่างชาติว่าหญิงไทยพยายามจะขายที่ดินทั้งสองที่ แต่ด้วยฝ่ายชายเป็นคนใจดีและด้วยความผูกพันธ์กับฝ่ายหญิง(ลักษณะเมียเช่า)ไม่อยากเอาเรื่องฝ่ายหญิง ฝ่ายชายจึงไปปรึกษาสำนักงานกฎหมาย   ทางสำนักงานจึงแนะนำให้ทำสัญญาเกี่ยวกับการซื้อขายบ้านและที่ดิน

  จึงมีสัญญาเกิดขึ้นระหว่างชายหญิง โดยมีสองฉบับ ฉบับแรกนั้น เป็นสัญญาของบ้านพร้อมที่ดินหลังแรก

โดยมีใจความสำคัญดังนี้..

ฝ่ายหญิงได้ขายบ้านให้ฝ่ายชาย โดยฝ่ายชายชำระเงินทั้งหมดแล้ว(บ้านจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของชายต่างชาติ)

แต่ที่ดินนั้นฝ่ายชายไม่สามารถซื้อได้ จึงมีสัญญาเช่าที่ดิน 30 ปี (ขึ้นทะเบียนเช่ากับสำนักงานที่ดินอย่างถูกต้องมีชื่อฝ่ายชายอยุ่ในสถานะเช่า) โดยฝ่ายชายได้ชำระเงินทั้งหมดแล้ว เช่นกัน (เพราะเงินที่ซื้อครั้งแรกเป็นเงินฝ่ายชายทั้งหมดแค่ซื้อในชื่อหญิงไทย)

ฝ่ายชายสามารถเข้าทำประโยชน์โดยตรงในที่ดินนี้ รวมถึงปลูกสร้างบ้านอาศัย ถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของฝ่ายชาย

ฝ่ายหญิง "ยอมให้ฝ่ายชาย สามารถ โอน หรือ ออกเช่าช่วง ให้บุคคลอื่นได้ระยะเวลาของสัญญานี้

เมื่อฝ่ายชายเสียชีวิต สัญญาเช่าจะสิ้นสุดลง  

แต่ถ้าฝ่ายหญิงเสียชีวิตทายาทฝ่ายหญิงจะถือกรรมสิทธิ์ที่ดินแทนจนกว่าสัญญาจะสิ้นสุด

เมื่อสัญญาครบ 30 ปี  ฝ่ายหญิง ตกลงยินยอมชำระค่าใช้จ่ายต่างๆของบรรดาสิ่งปลูกสร้างให้กับฝ่ายชายตามราคาประเมิณของกรรมที่ดิน......

............

สัญญาฉบับที่สอง ว่าด้วยเรื่อง ที่ดินเปล่า 3.3ไร่ ในสัญญามีดังนี้  (ทำหลัง สัญญาฉบับแรกประมาน สามเดือน)

ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงได้อยุ่กินกันฉันท์สามีภรรยา (ในฉบับแปลใช้คำว่า cupple) ได้ซื้อที่ดินเปล่านี้ โดยฝ่ายชายได้ให้เงินทั้งหมดแก่ฝ่ายหญิงในการซื้อที่ดินนี้ โดยฝ่ายหญิงเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนฝ่ายชาย  เมื่อที่ดินนั้นขายได้ ต้องให้เงินแก่ฝ่ายชายก่อน แปดแสนบาท และกำไรส่วนต่างแบ่งกันคนละครึ่ง

......,,,....

หลังจากนั้น ก็ได้ปลูกบ้านในที่ดินเปล่านั้น แต่ก็ไม่เสร็จสิ้น เพราะฝ่ายหญิงอ้างว่าโดนตามทำร้ายเพราะไม่จ่ายหนี้ ฝ่ายชายจึงตามจ่ายหนี้ให้ฝ่ายหญิง และฝ่ายหญิงก็เป็นหนี้ไปทั่วฝ่ายชายก็ตามจ่ายจนเงินเหลือน้อยลงมากจนไม่สามารถสร้างบ้านจนเสร็จได้  ทั้งผู้หญิงได้ขโมยเงินฝ่ายชายเป็นจำนวนมาก ฝ่ายชายทราบแต่ก็ไม่อยากเอาเรื่องเพราะถือว่าอยุ่กันมาหลายปี จนสุดท้าย เวลาผ่านไป เกือบ8ปี  ทั้งคุ่ทะเลาะกันหนักขึ้น(ฝ่ายหญิงติดเหล้า ติดการพนัน) ((ฝ่ายชายเล่าให้ฟังนะค๊ะ)) ฝ่ายหญิงใช้มีดพยายามทำร้ายร่างกายฝ่ายชาย เพราะขอเงินแล้วฝ่ายชายบอกว่าไม่มีให้แล้ว ฝ่ายหญิงก็ขู่ฝ่ายชายว่า บ้าน ที่ดินที่ซื้อในชื่อฝ่ายหญิงเป็นสิทธิ์ของฝ่ายหญิง มีสิทธิ์ไล่ฝ่ายชายได้ตลอดเวลา ฝ่ายชายจึงโทรตามตำรวจมาที่บ้าน และเอาสัญญาฉบับแรกให้ดู  ตำรวจจึงให้ฝ่ายหญิง เป็นฝ่ายออกจากบ้านหลังนี้ไป  ...โดยฝ่ายชายได้ให้รถกระบะ ซึ่งซื้อในชื่อฝ่ายหญิงอีกเช่นเดิม  

#เหตุการณ์ทั้งหมดทั้งมวล ฝ่ายชายมีทะเบียนสมรสกับภรรยาชาวต่างชาติอยุ่ เพิ่งหย่าก่อนที่จะทะเลาะถึงขั้นใช้มีดจะทำร้ายร่างกายประมาณ 1 อาทิตย์#

เวลาผ่านไป ไม่นาน ฝ่ายชายก็มาเจอเราค่ะ  เราตกลงเป็นแฟนกัน ตอนคบกันแรกๆ เรามาบ้านฝ่ายชายไม่กี่ครั้ง เพราะเราหลีกเลี่ยงที่จะมีปัญหากับคนเก่า  เราจึงเช่าบ้านอยุ่ และฝ่ายชายเป็นฝ่ายเทียวมาหาเรา  มีวันนึงน้ำที่บ้านเช่าเราไม่ไหลเกือบเดือน เราจึงมานอนบ้านแฟนประมาน 1 อาทิตย์ผู้หญิงคนนี้ก็มาที่บ้านและบอกฝ่ายชายว่า ฝ่ายชายไม่มีสิทธิ์ให้เรามานอนที่บ้าน ข่มขู่หลายอย่าง เราจึงขอพูดกับผุ้หญิงคนนี้ ถามว่าสาเหตุเพราะอะไรถึงไม่ให้เรามานอนบ้านหลังนี้ ผุ้หญิงคนนี้อ้างแค่ว่า ที่นอนที่เรานอน นางกะฝ่ายชายนอนเอากันมาหลายปี นางไม่อยากให้ใครมาใช้ที่นาง(เราตกตะลึงกับคำพูดนางพักใหญ่)  เราจึงบอกว่า เรามาอยุ่แค่อาทิตย์เดียวเพราะที่บ้านน้ำไม่ไหล และเราก็พูดว่าเราเห็นเอกสารสิทธิ์มันเป็นของฝ่ายชาย เราจึงเข้ามานอน เราไม่ได้จะมาหยามหรืออะไรทั้งสิ้น ตัวนางเองก็มีผุ้ชายคนใหม่ไปแล้วจะมาตามขุ่ฝ่ายชายทำไม นางจึงกลับไป .....

ตอนนี้เวลาผ่านไปสองปีแล้วที่คบกันมา เรากับแฟน ตกลงจะแต่งงานกันให้ถูกต้องตามกฏหมาย (เราย้ายมาอยุ่ในบ้านแฟนได้ครึ่งปีแล้วค่ะ  ซึ่งสัญญาระหว่างหญิงเก่ากับฝ่ายชายยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร เพราะประกาศขายตั้งแต่แยกทางกันแต่ก็ยังขายไม่ได้ ) เราไม่ยุ่งในส่วนนั้นอยุ่แล้ว   แต่ตอนนี้ เราจะจดทะเบียนสมรสกัน มันจะมีผลอะไรบ้างในกรรมสิทธิ์ฝ่ายชาย  ฝ่ายชายบอกว่า อยากให้เรามีสิทธิ์ทุกอย่างในส่วนของฝ่ายชาย จะได้ไม่โดนอ้างว่าเป็นเมียน้อย หรือไม่มีสิทธิ์อยุ่ในบ้านกับฝ่ายชาย

จึงมีคำถามดังนี้ค่ะ

1.ตัวบ้านซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของฝ่ายชาย เมื่อจดทะเบียนสมรสสามารถเปลี่ยนชื่อให้ภรรยาได้หรือไม่

2.ในส่วนที่ดินที่บ้านปลูกอยุ่นี้ เรามีสิทธิ์อยุ่แค่สิ้นสุดสัญญาใช่หรือไม่ แล้วถ้าฝ่ายชายเสียชีวิตก่อนสัญญาเช่าที่ดินสิ้นสุด  เราในฐานะภรรยามีสิทธิ์อยุ่ต่อจนครบสัญญาหรือไม่

3. ถ้าตัวบ้านเป็นกรรมสิทธิ์ของเรา บนพื้นที่เช่า30ปีนี้ เราสามารถขอเป็นเจ้าบ้านได้หรือไม่ เพราะตอนนี้ผู้หญิงคนเก่าเป็นเจ้าบ้านอยุ่ ซึ่งเราจะทำอะไรก็ลำบาก  (คล้ายจะกลั่นแกล้ง) เราอยากย้ายเข้าเพื่อขอสิทธิ์การรักษาพยาบาลเนื่องจากเรามาจากต่างจังหวัดค่ะ

4.เรื่องที่ดินเปล่า 3.3ไร่นั้น ฝ่ายชายสามารถทำอะไรได้บ้างเนื่องจาก ไม่มีสัญญาเช่า 30 ปี มีแค่สัญญาที่ระบุไปข้างต้น  และตอนนี้ฝ่ายชายทราบมาว่า ฝ่ายหญิงได้นำที่ดินไปจำนำกับญาติพี่น้องของนางเอง โดยที่ฝ่ายชายไม่รุ้  ฝ่ายชายจึงอยากทราบว่าสามารถแบ่งที่ดินแทนการขายได้หรือไม่ เพราะประกาศขายมานานแล้วก็ยังขายไม่ได้ จึงอยากจะตัดสินใจแบ่งที่ดินเป็นสองฝั่ง แบ่งให้ฝ่ายหญิงฝั่งนึง และฝ่ายชายฝั่งหนึ่ง โดยอาจจะใช้ชื่อเราสำหรับที่ดินที่จะแบ่ง  (ซึ่งฝ่ายหญิงนั้น ต้องการที่ดินทั้งหมด) และดูเหมือนว่าฝ่ายหญิงคงจะไม่ยอม ถ้าจะแบ่งที่ดินนั้นครึ่งนึงมาเป็นชื่อเรา

Ps.ตอนนี้เราย้ายมาอยุ่ในบ้านของแฟนแบบเต็มตัวได้ 3 เดือนแล้วค่ะ
Ps.2 เข้าไปปรึกษาทนายในส่วนของ ที่ดิน 3.3 ไร่  ทนายบอกว่าฟ้องได้ แต่ค่าทนาย เกือบ ห้าแสน ซึ่งแฟนเราไม่มีเงินมากขนาดนี้  ทั้งชีวิตแกมีอยุ่แค่ เจ็ดแสน บาท  ซึ่งต้องใช้จนวันตายและไม่สามารถหาเพิ่มได้อีกเพราะเค้าแก่มากๆแล้วค่ะ ทำงานไม่ไหวแล้ว  หลังจากกลับมาจากออฟฟิตทนายความ  แฟนร้องไห้มาตลอดทางเลยว่า ทำไมไม่มีความยุติธรรมในเมืองไทยเลย ทุกอย่างต้องมีเงินเท่านั้นถึงจะชนะ... คนโกงกลับมีชีวิตที่สุขสบาย   เค้าแค่อยากจะขายที่ดินส่วนนั้นแล้วเอาเงินมาใช้ประทังชีวิตและดูแลเมียเค้า(เรา)  และถ้าเค้าตายไปเราเป็นภรรยาก็ควรจะได้สิ่งที่เค้าซื้อมาโดยเงินเค้าบ้าง ไม่ใช่สูญไปกับคนโกงคนนั้น  เราสงสารแฟนค่ะ  เคยบอกแกไปแล้วว่า ช่างมันเถอะ  ตายไปเทอก็ไม่ใช่เจ้าของอยุ่ดี  เอาไปไม่ได้  แกก็บอกว่า ใช่แกเอาไปไม่ได้ แต่แกสามารถ มอบที่ซุกหัวนอนให้เมียได้ ถ้าแกตาย  เพราะเค้ารุ้ดีว่า ผุ้หญิงคนนี้ ต้องมาไล่เราอ้างสิทธิ์เจ้าของบ้านและที่ดิน แน่นอน ถ้าทุกอย่างยังค้างคาแบบนี้
เรากับแฟนควรทำยังไงกันดี  ...


ขอคำแนะนำด้วยค่ะว่ามีวิธีอื่นมั้ย ที่จะตัดขาดจากฝ่ายหญิงได้  ในความประสงค์ของฝ่ายชาย จะยอมแบ่งที่ดอน 3.3 ไร่ ฝั่งที่มีบ้านให้ฝ่ายหญิง และตัวเองจะเอาส่วนที่เป็นที่ดินเปล่า

แต่..ฝ่ายหญิงต้องยกที่ดินส่วนของบ้านที่ซื้อหลังแรกนี้ให้กับฝ่ายชายและเราในฐานะภรรยา  จะไม่มีสัญญาเช่า30ปีอีก ถือว่าที่ดินเป็นของเราค่ะ   จะได้ไม่มีอะไรค้างคากันอีกต่อไป   ขอปรึกษาความเป็นไปได้หน่อยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่