ลมหายใจ The Musical ดูจบแล้วรู้สึกว่ามันเป็นละครเวทีที่อบอวลไปด้วยความรัก เป็นละครเวทีที่มีความสุขในเบื้องต้น มีความเศร้าในท่ามกลาง และได้รับความอบอุ่นหัวใจมาในตอนท้าย ดูจบแล้วอิ่มอกอิ่มใจ ดูจบแล้วมีความสุข ดูจบแล้วมีความหวังมีพลัง ดูจบแล้วก็ถามตัวเองเบาๆว่า…..
มันจะดีกว่ามั้ย ถ้าแทนที่จะเราบอกว่าจะรักใครสักคนไปชั่วนิรันดร์ เราควรจะรักและทำดีกับคนๆนั้นในขณะที่เขาและเรายังมีลมหายใจอยู่ ?เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่มีใครหรอกที่จะรักใครได้“ชั่วนิรันดร์” เพราะคำว่าชั่วนิรันดร์ก็คงยาวนานได้เท่ากับช่วงชีวิตของคนๆนึงเท่านั้น ทุกความรักและความสัมพันธ์จึงมีเงื่อนเวลามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น...จงรักและทำดีต่อเขา (หรือเธอ) ขณะที่ยังมี “เวลา”
เรื่องราวของ ลมหายใจ The Musical ก็คงประมาณนี้เมื่อ พัด (กัน นภัทร) ได้จากไปก่อนเวลาอันควร ทิ้งให้ ฝน (หนูนา) ว่าที่เจ้าสาว เจ๊ฉัตร (ปาน ธนพร) พี่รหัสที่แอบหลงรักพัด พาย ( กวาง TGT )น้องสาวที่รักพี่ชายสุดหัวใจ และ ต่อ (โต๋ ศักดิ์สิทธิ์) เพื่อสนิทที่แอบหลงรักฝน เอาไว้เบื้องหลัง เมื่อพัดซึ่งเป็นเสมือนจุดรวมศูนย์ของทุกความสัมพันธ์ได้จากไปจึงส่งผลอย่างใหญ่หลวงต่อผู้คนรอบข้าง พัดต้องอ้อนวอนงอนง้อพระเจ้าเพื่อขอกลับมาแก้ไขในสิ่งที่ไม่ได้ทำและเยียวยาความสัมพันธ์ของทุกคนให้กลับมาดีดังเดิม
ก่อนไปดูละครเวทีเรื่องนี้ เราคิดไว้แล้วว่าน่าจะคาดหวังความดีงามไว้ได้ล่วงหน้า เมื่อทราบว่าเวอร์ชั่นนี้คุณบอย โกสิยพงษ์ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาบทและเลือกเพลงเองโดยแก้ไขปรับปรุงจากครั้งที่แล้ว (ที่เป็นเพียงผู้ชมเท่านั้น) โดยคุณบอยได้ให้สัมภาษณ์ว่า.. “อยากทำ เพราะถ้าละครเวทีเรื่องนี้ไม่มีการ restage อีกแล้ว ก็จะได้ไม่มีอะไรติดค้างในใจอีกต่อไป” ในขณะที่คุณบอย ถกลเกียรติ เจ้าพ่อละครเวทีบ้านเรา ถึงจะไม่ได้กำกับเองก็ลงมาดูแลเกือบทุกขั้นตอน ยิ่งได้ผู้กำกับใหม่ (แต่เก๋าในฝีมือ)อย่างคุณสันติ ต่อวิวรรธน์ มาเป็นผู้กำกับแล้ว การรวมพลังของเจ้าพ่อวงการเพลง + เจ้าพ่อวงการละครเวที ผสมกับแนวคิดของผู้กำกับละครเวทีรุ่นใหม่จึงทำให้ละครเวทีเรื่องนี้ออกมาดีกว่าที่เราคิดไว้มาก #มากกว่าสิบเท่า
ความดีงามที่สุดของละครเวทีเรื่องนี้คือการเล่นกับอารมณ์ร่วมของคนดูได้แบบสุดๆ ช่วงเวลาตั้งแต่ต้นจนจบที่เราในฐานะคนดูได้ทั้งยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ ไปกับทุกตัวละครเหมือนคนบ้า เพราะอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ มาก 555 สิ่งที่ไม่คาดคิดคือความตลกที่มีแทรกอยู่มากมายในเกือบตลอดทั้งการแสดง ปรบมือให้คนเขียนบท และนักแสดง ทุกมุกมันขำมาก ฮาหนักมากจริงๆ ในขณะที่บทเรียกน้ำตาก็โหดสุดๆ ดูละครเวทีเรื่องนี้จบแล้วเมื่อยมือมาก เพราะต้องดึงทิชชูมาซับน้ำตาตลอดเวลา 55 คงต้องขอยืมคอนเม้นจากผู้ชมท่านนึงมาใช้เลย เพราะเห็นด้วยมากๆ .... “ถ้าจะมาดูละครเวทีเรื่องนี้ ผ้าเช็ดหน้าคงไม่พอ ใช้ผ้าพันคอเลยดีกว่า”
[CR] รีวิวละครเวที “ลมหายใจ The Musical2016” ...ให้จักรวาลแห่งนี้มีแต่ “ความรัก”
มันจะดีกว่ามั้ย ถ้าแทนที่จะเราบอกว่าจะรักใครสักคนไปชั่วนิรันดร์ เราควรจะรักและทำดีกับคนๆนั้นในขณะที่เขาและเรายังมีลมหายใจอยู่ ?เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่มีใครหรอกที่จะรักใครได้“ชั่วนิรันดร์” เพราะคำว่าชั่วนิรันดร์ก็คงยาวนานได้เท่ากับช่วงชีวิตของคนๆนึงเท่านั้น ทุกความรักและความสัมพันธ์จึงมีเงื่อนเวลามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น...จงรักและทำดีต่อเขา (หรือเธอ) ขณะที่ยังมี “เวลา”
เรื่องราวของ ลมหายใจ The Musical ก็คงประมาณนี้เมื่อ พัด (กัน นภัทร) ได้จากไปก่อนเวลาอันควร ทิ้งให้ ฝน (หนูนา) ว่าที่เจ้าสาว เจ๊ฉัตร (ปาน ธนพร) พี่รหัสที่แอบหลงรักพัด พาย ( กวาง TGT )น้องสาวที่รักพี่ชายสุดหัวใจ และ ต่อ (โต๋ ศักดิ์สิทธิ์) เพื่อสนิทที่แอบหลงรักฝน เอาไว้เบื้องหลัง เมื่อพัดซึ่งเป็นเสมือนจุดรวมศูนย์ของทุกความสัมพันธ์ได้จากไปจึงส่งผลอย่างใหญ่หลวงต่อผู้คนรอบข้าง พัดต้องอ้อนวอนงอนง้อพระเจ้าเพื่อขอกลับมาแก้ไขในสิ่งที่ไม่ได้ทำและเยียวยาความสัมพันธ์ของทุกคนให้กลับมาดีดังเดิม
ก่อนไปดูละครเวทีเรื่องนี้ เราคิดไว้แล้วว่าน่าจะคาดหวังความดีงามไว้ได้ล่วงหน้า เมื่อทราบว่าเวอร์ชั่นนี้คุณบอย โกสิยพงษ์ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาบทและเลือกเพลงเองโดยแก้ไขปรับปรุงจากครั้งที่แล้ว (ที่เป็นเพียงผู้ชมเท่านั้น) โดยคุณบอยได้ให้สัมภาษณ์ว่า.. “อยากทำ เพราะถ้าละครเวทีเรื่องนี้ไม่มีการ restage อีกแล้ว ก็จะได้ไม่มีอะไรติดค้างในใจอีกต่อไป” ในขณะที่คุณบอย ถกลเกียรติ เจ้าพ่อละครเวทีบ้านเรา ถึงจะไม่ได้กำกับเองก็ลงมาดูแลเกือบทุกขั้นตอน ยิ่งได้ผู้กำกับใหม่ (แต่เก๋าในฝีมือ)อย่างคุณสันติ ต่อวิวรรธน์ มาเป็นผู้กำกับแล้ว การรวมพลังของเจ้าพ่อวงการเพลง + เจ้าพ่อวงการละครเวที ผสมกับแนวคิดของผู้กำกับละครเวทีรุ่นใหม่จึงทำให้ละครเวทีเรื่องนี้ออกมาดีกว่าที่เราคิดไว้มาก #มากกว่าสิบเท่า
ความดีงามที่สุดของละครเวทีเรื่องนี้คือการเล่นกับอารมณ์ร่วมของคนดูได้แบบสุดๆ ช่วงเวลาตั้งแต่ต้นจนจบที่เราในฐานะคนดูได้ทั้งยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ ไปกับทุกตัวละครเหมือนคนบ้า เพราะอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ มาก 555 สิ่งที่ไม่คาดคิดคือความตลกที่มีแทรกอยู่มากมายในเกือบตลอดทั้งการแสดง ปรบมือให้คนเขียนบท และนักแสดง ทุกมุกมันขำมาก ฮาหนักมากจริงๆ ในขณะที่บทเรียกน้ำตาก็โหดสุดๆ ดูละครเวทีเรื่องนี้จบแล้วเมื่อยมือมาก เพราะต้องดึงทิชชูมาซับน้ำตาตลอดเวลา 55 คงต้องขอยืมคอนเม้นจากผู้ชมท่านนึงมาใช้เลย เพราะเห็นด้วยมากๆ .... “ถ้าจะมาดูละครเวทีเรื่องนี้ ผ้าเช็ดหน้าคงไม่พอ ใช้ผ้าพันคอเลยดีกว่า”