ถ้าวันนี้เราทำความต้องการของแม่ไม่ไหวแล้ว แต่เราไม่สามารถหนีได้เราควรทำอย่างไรดี

ใกล้จะวันแม่แล้วเนอะ แต่เราไม่มีความสุขเลย ไม่ใช่ว่าเราไม่รักแม่นะ เรารักแม่มากๆ เพราะตั้งแต่เล็กจนโตก็มีแค่แม่นี่แหละที่เลี้ยงดูเรามาตลอด
ครอบครัวเรามีกันอยู่แค่สองคน มีญาติพี่น้องแต่ก็เหมือนไร้ญาติขาดมิตร แม้แต่ขนาดจักรยาน บ้านเราก็ยังไม่มีขี่เลย จริงๆฐานะทางบ้านไม่ได้ยากจนค้นแค้นอะไรแต่แม่เราเป็นคนมัธยัสมาก ๆ ไม่เสียเงินซื้ออะไรง่ายๆและแม่ก็หัวโบราณสุดๆ ใจร้อน อารมณ์ร้อน เราโดนแม่ตีมาตลอดกระทั่งขึ้นมอหกแม่ก็ยังตี ตีแบบที่ว่ากลางถนนก็เอา แต่พอขึ้นปีหนึ่งก็เลิกตีแต่ทุกวันนี้ก็ยังใช้คำรุนแรงด่าว่าเราอยู่เช่นเดิม

             ชีวิตของเรากลัวแม่มาโดยตลอด แม่สั่งให้ทำอะไรเราก็ต้องทำเพราะไม่อย่างนั้นจะโดนด่าไม่ก็โดนตี ก่อนจบมอสามเราเคยคิด เราอยากไปเรียนต่อปวช. แต่แม่ก็ตัดความคิดเราทิ้งแล้วเริ่มขีดเส้นให้เราเดินตามทางที่แม่วางไว้ แม่ให้เราเรียนต่อมอปลายซึ่งรอบแรกเราไปสอบที่โรงเรียนประจำอำเภอเราสอบไม่ติด เราโดนแม่ด่า ด่ารุนแรง พอรอบสองเราไปสอบรอบทั่วไปแล้วเลือกสายวิทย์คณิต รอบนี้เราติดถือเป็นความโชคดีมาก เราไม่รู้เลยว่าอนาคตเราจะจบออกไปทำงานเป็นอะไร แต่เราเลือกเรียนสายวิทย์คณิตไว้ก่อนเพราะเห็นว่ามันสามารถสอบเข้าได้หลายคณะดี แต่เอาจริงๆ เราเรียนไม่เก่ง เกรดก็ไม่ดี พอมอหกก็สอบตรงไม่ติด โดนด่าเช่นเดิม เรากดดันมาก อึดอัด เครียด กลัวไม่มีที่เรียน โดนด่าทุกวันจนอยากหนีออกจากบ้าน แต่เราก็กลัว กลัวแม่ไปตามหาแล้วเจอจะตีเราซ้ำอีก กลัวว่าถ้าหนีไปแล้วจะไปอยู่ที่ไหน เราก็ผู้หญิงคนเดียว ก็ได้แต่อดทนอยู่กับเสียงด่าอย่างนั้นเรื่อยมา เราเลือกสอบมหาลัยรัฐที่มีชื่อเสียงสองแห่ง เราทำไม่ได้ เราสอบไม่ติดและอีกสองแห่งเป็นของรัฐ(แต่อยู่ไกล)กับเอกชนที่ค่าเทอมถูกที่สุด(เห็นเขาว่าอย่างนั้น) แม่เราก็ไม่ให้เรียน เอาจริงๆ ตอนนั้นทั้งสี่มหาลัย เราสอบต่างคณะกันหมดเลย เพราะเราไม่รู้ว่า เราอยากจะเป็นอะไร เราไม่กล้าคิดฝันอะไรแล้วเพราะความฝันของเราสวนทางกับความต้องการของแม่ เราจึงจำนนให้แม่ขีดเส้นทางชีวิตให้เราเดิน

               เราเข้ามาเรียนที่มหาลัยเปิดแห่งหนึ่ง  เพราะเป็นที่สุดท้ายที่เขายังเปิดรับ ก่อนการมาสมัครเราโดนด่าเยอะมาก ด่าต่อหน้าคนอื่นที่ไม่ใช่ญาติ ด่าแบบหยาบๆคายๆ แล้วน้าก็บอกเราว่า "ก็พิสูจน์ให้แม่เห็นสิว่ามหาลัยที่ใครก็บอกว่าจบยาก แต่เราสามรถจบได้" แล้วในที่สุดเราก็สามารถควบคุมตัวเองให้เรียนจบมาได้ในคณะที่แม่เลือกให้ แต่วิชาเอกเราเลือกเอง เราภูมิใจมากๆนะกับการเรียนจบได้ครบเวลาตามหลักสูตร เราเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย แต่เรายังรู้สึกว่าการเรียนจบที่นี่ แม่ดูไม่ค่อยดีใจสักเท่าไหร่ คือแม่เราเป็นคนประมาณว่า ถ้าทำได้ก็ไม่ได้ชมแต่ถ้าทำอะไรไม่ได้อย่างใจที่แม่ต้องการ เตรียมหูไว้โดนคำด่าที่รุนแรงไว้ได้เลย แม้เราจะมีกันอยู่สองคนแต่ไม่เคยสนิทกันเลย บางครั้งเราอยากบอกเล่าเรื่องต่างๆที่ไปเจอมา แม่ก็ไม่ฟัง จึงทำให้เวลาเรามีปัญหาหนักๆอะไรเราจึงเลือกไม่บอกแม่ เพราะถ้าบอก คำแรกที่จะได้รับกลับมาคือคำด่า ไม่ใช่กำลังใจ

                เมื่อเรียนจบ ก็ถึงคราวจะต้องเร่ร่อนหางานทำ จำได้ว่าเหนื่อยสายตัวแทบขาด ร่างแทบแหลก ดั้นด้นนั่งรถเมล์ไปสมัครงานหลายต่อหลายที่ ก็ยังไม่มีใครรับ จนวันนึงมีโอกาสได้เข้าไปทำงานในสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นความโชคดีของเรามากจริงๆ คงต้องขอบใจแม่ที่บังคับเรามาสอบที่นี่ครั้งนั้น ซึ่งก่อนหน้าเรากับแม่ทะเลาะกันหนักมาก จนเราเกือบจะไม่ยอมมาสอบแต่กลัวแม่ก็เลยต้องมา ในช่วงแรก ๆ เรามีความสุขดีที่มาทำงานที่นี่ ใครๆถามทำงานที่ไหน แค่บอกชื่อที่ทำงานไปใครต่อใครก็ชมกลับว่าเราเก่งที่ทำงานที่นี่ ซึ่งความจริงแล้ว เราไม่ได้เก่งเลย เป็นคนที่ฉลาดน้อยที่สุดในกลุ่มแล้วก็ว่าได้ เพราะความไม่เก่งแต่ต้องทำงานในที่ๆต้องเป็นคนเก่งนั่นแหละที่ทำให้เรารู้สึกอึดอัดและทรมานอยู่ในตอนนี้ เราเริ่มเบื่อหน่ายกับการต้องไปทำงานในที่เดิมๆ เจอคนเดิมๆ แต่มีปัญหาใหม่ๆเข้ามาอยู่เสมอ เราท้อ เราอยากถอย ทุกวันนี้หันหน้าไประบายเรื่องความหนักใจในการทำงานกับใครไม่ได้เลยแม้กระทั่งแม่ กลับมาก็มีแค่อินเทอร์เน็ตเท่านั้นแหละที่ต่อชีวิตให้เราอยู่ได้ทุกวัน (เราไม่ได้อยู่กับแม่เพราะแม่อยู่ตจว. เราเช่าหออยู่คนเดียวใกล้ๆที่ทำงาน)

                สายงานของเรามันต้องสอบอีกเพื่อคว้าเอาความมั่นคงมา เรารู้นะความมั่นคงนี้ถ้าได้มาทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเราจะสบาย โดยเฉพาะแม่ เรารู้นะว่าแม่อยากให้เราได้ทำอาชีพที่มั่นคงไปจนแก่ เพราะแม่ก็คงคิดว่าวันนึงถ้าไม่มีเขาแล้ว เราก็จะยังสามรถเลี้ยงดูตัวเองได้แม้ไม่มีคู่ชีวิต เรารู้ว่าแม่รักเรามากๆๆ มากจริงๆ มากกว่าใครคนไหนในโลก แต่ความรักของแม่ที่เลือกทางเดินชีวิตให้เราแบบนี้มันทำให้เราแทบไม่เคยสัมผัสกับคำว่า "ความสุขในงานที่ทำเลย" นิสัยเรามันดูไม่เหมาะกับงานแบบนี้โดยเฉพาะความเก่ง ความฉลาดด้วย ตอนนี้เราเครียดมาก เราอึดอัด เราแทบไม่อยากคุยเสียงกับแม่เลยเพราะเราจะเจอคำในลักษณะกดดันกับเรื่องการสอบทุกครั้ง เราเหนื่อยกับตัวเองมาก มากจนบางครั้งอยากหนีหายไปจากทุกคน หายไปโดยไม่ขอบอกใครเลยแม้กระทั่งแม่ แต่เราก็ไม่กล้า ใจเราไม่เข้มแข็งพอขนาดนั้น

                จริงๆเรารู้ดีนะว่าทำไมแม่ถึงต้องกดดัน บังคับเรา ดุด่าเรา ตีเรามาโดยตลอด เพราะถ้าแม่ไม่ดุไม่ตีจนเรากลัวมากในตอนเด็ก วันนี้เราอาจจะกลายเป็นคนไม่มีอนาคตหรือนั่งเลี้ยงลูกอยู่บ้าน เรียนจบแค่มอสามแล้วก็ได้ เพราะตอนนี้เพื่อนที่เราเคยเรียนด้วยตอนมอสามก็มีลูกกันไปจนจะครบแล้ว ดูจะมีแค่เรานี่แหละที่พยุงตัวเองมาได้ไกลขนาดนี้ เรารู้ว่าแม่รักเรามาก เราก็รักแม่มากแต่เราทำในสิ่งที่แม่ต้องการไม่ไหวแล้วจริงๆ  เราทุกข์ใจ อึดอัด เครียด เพราะไม่รักจึงไม่อยากจะตั้งใจไม่มุ่งมั่นไม่อยากอ่านหนังสือไม่อยากไปสอบ แต่เราไม่สามรถหันหลังกลับได้เพราะแม่ไม่ยอมแน่นอน ครั้นจะให้เดินหน้าเราก็เดินไปไม่ไหวแม่ก็ต้องใช้คำพูดทำร้ายจิตใจเราเหมือนครั้งก่อนๆที่ผ่านมา เราไม่รู้ว่าตรงไหนคือทางออก เรามึดมิดไปทุกหนทาง เราไม่กล้าพูดความรู้สึกทุกอย่างกับแม่ เราอยากร้องไห้กอดแม่และพูดปัญหาเหล่านี้นะแต่เรารู้ว่าเราทำไม่ได้ ในชีวิตตั้งแต่จำความได้แม่ไม่เคยกอดเราเลยยย  มีบางครั้งที่ความคิดมันเข้ามาวูปหนึ่งว่าเราอยากหนี หนีแบบที่คนมีชีวิตไม่สามารถไปตามเราพบแม้แต่แม่ก็ตาม แต่มาคิดดูถ้าทำอย่างนั้นมันก็จะเป็นบาป เราควรจะทำอย่างไรดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่