ตัวอักษรจากบล็อคที่เธอเล่า... นำพาให้เรามาพบกัน ตอน 4

ตอน 4

          ผมอ่านจนปวดตาและรู้สึกล้าอย่างบอกไม่ถูก
และในใจก็เริ่มคิดอยากเห็น "หูก" ขึ้นมา
ไม่ใช่แบบเห็นจากอินเทอร์เน็ตนะ...
ผมอยากเห็นด้วยตาของตัวเอง
ไอ้งานประเพณีที่เธอว่าให้คนนอกเข้างานได้ไหม?
และผมก็ไม่กล้าอินบ๊อกซ์เข้าไปคุยกับเธออีก
ถ้าใจมันมีปีกมันคงบินไปเองแล้ว...
ทำไมผมรู้สึกใจแป่วพิกลแบบนี้

            ผมหอบหน้าตาและเส้นผมที่ยับยู่ยี่ของตัวเองเข้าบ้าน
และแม่ก็กำลังสาละวนทำอาหารอยู่ในครัว กลิ่นหอมของมันทำให้ผมดึงเก้าอี้ที่โต๊ะอาหารมานั่งรออย่างใจจดจ่อ
น้ำลายสอเลยทีเดียว

"เอ้า ตาไทแม่ว่าจะไปตามอยู่พอดี... นี่วันนี้แม่ทำขนมจีนน้ำดีให้ทานด้วยนะ ขนมจีนเส้นสดนุ่มลิ้นถ้าได้กินรับรองติดใจ"
ผมทำเป็นหรี่สายตามองสิ่งที่แม่ถือมากับคำโฆษณาคำใหญ่สภาพขนมจีนเส้นสดตรงหน้า ทำให้ผมแทบจะคว้ามาใส่ปาก ขนมจีนสีขาวเรียงตัวตัดความยาว...
ด้วยการม้วนเอาไว้ เป็นขดกลมๆเล็กๆ
และมีผักสดๆเรียงเป็นระเบียบอยู่ในถาด
             ถ้าจะให้บรรยายผมก็ไม่รู้ว่ามันเรียกผักอะไรบ้าง รู้จักก็แค่ถั่วฝักยาวหั่นกับถั่วงอกสีขาวๆ เฮอะๆ
ผักอื่นๆผมไม่เดาต่อแน่ แล้วแม่ก็ตักน้ำยาสีส้มๆที่ดูเหมือนจะกลมกล่อมมาก ความเข้มข้นของสีและกลิ่นหอมที่โชยออกมา..ผมอยากบอกแม่ว่ารีบๆตักได้ไหม?
ตอนนี้กระเพาะและลำไส้บีบตัวกันใหญ่เลยครับ

"เป็นยังไงบ้าง แม่ทำสุดฝีมือเลยนะ...ไม่ได้ทำมาตั้งนานที่ทำก็เพราะได้นึกถึงวันวานระหว่างแม่กับพ่อ นี่เป็นเพราะไทเลยนะลูกที่ทำให้แม่ลุกขึ้นมาทำอีกครั้ง"
นอกจากความกลมกล่อมของน้ำยาคลุกเคล้ากับเส้นขนมจีนนุ่มนิ่ม
ในปากแล้วผมยังได้ลิ้มรสความทรงจำแผ่วๆแว่วเข้ามาในหูอีก

น้ำเสียงของแม่บ่งบอกว่ากับกำลังเอาตัวเองแช่ลงไปในความคิดถึง...ที่ครั้งหนึ่งมันคงจะงดงามมาก

"ไหนๆก็เกริ่นแล้ว เล่าต่อให้จบเลยสิครับแม่ผมอยากฟัง"
ผมทำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อยเพื่อกระตุ้นให้แม่ได้เล่าต่อ...อย่างน้อยๆผมก็ได้มามอบความสุขให้กับแม่ญาติผู้ใหญ่คนเดียวของผม ยัยดอกไม้ในสายหมอกฉันทำตามที่เธอบอกแล้วนะ!

"สมัยก่อนเนี่ยเวลามีงานประเพณีต่างๆโดยเฉพาะช่วงสงกรานต์หมู่บ้านของแม่เขาก็จะมาทำกิจกรรมร่วมกัน
ก็คือทำขนมทำอาหาร ทั้งผู้เฒ่าผู้แก่หรือแม้แต่คนหนุ่มสาว โดยเฉพาะขนมจีนเนี่ยนะ
จะมีวิธีการตำแป้งเอง นวดผสมเอง บีบเอง ทำน้ำยากินกันเอง สนุกสนานครื้นเครงกันไปตามเรื่องตามราว พ่อกับแม่ได้มีโอกาสคุยกันก็เพราะงานนี้ พ่อเขาทำมาเป็นสนใจการตำแป้งด้วยครกมองซึ่งต้องใช้คนหลายคนเหยียบให้มันกระดกขึ้นลง...เริ่มงงแล้วใช่ไหมตาไท?" แม่หัวเราะให้กับการขมวดคิ้วเป็นปมของผม ผมเข้าใจยัยดอกไม้ในสายหมอกแล้วว่า..
.ตอนที่ยัยนั่นงงเรื่องหูกเป็นยังไง กลวิธีการทำขนมจีนของแม่ทำเอาผมรู้สึกอยากเรียบเรียงทุกอย่างใหม่ ครกมองคืออะไร? ผมยังไม่เคยรู้เลย

"แม่ช่วยเล่าให้เห็นภาพเป็นสเตปได้ไหมครับ ฟังแล้วสมองไม่รับเลยครับแม่"

"เล่าไปก็ไม่เห็นภาพหรอกตาไทของอย่างนี้ต้องไปให้เห็นกับตา...ว่าแต่เราอ่ะอยากเห็นจริงๆไหม? แต่จะว่าไปก็ไม่รู้ว่าเหลือให้เห็นอยู่หรือเปล่า เพราะขนมจีนที่แม่ทำวันนี้แม่ทำจากแป้งทั่วไปไม่ใช่แป้งที่ตำเหมือนสมัยโบราณ" แววตาของแม่มีร่องรอยของความรู้สึกแย่แช่เอาไว้

          ผมคิดแบบนั้นนะ...แม่อาจจะกำลังเสียดายอย่างที่ยัยดอกไม้ในสายหมอกกล่าวเอาไว้ก็ได้ ยัยนั่นเสียดายที่เกิดไม่ทัน
ส่วนแม่ผมเสียดายที่ไม่ได้อนุรักษ์เอาไว้
ส่วนผมก็ไม่อยากให้มันเป็นเพียงเรื่องน่าเสียดาย ก็เลยอยากกอบกู้มันเอาไว้มากแค่ไหนก็ลองดูก่อน

"อยากไปเห็นสิครับ...ไปให้เห็นกับตา ถึงเวลากอบกู้ความทรงจำของแม่สักที" คำพูดของผมทำเอาแม่ตกใจเล็กน้อย

"แม่ครับ ไทตัดสินใจแล้วว่า...ไทจะพาแม่กลับบ้านครับ"

"แต่ไทเคยบอกแม่ว่าไม่อยากไปเหยียบที่นั่นอีก...แล้ววันนี้"

"นั่นมันเป็นอดีตไปแล้วครับ ไทอยากไปดูให้เห็นกับตาว่าความทรงจำของแม่มีอะไร และอยากรู้ความเป็นมาความเป็นไปของตัวเองด้วย...
ถึงแม้ปัจจุบันมันจะไม่เป็นเหมือนเดิมแล้วแต่อย่างน้อยพื้นดินที่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ไปวันไหนดีครับแม่?" การตัดสินใจเร่งด่วนนี้ผมไม่มีเหตุผลอะไรเลยนอกจาก..."อยาก" คำเดียวเท่านั้น

ในวินาทีสั้นๆเลยก็ว่าได้ ไม่รู้สิ...ผมอยากเห็นความทรงจำที่แม่เก็บเอาไว้ว่ามันจะเป็นยังไงบ้าง

            ยัยดอกไม้ในสายหมอกขอบคุณนะ...ขอบคุณที่เขียนบทความจนผู้ชายสมัยใหม่อย่างผม ดันจมเข้าไปในตัวอักษรแล้วย้อนกลับมามองตัวเอง และอยากจะบรรเลงเรื่องราวของตัวเองขึ้นมา

"ตาไทนี่แม่งงไปหมดแล้ว? ไม่ได้ล้อแม่เล่นใช่ไหม?"

"ถ้าแม่ไม่อยากให้มันเป็นเรื่องล้อเล่นมันก็เป็นเรื่องจริงครับ" ผมว่าอย่างจริงจังและแม่ก็ดีใจอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน สิ่งที่ผมตามหามาทั้งชีวิตก็คือความสุขของแม่
..ผมคงเป็นลูกที่แย่ที่เพิ่งจะทำมันสำเร็จวันนี้สำเร็จแบบที่ไม่คาดฝัน...

             ผมเข้าไปในบล็อคนั้นขณะที่แม่เตรียมเก็บเสื้อผ้า
กับการตัดสินใจว่าจะออกเดินทางกันวันนี้
โดยที่ไม่ได้ติดต่อใคร แม่จะไปแบบเงียบๆไปดูวิถีชีวิตเรียบง่าย และผมคงไม่ว่างนั่งอ่านบล็อคนี้อีกหลายวัน
เพราะประเพณีสงกรานต์ใกล้เข้ามา การเดินทางอาจจะลำบากหน่อยก็เลยรีบพากันไปตั้งแต่วันนี้... ผมกะว่าจะเข้าไปอ่านบทความเก่าๆอีกสักตอนก่อนที่จะเข้ามาดูใหม่หลังจากกลับบ้านเกิดแม่แต่แล้วผมก็เห็นบทความล่าสุดโผล่ขึ้นมา
'สูดหายใจเข้าลึกๆ..." แปลก..?
หัวข้อบทความวันนี้ดูสั้นเป็นพิเศษอยากรู้ว่า...
จะเด็ดสักแค่ไหน...คลิกทันใดเลยครับผม

            'สูดหายใจกันหรือยัง?
ตอนนี้ฉันนั่งมองสิ่งที่ตัวเองต่อสู้อยู่
งานประเพณีใกล้จะมาถึงแล้วและเหมือนงาน
จะไม่แหง่วเท่าไหร่ เพราะลูกหลานกลับจาก กทม.กันมากหลาย ต้องขอบคุณประชาสัมพันธุ์รุ่นใหญ่ของหมู่บ้าน
ที่ให้สูดลมหายใจ...เพราะสิ่งที่ฉันจะมาบรรยายคือสรุปงานคร่าวๆ ก็อย่างที่เคยเล่าๆในบทความอื่นๆ
งานประเพณีของเราจัดขึ้น 7 วัน 7 คืน
ตั้งแต่วันที่ 12-18 เมษายน โดยกำหนดรายละเอียดงานคร่าวๆดังนี้ เสียดายที่เราไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปชมเพราะว่าเราอยากจัดกันแบบบ้านๆ กลั่นความทรงจำที่แต่ละคนจะนำมาเล่า
และนำเอามาประกอบหลากหลายก็อย่างที่เล่าๆไปนั่นแหละ ลองอ่านย้อนๆดูนะ...

          12 เม.ย จะช่วยกันเตรียมน้ำไว้เล่นสงกรานต์ ด้วยการไปหาบจากลำห้วยหรือภาษาไทยเรียกลำธาร เพราะหมู่บ้านฉันภาษาถิ่นล้วนๆ  และเตรียมตำแป้งทำขนมด้วยครกมองอย่างที่เคยเล่าๆไป ครกมองที่หาแทบไม่ได้ก็อย่างที่เคยบอกเกี่ยวกับครกมองไปนั่นล่ะ'

ผมใจเต้นแรงให้กับคำว่า "ครกมอง" ไหนจะตำขนมอีก...
เหมือนบ้านแม่ไม่มีผิด เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นหมู่บ้านเดียวกัน ?
ถ้าเป็นแบบนั้นก็นึกไม่ออกเลยว่า...ผมจะทำหน้ายังไงเมื่อเจอเธอ อย่าฟุ้งซ่านไปเลยน่า..ใช่ก็บ้าแล้ว!

             '13 -15 ก็จะมีการเล่นน้ำสงกรานต์ตอนกลางวันกันทั่วไป โดยที่จะมีการนำกาลเล่นพื้นบ้านไทย มาสนุกสนานกันด้วย
พอตกกลางคืนก็จะรื้อฟื้นเรื่องราวเก่าๆ ด้วยการมีผู้เฒ่ามานั่งเล่าให้ฟังโดยให้เด็กๆ
และคนอายุอ่อนกว่าปูเสื่อนั่งฟังกับพื้น
ฉันให้ชื่อมันว่า..."นั่งฟังข้างเสื่อกับความทรงจำเหลือๆเก่าๆ" ฉันอยากให้มันเป็นเรื่องเล่าที่ทุ้มอยู่ในใจ
ในใจใครก็ได้ที่ฟังในคืนนั้น...ทุ้มเป็นเพื่อนกันกับฉันที่ทุ้มตั้งแต่แรกแล้ว
      และนอกจากนั้นก็ยังจะเปิดโอกาสให้หนุ่มสาวหรือผู้ใหญ่ที่อยากย้อนเวลาสนุกสนานกับกาลเล่นพื้นบ้านยามราตรี
ซึ่งแม่เล่าว่าเป็นช่วงเวลาที่หนุ่มสาว ได้มีโอกาสหยอกเย้ากันโดยที่ไม่ได้รับคำครหาว่าไม่เป็นกุลสตรีแต่อย่างใด มีอะไรบ้างเดี๋ยวมาเล่าให้ฟังใหม่นะ...

              16 เป็นคืนสงกรานต์วันสุดท้าย ซึ่งจะมีประเพณีคือการทำธุงแขวน 4 ทิศ รอบศาลาวัด ตอนเช้าเราจะช่วยกันทำแล้วตอนเย็นเราก็จะไปแขวน เสร็จแล้วก็จะมาทำพิธีแม่นางกวักเสี่ยงทายต่อ...คืนที่ทุกคนเฝ้ารอก็ได้มาถึงแล้ว
ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น รายละเอียดของมันจะมาเล่าวันหลัง
17-18 จะเป็นการทำบุญหมู่บ้านครั้งใหญ่ซึ่งทำทุก 3 ปี
และนี่ก็เวียนมาบรรจบพอดีซะงั้นเป็นโอกาสดีเลย
เพราะทุกคนกำลังอยู่พร้อมหน้า เป็นงานที่เหนื่อยมากจริงๆนะ...
           แต่ชอบมากๆและอยากเล่า เอาเป็นว่าเจอกันใหม่...
กว่าจะมาเขียนอีกได้คงต้องรอนานนิดหน่อยนะ บ๊ายบาย"

           คำว่าบ๊ายบายแทบทำผมใจสลายลงตรงนั้น นอกจากผมจะไม่ได้มีเวลาอ่านข้อความเก่าๆ แล้วผมยังต้องรอการเล่าต่ออีกยาวนาน ทำไมผมรู้สึกว่า...ตัวเองกำลังคิดถึงอะไรสักอย่างเป็นบ้าขนาดนี้?
            ผมก็ต้องคิดถึงตัวอักษรสิผมจะไปคิดถึงใครได้...
ผมหย่อนแลปท๊อปลงข้างกายอย่างอ่อนๆ ไม่มีเหตุผลเลยกับความรู้สึกบ้าๆนี่

"เอ้าตาไท เรียบร้อยหรือยังลูก...ตอนนี้ลุงทบเขาเตรียมรถเรียบร้ ยแล้วนะไปกันเลยไหม?" ผมยิ้มให้แม่อย่างยินดีแม้ว่าภายในใจจะมีเรื่องบางอย่างมันดูคั่งค้าง  แต่ผมก็จะปล่อยวางมันไว้ ผมตัดสินใจไม่เอาแลปท๊อปไปด้วยและเทคโนโลยีทุกอย่าง ตัดขาดอย่างสิ้นเชิงมีก็แต่เพียงแม่ที่เตรียมเอาไว้โทรติดต่อคนอื่นหากมีปัญหา...

           ผมก้าวขาขึ้นไปนั่งบนรถตู้ของบ้าน พร้อมกับเอนกายลงอย่างล้าๆและเหมือนว่าแม่จะจับสังเกตไม่ได้
ยัยดอกไม้ในสายหมอก...ผมอยากบอกอะไรบางอย่าง
แต่มันช่างยากเย็น ผมเป็นอะไร? ประตูฝั่งคนขับถูกงับลงและล้อรถก็ค่อยๆหมุนไป เหมือนกับว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้...เป็นการเคลื่อนไหวที่จะนำอะไรบางอย่างเดินทางไปพบกัน หรือว่าผมกำลังรู้สึกไปเองก็ไม่รู้...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่