หากเราพลาดหนังเรื่องนี้ เราคงเสียใจมากๆ แม้ว่าเราจะต้องเดินทางไกลมาถึง House RCA แต่เรารู้สึกคุ้มค่าเหลือเกินที่มีโอกาสได้สัมผัสหนังเรื่องนี้
ถ้าคุณชื่นชอบแนวทางของหนังยุโรปที่เล่าเรื่องช้าๆนิ่งๆ หนังที่ไม่ได้เน้นจุดพีค เล่าเรื่องชีวิตของคนธรรมดา แต่กลับเต็มไปด้วยความสมจริง ละเมียดละไม และสวยงาม เราต้องเชิญชวนให้คุณหาโอกาสมาดู Things to Come ให้ได้ เราไม่อยากให้คุณพลาดหนังเรื่องนี้จริงๆ
นี่คือแนวทางของหนังที่เราชอบมาก เราชอบเรื่องราวชีวิตจริงของคนธรรมดาๆ เราชอบดูชีวิตคน เราสนใจชีวิตของคนที่ต้องเจอเหตุการณ์ต่างๆ เราชอบซึมซับความรู้สึกของตัวละครที่พบเจอเหตุการณ์ต่างๆในชีวิต
ผลงานการกำกับของ Mia Hansen-Løve ผู้กำกับหญิงวัย 35 ปี ชาวฝรั่งเศส เราไปหาดูรูปเธอในอินเตอร์เนต เธอเป็นสาวที่เท่ห์มากๆในความรู้สึกเรา นอกจากนี้ เรายังไปอ่านเจอว่าเธอเป็นนักแสดงอีกด้วย ไม่แปลกเลยที่ผลงานการกำกับของเธอ จะมีพาร์ทการแสดงที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ และอาจจะด้วยความที่เธอเป็นผู้หญิง
เธอจึงถ่ายทอดความรู้สึกของ Nathalie ตัวละครเอกหญิงออกมาได้อย่างเยี่ยมยอดมากๆ
เราชอบเพลง Ship in the Sky เพลงแนวคันทรี่โฟล์คของ Woody Guthrie ที่ Fabien เปิดบนรถตอนขับไปรับ Nathalie จากสถานีรถไฟ เพื่อมาที่บ้านของเค้า เพลงให้ความรู้สึกสบาย ปลดปล่อย และอิสระมากๆ
Isabelle Huppert โชว์พลังการแสดงได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะแทบไม่มีซีนที่ต้องแสดงอารมณ์อย่างหนักหน่วงเลยก็ตาม ซึ่งอาจเป็นเพราะหนังไม่ได้ต้องการเน้นฉากเหล่านี้ซักเท่าไหร่ แต่ซีนธรรมดาๆตลอดทั้งเรื่อง เธอเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ ซีนที่เธอเล่าเรื่องแม่ของเธอให้บาทหลวงฟังตอนที่แม่เธอเสีย เธอเล่นได้ยอดเยี่ยมที่สุด เธอค่อยๆพูดถึงแม่ของเธอ จนน้ำตาเริ่มคลอที่เบ้า และค่อยๆไหลออกมา มันเป็นความรู้สึกจริงๆ ณ ตอนนั้น เราเชื่อและรู้สึกไปกับเธออย่างสุดซึ้ง ซีนที่เธอกำลังเศร้ามากๆนั่งอยู่บนรถบัส และมองผ่านหน้าต่างรถออกไปเห็นอดีตสามีของเธอเดินอยู่กับแฟนใหม่ เธอถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอยิ้มทั้งน้ำตา เราได้แต่นิ่งเงียบและเห็นใจเธออย่างสุดซึ้งจริงๆ
หนังเล่าเรื่องชีวิตของ Nathalie หญิงที่มีอาชีพเป็นครูสอนวิชาปรัชญา สามีบอกเลิกกับเธอ เพื่อขอไปอยู่กับแฟนใหม่ เธอมีลูก 2 คน ซึ่งทั้ง 2 คนก็โตแล้วและแยกออกไปอยู่เองแล้ว งานด้านการเขียนหนังสือของเธอก็เริ่มจะมีปัญหา แถมเธอยังมีแม่ที่สภาพจิตไม่ปกติ แม่ของเธออาศัยอยู่คนเดียว เธอต้องไปเยี่ยมแม่เธอเป็นประจำ ด้วยสภาพจิตที่ไม่ปกติ ทำให้เธอไม่อยากให้แม่ของเธออยู่บ้านเองคนเดียว จึงย้ายแม่ไปอาศัยที่บ้านพักคนชรา แต่ไปอยู่ได้เพียงไม่นาน แม่ของเธอก็เสียชีวิตลง
ฟังดูเป็นเรื่องที่ดูหนักหนามากกับสิ่งที่ Nathalie ต้องพบเจอ แต่หนังกลับไม่ได้เล่าให้มันหดหู่ หนังไม่ได้มีซีนฟูมฟายอะไรทั้งนั้น ฉากที่สามีของเธอ บอกกับเธอว่าเค้ามีผู้หญิงอื่น และจะย้ายออกไปอยู่กับเธอ มันดูธรรมดามากๆ ไม่มีการโวยวาย ไม่มีการโมโห ไม่มีการร้องไห้ฟูมฟาย แต่ในความนิ่งของตัวละครกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าว เราเข้าใจเลยว่า ความรู้สึกมันรับรู้กันได้จริงๆ มันไม่ต้องพูดว่าเรารู้สึกอย่างไร มันสัมผัสได้ แม้เราจะเป็นแค่คนนอกที่นั่งดูอยู่ก็ตาม
ช่วงเวลาที่เธอต้องอยู่คนเดียว หลังสามีย้ายออกไปและแม่เธอเสียชีวิตแล้ว เธอเดินทางไปหา Fabien ลูกศิษย์คนโปรดของเธอที่ไปอาศัยอยู่บนเขา ระหว่างทางจากสถานีรถไฟไปที่บ้านพัก เธอพูดออกมาว่า "ชีวิตเธอตอนนี้อยู่คนเดียว สามีก็ไปมีหญิงอื่น แม่ก็ตายแล้ว ลูกๆก็ย้ายออกไปอยู่เองกันหมดแล้ว แต่มันกลายเป็นชีวิตที่อิสระมากๆ เธออยากจะทำอะไรก็ได้ในตอนนี้" ระหว่างที่เราฟังเธอพูด เราไม่รู้สึกเลยว่าเธอคิดแบบนั้นจริงๆ เราคิดว่าเธอกำลังจะพูดเพื่อปลอบใจตัวเธอเองซะมากกว่า
เธอพูดถึงเป้าหมายในชีวิตขณะที่สอนอยู่ในห้องเรียน แล้วตอนนี้อะไรคือเป้าหมายในชีวิตของเธอ คนเราสามารถใช้ชีวิตโดยไม่มีเป้าหมายได้ไหม แล้วเราจะต้องทำอะไรล่ะ ในเมื่อเราไม่รู้ว่าเรากำลังจะไปไหน เราไม่รู้ว่าเราจะทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร หนังไม่ได้บอกอะไรแก่เรา เราเห็นแค่สิ่งที่ Nathalie ทำ เธอทำสิ่งที่เธอต้องทำ มันไม่ได้มีเป้าหมายอะไรทั้งนั้น เธอทำสิ่งที่ตอนนี้จะต้องทำ เธอไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต เธอเหลือแค่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเธอ นั่นคือ "ปัจจุบัน" นั่นเอง
มีประโยคตอนต้นเรื่องในหนังสือที่ Nathalie อ่าน "เราจะเข้าใจคนอื่นแบบที่คนอื่นเป็นจริงๆ มันได้หรือ" เมื่อดูหนังจบ เราตอบคำถามนี้ได้ว่า เราไม่สามารถเข้าใจคนอื่นได้จริงๆหรอก ถ้าเราไม่ใช่คนที่ต้องเจอเหตุการณ์นั้นกับตัวเอง
เมื่อพูดถึง "ความจริง" เราสามารถถกเถียงกันได้ไหม เราหาคำตอบกันไปก็เท่านั้น เราจะรู้ไปเพื่ออะไรว่าสิ่งนั้น จริง หรือ ไม่จริง แต่สิ่งที่จริงคือสิ่งที่เราต้องเผชิญ และความรู้สึกของเรานั่นแหละคือสิ่งที่จริง ความจริงที่น่าสนใจที่สุด คือ ความจริงที่มันเกิดขึ้นกับชีวิตเรานี่แหละ
เราไม่แน่ใจซะทีเดียวว่าท้ายเรื่อง Nathalie มีความสุขหรือไม่ เพียงแต่ฉากสุดท้ายของเรื่อง เรารู้สึกมีความสุขกับมัน เรารู้สึกอบอุ่น Nathalie อุ้มหลานของเธอเพื่อกล่อมให้เค้าหยุดร้อง เรารู้สึกถึงขณะนั้น ตอนนั้น เธออุ้มหลานของเธออยู่จริงๆ มันคืออ้อมกอดจริงๆ ความอบอุ่นที่ส่งต่อให้หลานมันคือเรื่องจริง ภาพที่เราเห็นคือเธอยืนอุ้มหลานอยู่ตรงนั้น สำหรับเธอ ความสุขในชีวิตอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เธอไขว่คว้าหาอีกแล้ว การอยู่กับปัจจุบันขณะต่างหาก คือความจริงที่ทำให้เธอมีความสุข
https://www.facebook.com/MyOwnPrivateFilm/
Things to Come (L'Avenir) - การอยู่กับปัจจุบันขณะ คือความจริงที่ทำให้มีความสุข (Spoil)
ถ้าคุณชื่นชอบแนวทางของหนังยุโรปที่เล่าเรื่องช้าๆนิ่งๆ หนังที่ไม่ได้เน้นจุดพีค เล่าเรื่องชีวิตของคนธรรมดา แต่กลับเต็มไปด้วยความสมจริง ละเมียดละไม และสวยงาม เราต้องเชิญชวนให้คุณหาโอกาสมาดู Things to Come ให้ได้ เราไม่อยากให้คุณพลาดหนังเรื่องนี้จริงๆ
นี่คือแนวทางของหนังที่เราชอบมาก เราชอบเรื่องราวชีวิตจริงของคนธรรมดาๆ เราชอบดูชีวิตคน เราสนใจชีวิตของคนที่ต้องเจอเหตุการณ์ต่างๆ เราชอบซึมซับความรู้สึกของตัวละครที่พบเจอเหตุการณ์ต่างๆในชีวิต
ผลงานการกำกับของ Mia Hansen-Løve ผู้กำกับหญิงวัย 35 ปี ชาวฝรั่งเศส เราไปหาดูรูปเธอในอินเตอร์เนต เธอเป็นสาวที่เท่ห์มากๆในความรู้สึกเรา นอกจากนี้ เรายังไปอ่านเจอว่าเธอเป็นนักแสดงอีกด้วย ไม่แปลกเลยที่ผลงานการกำกับของเธอ จะมีพาร์ทการแสดงที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ และอาจจะด้วยความที่เธอเป็นผู้หญิง
เธอจึงถ่ายทอดความรู้สึกของ Nathalie ตัวละครเอกหญิงออกมาได้อย่างเยี่ยมยอดมากๆ
เราชอบเพลง Ship in the Sky เพลงแนวคันทรี่โฟล์คของ Woody Guthrie ที่ Fabien เปิดบนรถตอนขับไปรับ Nathalie จากสถานีรถไฟ เพื่อมาที่บ้านของเค้า เพลงให้ความรู้สึกสบาย ปลดปล่อย และอิสระมากๆ
Isabelle Huppert โชว์พลังการแสดงได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะแทบไม่มีซีนที่ต้องแสดงอารมณ์อย่างหนักหน่วงเลยก็ตาม ซึ่งอาจเป็นเพราะหนังไม่ได้ต้องการเน้นฉากเหล่านี้ซักเท่าไหร่ แต่ซีนธรรมดาๆตลอดทั้งเรื่อง เธอเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ ซีนที่เธอเล่าเรื่องแม่ของเธอให้บาทหลวงฟังตอนที่แม่เธอเสีย เธอเล่นได้ยอดเยี่ยมที่สุด เธอค่อยๆพูดถึงแม่ของเธอ จนน้ำตาเริ่มคลอที่เบ้า และค่อยๆไหลออกมา มันเป็นความรู้สึกจริงๆ ณ ตอนนั้น เราเชื่อและรู้สึกไปกับเธออย่างสุดซึ้ง ซีนที่เธอกำลังเศร้ามากๆนั่งอยู่บนรถบัส และมองผ่านหน้าต่างรถออกไปเห็นอดีตสามีของเธอเดินอยู่กับแฟนใหม่ เธอถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอยิ้มทั้งน้ำตา เราได้แต่นิ่งเงียบและเห็นใจเธออย่างสุดซึ้งจริงๆ
หนังเล่าเรื่องชีวิตของ Nathalie หญิงที่มีอาชีพเป็นครูสอนวิชาปรัชญา สามีบอกเลิกกับเธอ เพื่อขอไปอยู่กับแฟนใหม่ เธอมีลูก 2 คน ซึ่งทั้ง 2 คนก็โตแล้วและแยกออกไปอยู่เองแล้ว งานด้านการเขียนหนังสือของเธอก็เริ่มจะมีปัญหา แถมเธอยังมีแม่ที่สภาพจิตไม่ปกติ แม่ของเธออาศัยอยู่คนเดียว เธอต้องไปเยี่ยมแม่เธอเป็นประจำ ด้วยสภาพจิตที่ไม่ปกติ ทำให้เธอไม่อยากให้แม่ของเธออยู่บ้านเองคนเดียว จึงย้ายแม่ไปอาศัยที่บ้านพักคนชรา แต่ไปอยู่ได้เพียงไม่นาน แม่ของเธอก็เสียชีวิตลง
ฟังดูเป็นเรื่องที่ดูหนักหนามากกับสิ่งที่ Nathalie ต้องพบเจอ แต่หนังกลับไม่ได้เล่าให้มันหดหู่ หนังไม่ได้มีซีนฟูมฟายอะไรทั้งนั้น ฉากที่สามีของเธอ บอกกับเธอว่าเค้ามีผู้หญิงอื่น และจะย้ายออกไปอยู่กับเธอ มันดูธรรมดามากๆ ไม่มีการโวยวาย ไม่มีการโมโห ไม่มีการร้องไห้ฟูมฟาย แต่ในความนิ่งของตัวละครกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าว เราเข้าใจเลยว่า ความรู้สึกมันรับรู้กันได้จริงๆ มันไม่ต้องพูดว่าเรารู้สึกอย่างไร มันสัมผัสได้ แม้เราจะเป็นแค่คนนอกที่นั่งดูอยู่ก็ตาม
ช่วงเวลาที่เธอต้องอยู่คนเดียว หลังสามีย้ายออกไปและแม่เธอเสียชีวิตแล้ว เธอเดินทางไปหา Fabien ลูกศิษย์คนโปรดของเธอที่ไปอาศัยอยู่บนเขา ระหว่างทางจากสถานีรถไฟไปที่บ้านพัก เธอพูดออกมาว่า "ชีวิตเธอตอนนี้อยู่คนเดียว สามีก็ไปมีหญิงอื่น แม่ก็ตายแล้ว ลูกๆก็ย้ายออกไปอยู่เองกันหมดแล้ว แต่มันกลายเป็นชีวิตที่อิสระมากๆ เธออยากจะทำอะไรก็ได้ในตอนนี้" ระหว่างที่เราฟังเธอพูด เราไม่รู้สึกเลยว่าเธอคิดแบบนั้นจริงๆ เราคิดว่าเธอกำลังจะพูดเพื่อปลอบใจตัวเธอเองซะมากกว่า
เธอพูดถึงเป้าหมายในชีวิตขณะที่สอนอยู่ในห้องเรียน แล้วตอนนี้อะไรคือเป้าหมายในชีวิตของเธอ คนเราสามารถใช้ชีวิตโดยไม่มีเป้าหมายได้ไหม แล้วเราจะต้องทำอะไรล่ะ ในเมื่อเราไม่รู้ว่าเรากำลังจะไปไหน เราไม่รู้ว่าเราจะทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร หนังไม่ได้บอกอะไรแก่เรา เราเห็นแค่สิ่งที่ Nathalie ทำ เธอทำสิ่งที่เธอต้องทำ มันไม่ได้มีเป้าหมายอะไรทั้งนั้น เธอทำสิ่งที่ตอนนี้จะต้องทำ เธอไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต เธอเหลือแค่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเธอ นั่นคือ "ปัจจุบัน" นั่นเอง
มีประโยคตอนต้นเรื่องในหนังสือที่ Nathalie อ่าน "เราจะเข้าใจคนอื่นแบบที่คนอื่นเป็นจริงๆ มันได้หรือ" เมื่อดูหนังจบ เราตอบคำถามนี้ได้ว่า เราไม่สามารถเข้าใจคนอื่นได้จริงๆหรอก ถ้าเราไม่ใช่คนที่ต้องเจอเหตุการณ์นั้นกับตัวเอง
เมื่อพูดถึง "ความจริง" เราสามารถถกเถียงกันได้ไหม เราหาคำตอบกันไปก็เท่านั้น เราจะรู้ไปเพื่ออะไรว่าสิ่งนั้น จริง หรือ ไม่จริง แต่สิ่งที่จริงคือสิ่งที่เราต้องเผชิญ และความรู้สึกของเรานั่นแหละคือสิ่งที่จริง ความจริงที่น่าสนใจที่สุด คือ ความจริงที่มันเกิดขึ้นกับชีวิตเรานี่แหละ
เราไม่แน่ใจซะทีเดียวว่าท้ายเรื่อง Nathalie มีความสุขหรือไม่ เพียงแต่ฉากสุดท้ายของเรื่อง เรารู้สึกมีความสุขกับมัน เรารู้สึกอบอุ่น Nathalie อุ้มหลานของเธอเพื่อกล่อมให้เค้าหยุดร้อง เรารู้สึกถึงขณะนั้น ตอนนั้น เธออุ้มหลานของเธออยู่จริงๆ มันคืออ้อมกอดจริงๆ ความอบอุ่นที่ส่งต่อให้หลานมันคือเรื่องจริง ภาพที่เราเห็นคือเธอยืนอุ้มหลานอยู่ตรงนั้น สำหรับเธอ ความสุขในชีวิตอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เธอไขว่คว้าหาอีกแล้ว การอยู่กับปัจจุบันขณะต่างหาก คือความจริงที่ทำให้เธอมีความสุข
https://www.facebook.com/MyOwnPrivateFilm/