.
เล่าเรื่องตา : จอมขมังเวทย์สายดำ
=========
ในอดีตมีเรื่องราวมากมายที่น่าค้นหา และคุณค่าแก่การจดจำ บางเรื่องอาจจะไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่ระดับชาติหรือระดับโลก ไม่ใช่เรื่องที่ผู้คนส่วนใหญ่สนใจ และเรื่องที่ฉันจะเล่าก็เป็นเพียงเรื่องเล็กๆเศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่ฉันได้ฟังมาจาก แม่ พ่อ ลุง ป้า น้า อา เมื่อนึกย้อนไปก็อดทึ่งกับวีรกรรมต่างๆที่เหล่าคุณปู่กับคุณตาได้สร้างไว้
ปู่กับตาคือสองทหารเสือ และจอมขมังเวทย์สายขาวและสายดำ ดุ โหดและน่าเกรงขาม ย้อนไปเมื่อหลายปีที่แล้ว น่าจะหลายปีเลยทีเดียว ฉันเองก็จำไม่ได้คงประมาณยุคสองสี่เก้าเก้าอันธพาลครองเมืองหรืออาจจะเก่าแก่กว่านี้ ยุคสมัยที่โจรป่าชุกชุม โจรขโมยวัวควายอาละวาด หรือที่เรามักจะเรียกว่ากลุ่มนายข้อยทมิฬ
บนดินแดนที่ราบสูงทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หมู่บ้านหลายหมู่บ้านตั้งอยู่ท่ามกลางป่าลึก วิถีชีวิตยังอยู่กับธรรมชาติเก็บของป่ากินและค้าขาย ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีน้ำประปา หากต้องการใช้น้ำต้องเดินไปไกลหลายกิโลเมตรเพื่อไปตักน้ำที่บ่อหรือลำธารของหมู่บ้าน
ผีสางนางไม้ สัตว์ป่าดุร้าย โดยเฉพาะเสือสมิงยังเป็นสิ่งที่ผู้คนหวาดกลัว ชาวบ้านซึ่งใช้ชีวิตในป่าลึกลับไม่อาจคาดเดาได้ว่าแต่ละค่ำคืนจะเจออะไรบ้าง จำเป็นต้องมีวิชาคาอาคมไว้ติดตัวเพื่อดูแลปกป้องครอบครัวของตนเอง เช่นเดียวกับตาของฉัน ท่านเป็นจอมขมังเวทย์ค่อนไปทางสายดำเลยก็ว่าได้ แม่เล่าให้ฟังว่าตาโหดมาก ฆ่าคือฆ่า ช่วยคือช่วย ไม่มีปรานีกับศัตรู เล่นของมาตาเล่นของกลับ
แต่ก่อนที่ตาจะกลายมาเป็นจอมขมังเวทย์ ตาของฉันเคยเป็นทหารขับเครื่องบินรบในสงครามโลกครั้งที่สอง แม่เล่าว่าตาไปทำสงครามที่ ‘อะไรแล้วนะ น้อยๆบางอะไรไม่รู้น้อยๆ แม่เองก็จำไม่ได้ แม่ก็ฟังตาเล่าอีกทีหนึ่ง’ ฉันเลยบอกแม่ไปว่า ‘บางกองน้อยหรือเปล่า’ คงจะใช่นะ ฉันเองก็ไม่สันทัดเรื่องประวัติศาสตร์สักเท่าไร ตาต่อสู้กับทหารต่างชาติที่เข้ามารุกรานไทย จนได้รับชัยชนะก็เป็นฝ่ายสัมพันธมิตรละนะที่ชนะ ก็พลอยทำให้ไทยชนะไปด้วย ต้องขอบคุณฝ่ายลับๆที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยไทย จนทำให้ไทยไม่ตกเป็นเมืองขึ้นของใคร
ตาได้กลับมาบ้านอย่างปลอดภัย และเริ่มศึกษาเรียนวิชาอาคมต่อ วิชาอาคมของตาส่วนใหญ่จะมีไว้ช่วยเหลือคนในหมู่บ้าน เช่น ไล่ผีที่เข้ามาสิงร่างคน ทำยันต์ไว้ขับไล่ผีสางไม่ให้เข้ามาในหมู่บ้าน ทำข้าวสารเสก หรือแม้แต่เอาไว้สู้กับเสือสมิง
มาที่วิธีไล่ผีของตา แม่เล่าว่าตาจะมีแส้หวายลงคาถา เวลาบ้านไหนมีคนผีเข้า ตาจะเป็นทำพิธีขับไล่ สวดมนต์หลายคาถาก่อนจะเริ่มลงแส้ที่ตัวคน แม่ว่าตาตีแรงมาก ตาหวดคนที่โดนผีเข้าจนหลังลายมานัดต่อนัด แม่กลัวมากและไม่อยากให้ตาทำแบบนี้อีก ยายก็เช่นกัน ยายเคยบอกตาว่าอย่าทำแบบนี้เลย แม้จะเป็นการช่วยเหลือคน แต่ตาก็ทำให้พวกเขาเจ็บไปไม่ใช่น้อย มันดูทารุณและโหดร้าย
คำบอกกล่าวของยายและแม่ทำให้ตาโกรธท่านทั้งสองมาก ทั้งที่ตาช่วยเหลือคนแต่กลับมาต่อว่าตา ในค่ำคืนนั้นตาไม่กลับบ้าน ตาออกไปนั่งดื่นเหล้ากับเพื่อนๆ ทว่าในคราบของคำว่าเพื่อนก็แฝงมาด้วยความอิจฉาริษยา เพื่อนกลุ่มนั่นเห็นตามีวิชาอาคมและมีคนรักใคร่ยกย่อง ก็อยากเป็นอย่างตา และอยากได้ของขลังทุกอย่างที่ตามี พวกเขามอมเหล้าตา พอตากำลังสะลึมสะลือ พวกเขาก็เข้ามารุมใช้ท่อนไม้ฟาดตีตา พวกนี้รู้ว่าของมีคมไม่สามารถฟันแทงตาได้ จึงใช้ท่อนไม้แทน พวกเขาฟาดทุบตีตาจนตายคาที่ ค้นหาของขลังทุกอย่างในย่ามตา แล้วลากร่างตาที่ตายแล้วไปไว้กลางทุ่งหญ้า ในที่ๆไม่มีใครเห็น
รุ่งเช้าหยาดน้ำค้างเม็ดน้อยหยดลงบนใบหน้าตา ร่างของตาค่อยๆขยับเคลื่อนไหว ราวกับคนกำลังฟื้นคืนชีพ ซึ่งก็จริง ตาฟื้นคืนชีพขึ้นมา เคยได้ยินกันหรือไม่ว่า ถ้าตีงูจนตายแล้วเอามันไปทิ้งไว้ที่ทุ่งหญ้า หากน้ำค้างหยดใส่ตัวมัน งูตัวนั้นจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เช่นเดียวกับตาของฉัน ท่านคืองู งูผู้มีคาถาอาคมกล้าแกร่ง ไม่มีใครฆ่าท่านได้ หากท่านไม่ยอมตายเอง
ตาเดินกลับบ้านด้วยสภาพร่างกายที่เป็นปกติและรู้สึกระปรี้กระเปร่ายิ่งกว่าเดิมถึงจะมีรอยฟกช้ำอยู่บ้าง เมื่อเดินมาได้เพียงครึ่งทางด้วยสัญชาตญาณบางอย่างของตาทำให้ท่านรับรู้ได้ว่าที่บ้านเกิดเรื่องใหญ่ ตารีบวิ่งกลับอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงบ้านตาจึงได้รู้ว่าควายในคอกซึ่งเลี้ยงไว้ใต้ถุนบ้านถูกพวกโจรขโมยไปจนเกลี้ยง เนื่องเพราะที่บ้านมีแต่ผู้หญิง ลูกชายตาต่างพากันไปทำงานต่างถิ่น ยายถูกต่อยตีบาดเจ็บ ส่วนแม่ แม่บอกว่าถูกพวกโจรตบหน้าหลายที พี่สาวอีกสองคนก็โดนเช่นเดียวกัน แม่ทำอะไรได้ไม่มาก ได้แต่นั่งดูโจรขโมยควายไปต่อหน้าต่อตาและร้องไห้เสียใจ เพราะแม่รักควายทุกตัวที่แม่เลี้ยง
ตามาเห็นสภาพยายและลูกๆก็โมโหมาก ตาตะโกนก้องว่าจะฆ่าพวกโจรให้หมด ตาวิ่งขึ้นไปหยิบดาบบนบ้าน ตาสวดมนต์คาถาใส่อุ้มที่กำไว้แนบริมฝีปากก่อนจะเป่าคาถาแล้วแบมือผายไปด้านหน้า แม่บอกว่าวิธีนี้ ตากำลังปล่อยกุมารทองออกไปตามหาพวกโจร
แม่และพี่สาวต่างขัดขว้างไม่ให้ตาตามพวกโจรไป ยายถึงขนาดลงคุกเข่าอ้อนวอนให้ปล่อยโจรไปเถอะ เพราะยายรู้ถ้าปล่อยตาออกตามหาพวกโจรสามคนนั้น ตาเอาพวกเขาตายแน่ๆ แต่แรงขัดขว้างหรือจะสู้โทสะที่อยู่ในใจตา ตาสะลัดมือยายทิ้งแล้วรีบเดินออกไล่ล่าโจร โดยตาได้รับปากกับยายว่าจะไม่ทำอะไรพวกมัน แค่จะไปเอาควายกลับคืนมา
ตาออกจากบ้านไปสองคืนสามวันโดยมีกุมารทองเป็นเพื่อนร่วมทางและเป็นคนนำทาง ในเช้าวันที่สามตากลับมาพร้อมควายหกตัวที่ถูกขโมยไป ในสภาพบาดเจ็บสาหัส ตามีบาดแผลตามตัว เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนด้วยเลือด ทุกคนในบ้านต่างพากันตกใจ ตาจึงเล่าให้ฟังระหว่างทางกลับบ้านได้เจอกับเสือสมิงและเกิดการต่อสู้กัน ตาเองก็ไม่แน่ใจว่าฆ่าเสือสมิงได้หรือเปล่าเพราะมันเองก็บาดเจ็บสาหัสและวิ่งหายเข้าไปในป่าลึก ส่วนพวกโจรสามคนนั้น ตาสั่งสอนเล็กๆน้อยแล้วก็ปล่อยพวกมันไป ตั้งแต่ตาไปสู้กับเสือสมิงมา ตาก็ป่วยออดๆแอดๆ กินยาต้มกี่หม้อก็ไม่หายดีเท่าที่ควร
ตาเปลี่ยนวิธีไล่ผีจากการใช้แส้หวายหวดตี เป็นการรำดาบแทน การไล่ผีโดยการรำดาบ จะให้ผู้ที่ถูกผีเข้านอนตรงกลาง หมอผีหรือคนที่ไล่ผีจะสวมใส่ผ้าโจงกระเบนสีแดง ไม่ใส่เสื้อ ถือดาบลงคาถาอาคม กวาดแกว่งร่ายรำรอบตัวคนถูกผีเข้าปากร่ายคาถาไปด้วย รำๆไปปลายดาบจะถูกวางลงตามตัวคนถูกผีเข้าเป็นระยะๆ การไล่ผีด้วยวิธีรำดาบจะรำไปเรื่อยๆจนกว่าผีที่เข้าสิงจะหยุดต่อสู้ขัดขืนและออกจากร่างที่สิง
ในส่วนการรำดาบไล่ผีของตา ฉันยังไม่เคยเห็นเพราะช่วงที่ตายังมีชีวิตอยู่ฉันยังไม่เกิด คงล่องลอยอยู่ที่ไหนสักที่ แต่ฉันเคยเห็นการไล่ผีด้วยวิธีรำดาบเมื่อตอนอายุหกขวบ ภาพในวันนั้นยังจำติดตาไม่เคยลืม น่ากลัวมาก คนที่ถูกผีเข้าชักดิ้นชักงอร้องโหยหวนราวกับสัตว์ร้าย ตามจริงแล้วพิธีไล่ผีแบบนี้ผู้ใหญ่จะไม่ให้เด็กเข้ามาดู แต่ฉันกับเพื่อนแอบดูใต้ถุนบ้านมันจะมีช่องเล็กๆสามารถมองขึ้นไปและเห็นทุกอย่าง แต่ดูได้ไม่นานฉันกับเพื่อนก็ถูกผู้ใหญ่จับได้และโดนไล่ตะเพิดให้ไปไกลๆทันที ไม่สามารถดูจนจบพิธีเลยไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น
ตาร่างกายอ่อนแอลงเรื่อยๆ เพราะไม่สบายติดต่อกันมาหลายปี ตาเริ่มปล่อยผีที่เลี้ยงไว้ในอานัสให้ผุดไปเกิด เพราะตาเริ่มรู้ตัวว่าตนเองจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ตาปล่อยวิชาหรือของขลังต่างๆออกจากตัว ตาไม่สืบทอดวิชานี้ให้ใครแม้แต่ลูกตัวเอง เพราะตาดูแล้วว่าลูกชายแต่ละคนไม่ได้เรื่อง ไม่มีใครสามารถสืบทอดวิชาจากตาได้ ลูกชายแต่ละสำมะเรเทเมาไม่อยู่ในกฎไม่อยู่ในกรอบ ตาก็ทำได้เพียงปล่อยให้วิชาอาคมตายไปพร้อมกับตา ในคืนที่ตาปล่อยกุมารทองออกไปแล้วบอกกุมารทองให้ไปหาที่อยู่ใหม่
แม่เล่าว่า แม่ต้องนอนฟังกุมารทองร้องไห้ทุกคืน นั่งอยู่หัวบันไดบ้านร้องไห้ ใครมาไล่ก็ไม่ไปปักหลักแน่แท้ว่าจะอยู่ที่บ้านหลังนี้ ครั้นจะให้ใครเลี้ยงก็ไม่มีใครสืบทอดอยากเลี้ยงต่อ เจ็ดวันเจ็ดคืนที่กุมารทองนั่งร้องไห้หน้าบันได สุดท้ายก็ยอมไปในวันที่ตาเสียชีวิต
ฉันทราบเรื่องราวของตาที่แม่กับพ่อเล่าให้ฟังถึงกับร้องโหเลยทีเดียว เกิดมาไม่เคยเจอตา ยิ่งมารู้ว่าตาเป็นแบบนี้ยิ่งทึ่งจนไม่อยากเชื่อ ฉันพูดกับแม่ว่า
“ถ้าลูกเกิดทัน ตอนตายังมีชีวิตอยู่นะ ลูกจะเรียนวิชาอาคมกับตา” แม่หัวเราะชอบใจแล้วพูดกลับว่า
“แล้วจะเรียนไปทำไม”
“เรียนไว้ไปปราบผีไงแม่” ฉันตอบเสียงใสตามประสาเด็กๆ
“ตาไม่สอนวิชาให้ผู้หญิงหรอกนะ ให้วิชาอาคมตายไปพร้อมกับตาละดีแล้ว ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วจ้ะ ผีก็อยู่ส่วนผี คนก็อยู่ส่วนคนนะ”
คงจะจริงอย่างแม่ว่า ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปอะไรที่คงอยู่เมื่อถึงเวลาก็จางหายไป แม้แต่ชีวิตคนเราที่เกิดมาเพื่อตาย แต่สิ่งหนึ่งที่คนตายไปแล้วทิ้งไว้คือความทรงจำของคนที่เรารักและคนที่รักเรา ฉันไม่เคยเจอตาแต่ยังคิดและระลึกถึงตาอยู่เสอม มีรูปภาพตาแขวนไว้ข้างผนังบ้านเดินผ่านทีไรฉันต้องยกมือไหว้ท่วมหัวทุกที สายตาคมกริบของตาจ้องทะลุกรอบรูปออกมาเลย เดินผ่านตอนกลางค่ำกลางคืนนี้มีหลอนเลยละ ถ้าตายังมีชีวิตอยู่ป่านนี้คงอายุร้อยกว่าปีแล้วมั้ง
.......................................
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่านจ้า
เล่าเรื่องตา : จอมขมังเวทย์สายดำ
เล่าเรื่องตา : จอมขมังเวทย์สายดำ
=========
ในอดีตมีเรื่องราวมากมายที่น่าค้นหา และคุณค่าแก่การจดจำ บางเรื่องอาจจะไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่ระดับชาติหรือระดับโลก ไม่ใช่เรื่องที่ผู้คนส่วนใหญ่สนใจ และเรื่องที่ฉันจะเล่าก็เป็นเพียงเรื่องเล็กๆเศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่ฉันได้ฟังมาจาก แม่ พ่อ ลุง ป้า น้า อา เมื่อนึกย้อนไปก็อดทึ่งกับวีรกรรมต่างๆที่เหล่าคุณปู่กับคุณตาได้สร้างไว้
ปู่กับตาคือสองทหารเสือ และจอมขมังเวทย์สายขาวและสายดำ ดุ โหดและน่าเกรงขาม ย้อนไปเมื่อหลายปีที่แล้ว น่าจะหลายปีเลยทีเดียว ฉันเองก็จำไม่ได้คงประมาณยุคสองสี่เก้าเก้าอันธพาลครองเมืองหรืออาจจะเก่าแก่กว่านี้ ยุคสมัยที่โจรป่าชุกชุม โจรขโมยวัวควายอาละวาด หรือที่เรามักจะเรียกว่ากลุ่มนายข้อยทมิฬ
บนดินแดนที่ราบสูงทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หมู่บ้านหลายหมู่บ้านตั้งอยู่ท่ามกลางป่าลึก วิถีชีวิตยังอยู่กับธรรมชาติเก็บของป่ากินและค้าขาย ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีน้ำประปา หากต้องการใช้น้ำต้องเดินไปไกลหลายกิโลเมตรเพื่อไปตักน้ำที่บ่อหรือลำธารของหมู่บ้าน
ผีสางนางไม้ สัตว์ป่าดุร้าย โดยเฉพาะเสือสมิงยังเป็นสิ่งที่ผู้คนหวาดกลัว ชาวบ้านซึ่งใช้ชีวิตในป่าลึกลับไม่อาจคาดเดาได้ว่าแต่ละค่ำคืนจะเจออะไรบ้าง จำเป็นต้องมีวิชาคาอาคมไว้ติดตัวเพื่อดูแลปกป้องครอบครัวของตนเอง เช่นเดียวกับตาของฉัน ท่านเป็นจอมขมังเวทย์ค่อนไปทางสายดำเลยก็ว่าได้ แม่เล่าให้ฟังว่าตาโหดมาก ฆ่าคือฆ่า ช่วยคือช่วย ไม่มีปรานีกับศัตรู เล่นของมาตาเล่นของกลับ
แต่ก่อนที่ตาจะกลายมาเป็นจอมขมังเวทย์ ตาของฉันเคยเป็นทหารขับเครื่องบินรบในสงครามโลกครั้งที่สอง แม่เล่าว่าตาไปทำสงครามที่ ‘อะไรแล้วนะ น้อยๆบางอะไรไม่รู้น้อยๆ แม่เองก็จำไม่ได้ แม่ก็ฟังตาเล่าอีกทีหนึ่ง’ ฉันเลยบอกแม่ไปว่า ‘บางกองน้อยหรือเปล่า’ คงจะใช่นะ ฉันเองก็ไม่สันทัดเรื่องประวัติศาสตร์สักเท่าไร ตาต่อสู้กับทหารต่างชาติที่เข้ามารุกรานไทย จนได้รับชัยชนะก็เป็นฝ่ายสัมพันธมิตรละนะที่ชนะ ก็พลอยทำให้ไทยชนะไปด้วย ต้องขอบคุณฝ่ายลับๆที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยไทย จนทำให้ไทยไม่ตกเป็นเมืองขึ้นของใคร
ตาได้กลับมาบ้านอย่างปลอดภัย และเริ่มศึกษาเรียนวิชาอาคมต่อ วิชาอาคมของตาส่วนใหญ่จะมีไว้ช่วยเหลือคนในหมู่บ้าน เช่น ไล่ผีที่เข้ามาสิงร่างคน ทำยันต์ไว้ขับไล่ผีสางไม่ให้เข้ามาในหมู่บ้าน ทำข้าวสารเสก หรือแม้แต่เอาไว้สู้กับเสือสมิง
มาที่วิธีไล่ผีของตา แม่เล่าว่าตาจะมีแส้หวายลงคาถา เวลาบ้านไหนมีคนผีเข้า ตาจะเป็นทำพิธีขับไล่ สวดมนต์หลายคาถาก่อนจะเริ่มลงแส้ที่ตัวคน แม่ว่าตาตีแรงมาก ตาหวดคนที่โดนผีเข้าจนหลังลายมานัดต่อนัด แม่กลัวมากและไม่อยากให้ตาทำแบบนี้อีก ยายก็เช่นกัน ยายเคยบอกตาว่าอย่าทำแบบนี้เลย แม้จะเป็นการช่วยเหลือคน แต่ตาก็ทำให้พวกเขาเจ็บไปไม่ใช่น้อย มันดูทารุณและโหดร้าย
คำบอกกล่าวของยายและแม่ทำให้ตาโกรธท่านทั้งสองมาก ทั้งที่ตาช่วยเหลือคนแต่กลับมาต่อว่าตา ในค่ำคืนนั้นตาไม่กลับบ้าน ตาออกไปนั่งดื่นเหล้ากับเพื่อนๆ ทว่าในคราบของคำว่าเพื่อนก็แฝงมาด้วยความอิจฉาริษยา เพื่อนกลุ่มนั่นเห็นตามีวิชาอาคมและมีคนรักใคร่ยกย่อง ก็อยากเป็นอย่างตา และอยากได้ของขลังทุกอย่างที่ตามี พวกเขามอมเหล้าตา พอตากำลังสะลึมสะลือ พวกเขาก็เข้ามารุมใช้ท่อนไม้ฟาดตีตา พวกนี้รู้ว่าของมีคมไม่สามารถฟันแทงตาได้ จึงใช้ท่อนไม้แทน พวกเขาฟาดทุบตีตาจนตายคาที่ ค้นหาของขลังทุกอย่างในย่ามตา แล้วลากร่างตาที่ตายแล้วไปไว้กลางทุ่งหญ้า ในที่ๆไม่มีใครเห็น
รุ่งเช้าหยาดน้ำค้างเม็ดน้อยหยดลงบนใบหน้าตา ร่างของตาค่อยๆขยับเคลื่อนไหว ราวกับคนกำลังฟื้นคืนชีพ ซึ่งก็จริง ตาฟื้นคืนชีพขึ้นมา เคยได้ยินกันหรือไม่ว่า ถ้าตีงูจนตายแล้วเอามันไปทิ้งไว้ที่ทุ่งหญ้า หากน้ำค้างหยดใส่ตัวมัน งูตัวนั้นจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เช่นเดียวกับตาของฉัน ท่านคืองู งูผู้มีคาถาอาคมกล้าแกร่ง ไม่มีใครฆ่าท่านได้ หากท่านไม่ยอมตายเอง
ตาเดินกลับบ้านด้วยสภาพร่างกายที่เป็นปกติและรู้สึกระปรี้กระเปร่ายิ่งกว่าเดิมถึงจะมีรอยฟกช้ำอยู่บ้าง เมื่อเดินมาได้เพียงครึ่งทางด้วยสัญชาตญาณบางอย่างของตาทำให้ท่านรับรู้ได้ว่าที่บ้านเกิดเรื่องใหญ่ ตารีบวิ่งกลับอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงบ้านตาจึงได้รู้ว่าควายในคอกซึ่งเลี้ยงไว้ใต้ถุนบ้านถูกพวกโจรขโมยไปจนเกลี้ยง เนื่องเพราะที่บ้านมีแต่ผู้หญิง ลูกชายตาต่างพากันไปทำงานต่างถิ่น ยายถูกต่อยตีบาดเจ็บ ส่วนแม่ แม่บอกว่าถูกพวกโจรตบหน้าหลายที พี่สาวอีกสองคนก็โดนเช่นเดียวกัน แม่ทำอะไรได้ไม่มาก ได้แต่นั่งดูโจรขโมยควายไปต่อหน้าต่อตาและร้องไห้เสียใจ เพราะแม่รักควายทุกตัวที่แม่เลี้ยง
ตามาเห็นสภาพยายและลูกๆก็โมโหมาก ตาตะโกนก้องว่าจะฆ่าพวกโจรให้หมด ตาวิ่งขึ้นไปหยิบดาบบนบ้าน ตาสวดมนต์คาถาใส่อุ้มที่กำไว้แนบริมฝีปากก่อนจะเป่าคาถาแล้วแบมือผายไปด้านหน้า แม่บอกว่าวิธีนี้ ตากำลังปล่อยกุมารทองออกไปตามหาพวกโจร
แม่และพี่สาวต่างขัดขว้างไม่ให้ตาตามพวกโจรไป ยายถึงขนาดลงคุกเข่าอ้อนวอนให้ปล่อยโจรไปเถอะ เพราะยายรู้ถ้าปล่อยตาออกตามหาพวกโจรสามคนนั้น ตาเอาพวกเขาตายแน่ๆ แต่แรงขัดขว้างหรือจะสู้โทสะที่อยู่ในใจตา ตาสะลัดมือยายทิ้งแล้วรีบเดินออกไล่ล่าโจร โดยตาได้รับปากกับยายว่าจะไม่ทำอะไรพวกมัน แค่จะไปเอาควายกลับคืนมา
ตาออกจากบ้านไปสองคืนสามวันโดยมีกุมารทองเป็นเพื่อนร่วมทางและเป็นคนนำทาง ในเช้าวันที่สามตากลับมาพร้อมควายหกตัวที่ถูกขโมยไป ในสภาพบาดเจ็บสาหัส ตามีบาดแผลตามตัว เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนด้วยเลือด ทุกคนในบ้านต่างพากันตกใจ ตาจึงเล่าให้ฟังระหว่างทางกลับบ้านได้เจอกับเสือสมิงและเกิดการต่อสู้กัน ตาเองก็ไม่แน่ใจว่าฆ่าเสือสมิงได้หรือเปล่าเพราะมันเองก็บาดเจ็บสาหัสและวิ่งหายเข้าไปในป่าลึก ส่วนพวกโจรสามคนนั้น ตาสั่งสอนเล็กๆน้อยแล้วก็ปล่อยพวกมันไป ตั้งแต่ตาไปสู้กับเสือสมิงมา ตาก็ป่วยออดๆแอดๆ กินยาต้มกี่หม้อก็ไม่หายดีเท่าที่ควร
ตาเปลี่ยนวิธีไล่ผีจากการใช้แส้หวายหวดตี เป็นการรำดาบแทน การไล่ผีโดยการรำดาบ จะให้ผู้ที่ถูกผีเข้านอนตรงกลาง หมอผีหรือคนที่ไล่ผีจะสวมใส่ผ้าโจงกระเบนสีแดง ไม่ใส่เสื้อ ถือดาบลงคาถาอาคม กวาดแกว่งร่ายรำรอบตัวคนถูกผีเข้าปากร่ายคาถาไปด้วย รำๆไปปลายดาบจะถูกวางลงตามตัวคนถูกผีเข้าเป็นระยะๆ การไล่ผีด้วยวิธีรำดาบจะรำไปเรื่อยๆจนกว่าผีที่เข้าสิงจะหยุดต่อสู้ขัดขืนและออกจากร่างที่สิง
ในส่วนการรำดาบไล่ผีของตา ฉันยังไม่เคยเห็นเพราะช่วงที่ตายังมีชีวิตอยู่ฉันยังไม่เกิด คงล่องลอยอยู่ที่ไหนสักที่ แต่ฉันเคยเห็นการไล่ผีด้วยวิธีรำดาบเมื่อตอนอายุหกขวบ ภาพในวันนั้นยังจำติดตาไม่เคยลืม น่ากลัวมาก คนที่ถูกผีเข้าชักดิ้นชักงอร้องโหยหวนราวกับสัตว์ร้าย ตามจริงแล้วพิธีไล่ผีแบบนี้ผู้ใหญ่จะไม่ให้เด็กเข้ามาดู แต่ฉันกับเพื่อนแอบดูใต้ถุนบ้านมันจะมีช่องเล็กๆสามารถมองขึ้นไปและเห็นทุกอย่าง แต่ดูได้ไม่นานฉันกับเพื่อนก็ถูกผู้ใหญ่จับได้และโดนไล่ตะเพิดให้ไปไกลๆทันที ไม่สามารถดูจนจบพิธีเลยไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น
ตาร่างกายอ่อนแอลงเรื่อยๆ เพราะไม่สบายติดต่อกันมาหลายปี ตาเริ่มปล่อยผีที่เลี้ยงไว้ในอานัสให้ผุดไปเกิด เพราะตาเริ่มรู้ตัวว่าตนเองจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ตาปล่อยวิชาหรือของขลังต่างๆออกจากตัว ตาไม่สืบทอดวิชานี้ให้ใครแม้แต่ลูกตัวเอง เพราะตาดูแล้วว่าลูกชายแต่ละคนไม่ได้เรื่อง ไม่มีใครสามารถสืบทอดวิชาจากตาได้ ลูกชายแต่ละสำมะเรเทเมาไม่อยู่ในกฎไม่อยู่ในกรอบ ตาก็ทำได้เพียงปล่อยให้วิชาอาคมตายไปพร้อมกับตา ในคืนที่ตาปล่อยกุมารทองออกไปแล้วบอกกุมารทองให้ไปหาที่อยู่ใหม่
แม่เล่าว่า แม่ต้องนอนฟังกุมารทองร้องไห้ทุกคืน นั่งอยู่หัวบันไดบ้านร้องไห้ ใครมาไล่ก็ไม่ไปปักหลักแน่แท้ว่าจะอยู่ที่บ้านหลังนี้ ครั้นจะให้ใครเลี้ยงก็ไม่มีใครสืบทอดอยากเลี้ยงต่อ เจ็ดวันเจ็ดคืนที่กุมารทองนั่งร้องไห้หน้าบันได สุดท้ายก็ยอมไปในวันที่ตาเสียชีวิต
ฉันทราบเรื่องราวของตาที่แม่กับพ่อเล่าให้ฟังถึงกับร้องโหเลยทีเดียว เกิดมาไม่เคยเจอตา ยิ่งมารู้ว่าตาเป็นแบบนี้ยิ่งทึ่งจนไม่อยากเชื่อ ฉันพูดกับแม่ว่า
“ถ้าลูกเกิดทัน ตอนตายังมีชีวิตอยู่นะ ลูกจะเรียนวิชาอาคมกับตา” แม่หัวเราะชอบใจแล้วพูดกลับว่า
“แล้วจะเรียนไปทำไม”
“เรียนไว้ไปปราบผีไงแม่” ฉันตอบเสียงใสตามประสาเด็กๆ
“ตาไม่สอนวิชาให้ผู้หญิงหรอกนะ ให้วิชาอาคมตายไปพร้อมกับตาละดีแล้ว ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วจ้ะ ผีก็อยู่ส่วนผี คนก็อยู่ส่วนคนนะ”
คงจะจริงอย่างแม่ว่า ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปอะไรที่คงอยู่เมื่อถึงเวลาก็จางหายไป แม้แต่ชีวิตคนเราที่เกิดมาเพื่อตาย แต่สิ่งหนึ่งที่คนตายไปแล้วทิ้งไว้คือความทรงจำของคนที่เรารักและคนที่รักเรา ฉันไม่เคยเจอตาแต่ยังคิดและระลึกถึงตาอยู่เสอม มีรูปภาพตาแขวนไว้ข้างผนังบ้านเดินผ่านทีไรฉันต้องยกมือไหว้ท่วมหัวทุกที สายตาคมกริบของตาจ้องทะลุกรอบรูปออกมาเลย เดินผ่านตอนกลางค่ำกลางคืนนี้มีหลอนเลยละ ถ้าตายังมีชีวิตอยู่ป่านนี้คงอายุร้อยกว่าปีแล้วมั้ง
.......................................
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่านจ้า