'นกแอร์' เสียใจทำสุนัขตาย ประกาศไม่รับขนส่งสัตว์

นกแอร์" เสียใจทำสุนัขตาย ประกาศไม่รับขนส่งสัตว์ พร้อมชดใช้ตามความเหมาะสม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกรณี เจ้าของ"น้องพอใจ" สุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้วูลลี่ โพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องความยุติธรรมให้สุนัขแสนรัก หลังพบว่าลูกสุนัขที่นำโหลดใต้เครื่องบิน เพื่อขนส่งไปให้ผู้อุปการะที่ต่างจังหวัด ได้เสียชีวิตลงลักษณะคล้ายกับขาดอากาศหายใจ จึงเรียกร้องให้สายการบินดังกล่าวรับผิดชอบแต่สายการบินตอบกลับมาว่า ทางสายการบินไม่ชดใช้และรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น จนชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์และช่วยกันแชร์เรื่องนี้ออกไปทั่วโซเชียล

ล่าสุด วันนี้ (2 ส.ค.) นายพาที สารสิน ซีอีโอประจำสายการบินนกแอร์ ได้ออกมากล่าวถึงกรณีดังกล่าวผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า "ทางนกแอร์ต้องขออภัยและเสียใจในการสูญเสียของน้องพอใจ และจะชดใช้ตามความเหมาะสมนะครับ และเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก เราจะไม่รับขนส่งสัตว์เลี้ยงอีกต่อไป ขอบคุณครับ"

http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/710352

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หนุ่มโวยส่งสุนัขทางเครื่องบิน ขาดอากาศหายใจตายทุรนทุรายปัดความรับผิดชอบ
แต่กฎต้องนำสัตว์เลี้ยงมาก่อน 2 ชั่วโมง ซึ่งผมได้ถามกับเจ้าหน้าที่แล้วว่า น้องหมาช่วงรอขึ้นเครื่องจะอยู่ห้องแอร์ตลอดเลยใช่ไหม พนักแจ้งว่าอยู่ห้องแอร์ตลอด ผมก็วางใจ และผมก็เดินทางกลับมาที่พัก และแจ้งให้กับพ่อแม่ใหม่น้องพอใจทราบว่าส่งน้องแล้ว และให้มารอรับที่สนามบินจ.ตรัง เวลา 17:20 นาที แต่เมื่อถึงเวลาผมก็ได้รับข่าวร้ายว่าน้องพอใจตาย โดยพ่อแม่ใหม่ที่มารับน้องพอใจได้แจ้งว่าสภาพน้องมีอาการตัวแข็งเกร็ง ตาไม่หลับ เหงือกซีด และอุจาระแตกรี่ราด ผมได้ยินข่าวถึงกลับขาทรุดไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับน้องหมาที่ผมรัก เพราะก่อนส่งขึ้นเครื่องน้องยังวิ่งเล่นแข็งแรงสดใสอยู่เลย ตอนนั้นผมยอมรับว่าทำอะไรไม่ถูก น้ำตาไหลคิดแต่โทษตัวเองที่ไม่น่าส่งน้องไปตาย แต่พอมีสติก็ได้โทรไปถามทางคาร์โก้สายการบิน ทางเจ้าหน้าที่หัวหน้าคาร์โก้ชื่อ อมร ก็ได้บอกว่าไม่ทราบสาเหตุจะตรวจกล้องวงจรปิดให้


แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมเสียใจหนักกว่าเดิมคือ ทางเจ้าหน้าคาร์โก้ที่ตรังได้แจ้งกับพ่อแม่ใหม่ที่มารับน้องพอใจว่า น้องพอใจตายก่อนขึ้นเครื่องแล้วเพื่อปัดความรับผิดชอบและทำให้ผมเกิดความเสียหายเหมือนส่งน้องหมาที่ตายไปให้ โชคดีที่ผมอัฟรูปในเฟสบุ๊กตั้งแต่ก่อนส่งและส่งแล้วให้พ่อแม่ใหม่ของน้องพอใจดูตลอด รวมถึงยังมีหลักฐานกล้องวงจรปิดที่สนามบินอีกด้วย พอตั้งสติได้สิ่งแรกที่ผมทำคือการโอนเงินค่านมทั้งหมดคืนให้กับพ่อแม่ใหม่น้องพอใจ จำนวนเงิน 16,000 บาท เพื่อแสดงความรับผิดชอบของผมและกล่าวขอโทษจากใจจริง ซึ่งทางพ่อแม่ใหม่น้องพอใจก็เข้าใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และยังแสดงความเป็นห่วงผมว่าแล้วทางสายการบินจะช่วยเหลือหรือรับผิดชอบกับเหตุการณ์นี้อย่างไรบ้าง ผมก็ได้แต่บอกว่ายังไม่รู้จริงๆว่าเค้าจะทำอย่างไร แต่ก็ได้แต่ภาวนาให้ทางสายการบินได้ช่วยเหลือหรือเยียวยาจิตใจเพื่อแสดงความรับผิดชอบอะไรบ้าง


อีก 3 วัน เจ้าหน้าที่หัวหน้าคาร์โก้ที่ชื่อ อมร ก็ได้นัดผมไปดูกล้องวงจรปิดที่สนามบิน ซึ่งพอไปถึงผมก็ได้ตรวจดูกล้องวงจรปิดเวลาทั้งหมด และได้ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ว่าน้องพอใจสุขภาพแข็งแรงร่าเริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็รับทราบเพราะเห็นจากกล้องวงจรปิด แต่ที่ผมตกใจคือน้องพอใจอยู่ในห้องแอร์ที่เตรียมไว้ไม่ถึง 15 นาที ที่เหลืออยู่ข้างนอกห้องที่อากาศไม่ค่อยถ่ายเทและไม่มีแม้แต่พัดลม ซึ่งไม่ตรงกับที่พนักงานแจ้งผมไว้ตอนที่ส่งน้องพอใจว่าอยู่ห้องแอร์ตลอด ซึ่งพนักงานบอกว่าเป็นขั้นตอนของการส่ง แต่นี่คือสิ่งมีชีวิตไม่ใช่สิ่งของที่คุณจะเอาไปตั้งวางตรงไหนก็ได้โดยเฉพาะกับลูกสุนัขไซบีเรียนฮัสกี้วูลลี่ ที่มีขนที่หนาและขี้ร้อนมากอยู่แล้ว และวันนั้นทางหัวหน้าคาร์โก้ก็ได้ให้ผมส่งเมล์เขียนร้องเรียนความเสียหายที่เกิดขึ้นให้กับเค้าโดยจะใช้เวลาประมาณ 14 วัน ถึงจะรู้ผล


โดยภายใน 14 วันที่ผ่านมา ผมได้แต่เก็บความเสียใจไว้คนเดียวและหวังว่าทางคาร์โก้สายการบินจะชดเชยหรือรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้ไม่มากก็น้อย เพราะส่วนหนึ่งผมก็เป็นลูกค้าของสายการบินมาโดยตลอดและโปรโมทว่าเป็นสายการบินของคนไทย ผมได้แต่หวังว่าเค้าคงจะคิดถึงใจเค้าใจเราบ้างว่าแค่น้องหมาตายก็เสียใจมากอยู่แล้วยังต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกมากมายในการมาส่งอีกเพราะวันนั้นผมต้องขับรถจากเพชรบูรณ์เพื่อมาส่งน้องพอใจที่ดอนเมือง และนี่คือน้องหมาคอกแรกของผมที่ผมทำคลอดเองกับมือและเลี้ยงด้วยความรักทุกตัว ที่สำคัญนี่คือการส่งน้องหมาครั้งแรกของผมทางเครื่องบินอีกด้วยครับ และวันนี้ทางคาร์โก้สายการบินได้แจ้งมาทางเมล์ของผมว่า " ทางสายการบินไม่ชดใช้และรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น " ทำให้ผมตัดสินใจที่จะเขียนเรื่องที่เกิดขึ้นจริงนี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์และเรียกร้องความยุติธรรมให้กับน้องพอใจครับ

ทั้งนี้ ผู้โพสต์ยังได้ระบุว่า ข้อสงสัยในเหตุการตายครั้งนี้ คือ
1. เกิดอาการเพลียและอ่อนหล้าจากการที่ต้องอยู่ในห้องหลังคาร์โก้ที่อากาศไม่ถ่ายเท ไม่มีแอร์และพัดลม รวมถึงไปอยู่ลานตึกด้านนอกของสนามบินซึ่งมีความร้อนไปรอก่อนขึ้นเครื่องประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
2.ตอนที่อยู่ใต้เครื่อง ได้เปิดปรับแรงกดอากาศและมีอากาศที่เพียงพอที่น้องหมาจะหายใจได้หรือไม่ เพราะสภาพการตายของน้องพอใจเหมือนเจอแรงกดอากาศทุรนทุรายจากการขาดอากาศหายใจ

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1470106604
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่