เพราะเป็นคนไม่มีศาสนา จึงเป็นเป็นคนดีไม่ได้หรอครับ

- คำว่าดีในที่นี้หมายถึง ดีในแบบที่คนทั่วไปเข้าใจ และคำว่าทั่วไปในที่นี้หมายถึง ... ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันหมายถึงอะไร แต่ผมคิดว่าทุกคนน่าจะเข้าใจ

กระทู้นี้เพื่อการศึกษาครับ มันเป็นเรื่องนานแล้วที่เพิ่งจะสะดุดความิดของผมเมื่อไม่นานนี้สมัยยังเรียนปี 3 หรือ 4 อยู่ คลาสเรียนวิชาปรัชญาตะวันออก อาจารย์ถามเด็กๆ ในห้องว่า จริงๆ แล้วในยุคนี้เราจำเป็นต้องมีศาสนาไหม แน่นอนว่ามีทั้งคนที่ตอบว่าใช่และไม่ใช่ วันนั้นผมตอบไปว่าไม่อย่างแข็งขัน ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน ผมจำไม่ได้ แต่จุดที่ผมสนใจก็คือ

- กลุ่มคนที่ตอบว่าต้องมีโดยให้เหตุผลทำนองเดียวกันว่า เพราะศาสนาทำให้คนเป็นคนดี คนจึงต้องการศาสนา

อาจารย์เลยถามต่อไปว่า แล้วถ้าคนไม่มีศาสนา เขาจะเป็นคนดีไม่ได้หรือ แล้วแกก็ยิ้ม ผมเองก็อยากฟังความเห็นของทุกคน แน่นอนผมโง่มากที่วันนั้นไม่ได้ไล่ถามพวกเขาจนครบเพราะว่าเวลาของเรามีน้อย อาจารย์เองก็ถามไม่ครบทุกคน (แต่คำตอบของหลายคนน่าสนใจ) แต่นั่นแหละครับ นั่นแหละคือประเด็น จะเป็นอย่างไรถ้าผมจะได้ทราบข้อคิดเห็นพวกนี้จากคนจำนวนมาก ซึ่ง ถึงตอนนี้ผมจะไม่มีศาสนาแต่ผมก็ปฏิเสทไม่ได้ว่าศาสนาไม่มีประโยชน์ซะทีเดียว ในยุคๆ หนึ่ง ใช่ ศาสนาเคยมีบทบาทกับมนุษย์ ซึ่งไม่ใช่แค่บ้านเรา ผมหมายถึง ทุกศาสนา

ปล. คุณจะดูถูกผมก็ได้ จะด่าผมก็ได้หรือบอกว่าผมเป็นคนตาบอดก็ได้ ผมไม่มีปัญหาครับ ผมสนแค่คำตอบและหวังว่ามันจะมีค่า
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
คนไม่มีศาสนาคือ สามารถเป็นคนดีได้ตามความคิดความอ่าน การพิจารณาของตนเอง เรียกว่า เป็นการใช้ปัญญาของตัวเอง

การยอมรับ นับถือศาสนา คือการที่เชื่อ หรือยอมรับในปัญญาของผู้อื่น (ที่เป็นศาสดา)

มันเหมือนกับว่าคุณศึกษาวิทยาศาสตร์ คุณจะเชื่อ และเรียนรู้ เฉพาะสิ่งที่คุณทำการทดลองเองแต่อย่างเดียวก็ได้

แต่กรอบของความรู้ ก็จะคับแคบ ไม่เกินความฉลาดของคุณเอง

แต่ถ้าคุณเปิดใจ ยอมรับ ความรู้ที่มาจากการทดลองของผู้อื่น คุณก็มีองค์ความรู้จากการศึกษาของผู้อื่นมาเรียนรู้ ต่อยอดได้เหมือนกัน

วกกลับมาที่เรื่องศาสนา   ถ้าเราคิดว่า เรามีกำลังความคิดสติปัญญาพอที่จะดูแลจิตใจตนเอง  เราก็ไม่ต้องนับถือศาสนาใดๆก็ได้

แต่ถ้าเราลดทิฐิมานะลง แล้วลองทบทวนดูว่า สติปัญญา ระดับจริยธรรมที่เรามี  มันเพียงพอจะดูแลจิตใจของเราให้พ้นจากความทุกข์หรือไม่ ?

ไม่ใช่เรื่องแปลก  ที่เด็กวัยรุ่น หรือคนหนุ่มสาว จะคิดเช่นที่คุณคิด  

แต่เมื่อเวลาผ่านไป  ชีวิตจะมีความทุกข์ผ่านเข้ามาให้คุณได้ทดสอบมากยิ่งขึ้น  คราวนี้ มันคือของจริง  ไม่ใช่แค่คำถามที่อาจารย์ในห้องนึกถามคุณ ให้ใช้สติปัญญาตอบออกมา  แต่รอบนี้  คุณจะเจอกับของจริง  ความทุกข์จริง  

ถึงตอนนั้น  ถ้าเริ่มเห็นว่า สติปัญญาของตนเองอย่างเดียวไม่เพียงพอ  ก็ถึงเวลาเปิดรับปัญญาของผู้อื่นที่เขาถ่ายทอดผ่านกาลเวลามา 2500 กว่าปี แล้วก็ยังคงอยู่

ซึ่งเป็นสติปัญญาเพื่อตอบปัญหาว่า จะพ้นจากความทุกข์ได้อย่างไร

ถ้าคุณไม่เห็นประโยชน์ของหนทางแห่งการพ้นทุกข์  ศาสนาพุทธมีหรือไม่  พระพุทธเจ้ามีหรือไม่ ไม่สำคัญกับคุณ (ตอนนี้) แล้วครับ

แต่คุณ save กระทู้นี้เก็บไว้หน่อยก็ดีครับ  ไว้อ่านตอนคุณอายุมากกว่านี้    แต่ผมไม่อยากให้คุณเหมือนคนหลายๆ คน ที่เข้าวัดตอนตัวเองแก่  เดินไม่ไหว นั่งก็ปวด เดินก็ปวด  ไปถึงเวลานั้น ก็จะถามตัวเองว่า ทำไมไม่ศึกษาศาสนาตั้งแต่ยังหนุ่มๆ
ความคิดเห็นที่ 3
ไม่เกี่ยวกัน คนที่ปากบอกว่ามีศาสนา ไปวัดทุกวัน สวดมนต์ทุกคืน ใส่บาตรทุกเช้า แต่ก็ยังเป็นคนขี้อิจฉา เบียดเบียนคนอื่น เอาเปรียบคนอื่น เต็มไปหมด

และเช่นเดียวกันกับพวกที่ไม่ค่อยชอบเข้าวัดไม่ค่อยชอบสวดมนต์ แต่รู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ ก็ยังเป็นที่รักของคนรอบข้างได้ถมไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่