มีทั้ง 2 แบบค่ะ ข้อดีข้อด้อยต่างกัน แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล

เครื่องแยกกาก
ข้อดี - ความเร็วรอบปั่นต่ำ คุณค่าวิตามินคงอยู่มาก
       - ดื่มง่ายทานง่ายสำหรับทุกคน เพราะบางคนไม่ชอบความข้นของกากใย
       - ปริมาณผักผลไม้ที่ได้ต่อแก้วเยอะกว่าแบบปั่นมาก เพราะแยกกากออกไป
       - สามารถเลือกความละเอียดของการแยกกากได้ จึงยังได้รับกากใยบ้าง
       - ทำน้ำเต้าหู้ น้ำอัลมอนด์ ถั่วหรือธัญพืชต่างๆได้ง่าย
       - กากใยสามารถเอาไปทำซุป ทำเบเกอรี่ เลี้ยงสัตว์และอื่นๆได้
ข้อด้อย - ใช้เวลาทำความสะอาดมากกว่าเครื่องปั่น ตรงตะแกรงต้องล้างแบบละเอียด
        - อาจใช้ประโยชน์ได้ไม่หลากหลายเท่าเครื่องปั่น
        - แต่ละแก้วใช้เวลานานกว่าเครื่องปั่น ไม่เหมาะกับเวลาเร่งด่วน
        - ระวังได้รับน้ำตาลมากเกินไป เพราะใช้ผลไม้เยอะต่อ 1 แก้ว (แต่ดีกว่าผลไม้กล่อง)
เครื่องแยกกากมีหลายเกรด ที่ดีๆจะทำความสะอาดง่ายกว่า ไม่มีน้ำหยดเลอะ ทนทาน

เครื่องปั่น
ข้อดี - สะดวกรวดเร็ว ประหยัดเวลา ปั่นแป๊บเดียวได้หลายแก้ว
       - ได้รับกากใยเต็มที่ ไม่เหลือส่วนทิ้ง แม้กระทั่งส่วนที่เคี้ยวไม่ค่อยได้
       - ทำได้หลากหลายทั้งน้ำผักผลไม้ สมูทตี้ อาหารคาวหวานอร่อยๆหลายอย่าง
       - ใช้ผักผลไม้ในการทำต่อแก้วน้อยกว่าแยกกาก (อาจเป็นข้อดีหรือข้อด้อย)
       - ทำความสะอาดง่าย ใช้เวลาน้อย
       - ไฟเบอร์ใน 1 แก้วเยอะกว่า ช่วยให้น้ำตาลในเลือดไม่ขึ้นสูงรวดเร็วจนเกินไป
ข้อด้อย - สูญเสียวิตามินไป (จึงควรเลือกเครื่องที่แรงๆ ปั่นละเอียดในเวลาน้อยที่สุด)
        - กากใยเยอะ มีความข้น สำหรับบางคนไม่สามารถดื่มแบบนี้ได้
        - เสียงดังกว่าเครื่องแยกกาก
        - รุ่นที่ดีๆ ราคาในไทยค่อนข้างสูงมาก
เครื่องปั่นมีหลายเกรด ควรเลือกที่ความแรง ปั่นละเอียดได้ทั่ว ในเวลาที่น้อยที่สุด
                             ใบมีดไม่เล็กเกินไป มีความคงทน โถปั่นที่มีความคงทน

หวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจนะคะ