เป็นเรื่องของน้องสาวนะค่ะ เรื่องคือมีคนในหมู่บ้านเขาเดินทางไปเรียนและทำงานที่ประเทศออสเตรียล ซึ่งไปค่อยข้างเยอะเลยทำให้น้องสาวอยากไปบ้างก็เลยได้สอบถามคนที่ไปว่าต้องทำอย่างไง ก็เลยได้ข้อมูลจากคนที่อยู่บ้านใกล้กัน น้องเขาไปเรียนและทำงานอยู่ที่โน้นประมาณ 2-3 ปี แล้ว เขาก็เลยบอกว่าถ้าอยากไปก็สามารถดำเนินการให้ไปได้ น้องสาวก็เลยสอบถามข้อมูลกับเขา และได้รายละเอียดค่าใช้จ่ายที่จะต้องจ่ายคือ 412,000 บาท ขอเรียกน้องคนที่บอกว่าจะดำเนินการให้ว่า นางนกต่อนะค่ะ หลังจากพูดคุยรายเอียดที่ทางครอบเราฟังแล้วมันน่าเชื่อถือเราก็ได้ตกลงให้นางนกต่อคนนี้เป็นคนดำเนินการให้ทุกอย่าง โดยใช้ชื่อน้องสาวเป็นคนยื่นเรื่องขอวีซ่าเรียนให้น้องเขยเป็นผู้ติดตาม ทำเรื่องไป 2 คน ให้เขาดำเนินการให้แบบไม่ทราบรายละเอียดอะไรเลย ว่าต้องดำเนินการอย่างไร ต้องไปขอทำวีซ่าที่ไหน ไม่มีการตรวจสอบข้อมูลขั้นตอนในการทำ หวังพึ่งเขาอย่างเดียวคิดว่าเขาคงมีความสามารถดำเนินการให้เราไปได้ จากนั้นก็ได้มีข้อตกลงกันคือ
1. หากดำเนินการแล้ววีซ่าไม่ผ่านจะถูกหัก 30%
2. หากยกเลิกระหว่างดำเนินการขอ CoE คือ การสมัครเรียน จะโดนหัก 20%
ระยะเวลาในการดำเนินการไม่น่าจะเกิน 3 เดือน ทราบผลที่เขาบอกนะค่ะ ซึ่งเราก็ยอมรับเงื่อนไขทั้งหมดและไว้ใจให้เขาดำเนินการให้ และเริ่มดำเนินการเดือน ส.ค.58 ทางเขาแจ้งให้ส่งเอกสารให้ทางอีเมล เป็นสำเนาเอกสารส่วนตัวทั้งหมด ตามระยะเวลาช้าสุดไม่น่าจะเกิน เดือน ธ.ค. แต่ระยะเวลากับไม่เป็นแบบนั้น ทางเราก็สอบถามไปเขาก็บอกว่าให้รอได้อย่างเดียวไม่สามารถตอบอะไรได้ จนถึงเดือน มี.ค. ทางเราก็เลยแจ้งว่าจะยกเลิกไม่ไปแล้ว ขอเงินคืนตามสัญญาน้องเขาก็แจ้งว่าได้จะคุยกับเอเจนซี่ให้ หลังจากนั้นเขาแจ้งว่าไม่สามารถคืนเงินให้ได้ตามสัญญาเหตุผลที่เขาแจ้งเป็นเพราะว่าโรงเรียนที่เราจองเขาได้เปิดเรียนแล้วไม่สามารถแจ้งยกเลิกได้ต้องรอผลของวีซ่าอย่างเดี่ยวเท่านั้น แต่หากเราจะยกเลิกตอนนี้จะได้เงินคืนประมาณแสนกว่าบาท ซึ่งมันไม่ใช่ตามที่เราคุยกันครั้งแรก และบอกให้เราโทรติดต่อเอเจนซี่เองถ้าไม่เข้าใจเราจึ่งติดต่อเขาไปทำให้เราทราบว่าค่าใช้จ่ายที่นางนกต่อจ่ายให้เอเจนซี่เป็นจำนวนเงิน 12,700 เหรียญ คิดเป็นเงินไทย 317,500 บาท ส่วนต่างจำนวน 94,500 บาท พอเราทราบก็บอกนางนกต่อไปว่าเรารู้แล้วนะว่าเขาได้ส่วนต่างเท่าไร ถ้าหากวีซ่าไม่ผ่านเขาจะต้องคืนเงินให้เราตามที่ตกลงกัน และเราได้สอบถามเอเจนซี่ว่า ถ้าวีซ่าไม่ผ่านจะได้เงินคืนเท่าไร เขาแจ้งว่าส่วนที่เขารับมาหักค่าใช้จ่ายดำเนินการไปจำนวน 4,660 เหรียญ จะเหลือเงินคืน 8,040 เหรียญ คิดเป็นเงินไทย 201,000 บาท จึงทำให้ทางครอบครัวเราต้องรอ จนกว่าผลของวีซ่าจะออก ทางเอเจนซี่แจ้งไว้ว่าไม่น่าจะเกินสิ้นเดือน พ.ค.59 เมื่อครบกำหนดสิ้นเดือน ผลวีซ่าก็ออกตามที่เขาแจ้ง ทางสถานทูตปฎิเสธวีซ่า ให้เหตุผลตามเอกสารที่เขาส่งไลน์มาให้คือ เอกสารประการพิจารณาไม่เพียงพอในการพิจารณา จึงไม่สามารถอนุมัติออกวีซ่าได้ เป็นเหตุผลที่ทำให้เรางงมากๆ เพราะระหว่างรอทางนางนกต่อไม่เคยขอข้อมูลอะไรเพิ่มจากเรา หลังจากทราบว่าวีซ่าไม่ผ่านก็ถึงขั้นตอนการคืนเงิน เมื่อถึงขั้นตอนนี้จึงทำให้เกิดปัญหาระหว่างเอเจนซี่กับน้องที่เป็นนกต่อ เอเจนซี่บอกคืนได้เท่าที่แจ้งส่วนที่เหลือเขาจะลองคุยให้ และเรายังมารู้ตอนหลังว่านางนกต่อได้โทรมาหลอกให้น้องโอนเงินไปให้อีก 12,000 บาท เป็นค่าทำเอกสาร แต่ทางเอเจนซี่บอกว่าไม่ได้ทำอะไรเพิ่ม หลังจากโยนกันไปกันมาระหว่างเขา 2 คน ได้ข้อสรุปคือเราได้เงินคืนจาก
1. เอเจนซี่ จำนวน 203,000 บาท
2. นางนกต่อ จำนวน 48,000+12,000 บาท
รวมยอดเงินที่ได้คืนคือ 263,000 บาท มันไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันครั้งแรก ที่จะคืนให้เรา 412,000 x 30% = 123,600 คืนเงินคืน 288,400 + 12,000 บาท รวมเป็น 300,400 บาท พอเราถามนางนกต่อนางก็บอกว่าเขาก็มีค่าใช้จ่ายนะ เป็นค่าโทรศัพท์ ค่าเสียเวลา เราบอกว่าถ้ามีก็เอาบิลส่งมานางบอกว่าไม่มีเราเลยบอกว่าแบบนี้ก็โกงกันนะสิ นางบอกว่าให้แค่นี้แหละจะทำอะไรก็ทำไม่กลัว และบอกว่าเขาไม่เคยคิดโกงใครเลยและบอกสาเหตุว่า ทำไมคืนเงินเท่านี้นางบอกว่าเป็นเพราะอัตราแลกเปลี่ยนทั้งๆ ที่ตอนแรกไม่เคยคุยกันเรื่องนี้เลยแถมเงินที่โอนก็โอนเข้าบัญชีเขา ไม่ใช่บัญชีเอเจนซี่ที่ออสเตรเลีย เมื่อเกิดเรื่องขึ้นเราเลยเริ่มสงสัยในการกระทำของทั้ง 2 คนนี้ ขอเอกสารใบเสร็จค่าใช้จ่ายนางบอกว่าไม่มี ขอเอกสารยืนยันว่าได้ดำเนินการจริงนางก็บอกว่าทำ แต่ไม่มีใบเสร็จอะไรเลย เอกสารที่ได้มามี 2 อย่าง คือ หนังสือปฎิเสธวีซ่าจากสถานทูต หนังสือจองโรงเรียน ส่งมาทางไลท์ขอตัวจริงนางบอกว่าช่วยได้แค่นี้แหละ เมื่อความสงสัยเริ่มเกิดจึงต้องค้นหาความจริง เราก็เลยตรวจไปที่ตัวแทนของสถานทูต แล้วเราก็ต้องเจอเรื่องเศร้าคือ เขาแจ้งว่าไม่มีข้อมูล ซึ่งการไม่มีข้อไม่สามารถบอกว่าได้ว่าเขาทำหรือไม่ทำเพราะ ถ้ามีหนังสืออกมาแล้วระบบของเขาจะถูกลบข้อมูลออกไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้ ตรวจสอบต่อไปส่งอีเมลไปที่โรงเรียนที่เขาจอง ก็รับทราบเรื่องเศร้าอีกคือ ทางโรงเรียนแจ้งว่าไม่สามารถให้ข้อมูลได้เนื่องจากอีเมลที่ติดต่อไม่ตรงกันกับข้อมูลที่เขามีในระบบ เวรกรรมมันจะตรงได้ไงเพราะเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนจองโรงเรียนให้ หมดหวังไปอีกทาง มันเป็นความซวยของครอบครัวเราที่ต้องเสียเงินไปจำนวน 164,000 บาท พร้อมกับความสงสัยที่ไม่มีคำตอบ จากการเข้าไปศึกษาข้อมูลหลังจากโดนหลอกแล้วรู้ว่าเอกสารบ้างอย่างต้องใช้ตัวจริงยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยมากมาย เพราะน้องสาวเราไม่เคยส่งเอกสารตัวจริงไปให้เขา สรุปความผิดพลาดของครอบครัวเราคือ
1. เจอกับนางนกต่อที่โกงเราแล้วบอกว่าตัวเองไม่ได้โกง เป็นคนบ้านใกล้ๆ กันรู้จักกันมาตั้งแต่รุ่นปูย่าตายาย
2. เจอกับเอเจนซี่ที่ไม่มีจรรยาบรรณในการทำงาน ประมาณว่าหน้าที่ฉันคือส่งเอกสารเธอจะผ่านหรือไม่ผ่านไม่ใช่เรื่องของฉัน ไม่ให้คำแนะนำกับลูกค้าว่าควรทำหรือไม่ควรทำอยากได้แต่เงิน เพราะถึงอย่างงัยฉันก็ได้เงิน
3. ไม่มีความรู้แล้วยังอยากไปให้เขาหลอกเหมือนกับว่าเป็นคนหลังเขาไม่ศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อนไว้ใจคนอื่นมากไป
มันเป็นบทเรียนราคาแพงมากสำหรับครอบครัวเรา ถ้าใครจะไปก็ศึกษาข้อมูลให้ดีๆ นะค่ะ จะได้ไม่โดนหลอก อินเตอร์เน็ตมีข้อมูลทุกอย่าง ถ้าจะดีให้เลือกเอเจนซี่ที่มีความน่าเชื่อถือ อย่าไว้ใจคนใกล้ตัวค่ะ เพราะมันจะทำกับคุณเจ็บแสบมาก แต่ที่แย่ไปกว่านี้คือนางนกต่อยังไปหลอกคนอื่นอีกหลายคน (ยาวไปนิดนะค่ะ)
เตือนภัย เรื่องขอวีซ่าไปเรียน ประเทศออสเตรเลีย
1. หากดำเนินการแล้ววีซ่าไม่ผ่านจะถูกหัก 30%
2. หากยกเลิกระหว่างดำเนินการขอ CoE คือ การสมัครเรียน จะโดนหัก 20%
ระยะเวลาในการดำเนินการไม่น่าจะเกิน 3 เดือน ทราบผลที่เขาบอกนะค่ะ ซึ่งเราก็ยอมรับเงื่อนไขทั้งหมดและไว้ใจให้เขาดำเนินการให้ และเริ่มดำเนินการเดือน ส.ค.58 ทางเขาแจ้งให้ส่งเอกสารให้ทางอีเมล เป็นสำเนาเอกสารส่วนตัวทั้งหมด ตามระยะเวลาช้าสุดไม่น่าจะเกิน เดือน ธ.ค. แต่ระยะเวลากับไม่เป็นแบบนั้น ทางเราก็สอบถามไปเขาก็บอกว่าให้รอได้อย่างเดียวไม่สามารถตอบอะไรได้ จนถึงเดือน มี.ค. ทางเราก็เลยแจ้งว่าจะยกเลิกไม่ไปแล้ว ขอเงินคืนตามสัญญาน้องเขาก็แจ้งว่าได้จะคุยกับเอเจนซี่ให้ หลังจากนั้นเขาแจ้งว่าไม่สามารถคืนเงินให้ได้ตามสัญญาเหตุผลที่เขาแจ้งเป็นเพราะว่าโรงเรียนที่เราจองเขาได้เปิดเรียนแล้วไม่สามารถแจ้งยกเลิกได้ต้องรอผลของวีซ่าอย่างเดี่ยวเท่านั้น แต่หากเราจะยกเลิกตอนนี้จะได้เงินคืนประมาณแสนกว่าบาท ซึ่งมันไม่ใช่ตามที่เราคุยกันครั้งแรก และบอกให้เราโทรติดต่อเอเจนซี่เองถ้าไม่เข้าใจเราจึ่งติดต่อเขาไปทำให้เราทราบว่าค่าใช้จ่ายที่นางนกต่อจ่ายให้เอเจนซี่เป็นจำนวนเงิน 12,700 เหรียญ คิดเป็นเงินไทย 317,500 บาท ส่วนต่างจำนวน 94,500 บาท พอเราทราบก็บอกนางนกต่อไปว่าเรารู้แล้วนะว่าเขาได้ส่วนต่างเท่าไร ถ้าหากวีซ่าไม่ผ่านเขาจะต้องคืนเงินให้เราตามที่ตกลงกัน และเราได้สอบถามเอเจนซี่ว่า ถ้าวีซ่าไม่ผ่านจะได้เงินคืนเท่าไร เขาแจ้งว่าส่วนที่เขารับมาหักค่าใช้จ่ายดำเนินการไปจำนวน 4,660 เหรียญ จะเหลือเงินคืน 8,040 เหรียญ คิดเป็นเงินไทย 201,000 บาท จึงทำให้ทางครอบครัวเราต้องรอ จนกว่าผลของวีซ่าจะออก ทางเอเจนซี่แจ้งไว้ว่าไม่น่าจะเกินสิ้นเดือน พ.ค.59 เมื่อครบกำหนดสิ้นเดือน ผลวีซ่าก็ออกตามที่เขาแจ้ง ทางสถานทูตปฎิเสธวีซ่า ให้เหตุผลตามเอกสารที่เขาส่งไลน์มาให้คือ เอกสารประการพิจารณาไม่เพียงพอในการพิจารณา จึงไม่สามารถอนุมัติออกวีซ่าได้ เป็นเหตุผลที่ทำให้เรางงมากๆ เพราะระหว่างรอทางนางนกต่อไม่เคยขอข้อมูลอะไรเพิ่มจากเรา หลังจากทราบว่าวีซ่าไม่ผ่านก็ถึงขั้นตอนการคืนเงิน เมื่อถึงขั้นตอนนี้จึงทำให้เกิดปัญหาระหว่างเอเจนซี่กับน้องที่เป็นนกต่อ เอเจนซี่บอกคืนได้เท่าที่แจ้งส่วนที่เหลือเขาจะลองคุยให้ และเรายังมารู้ตอนหลังว่านางนกต่อได้โทรมาหลอกให้น้องโอนเงินไปให้อีก 12,000 บาท เป็นค่าทำเอกสาร แต่ทางเอเจนซี่บอกว่าไม่ได้ทำอะไรเพิ่ม หลังจากโยนกันไปกันมาระหว่างเขา 2 คน ได้ข้อสรุปคือเราได้เงินคืนจาก
1. เอเจนซี่ จำนวน 203,000 บาท
2. นางนกต่อ จำนวน 48,000+12,000 บาท
รวมยอดเงินที่ได้คืนคือ 263,000 บาท มันไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันครั้งแรก ที่จะคืนให้เรา 412,000 x 30% = 123,600 คืนเงินคืน 288,400 + 12,000 บาท รวมเป็น 300,400 บาท พอเราถามนางนกต่อนางก็บอกว่าเขาก็มีค่าใช้จ่ายนะ เป็นค่าโทรศัพท์ ค่าเสียเวลา เราบอกว่าถ้ามีก็เอาบิลส่งมานางบอกว่าไม่มีเราเลยบอกว่าแบบนี้ก็โกงกันนะสิ นางบอกว่าให้แค่นี้แหละจะทำอะไรก็ทำไม่กลัว และบอกว่าเขาไม่เคยคิดโกงใครเลยและบอกสาเหตุว่า ทำไมคืนเงินเท่านี้นางบอกว่าเป็นเพราะอัตราแลกเปลี่ยนทั้งๆ ที่ตอนแรกไม่เคยคุยกันเรื่องนี้เลยแถมเงินที่โอนก็โอนเข้าบัญชีเขา ไม่ใช่บัญชีเอเจนซี่ที่ออสเตรเลีย เมื่อเกิดเรื่องขึ้นเราเลยเริ่มสงสัยในการกระทำของทั้ง 2 คนนี้ ขอเอกสารใบเสร็จค่าใช้จ่ายนางบอกว่าไม่มี ขอเอกสารยืนยันว่าได้ดำเนินการจริงนางก็บอกว่าทำ แต่ไม่มีใบเสร็จอะไรเลย เอกสารที่ได้มามี 2 อย่าง คือ หนังสือปฎิเสธวีซ่าจากสถานทูต หนังสือจองโรงเรียน ส่งมาทางไลท์ขอตัวจริงนางบอกว่าช่วยได้แค่นี้แหละ เมื่อความสงสัยเริ่มเกิดจึงต้องค้นหาความจริง เราก็เลยตรวจไปที่ตัวแทนของสถานทูต แล้วเราก็ต้องเจอเรื่องเศร้าคือ เขาแจ้งว่าไม่มีข้อมูล ซึ่งการไม่มีข้อไม่สามารถบอกว่าได้ว่าเขาทำหรือไม่ทำเพราะ ถ้ามีหนังสืออกมาแล้วระบบของเขาจะถูกลบข้อมูลออกไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้ ตรวจสอบต่อไปส่งอีเมลไปที่โรงเรียนที่เขาจอง ก็รับทราบเรื่องเศร้าอีกคือ ทางโรงเรียนแจ้งว่าไม่สามารถให้ข้อมูลได้เนื่องจากอีเมลที่ติดต่อไม่ตรงกันกับข้อมูลที่เขามีในระบบ เวรกรรมมันจะตรงได้ไงเพราะเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนจองโรงเรียนให้ หมดหวังไปอีกทาง มันเป็นความซวยของครอบครัวเราที่ต้องเสียเงินไปจำนวน 164,000 บาท พร้อมกับความสงสัยที่ไม่มีคำตอบ จากการเข้าไปศึกษาข้อมูลหลังจากโดนหลอกแล้วรู้ว่าเอกสารบ้างอย่างต้องใช้ตัวจริงยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยมากมาย เพราะน้องสาวเราไม่เคยส่งเอกสารตัวจริงไปให้เขา สรุปความผิดพลาดของครอบครัวเราคือ
1. เจอกับนางนกต่อที่โกงเราแล้วบอกว่าตัวเองไม่ได้โกง เป็นคนบ้านใกล้ๆ กันรู้จักกันมาตั้งแต่รุ่นปูย่าตายาย
2. เจอกับเอเจนซี่ที่ไม่มีจรรยาบรรณในการทำงาน ประมาณว่าหน้าที่ฉันคือส่งเอกสารเธอจะผ่านหรือไม่ผ่านไม่ใช่เรื่องของฉัน ไม่ให้คำแนะนำกับลูกค้าว่าควรทำหรือไม่ควรทำอยากได้แต่เงิน เพราะถึงอย่างงัยฉันก็ได้เงิน
3. ไม่มีความรู้แล้วยังอยากไปให้เขาหลอกเหมือนกับว่าเป็นคนหลังเขาไม่ศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อนไว้ใจคนอื่นมากไป
มันเป็นบทเรียนราคาแพงมากสำหรับครอบครัวเรา ถ้าใครจะไปก็ศึกษาข้อมูลให้ดีๆ นะค่ะ จะได้ไม่โดนหลอก อินเตอร์เน็ตมีข้อมูลทุกอย่าง ถ้าจะดีให้เลือกเอเจนซี่ที่มีความน่าเชื่อถือ อย่าไว้ใจคนใกล้ตัวค่ะ เพราะมันจะทำกับคุณเจ็บแสบมาก แต่ที่แย่ไปกว่านี้คือนางนกต่อยังไปหลอกคนอื่นอีกหลายคน (ยาวไปนิดนะค่ะ)