หนี้ครู ..ปัญหาระดับชาติ ..กับวิบากกรรมของ"ครูผู้เป็นหนี้"

กระทู้สนทนา
ลองมาฟัง ทัศนคติ มุมองของครู( ตัวจริง ) ซึ้งเป็นหนี้ ดูบ้างนะ เป็นการแสดงความคิดเห็นแบบบ้าน ๆ ตรงๆ ไม่ต้องใช้วาทกรรมใดๆ..
ใครบ้าง อยากเป็นหนี้!!
ถ้ามีใครที่ไหนกล้ามาล้างหนี้..ต่อให้ต้องกินขี้ก็ยอม
การเป็นหนี้ นี้มันสุดแสนจะทรมาณแสนสาหัส  
ทำไมต้องครูเป็นหนี้..?? ทำไมครูต้องสร้างหนี้??
คำถามนี้ ถามกันเยอะ  ถามกันมาก ตอบตรงๆไม่กระดาก คือ" อยากมี อยากได้ "ร้องไห้ครูก็เป็นปุถุชน คนนึง)
อยากมีรถ อยากมีบ้าน อยากมีสิ่งของเครื่องใช้ มาให้ความสะดวก เหมือนใครๆ
แต่อย่างที่รู้ๆกันนั่นแหละ ในอดีต เงินเดือนครูมันน้อย ไม่ได้มีค่าตอบแทน มีค่าวิทยฐานะเหมือนในปัจจุบัน
ระดับผู้บริหารก็แค่สองหมื่นปลายๆ ครูแก่ๆใกล้เกษียร อย่างมากได้ได้ไม่เกินสองหมื่นห้า ครูบรรจุใหม่ ก็ไม่ถึงหมื่น
ดังนั้น อยากมี อยากได้อะไร ก็ต้องกู้ ต้องผ่อน  การกู้การผ่อน ก็รู้ๆกันอยู่ .. ว่ามันแสนจะโขก จนเลือกซิบๆ
ตัวอย่าง..  อยากได้มอเตอร์ไซค์ สักคัน เงินสด สามหมื่นห้า  เดินเข้าไปดู ไปหาร้านขายมอร์-ไซค์ ใกล้บ้าน  ลองไปเลียบเคียงถามเถ้าแก่
แหมก็ครูเนาะ .. ไม่ต้องดาวน์ คนกันเอง ครู.. เป็นที่นับหน้าถือตา ไปไหนมาไหนมีแต่คนไหว้ คงไม่กล้าหนีไปไหนถ้าไม่มีจ่ายงวดรถ
สรุปเย็นๆวันนั้นได้รถมอร์-ไซค์ ใหม่ๆมาขี่ สมใจ  ...ครูเครดิตดี เอาไปเลย.. แต่ผ่อนเดือนละสองพันนะ ผ่อนสามปี ก้มหน้าก้มตาผ่อน เบ็ดเสร็จปาเข้าไป เจ็ดหมื่นกว่า จากราคาสามหมื่นห้า นี่ถ้าครูไม่เป็นที่นับหน้าถือตา ร้านเขาไม่ยอมนะเนียะ  ไม่ต้องดาวน์ ไม่ต้องมีคนค้ำ คนธรรมดา หรืออาชีพอื่น จะได้สิทธิพิเศษ ยั่งครูไหม???  ต้องกลั้นน้ำน้ำตาที่มันเอ่อจะไหลสะแทบไม่อยู่ ไม่ใช่ภูมิใจนะ แต่เสียดายเงินส่วนดอกเบี้ยที่จ่าย รถยนต์ บ้าน ก็มาอีหรอบเดียวกันเป๊ะ ... จะให้ครูใช้ชีวิตแบบครูปิยะในหนังไทย ครูบ้านนอก  ยุคนี้สมัยนี้คงไม่ใช่ ไปประชุม ไปอบรม ไปสัมมนา ในเมืองจะให้ครูขี่รถมอร์-ไซค์ เก่าๆแก่ๆ ไปได้ไง อายเค้า ... ยังไงก็ต้องกัดฟันไปดาวน์รถป้ายแดงมาจนได้  ที่อยู่อาที่อาศัยก็เหมือนกัน จะให้ซ่อมซ่อ กะไดสามขั้น มันก็คงไม่ใช่ ไปดูเหอะ ต่างจังหวัด ตามหมู่บ้านที่ห่างไกล บ้านหลังใหญ่ๆ ทันสมัยๆ ไม่ต้องไปถามใคร บ้านหลังนั้น " บ้านครู"
ต่อมาอีกคำถามนึง .. ทำไม เมื่อครูเงินเดือนไม่มาก แต่ทำไมเป็นหนี้ได้ตั้งหลายล้าน... เหตุการณ์มันเป็นดั่งนี้...
เริ่มที่ สหกรณ์ออมทรัพย์ครู ... หรูไหมชื่อ. ???
ออมทรัพย์ครู.... แค่ชื่อนะ แต่ในทางปฎิบัติ น่าจะเขื่อ สหกรณ์หนี้ครู สะมากกว่า!!!
การเข้าเป็นสมาชิก ง้าย ง่าย.. ขอแค่ให้เป็นข้าราชครู ครูรร.เอกชนก็ได้นะ และต้องเป็นครูตัวเป็นๆ (ตายไม่รับ)
สมัครปุ๊บ ฝากหุ้นเลย 100 200 300 ... 500.. 1'000 ตามแต่กำลังทรัพย์
สามเดือน - หกเดือนกู้ได้ โดยมีข้อจำกัดว่ากู้ได้ตามมูลค่าหุ้น
เช่น มีหุ้น 0-1000. บาท กู้ได้  ไม่เกิน 30,000 บาท ใช้สมาชิกสหกรณ์ ค้ำประกัน 1 คน
          หุ้น 1,001-30,000 บาท กู้ได้ ไม่เกิน 300,000 บาท ใช้สมาชิกสหกรณ์ คำประกัน 2 คน
          หุ้น 70,001-100,000 บาท กู้ได้ 1,000,000 บาท ใช้สมาชิกสหกรณ์ค้ำประกัน 3 คน
( *ตัวเลขการถือหุ้น และการใหกู้ เป็นการยกตัวอย่างให้เห็นอย่างคร่าวๆ ไม่ได้อ้างอ้างอิงข้อมูลตามความจริง)
ครูบางคนใจร้อน ฝากหุ้นน้อย แต่อยากกู้เยอะๆ ทำไง  ทำได้รึ..
ทำได้สิ.. ไม่มีเรื่องอะไรที่ครูจะทำไม่ได้ ..
กู้ซื้อหุ้นสิ.... ห๊าาาาาา !!! อะไรนะ!!
ใช่!! กู้ซื้อหุ้นไง ทำได้ มีหุ้นแค่ 3,000 แต่อยากกู้ 1 ล้าน ก็กู้ซื้อหุ้น
สมมุติ ต้องมีหุ้น ตั้งแต่70,000 บาทขึ้นไปถึงกู้1 ล้านได้
ก็กู้ซื้อหุ้น. วิธีการก็ง้าย. ง่าย
เช้าๆ มาขอเอกสารคำขอกู้ จากสหกรณ์ ฯไปเขียนรายละเอียด  ลงลายชื่อผู้กู้ผู้ค้ำ ผู้บังคับบัญชา( ผอ.) ลงชื่อ
(ไม่มีเคยมีผอ.รร. ไหนไม่ยอมเซนต์ ) สายๆนำกลับมาส่งให้สหกรณ์ฯ พิจารณา วันรุ่งขึ้นได้สัญญา เอากลับไปลงชื่อผู้กู้ผู้ค้ำ พยาน และผู้บังคับบัญชา
แล้วเอาสัญญาที่ลงชื่อเรียบร้อย มาที่สหกรณ์ ฯ แล้วนั่งคอย. ไม่เกินสิบห้านาที รับเงินสดหรือเชค กลับบ้าน
ง่ายไหม... ได้เงินเกือบๆล้าน กลับบ้านสบายใจ (แต่มานั่งร้องไห้ที่หลัง เวลาผ่อน)
ปัจจุบันเกือบทุกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูทั่วประเทศ ให้ครูกู้ได้ตั้งแต่สองล้านถึงสี่ล้าน โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์มาค้ำประกัน ใช้เพื่อนครู 3-6ค้ำประกัน คนตามวงเงินกู้  มีระยะเวลาการผ่อน 300 งวด ดบ. 5-7 % ต่อปี ( สมมุติว่ากู้ สองล้านห้า ส่งต้นประมาณเดือนละ 8,000.-
ดบ. ซัดไป 10,000 กว่า  ส่งดบ. มากกว่าเงินต้นอีกอ่ะ. ตายไหมล่ะคุณครู)

ธนาคารออมสินมาเกี่ยวอะไร...
สกสค. (ชื่อเต็มไม่อยากพูดถึง เพราะชื่อฟังดูเหมือนว่าตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลช่วยเหลือครู แต่เอาเข้าจริง มาสูบเลือดแห้งๆของครูสะมากกว่า)
จัดทำโครงการเงินกู้เพื่อพัฒนาชีวิตครู  ให้กู้โดยใช้หลักทรัพย์ หรือใช้เงิน ชพค. มาค้ำประกัน การใช้เงิน ชพค. มาค้ำประกัน ครูเรียกกันสั้นๆว่า
"จำนำกระดูก" (เพราะเงิน ชพค. ต้องเสียชีวิตก่อนจึงจะได้รับ ปัจจุบัน วงเงิน ชพค. นี้ประมาณเก้าแสนบาท)
เรางี้น้ำตาไหลทุกทีเมื่อได้ยิน. คณครูถึงขั้นต้องจำนำกระดูกกันเลยทีเดียว
ครูคนใดมีความประสงค์ ให้ไปติดต่อกับธนาคารออมสิน ทำเรื่องแล้วส่งกลับมาให้ สกสค. จังหวัดคัดกรอง (จริงๆคือรับรองให้นั่นแหละ)
จะให้กู้ไม่ให้กู้ ธนาคารเป็นผู้ชี้ขาดตัดสิน
ให้กู้ได้ ตั้งแต่หกแสนถึงล้านสองแล้วแต่กรณี ดอกเบี้ย7 %โดยประมาณ
ผ่อนกันยันตาย ( สมมุติถ้ากู้หกแสน ส่งต้นแค่เดือนละพันกว่าบาท คิดเองละกันว่าดอกเบี้ยเท่าไร )
ต้นแทบจะไม่ลด ซดแต่ดอกเบี้ย สบายใจ
สาเหตุนี้ไง ถึงไม่อยากเอ่ยชื่อเต็ม ของ สกสค. ตั้งชื่อว่าเป็นโครงการพัฒนาชีวิตครู แต่จริงมากระหน่ำซ้ำเติมสะมากกว่า..
สรุปได้ว่า ทั้งหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ครู และหนี้ธนาคารออมสิน รวมๆกันบางรายเกือบๆห้าล้าน
ที่นี้ทำไง ถึงแม้ปัจจุบันเงินเดือนครูจะเพิ่มมากขึ้น มีเงินค่าตอบแทน มีค่าวิทยฐานะ มาช่วย แต่มันก็สายไปแล้ว
เพราะครูเกือบทุกๆคนตกหล่มกับดัก ที่ทั้งทั้งสหกรณ์ออมทรัพย์และ สคสค ขุดล่อไว้
ยกตัวอย่าง ถ้าครู เงินเดือน ห้าหมื่นสาม + เงินค่าตอบเเทน+ เงินวิทยฐานะ รวมกันแล้ว ตัวเลขเต็มๆ หกหมื่นกว่า
หักจ่ายใช้หนี้ สหกรณ์ ฯ ออมสิน กบข. ประกันชีวิต ภาษี หักโช๊ะเช๊ๆ เหลือเงินเข้าบัญชีเดือนละสองหมื่นนิดๆ
ค่าน้ำค่าไฟ ค่าใช้จ่ายประจำวัน ส่งลูกเรียนสองคน พอไหม ถ้าไม่กู้โปะ
(เรื่องกู้โปะนี่ ครูจะรู้ดี  บางคนกู้สามล้าน เหลือเงินกลับบ้านสองหมื่น ก็ใช้หนี้เก่า หักหนี้ใหม่ จำใจต้องกู้)
จะว่าไปจะไปโทษสหกรณ์ฯ รึ สกสค. ทั้งหมดคงไม่ได้ ตัวครูเองก็ต้องมีส่วนผิด
ที่ร่ายยาวมาทั้งหมด แค่มาเล่าสู่กันฟัง ไม่ได้หวังให้ใครมาช่วยเหลือปลดหนี้
เป็นหนี้ ไม่ตายก็ต้องใช้ให้หมด สุดท้ายถ้าหมดหนทาง คงต้องขอใช้ข้ออ้าง อมต...
ไม่มี ... ไม่หนี... ไม่จ่าย... ตายจบกัน!!
เกิดเป็นครู.. ไม่โกงใคร
ตายไปก็ไม่โกง..
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่