สวัสดีครับ วันนี้เป็นเป็นเรื่องในวัยเด็กของผมเองครับ ผมจะมาเล่าความรู้สึกดีๆ ในวัยเด็ก วัยรุ่น และตอนโต(จนคิดได้) ให้ทุกท่านได้อ่านกัน
เริ่มเรื่องที่ตาผมเลยนะครับ
ตาผมเป็นคนใจร้อน เราไม่ถูกกันและมักจะมีเรื่องให้ให้ต้องเถียงกันตลอด เมื่อก่อนเราเคยสนิทกันมากตอนที่ผมยังเป็นเด็ก ผมจะไปไหนตาก็คอยไปรับส่งเสมอ พอตาเลิกงานตอนเย็นก็จะกลับมาอย่างอารมณ์ดี ผมก็จะวิ่งเข้าไปกอดท่านและคุยกันอย่างสนิทใจ ..
แต่พอผมเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ได้ย้ายไปเรียนที่ กทม. 1 ปี (ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด) และกลับมาสร้างเรื่องราวมากมายที่ผมได้ทำให้ท่านลำบากใจ ทำให้เราต้องทะเลาะกันบ่อยจนความสัมพันธ์เริ่มห่างกัน ทำให้เราไม่สนิทกันเหมือนเมื่อก่อน อยู่ด้วยกันแล้วมีแต่ความอึดอัดใจ ไม่พูดคุยกันแม้ขณะนั่งกินข้าวด้วยซ้ำ
จนเวลาล่วงเลยมาเรื่อยๆ สถานการณ์ภายในบ้านที่พร้อมจะประทะอารมณ์กันตลอดเวลา ตากลายเป็นคนดุที่ไม่น่าเข้าหาอีกสำหรับผม (จริงๆนิสัยท่านเป็นอย่างนั้น ใจดีแต่ทำเหมือนดุ ) ผมกลายเป็นเด็กก้าวร้าว ชอบเถียง ทำตัวเละเทะ ไม่ตั้งใจเรียนจนกระทั่งเข้าสู่มหาวิทยาลัยปี 1 ผมยังคงไม่ตั้งใจเรียนเหมือนเดิมจนถูกโดนรีไทร์ออกมาอยู่บ้าน สูญเงินไปมาก และการโดนรีไทร์ครั้งนั้น มันทำให้ผมคิดได้ เพราะก่อนหน้าที่จะโดนรี ผมได้ทะเลาะกับเพื่อน ละอกหักมา ตากับยายเป็นคนส่งเสียผมเรียนทั้งหมด ผมโทรไปเปิดใจร้องไห้กับเขาทุกๆเรื่อง และเขาพูดแค่ว่า " ไม่ไหวก็กลับมาลูก กลับมาอยู่บ้านเรา " ทำให้ผมเสียใจกับการกระทำของตัวเองมาก จนแอดมิดชั่นอีกรอบติดมหาวิทยาลัยและพยายามตั้งใจเรียนถึงทุกวันนี้ เพื่อเป็นของขวัญให้แก่พวกท่าน เพราะผมทราบดีว่าพวกท่านไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า สิ่งที่เขาให้ผมนั้น ผมไม่สามารถประเมินค่าที่จะตอบแทนพวกท่านคืนได้
มาถึงเวลานี้ผมมีเรื่องไม่สบายใจและผมเดินขึ้นไปที่ห้องท่าน และเข้าไปกอดพวกท่านที่หลับแล้ว ความมืดในห้อง ทำให้ผมกล้ากอดท่าน (คิดว่าจะไม่รู้สึกตัว) ทันทีที่เข้าไปกอด มือหนึ่งท่านจับแขนและอีกมือหนึ่งลูบหลังไปมาอยู่ชั่วขณะหนึ่ง เหมือนรู้ว่าผมมีเรื่องไม่สบายใจ ทำให้ผมร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกผิดต่อท่าน รู้สึกแย่ที่ทำตัวไม่เอาไหน ไม่เคยเป็นหลานที่ดี ละเลยพวกท่านขนาดไหน ... การที่ท่านตอบสนองแบบนี้คงไม่ต้องอธิบายว่าจริงๆแล้วในความขี้โมโหที่ชอบแสดงออกมานั้น จริงๆแล้วท่านรักเรามากขนาดไหน เป็นห่วงเราขนาดไหน ในคำบ่น คำด่า ทุกอย่างล้วนมีประโยชน์ เพื่อตัวเราเองทั้งนั้น
ผมตั้งกระทู้ เพราะอยากจะบอกว่า ผมรู้สึกดีที่ผมยังคิดได้ทันว่าความอบอุ่นเท่าครอบครัวนั้น หามีอีกไม่
ส่วนตัวผม เวลาอกหัก เวลามีปัญหาเครียด กลับมากอดคนที่บ้านเหมือนได้รับพลังงานมากมายมหาศาล ทำให้มีแรงขับเคลื่อน
ผมไม่อยากให้คุณ นึกถึงพวกท่านแค่ในเวลาที่เรารู้สึกแย่เท่านั้น เหมือนกับที่ผมทำ มันเป็นความผิดพลาดและละเลยคนใกล้ตัวไปจริงๆ
ทั้งที่พวกท่านก็ยังรักเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ...
อย่าลืมกอดคนที่บ้านคุณบ้างนะครับ ^^'
อย่าให้เขาต้องรู้สึกเดียวดายเพราะเพียงแค่เราโตขึ้นหรือมีทิฐิมาปิดกั้นเลย
สวัสดีครับ
เมื่อกี้ผมได้กอดและหอมแก้มตา ที่อยู่บ้านเดียวกันแต่ไม่ได้ทำตั้งแต่ป.6 (ตอนนี้ปี 4)
เริ่มเรื่องที่ตาผมเลยนะครับ
ตาผมเป็นคนใจร้อน เราไม่ถูกกันและมักจะมีเรื่องให้ให้ต้องเถียงกันตลอด เมื่อก่อนเราเคยสนิทกันมากตอนที่ผมยังเป็นเด็ก ผมจะไปไหนตาก็คอยไปรับส่งเสมอ พอตาเลิกงานตอนเย็นก็จะกลับมาอย่างอารมณ์ดี ผมก็จะวิ่งเข้าไปกอดท่านและคุยกันอย่างสนิทใจ ..
แต่พอผมเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ได้ย้ายไปเรียนที่ กทม. 1 ปี (ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด) และกลับมาสร้างเรื่องราวมากมายที่ผมได้ทำให้ท่านลำบากใจ ทำให้เราต้องทะเลาะกันบ่อยจนความสัมพันธ์เริ่มห่างกัน ทำให้เราไม่สนิทกันเหมือนเมื่อก่อน อยู่ด้วยกันแล้วมีแต่ความอึดอัดใจ ไม่พูดคุยกันแม้ขณะนั่งกินข้าวด้วยซ้ำ
จนเวลาล่วงเลยมาเรื่อยๆ สถานการณ์ภายในบ้านที่พร้อมจะประทะอารมณ์กันตลอดเวลา ตากลายเป็นคนดุที่ไม่น่าเข้าหาอีกสำหรับผม (จริงๆนิสัยท่านเป็นอย่างนั้น ใจดีแต่ทำเหมือนดุ ) ผมกลายเป็นเด็กก้าวร้าว ชอบเถียง ทำตัวเละเทะ ไม่ตั้งใจเรียนจนกระทั่งเข้าสู่มหาวิทยาลัยปี 1 ผมยังคงไม่ตั้งใจเรียนเหมือนเดิมจนถูกโดนรีไทร์ออกมาอยู่บ้าน สูญเงินไปมาก และการโดนรีไทร์ครั้งนั้น มันทำให้ผมคิดได้ เพราะก่อนหน้าที่จะโดนรี ผมได้ทะเลาะกับเพื่อน ละอกหักมา ตากับยายเป็นคนส่งเสียผมเรียนทั้งหมด ผมโทรไปเปิดใจร้องไห้กับเขาทุกๆเรื่อง และเขาพูดแค่ว่า " ไม่ไหวก็กลับมาลูก กลับมาอยู่บ้านเรา " ทำให้ผมเสียใจกับการกระทำของตัวเองมาก จนแอดมิดชั่นอีกรอบติดมหาวิทยาลัยและพยายามตั้งใจเรียนถึงทุกวันนี้ เพื่อเป็นของขวัญให้แก่พวกท่าน เพราะผมทราบดีว่าพวกท่านไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า สิ่งที่เขาให้ผมนั้น ผมไม่สามารถประเมินค่าที่จะตอบแทนพวกท่านคืนได้
มาถึงเวลานี้ผมมีเรื่องไม่สบายใจและผมเดินขึ้นไปที่ห้องท่าน และเข้าไปกอดพวกท่านที่หลับแล้ว ความมืดในห้อง ทำให้ผมกล้ากอดท่าน (คิดว่าจะไม่รู้สึกตัว) ทันทีที่เข้าไปกอด มือหนึ่งท่านจับแขนและอีกมือหนึ่งลูบหลังไปมาอยู่ชั่วขณะหนึ่ง เหมือนรู้ว่าผมมีเรื่องไม่สบายใจ ทำให้ผมร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกผิดต่อท่าน รู้สึกแย่ที่ทำตัวไม่เอาไหน ไม่เคยเป็นหลานที่ดี ละเลยพวกท่านขนาดไหน ... การที่ท่านตอบสนองแบบนี้คงไม่ต้องอธิบายว่าจริงๆแล้วในความขี้โมโหที่ชอบแสดงออกมานั้น จริงๆแล้วท่านรักเรามากขนาดไหน เป็นห่วงเราขนาดไหน ในคำบ่น คำด่า ทุกอย่างล้วนมีประโยชน์ เพื่อตัวเราเองทั้งนั้น
ผมตั้งกระทู้ เพราะอยากจะบอกว่า ผมรู้สึกดีที่ผมยังคิดได้ทันว่าความอบอุ่นเท่าครอบครัวนั้น หามีอีกไม่
ส่วนตัวผม เวลาอกหัก เวลามีปัญหาเครียด กลับมากอดคนที่บ้านเหมือนได้รับพลังงานมากมายมหาศาล ทำให้มีแรงขับเคลื่อน
ผมไม่อยากให้คุณ นึกถึงพวกท่านแค่ในเวลาที่เรารู้สึกแย่เท่านั้น เหมือนกับที่ผมทำ มันเป็นความผิดพลาดและละเลยคนใกล้ตัวไปจริงๆ
ทั้งที่พวกท่านก็ยังรักเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ...
อย่าลืมกอดคนที่บ้านคุณบ้างนะครับ ^^'
อย่าให้เขาต้องรู้สึกเดียวดายเพราะเพียงแค่เราโตขึ้นหรือมีทิฐิมาปิดกั้นเลย
สวัสดีครับ