กราบสวัสดีปู่ย่า น้าอา พี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ชาวพันทิปทุกคนนะครับ ถึงแม้จะไม่ใช่ญาติผมก็ตาม

ในวันนี้ผมจะมาเล่าสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นในชีวิตผมที่มันเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ ซึ่งตอนนี้ผมเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคอีสานที่ชื่อสั้นที่สุดครับ ท้าวความตอนม. 6 เลยครับว่า เพื่อนของผมทุกคนต่างก็อยากจะได้เรียนมหาวิทยาลัยที่ดัง และดี ๆ กันทั้งนั้น รวมทั้งตัวผมเอง

ทุกคนก็ไปตามทางของคนแต่ละคนครับ ผมใช้คำว่าล่าตระเวนสอบเข้ามหาวิทยาลัยสำหรับผมนะครับ ผมไปสอบอยู่สามที่ครับ รอบแรก ไม่ติดสักที่ ผมรู้ตัวดีครับว่า #ที่พลาดเพราะอะไร ความรู้ผมไม่ได้มีมากเหมือนคนเจ้าของสมการ E=MC
2 ครับ และก็ไม่ได้มีน้อยย ก็มีประมาณคนเขามีกันครับ

ในรอบที่สองผมสอบติดมหาวิทยาลัยใกล้บ้าน ทั้ง ๆ รอบแรกไม่ติด การสอบติดครั้งนี้ ผมรู้สึกดีใจน้อยมาก ถึงน้อยครับ เพราะมันเคยพลาดมาแล้ว แต่ผมก็ยังดีใจอยู่ งงไหมครับ? ผมก็งงครับ หลังจากที่ผมสอบติดแล้วผมมีเวลาว่างสองเดือนก่อนจะมาเป็นเด็กปีหนึ่งที่คนทั่ว ๆ ไปเรียก เฟรชชี่ ซึ่งคำว่าเฟรชชี่มันไม่ได้แปลว่าเด็กปีหนึ่งเลยครับ ครูพี่แนนจากสถาบันกวดวิชา Enconcept บอกว่าใช้คำว่า Freshman ครับ มีนอกเรื่องอีก *&^$^%$&$ เอาล่ะครับเรื่องต่อไปที่ผมจะเล่าคือ วิถีชิวิตของผมเองครับเด็กปี 1 กับ 1 มหาวิทยาลัยครับ ผมเรียนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งครับ (ชื่อเดิมสถาบันราชภัฏ) ทั้ง ๆ ที่ ความคิดแรกไม่มีคำว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏในสมองผมเลยครับ

แต่ผมตอนหลังผมเลือกสถาบันแห่งนี้ ทั้ง ๆ ที่ผมติดแอดมิชชั่น มหาวิทยาลัยนเรศวรด้วยครับ ในระหว่างเวลาสองเดือนที่ผมว่างนั้นผมออกมาหาหอพักกับเตี่ยม๊าครับ แล้วก็ตระเวนออกล่าหาหลายที่ครับ ผมอยากจะฝากถึงเพื่อน ๆ ชาวปี 1 ทุกคนนะครับว่า การเลือกหอมันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เลยครับ เพราะคนที่เราจะไปอยู่ด้วยนั้นมันไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน ทั้งห้องข้าง ๆ เจ้าของห้อง หรือสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ผมจึงอยากให้เพื่อน ๆ ได้หาดูหอพัก ห้องพักดี ๆ นะครับ ส่วนของผมพักที่หอพักของอาจารย์ครับ เป็นเรื่องที่บังเอิญมากครับ อาจารย์เจ้าของหอนั้นเป็นคนที่สอบสัมภาษณ์ผมเองครับ และผมรู้สึกว่าผมกับอาจารย์คนนั้นจะพูดถูกคอกันครับ ^^ ผมอยู่คนเดียวในห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่ใช่บ้านของผมเอง ผมูดกับทางบ้านว่าอยากอยู่คนเดียวครับ ผมเป็นพวกโรคส่วนตัวสูงมากกกกก รักอิสระสุด ๆ และในอิสระแก่ผู้อื่นอยู่เสมอครับ ผมย้ายเข้ามาอยู่หอเมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2559 ครับ และมันเป็นครั้งแรกกับชีวิตเด้กหอของผมค้าบบบ ตื่นเต้นมาก ๆ เลย 555 ผมเอาของมานิดเดียวครับ เพราะบ้านอยู่ใกล้ไปเอามาเรื่อย ๆ ก็ได้ครับ ของที่ผมเอามาด้วยก็มีหนังสือครับ มีแนวจิตวิทยา แนวลงทุนหุ้น แล้วก็นิตยสาร อะเดย์ ครับ ผมชอบนิตยสารอะเดย์นี้มากกกกครับ ผมอ่านมาหลายเล่มแต่ชอบเล่มของอะเดย์ที่สุดครับ แล้วก็เสื้อผ้าไม่กี่ตัว พร้อมถ้วยโถโอชามครับ

เรื่องอาหาร ไม่ว่าจะเป็นข้าวเช้า ข้าวเที่ยง หรือว่าข้าวเย็นชีวิตเด็กหอมีสโลแกนเดียวครับ มาม่า 555 มาม่าเป็นอาหารขยะที่ทำให้เด็กหอหรือเด็กปีหนึ่งหลายคนอยู่รอดได้ พี่ ๆ หลายคนก็อยู่รอดได้เพราะมาม่าครับ แต่ไม่ใช่ให้กินทุกวันทุกคาบนะครับ เราอาจจะกินสามสี่วันครั้งหรือสองครั้งก็ได้ครับ ส่วนผมครับแน่นอนครับผมไม่ได้ชอบมาม่าอะไรมากมายก็กินสามสี่วันครั้งครับ เปลี่ยนรสชาติเปลี่ยนยี่ห้อบ้างก็ไม่เลวครับ
อาหารของผมอีกอย่างคือข้าวโพดต้มครับ ผมไปซื้อที่ LOTUS EXTRA ซึ่งห่างจากหอพักผมประมาณ กิโลเมตรกว่า ๆ ถึงสองกิโลเมตรครับ ไปถูกเวลาอาจจะได้สินค้าก่อนวันหมดอายุมาก็ได้ครับ อิอิ แล้วเอามาต้มเองที่ห้องครับ อยากบอกเลยว่าเป็นการต้มข้าวโพดครั้งแรกของผม มันอร่อยยยมากกก ตอนนั้น 2 ฝัก ผมซื้อ 12 บาททท มันคุ้มจริง ๆ เลยยย
ขนมปังฟาร์มเฮาส์คือหนึ่งในอาหารหลักของผมครับ ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรืออยู่ไหน ผมต้องกินครับ กินแผ่นเปล่า ๆ ก็กินครับ กินกับแยมกับนมข้นก็อร่อยไปอีกครับ ผมมาอยู่ไปเกือบจะเดือนหนึ่งแล้วผมหมดไปหกห่อใหญ่แล้วครับ มันอร่อยจริง ๆ นะ 2 แผ่นให้พลัง 130 กิโลแคลอรี ผมกินวันละ 7 แผ่นเลยครับ
วันไหนที่ผมตื่นสายหรือพี่ ๆ นัดไปมหาวิทยาลัยแต่เช้าผมก็กักตุนสเบียงครัวซองที่ 7-11 ไว้เรียบร้อยครับ กับนมกล่องหนึ่ง
บางวันที่พี่ปล่อยช้าหรือคนเยอะ โรงอาหารก็จะมีคนเยอะมากกกก และอย่างที่เห็นครับกับข้าวหมด ข้าวก็หมดร้านนี้เป็นอาหารปักใต้ครับ อร่อยเผ็ดรสจัดจริง ๆ ครับ ตอนมาสอบสัมภาษณ์เตี่ยม๊าผมแนะนำครับ เลยมาลองชิมดู ปล.ที่ร้านกับข้าวหมดเป็นเหตุการณ์ช่วงปฐมนิเทศครับคนเยอะ
วันปฐมนิเทศ พี่ ๆ ปี 2 นัดพวกเรามาหกโมงเช้าครับ เพื่อมาตรวจเครื่องแต่งกาย เพราะพี่บอกว่าคณะเราเป็นคณะแบบอย่างที่ดี บุคคลให้ความเคารพนับถือ เราต้องแต่งกายให้ดูดี มีระเบียบ สะอาดสะอ้าน ตอนนี้ผมก็ไม่เข้าใจหรอกครับว่าจะตรวจอะไรนักหนา แต่พอพี่เขาตรวจทุกวั๊นทุกวัน และพี่เขาก็พูดทุกวันว่าให้แต่งตัวถูกระเบียบ ทั้งผม ทั้งเนคไท ร้องเท้า ถุงเท้า กระโปรงนักศึกษาหญิง สาระพัดครับ ที่พี่ ๆ ตรวจก็เพราะว่าอยากให้น้อง ๆ สาขา/คณะตัวเองเป็นคนมีระเบียบวินัย แต่งตัวเรียบร้อยสมเป็นนักศึกษาที่เป็นแบบอย่างที่ดีครับ
ทุกอย่างที่พวกเราได้ทำต้องเป็นไปตามระเบียบ เป็นไปตามแบบแผนครับ เจอใครก็ไหว้ ทักทาย ยิ้ม สวัสดีครับพี่ สวัสดีครับลุงยาม ผมว่ามันดีมากกกเลยครับที่ทำให้คนที่ไม่เคยไหว้คนอื่นได้แล้วมาไหว้ ถึงแม้จะโดนพี่ ๆ พูดกลับมาว่ายังมีน้องที่ยังไม่มีมารยาท ซึ่งเราก็เข้าใจกันดีครับ ค่อยเป็นค่อยไปครับ
การเดินทาง ด้วยระยะทางจากห้องพักผมไปมหาวิทยาลัยมันไม่ได้ไกลหรือไกลมาก มันใกล้กว่าตอนที่ผมเรียนอยู่มัธยมเสียอีกครับ พ่อบอกว่าเดือนแรกเป็นการทำกิจกรรมเอาจักรยานไปปั่นนะลูก ไอ๊ย๊ะ ผมบอกพ่อไปว่าพ่อครับมีเนินนะครับ ตั้งหลายเนิน ทางลงจากห้องผมก็เป็นทางชัน พ่อบอกเอาไปปั่นออกกำลังกายบ้าง ผมก็ได้จักรยานมาปั่นครับ ซึ่งจักรยานนี้เป็นของอาครับ อามีหลายคันก็เลยส่งคนคันนี้มาให้ครับ
ช่วงแรก ๆ ที่ผมมาอยู่ผมไปปั่นจักรยานเล่นวันละ 20 กิโลเมตรเลยครับ เหนื่อยดี สนุกมากกก เหงื่อนี่ออกแบบอาบน้ำมาเลยครับ
และตอนไปมหาวิทยาลัยผมก็ไปจอดไว้ข้างอาคารวิชญาการที่ด้านล่างเป็นโลงอาหารครับ มีเพื่อนมาจอดด้วยกันทุกวันครับ
ศิลปะสายไฟมีทุกที่ทั่วแดนประเทศไทยครับ การปั่นจักรยานทำให้ผมมีเวลาถ่ายรูปได้ง่ายครับ
จุดนัดพบ ทุกครั้งที่ไปมหาวิทยาลัย พี่ ๆ จะนัดเราเสมอครับว่าให้ไปตรงไหน มาเวลาไหน มาก่อนคือมาตรงมาตรงคือมาสายครับ พี่ ๆ เน้นมากครับเรื่องเวลา และมารยาท ซึ่งสถานที่ที่พี่ ๆ นัดกันก็จะมีที่ใต้ตึกวิทยาบริการ (อาคารห้องสมุด) ซึ่งเป็นสถานที่หลักในการจัดกิจกรรมสาขาเราครับ ส่วนกิจกรรมทางทางสโมสรคณะฯ พี่ ๆ ก็จะนัดไปตรวจเครื่องแต่งกายที่อาคาร 19 ครับ ซึ่งใกล้กับหอประชุมของทางมหาวิทยาลัยที่ใช้ในการจัดกิจกรรมหลักครับ
นี่เป็นศูนย์วิทยบริการหรือห้องสมุดครับ ซึ่งพี่เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยาบริหารบอกว่าเพิ่งจะเปิดใช้มาได้ระยะหนึ่งแล้ว หนังสือมีเยอะมาก ๆ ครับ อยากจะเข้าไปใช้แต่ติดที่ยังไม่ได้บัตรนักศึกษาก็ไม่มีสิทธิเข้าครับ เพราะต้องใช้บัตรในการสแกนเข้าประตูครับ
ใต้ศูนย์วิทยบริการที่เป็นที่ชุมชมและจัดกิจกรรมให้กับสาขาครับ กว้างขวาง มีการประตุกต์โรงจอดรถให้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมด้วยครับ ^^
วิวเมื่อมองออกมาจากโรงรถใต้ตึกวิทยบริการครับ ต้นสนกำลังโตเลย
กิจกรรมที่พี่ ๆ สาขาจัดที่นี้ก็จะมีกิจกรรมสันทนาการลงท่าเต้นให้พวกเราครับ มีการลงเพลงต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย ของคณะครับ กิจกรรมจับสายรหัสกับพี่ปีสองครับ ผมได้พี่รหัสเป็นผู้หญิงสองคนครับและมีแฝดรหัสคนหนึ่งครับแต่พี่รหัสสองคนนั้นเป็นพี่รหัสบุญธรรมครับ เพราะพี่คนเดิมย้ายไปเรียนที่ใหม่เลยมีคนอุปการะไว้ครับ นับเป็นโชคที่ดีมากครับ วันที่จับสายรหัสก็มีการกินข้าวเที่ยงร่วมกันกับพี่รหัสมีการพบปะสังสรรค์ ถามข่าวสาระทุกข์สุกดิบกันแบบะี่น้องครับ


กิจกรรมของทางคณะ ถึงตอนนี้ทุกคนที่อ่านมาถึงหรือดูรูปมาถึงคงจะรู้แล้วนะครับว่าผมเรียนคณะอะไร



คณะนี้เจ้าระเบียบ เจ้าวินัย สมกับต้องมาเป็นว่าที่แม่พิมพ์ของชาติเลยล่ะครับ ผมทำใจมาแล้วครับว่าผมต้องมาเป็นคนที่เกือบจะเรียบร้อย เพราะพี่ ๆ ย้ำเสมอว่าคณะครุสาสตร์เป็นคณะแบบอย่างเพราะเราเรียนมาเพื่อเป็นคุณครู เป็นแมพิมพ์ของชาติ ตั้งแต่วันที่พี่สาขาของผมบอกมา จนมาถึงวันนี้ ผมเริ่มซึมซับคำว่านักศึกษาครู คำว่ากฏ ระเบียบวินัย และคำว่าจรรยาบรรณของครูมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ
กิจกรรมส่งต่อกล้วยไม้ช่อใหม่ คือกิจกรรมรับน้องของคณะอย่างสมบูรณ์ครับ และในวันนี้เราคือช่อกล้วยไม้ช่อใหม่แห่งมหาวิทยาลัยแห่งนี้ครับ อนาคตเราคือแม่พิมพ์ของชาติ คือคนที่เสียสละ คือคนที่ต้องสอนคน แต่มันเพิ่งจะเป็นก้าวแรกของช่อกล้วยไม้ช่อนี้ครับ กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่น่าประทับใจมากครับ เพื่อน ๆ คนไหนที่เรียนครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์อย่าพลาดที่จะเข้าร่วมนะครับหากมหาลัยจัดให้ครับ
#เดี๋ยวมาต่อนะครับกดโหวตให้กำลังใจด้วยค้าบบบ
1 ST YEAR STUDENT "เด็กปี 1 กับ 1 มหาวิทยาลัย"
กราบสวัสดีปู่ย่า น้าอา พี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ชาวพันทิปทุกคนนะครับ ถึงแม้จะไม่ใช่ญาติผมก็ตาม
เรื่องอาหาร ไม่ว่าจะเป็นข้าวเช้า ข้าวเที่ยง หรือว่าข้าวเย็นชีวิตเด็กหอมีสโลแกนเดียวครับ มาม่า 555 มาม่าเป็นอาหารขยะที่ทำให้เด็กหอหรือเด็กปีหนึ่งหลายคนอยู่รอดได้ พี่ ๆ หลายคนก็อยู่รอดได้เพราะมาม่าครับ แต่ไม่ใช่ให้กินทุกวันทุกคาบนะครับ เราอาจจะกินสามสี่วันครั้งหรือสองครั้งก็ได้ครับ ส่วนผมครับแน่นอนครับผมไม่ได้ชอบมาม่าอะไรมากมายก็กินสามสี่วันครั้งครับ เปลี่ยนรสชาติเปลี่ยนยี่ห้อบ้างก็ไม่เลวครับ
อาหารของผมอีกอย่างคือข้าวโพดต้มครับ ผมไปซื้อที่ LOTUS EXTRA ซึ่งห่างจากหอพักผมประมาณ กิโลเมตรกว่า ๆ ถึงสองกิโลเมตรครับ ไปถูกเวลาอาจจะได้สินค้าก่อนวันหมดอายุมาก็ได้ครับ อิอิ แล้วเอามาต้มเองที่ห้องครับ อยากบอกเลยว่าเป็นการต้มข้าวโพดครั้งแรกของผม มันอร่อยยยมากกก ตอนนั้น 2 ฝัก ผมซื้อ 12 บาททท มันคุ้มจริง ๆ เลยยย
ขนมปังฟาร์มเฮาส์คือหนึ่งในอาหารหลักของผมครับ ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรืออยู่ไหน ผมต้องกินครับ กินแผ่นเปล่า ๆ ก็กินครับ กินกับแยมกับนมข้นก็อร่อยไปอีกครับ ผมมาอยู่ไปเกือบจะเดือนหนึ่งแล้วผมหมดไปหกห่อใหญ่แล้วครับ มันอร่อยจริง ๆ นะ 2 แผ่นให้พลัง 130 กิโลแคลอรี ผมกินวันละ 7 แผ่นเลยครับ
วันไหนที่ผมตื่นสายหรือพี่ ๆ นัดไปมหาวิทยาลัยแต่เช้าผมก็กักตุนสเบียงครัวซองที่ 7-11 ไว้เรียบร้อยครับ กับนมกล่องหนึ่ง
บางวันที่พี่ปล่อยช้าหรือคนเยอะ โรงอาหารก็จะมีคนเยอะมากกกก และอย่างที่เห็นครับกับข้าวหมด ข้าวก็หมดร้านนี้เป็นอาหารปักใต้ครับ อร่อยเผ็ดรสจัดจริง ๆ ครับ ตอนมาสอบสัมภาษณ์เตี่ยม๊าผมแนะนำครับ เลยมาลองชิมดู ปล.ที่ร้านกับข้าวหมดเป็นเหตุการณ์ช่วงปฐมนิเทศครับคนเยอะ
วันปฐมนิเทศ พี่ ๆ ปี 2 นัดพวกเรามาหกโมงเช้าครับ เพื่อมาตรวจเครื่องแต่งกาย เพราะพี่บอกว่าคณะเราเป็นคณะแบบอย่างที่ดี บุคคลให้ความเคารพนับถือ เราต้องแต่งกายให้ดูดี มีระเบียบ สะอาดสะอ้าน ตอนนี้ผมก็ไม่เข้าใจหรอกครับว่าจะตรวจอะไรนักหนา แต่พอพี่เขาตรวจทุกวั๊นทุกวัน และพี่เขาก็พูดทุกวันว่าให้แต่งตัวถูกระเบียบ ทั้งผม ทั้งเนคไท ร้องเท้า ถุงเท้า กระโปรงนักศึกษาหญิง สาระพัดครับ ที่พี่ ๆ ตรวจก็เพราะว่าอยากให้น้อง ๆ สาขา/คณะตัวเองเป็นคนมีระเบียบวินัย แต่งตัวเรียบร้อยสมเป็นนักศึกษาที่เป็นแบบอย่างที่ดีครับ
ทุกอย่างที่พวกเราได้ทำต้องเป็นไปตามระเบียบ เป็นไปตามแบบแผนครับ เจอใครก็ไหว้ ทักทาย ยิ้ม สวัสดีครับพี่ สวัสดีครับลุงยาม ผมว่ามันดีมากกกเลยครับที่ทำให้คนที่ไม่เคยไหว้คนอื่นได้แล้วมาไหว้ ถึงแม้จะโดนพี่ ๆ พูดกลับมาว่ายังมีน้องที่ยังไม่มีมารยาท ซึ่งเราก็เข้าใจกันดีครับ ค่อยเป็นค่อยไปครับ
การเดินทาง ด้วยระยะทางจากห้องพักผมไปมหาวิทยาลัยมันไม่ได้ไกลหรือไกลมาก มันใกล้กว่าตอนที่ผมเรียนอยู่มัธยมเสียอีกครับ พ่อบอกว่าเดือนแรกเป็นการทำกิจกรรมเอาจักรยานไปปั่นนะลูก ไอ๊ย๊ะ ผมบอกพ่อไปว่าพ่อครับมีเนินนะครับ ตั้งหลายเนิน ทางลงจากห้องผมก็เป็นทางชัน พ่อบอกเอาไปปั่นออกกำลังกายบ้าง ผมก็ได้จักรยานมาปั่นครับ ซึ่งจักรยานนี้เป็นของอาครับ อามีหลายคันก็เลยส่งคนคันนี้มาให้ครับ
ช่วงแรก ๆ ที่ผมมาอยู่ผมไปปั่นจักรยานเล่นวันละ 20 กิโลเมตรเลยครับ เหนื่อยดี สนุกมากกก เหงื่อนี่ออกแบบอาบน้ำมาเลยครับ
และตอนไปมหาวิทยาลัยผมก็ไปจอดไว้ข้างอาคารวิชญาการที่ด้านล่างเป็นโลงอาหารครับ มีเพื่อนมาจอดด้วยกันทุกวันครับ
ศิลปะสายไฟมีทุกที่ทั่วแดนประเทศไทยครับ การปั่นจักรยานทำให้ผมมีเวลาถ่ายรูปได้ง่ายครับ
จุดนัดพบ ทุกครั้งที่ไปมหาวิทยาลัย พี่ ๆ จะนัดเราเสมอครับว่าให้ไปตรงไหน มาเวลาไหน มาก่อนคือมาตรงมาตรงคือมาสายครับ พี่ ๆ เน้นมากครับเรื่องเวลา และมารยาท ซึ่งสถานที่ที่พี่ ๆ นัดกันก็จะมีที่ใต้ตึกวิทยาบริการ (อาคารห้องสมุด) ซึ่งเป็นสถานที่หลักในการจัดกิจกรรมสาขาเราครับ ส่วนกิจกรรมทางทางสโมสรคณะฯ พี่ ๆ ก็จะนัดไปตรวจเครื่องแต่งกายที่อาคาร 19 ครับ ซึ่งใกล้กับหอประชุมของทางมหาวิทยาลัยที่ใช้ในการจัดกิจกรรมหลักครับ
นี่เป็นศูนย์วิทยบริการหรือห้องสมุดครับ ซึ่งพี่เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยาบริหารบอกว่าเพิ่งจะเปิดใช้มาได้ระยะหนึ่งแล้ว หนังสือมีเยอะมาก ๆ ครับ อยากจะเข้าไปใช้แต่ติดที่ยังไม่ได้บัตรนักศึกษาก็ไม่มีสิทธิเข้าครับ เพราะต้องใช้บัตรในการสแกนเข้าประตูครับ
ใต้ศูนย์วิทยบริการที่เป็นที่ชุมชมและจัดกิจกรรมให้กับสาขาครับ กว้างขวาง มีการประตุกต์โรงจอดรถให้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมด้วยครับ ^^
วิวเมื่อมองออกมาจากโรงรถใต้ตึกวิทยบริการครับ ต้นสนกำลังโตเลย
กิจกรรมที่พี่ ๆ สาขาจัดที่นี้ก็จะมีกิจกรรมสันทนาการลงท่าเต้นให้พวกเราครับ มีการลงเพลงต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย ของคณะครับ กิจกรรมจับสายรหัสกับพี่ปีสองครับ ผมได้พี่รหัสเป็นผู้หญิงสองคนครับและมีแฝดรหัสคนหนึ่งครับแต่พี่รหัสสองคนนั้นเป็นพี่รหัสบุญธรรมครับ เพราะพี่คนเดิมย้ายไปเรียนที่ใหม่เลยมีคนอุปการะไว้ครับ นับเป็นโชคที่ดีมากครับ วันที่จับสายรหัสก็มีการกินข้าวเที่ยงร่วมกันกับพี่รหัสมีการพบปะสังสรรค์ ถามข่าวสาระทุกข์สุกดิบกันแบบะี่น้องครับ
กิจกรรมของทางคณะ ถึงตอนนี้ทุกคนที่อ่านมาถึงหรือดูรูปมาถึงคงจะรู้แล้วนะครับว่าผมเรียนคณะอะไร
กิจกรรมส่งต่อกล้วยไม้ช่อใหม่ คือกิจกรรมรับน้องของคณะอย่างสมบูรณ์ครับ และในวันนี้เราคือช่อกล้วยไม้ช่อใหม่แห่งมหาวิทยาลัยแห่งนี้ครับ อนาคตเราคือแม่พิมพ์ของชาติ คือคนที่เสียสละ คือคนที่ต้องสอนคน แต่มันเพิ่งจะเป็นก้าวแรกของช่อกล้วยไม้ช่อนี้ครับ กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่น่าประทับใจมากครับ เพื่อน ๆ คนไหนที่เรียนครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์อย่าพลาดที่จะเข้าร่วมนะครับหากมหาลัยจัดให้ครับ
#เดี๋ยวมาต่อนะครับกดโหวตให้กำลังใจด้วยค้าบบบ