Jamuna Bridge
หลังอาหารเช้าที่สาวไทยถูกปล่อยให้นั่งร่วมโต๊ะกับท่านรองฯเพียงลำพัง โดยที่สองหนุ่มคู่ซี้หายตัวไปไม่มาให้เห็นหน้า พวกเขาโผล่มาก็ตอนที่พนักงานเก็บโต๊ะอาหารเรียบร้อย และอำนวยการให้พนักงานลำเลียงสัมภาระของแขกสาวชาวไทยไปไว้ที่รถ ซึ่งก็มีเพียงกระเป๋าเดินทางหนึ่งและตัวเตี้ยๆของเธอพร้อมเป้สะพายหลังใบเล็กอีกหนึ่งเท่านั้น
สาวไทยเดินลงไปด้านล่างและพบว่าที่นอกอาคารมีผู้ชายมากหน้าหลายตารอกล่าวคำอำลาแก่หล่อนอยู่ อดคิดแบบทะเล้นไม่ได้ ใครว่าบังกลาเทศไม่น่าอยู่ นี่มาแค่ไม่กี่วันยังทำเอาฟิน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็น"ซุปตาร์" หญิงสาวมองเห็นรถตรวจการคันใหญ่จอดเทียบอยู่ด้านหน้าและรถคันที่เธอใช้จอดถัดไป
ธีรดากล่าวคำขอบคุณและอำลาผู้จัดการ รองผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายผลิต หัวหน้าห้องปฏิบัติการ และคนอื่นๆ แต่หากจะถามว่าใครชื่ออะไร เธอคงไม่สามารถตอบได้ เสร็จแล้วสาวไทยก็เดินไปที่รถคันเดิมที่พาเธอมา แต่ทว่าถูกทักท้วงเสียก่อนจากคุณล่ามประจำตัว
" คุณธีรดา เชิญคันนี้ครับ" อันวาร์เดินตามมาแตะแขนเธอพามาที่รถตรวจการณ์คันใหญ่ ชายหนุ่มยิ้มแจ่มใสเมื่อเธอมองด้วยสายตาตั้งคำถาม
" ท่านรองฯใช้คันนี้ครับ"
" แต่เรามาคันนั้น"
อันวาร์ยิ้มรับ รู้ดีว่าคนตัวเตี้ยเข้าใจอะไรง่ายเสมอ แต่เธอแค่ไม่คุ้นกับเจ้านายเขาเท่านั้น
"กระเป๋าเราก็อยู่คันนั้น"
ชายหนุ่มก้มลงบอกเบาๆกับแขกสาวด้วยสีหน้ายิ้มๆ
" แต่หัวหน้าทีมบอดี้การ์ดวันนี้นั่งคันนี้ครับ มาครับ ท่านกับอาซิสจะไปลงพื้นที่ที่ไมเมนซิงห์กับเราด้วย ไปกันหลายๆคนสนุกดีนะครับ"
สาวไทยเหลียวหลังหันไปมองความคึกคักทางด้านหลังก็พบว่า "หัวหน้าบอดี้การ์ด" กำลังก้าวยาวๆออกมานอกตัวอาคารโดยมีเลขาหน้าเป็นเดินตามมาติดๆ บอกกับตัวเองว่าไอ้ที่มารอส่งกันหน้าสลอนน่ะ โน่น พวกเขามาส่งเจ้านายเขาโน่น แต่ยังไม่ทันคิดว่าจะทำอย่างไรต่อ ล่ามประจำตัวของเธอก็แตะแขนพาเดินไปที่ประตูเบาะหลังที่คนขับรถเปิดรอแล้วส่งตัวเธอขึ้นนั่ง อาการนั้นรวดเร็วฉับไวจนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเธอยึกยักชักช้า อันวาร์คงจับเธอหิ้วแล้วโยนขึ้นรถ และเพียงกระพริบตาไม่กี่ที คนขับรถก็ย้ายไปอีกด้านและเปิดประตูเพื่อให้ชายผู้มีตำแหน่งสูงสุด ณ ที่แห่งนั้นก้าวขึ้นมานั่งเคียงข้างเธอ อาซิสก้าวขึ้นนั่งคู่คนขับและพาหนะคันโตก็เคลื่อนตัวออกจากประตูโรงงานอย่างนุ่มนวล
รถแล่นไปได้ราวสองชั่วโมงก็เลี้ยวเข้าจอดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่นี่เป็นจุดแวะพักที่เป็นอาคารสองชั้นมีบริการร้านอาหาร กาแฟและเบอเกอรี่ รวมถึงห้องน้ำสะอาดที่มีคนงานสตรีในชุดสาหรีคอยดูแลทำความสะอาดและอำนวยความสะดวกเปิดประตู ส่งกระดาษชำระให้ผู้เข้าใช้บริการ
ความจริงเธอได้แวะร้านนี้เมื่อเช้าวันที่เดินทางออกจากธากามาโรงงาน แต่วันนั้นหญิงสาวงัวเงียเพราะตื่นเช้าจัดและลืมหยิบกระเป๋าเงินออกมาจากรถ มาวันนี้ธีรดาจำได้ว่าคนงานหญิงยังเป็นคนเดิม ท่าทางผอมบางผิวคล้ำตามลักษณะทางชาติพันธ์ของชนกลุ่มใหญ่ในแถบนี้ เธอดูมีอายุไม่น้อยแล้วได้ ท่าทางสุภาพอ่อนโยน แม้หลายคนไม่ได้หยิบยื่นสินน้ำใจให้เธอก็ยังแสดงอาการนอบน้อม ธีรดาเพิ่งมีโอกาสใช้เงินก็ตอนนี้เอง หญิงสาวหยิบเงินสกุลTaka ส่งให้ไปหนึ่งใบ เป็นธนบัตรใบละ 100 Taka สาวไทยเห็นสตรีผู้นั้นชะงัก บางทีเธอคงคิดว่าคนต่างชาติหยิบเงินผิดกระมัง จึงตัดสินใจยื่นส่งให้ถึงมือและกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินออกมา คิดเพียงเป็นการชดเชยบริการเมื่อวันแรกที่แวะมาเข้าห้องน้ำที่นี่ด้วยและคิดเป็นเงินไทยมันก็ไม่มากเลย ราวสี่สิบบาทเห็นจะได้
เสียงอันวาร์ที่นั่งรถคนละคันเอ่ยแซวเธอระหว่างดื่มกาแฟในขณะที่เจ้านายไปทำธุระส่วนตัวว่า อาซิสมาแอบบ่นให้ฟัง ว่าในรถเงียบมาก เพราะทั้งแขกสาวและเจ้านายต่างคนต่างอยู่คนละมุม และไม่คุยกันเลย
ธีรดายิ้มเจื่อนๆ ก็รู้ตัวว่าคุยไม่เก่ง ยิ่งแอบมองทีไรเห็นอีกฝ่ายนั่งกอดอกนิ่งขรึมเสียจนเธอเกรงใจ แอบคิดด้วยว่าบางทีเขาอาจไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่ เธอมานั่งเกะกะแทนที่เขาจะได้นั่งสบายๆคนเดียวตามปกติ
“ ขอไปนั่งกับคุณเหมือนเดิมได้ไหมคะอันวาร์ บอสคุณจะได้นั่งสบายๆ นะคะ นั่งคันนั้น เอ้อ ไม่ค่อยสะดวกเลย เกรงใจผู้ใหญ่”
“ ไม่ได้ครับ “ ผู้ชายใจดีตอบปฏิเสธทันควันหน้าตาเฉย
“ ทำไมล่ะคะ “ สาวไทยเสียงอ่อย หน้าม่อยเสียจนสองหนุ่มขำ
“ท่านเป็นคนเชิญคุณไปนั่งคันนั้นครับ “
ธีรดาหน้าเหวอ เชิญงั้นหรือ นี่ขนาดเชิญนะ เล่นเอาเธอนั่งเกร็งแทบจะซุกตัวสุดมุมประตูเลยนะนั่น หญิงสาวเดินกลับไปที่รถอย่างเหงาๆ อาซิสเปิดประตูรถคันโตให้เธอขึ้นไปนั่งแล้วก็ต้องหงอยอีก เมื่อ"ผู้ใหญ่"ขึ้นรถไปนั่งกอดอกหน้าขรึมคอยอยู่แล้ว
สาวไทยยิ้มแหยๆให้ก่อนจะก้มหน้าอุบอิบกล่าวขอโทษเขาเบาๆที่มาช้า ไม่ได้สังเกตเลยว่าใครบางคนมองอาการนั่งตัวลีบหงอยของเธออย่างขำๆ
..... บังกลา ล่าหัวใจ .....(บทที่ ๑๕)
หลังอาหารเช้าที่สาวไทยถูกปล่อยให้นั่งร่วมโต๊ะกับท่านรองฯเพียงลำพัง โดยที่สองหนุ่มคู่ซี้หายตัวไปไม่มาให้เห็นหน้า พวกเขาโผล่มาก็ตอนที่พนักงานเก็บโต๊ะอาหารเรียบร้อย และอำนวยการให้พนักงานลำเลียงสัมภาระของแขกสาวชาวไทยไปไว้ที่รถ ซึ่งก็มีเพียงกระเป๋าเดินทางหนึ่งและตัวเตี้ยๆของเธอพร้อมเป้สะพายหลังใบเล็กอีกหนึ่งเท่านั้น
สาวไทยเดินลงไปด้านล่างและพบว่าที่นอกอาคารมีผู้ชายมากหน้าหลายตารอกล่าวคำอำลาแก่หล่อนอยู่ อดคิดแบบทะเล้นไม่ได้ ใครว่าบังกลาเทศไม่น่าอยู่ นี่มาแค่ไม่กี่วันยังทำเอาฟิน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็น"ซุปตาร์" หญิงสาวมองเห็นรถตรวจการคันใหญ่จอดเทียบอยู่ด้านหน้าและรถคันที่เธอใช้จอดถัดไป
ธีรดากล่าวคำขอบคุณและอำลาผู้จัดการ รองผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายผลิต หัวหน้าห้องปฏิบัติการ และคนอื่นๆ แต่หากจะถามว่าใครชื่ออะไร เธอคงไม่สามารถตอบได้ เสร็จแล้วสาวไทยก็เดินไปที่รถคันเดิมที่พาเธอมา แต่ทว่าถูกทักท้วงเสียก่อนจากคุณล่ามประจำตัว
" คุณธีรดา เชิญคันนี้ครับ" อันวาร์เดินตามมาแตะแขนเธอพามาที่รถตรวจการณ์คันใหญ่ ชายหนุ่มยิ้มแจ่มใสเมื่อเธอมองด้วยสายตาตั้งคำถาม
" ท่านรองฯใช้คันนี้ครับ"
" แต่เรามาคันนั้น"
อันวาร์ยิ้มรับ รู้ดีว่าคนตัวเตี้ยเข้าใจอะไรง่ายเสมอ แต่เธอแค่ไม่คุ้นกับเจ้านายเขาเท่านั้น
"กระเป๋าเราก็อยู่คันนั้น"
ชายหนุ่มก้มลงบอกเบาๆกับแขกสาวด้วยสีหน้ายิ้มๆ
" แต่หัวหน้าทีมบอดี้การ์ดวันนี้นั่งคันนี้ครับ มาครับ ท่านกับอาซิสจะไปลงพื้นที่ที่ไมเมนซิงห์กับเราด้วย ไปกันหลายๆคนสนุกดีนะครับ"
สาวไทยเหลียวหลังหันไปมองความคึกคักทางด้านหลังก็พบว่า "หัวหน้าบอดี้การ์ด" กำลังก้าวยาวๆออกมานอกตัวอาคารโดยมีเลขาหน้าเป็นเดินตามมาติดๆ บอกกับตัวเองว่าไอ้ที่มารอส่งกันหน้าสลอนน่ะ โน่น พวกเขามาส่งเจ้านายเขาโน่น แต่ยังไม่ทันคิดว่าจะทำอย่างไรต่อ ล่ามประจำตัวของเธอก็แตะแขนพาเดินไปที่ประตูเบาะหลังที่คนขับรถเปิดรอแล้วส่งตัวเธอขึ้นนั่ง อาการนั้นรวดเร็วฉับไวจนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเธอยึกยักชักช้า อันวาร์คงจับเธอหิ้วแล้วโยนขึ้นรถ และเพียงกระพริบตาไม่กี่ที คนขับรถก็ย้ายไปอีกด้านและเปิดประตูเพื่อให้ชายผู้มีตำแหน่งสูงสุด ณ ที่แห่งนั้นก้าวขึ้นมานั่งเคียงข้างเธอ อาซิสก้าวขึ้นนั่งคู่คนขับและพาหนะคันโตก็เคลื่อนตัวออกจากประตูโรงงานอย่างนุ่มนวล
รถแล่นไปได้ราวสองชั่วโมงก็เลี้ยวเข้าจอดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่นี่เป็นจุดแวะพักที่เป็นอาคารสองชั้นมีบริการร้านอาหาร กาแฟและเบอเกอรี่ รวมถึงห้องน้ำสะอาดที่มีคนงานสตรีในชุดสาหรีคอยดูแลทำความสะอาดและอำนวยความสะดวกเปิดประตู ส่งกระดาษชำระให้ผู้เข้าใช้บริการ
ความจริงเธอได้แวะร้านนี้เมื่อเช้าวันที่เดินทางออกจากธากามาโรงงาน แต่วันนั้นหญิงสาวงัวเงียเพราะตื่นเช้าจัดและลืมหยิบกระเป๋าเงินออกมาจากรถ มาวันนี้ธีรดาจำได้ว่าคนงานหญิงยังเป็นคนเดิม ท่าทางผอมบางผิวคล้ำตามลักษณะทางชาติพันธ์ของชนกลุ่มใหญ่ในแถบนี้ เธอดูมีอายุไม่น้อยแล้วได้ ท่าทางสุภาพอ่อนโยน แม้หลายคนไม่ได้หยิบยื่นสินน้ำใจให้เธอก็ยังแสดงอาการนอบน้อม ธีรดาเพิ่งมีโอกาสใช้เงินก็ตอนนี้เอง หญิงสาวหยิบเงินสกุลTaka ส่งให้ไปหนึ่งใบ เป็นธนบัตรใบละ 100 Taka สาวไทยเห็นสตรีผู้นั้นชะงัก บางทีเธอคงคิดว่าคนต่างชาติหยิบเงินผิดกระมัง จึงตัดสินใจยื่นส่งให้ถึงมือและกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินออกมา คิดเพียงเป็นการชดเชยบริการเมื่อวันแรกที่แวะมาเข้าห้องน้ำที่นี่ด้วยและคิดเป็นเงินไทยมันก็ไม่มากเลย ราวสี่สิบบาทเห็นจะได้
เสียงอันวาร์ที่นั่งรถคนละคันเอ่ยแซวเธอระหว่างดื่มกาแฟในขณะที่เจ้านายไปทำธุระส่วนตัวว่า อาซิสมาแอบบ่นให้ฟัง ว่าในรถเงียบมาก เพราะทั้งแขกสาวและเจ้านายต่างคนต่างอยู่คนละมุม และไม่คุยกันเลย
ธีรดายิ้มเจื่อนๆ ก็รู้ตัวว่าคุยไม่เก่ง ยิ่งแอบมองทีไรเห็นอีกฝ่ายนั่งกอดอกนิ่งขรึมเสียจนเธอเกรงใจ แอบคิดด้วยว่าบางทีเขาอาจไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่ เธอมานั่งเกะกะแทนที่เขาจะได้นั่งสบายๆคนเดียวตามปกติ
“ ขอไปนั่งกับคุณเหมือนเดิมได้ไหมคะอันวาร์ บอสคุณจะได้นั่งสบายๆ นะคะ นั่งคันนั้น เอ้อ ไม่ค่อยสะดวกเลย เกรงใจผู้ใหญ่”
“ ไม่ได้ครับ “ ผู้ชายใจดีตอบปฏิเสธทันควันหน้าตาเฉย
“ ทำไมล่ะคะ “ สาวไทยเสียงอ่อย หน้าม่อยเสียจนสองหนุ่มขำ
“ท่านเป็นคนเชิญคุณไปนั่งคันนั้นครับ “
ธีรดาหน้าเหวอ เชิญงั้นหรือ นี่ขนาดเชิญนะ เล่นเอาเธอนั่งเกร็งแทบจะซุกตัวสุดมุมประตูเลยนะนั่น หญิงสาวเดินกลับไปที่รถอย่างเหงาๆ อาซิสเปิดประตูรถคันโตให้เธอขึ้นไปนั่งแล้วก็ต้องหงอยอีก เมื่อ"ผู้ใหญ่"ขึ้นรถไปนั่งกอดอกหน้าขรึมคอยอยู่แล้ว
สาวไทยยิ้มแหยๆให้ก่อนจะก้มหน้าอุบอิบกล่าวขอโทษเขาเบาๆที่มาช้า ไม่ได้สังเกตเลยว่าใครบางคนมองอาการนั่งตัวลีบหงอยของเธออย่างขำๆ