วันนี้จะมาแบ่งบันประสบการณ์
หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เขียนไว้กันลืม...
ทุกวันนี้มีเรื่องให้เรียนรู้ใหม่ๆ เยอะมากกก...
เมมสมองจะเต็มแล้วค่ะ เลยต้องแบ่งมาเก็บไว้ที่ storylog สักหน่อย
คำถามที่เรามักจะเจออยู่บ่อยๆ จากน้องๆ ที่ที่ทำงาน
(...ยังไม่แก่ขนาดนั้นนะ..ก็ Gen Y นี่แหละ)
"เพ่... บริษัทเล็กๆ กับ บริษัทใหญ่ๆ มันต่างกันยังไง"ด้วยความที่เราเคยทำงานมาทั้ง 2 รูปแบบ
มหาชน ไป startup แล้วกลับมาที่มหาชน อีกทีนึง
จึงคิดว่า ทั้ง 2 แนวมันมีข้อดี ข้อเสียคนละแบบ
สิ่งที่เราถ่ายทอดอาจไม่ตรงกับความคิดใคร..
แต่คนเราย่อมเจอประสบการณ์ที่แตกต่างกันเป็นปกติอยู่แล้วเนาะ
ความมั่นคง ?
ในมุมมองเรา เราว่ามันก็ไม่ต่างกันหรอก สุดท้ายแล้วความมั่นคงอยู่ที่ตัวเรา..
แต่เอาแบบโลกแห่งความจริงสักนิด มหาชน อาจจะดูน่าวางใจมากกว่า เงินทุนสูงกว่า ผู้ร่วมทุนมากกว่า ก็ไม่ล้มง่ายๆ
สวัสดิการ ?
อันนี้คงแล้วแต่ที่ (มั้ง ?) แต่จากประสบการณ์ที่เจอ มหาชนค่อนข้างมีสวัสดิการที่ดีกว่าและเยอะกว่า
เงินเดือน ?
อันนี้แล้วแต่ความสามารถของตัวเราค่ะ สำหรับบางคนทำงาน Start Up อาจจะได้เงินเดือนเยอะกว่าอยู่มหาชน
การแข่งขัน ความกดดัน ?
มหาชน แข่งกันในระดับองค์กร พูดง่ายๆ ก็คือเราต้องแข่งกับ KPI ของตำแหน่งงาน และคนอื่นๆ ด้วย
Startup แข่งขันกับธุรกิจอื่น แข่งกับคู่แข่งทางธุรกิจ แข่งกับเศรษฐกิจ (จริงๆมหาชนก็ข่งกันระดับนี้ แต่ตำหน่งเรามันอาจจะไยังไม่ไปถึงตรงจุดๆนั้น)
ส่วนความกดดัน มหาชนกดดันกว่านะ ในความคิดเรา
สุดท้าย แบบไหนดีกว่ากัน ?
ในมุมมองเรา เราว่า มันไม่มีแบบไหนดีกว่ากันตลอดไป
มันอยู่ที่ช่วงเวลามากกว่า
ข้อดีของการทำงาน Startup คือ เราจะได้ทำหลายอย่างมากๆ นั่นหมายความว่า ช่วงเวลาที่ทำงานกับบริษัท Startup เราจะได้พัฒนาตัวเองค่อนข้างสูง และเรียนรู้สูงมากๆ ค่ะ
เทียบกับตัวเอง ทำมหาชน 1 ปี กับ StartUp 1 ปี
ถ้าทำมหาชน ตำแหน่งเรายังเป็นแต่ระดับ officer งานเราจะรับผิดชอบแต่งานเรา สเกลงานชัดเจน แผนกงาน ฝ่ายงานชัดเจน เราก็รับผิดชอบแต่ส่วนของเราไป นั่นหมายความว่าไม่มีโอกาสได้จับงานที่ยากกว่าระดับตำแหน่งเราค่ะ ยกเว้นเราไต่ตำแหน่งขึ้นไปเรื่อยๆ ความรับผิดชอบและสเกลงานเราก็จะเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่างไรก็ตามสเกลงานมันก็ชัดเจนอยู่ดี เติบโตไปในสายงานตามแผนก
ถ้าทำ Startup มันแทบจะไม่มีตำแหน่งชัดเจน ยกเว้นแยกเป็นพนักงานกับผู้บริหารไปเลย สำหรับบริษัทเล็กๆ และเผลอๆ ตำแหน่งงานเดียวกัน อาจจะมีคนละหน้าทีและเงินเดือนต่างกันด้วย
พูดง่ายๆ ก็คือ ในตำแหน่งงานเดียว เราอาจได้ทำหลายอย่าง อย่างเช่นเราเคยทำตำแหน่ง Copywriter ก็ได้ทำทั้งเนื้อหา กราฟฟิค Webmaster ควบงานมาร์เก็ตติงต์ และ Social Media ไปด้วย เป็น Customer service บางที ดีลงานลูกค้าบ้างบางเวลา เป็น Producer มั้ง Creative มั่งแล้วแต่ความจำเป็น พูดง่ายๆ ก็คือ copywriter มันก็แค่ชื่อตำแหน่งเท่านั้นเอง
ข้อดีคือ เราจะพัฒนาตัวเองเร็วมากค่ะ ยิ่งถ้าเราเป็นคนชอบเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เราแทบจะรู้ทุกอย่างของบริษัทเลยทีเดียว
ดังนั้นเราจะพัฒนาตัวเองได้เร็วมากๆ ค่ะ และมีโอกาสได้เรียนรู้เยอะมากๆ เหมือนกัน...และถ้าบริษัทเติบโต เราก็มีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับบริษัท
ที่สำคัญการเรียนรู้การทำงานจากบริษัท startup วันหนึ่งถ้าเราทำธุรกิจของตัวเอง เราจะเข้าใจการบริหารธุรกิจของตัวเองได้มากขึ้น
และที่สำคัญ บรรยากาศในการทำงานและสิ่งแวดล้อมนั้นโอเคกว่าค่ะ มีความยืดหยุ่น มีความเป็นครอบครัว ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่แข่งขันกันเอง มีปัญหาอะไร คุยกันตรงๆ ถ้าโชคดี มีผู้บริหารที่ดี มีเจ้าของที่ดี ที่ทำงานทบจะกลายเป็นบ้านอีกหลังหนึ่งของเราไปเลยค่ะ ร้องไห้ไปด้วยกัน ดีใจไปด้วยกัน สนุกไปด้วยกัน และเหนื่อยไปด้วยกัน
จากประสบการณ์เราได้เจอสิ่งนี้ที่บริษัทสตาร์ทอัพ และเชื่อว่ามหาชนไม่มีแบบนี้แน่นอน
แต่ทำไมสุดท้าย กลับมามหาชน...
อย่างที่บอกว่า startup เป็นบริษัทเล็กๆ เมื่อมาถึงจุดๆ หนึ่ง เราจะพบว่า มันไม่มีทางให้ไปต่อ ยิ่งการแข่งขันทางธุรกิจสูง กำไรไม่ได้มากมาย เข้าเนื้อด้วยซ้ำ โอกาสเติบโตไม่มี เราต้องยอมรับความจริงว่าบริษัทที่เริ่มต้นนั้นไม่ได้ทุนสูง เหมือนบริษัทใหญ่ๆ ดังนั้นอะไรเซฟได้ก็ต้องเซฟ
แล้วสำหรับเรา ชีวิตเราต้องก้าวต่อไปค่ะ หากยังคิดจะเดินสายมนุษย์เงินเดือนอยู่ ทางนั้ันอาจไม่เวิร์ค แต่ถ้าเราไม่คิดจะเดินสายมนุษย์เงินเดือนอีกต่อไป การทำงาน startup จะให้ประสบการณ์เราสูงที่สุดค่ะ
และด้วยมนุษย์เงินเดือน ก็ยังเป็นอีกเส้นทางที่เราเลือกเดิน เลยกลับมาทำมหาชน..
แต่เปลี่ยนมาทำงานที่ตัวเองชอบ งานที่ตัวเองสนุกไปกับมัน
แน่นอนว่าเมื่อกลับมาเป็นมหาชน เราต้องอยู่แบบเป็นระเบียบอีกครั้ง ความยืดหยุ่นน้อยลง
เจอกับสังคมการเมืองในบริษัท เพื่อนร่วมงานที่มีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป
งานกลายเป็นงาน ที่ทำงานคือที่ทำงาน....
ความกดดันมีตามปกติ และสุดท้ายเราก็กลายมาเป็นฟันเฟืองหนึ่งอีกครั้ง...
แต่สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างนั้นก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียสลับกันไป
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ทำ StartUp มหาชน Freelance หรือทำธุรกิจของตัวเอง
เราพบว่า สิ่งที่สำคัญที่สุด มันอยู่ที่การปรับตัวของเรามากกว่าว่าเรารู้จักตัวเองมากแค่ไหน
เราทำตัวเองให้พร้อมมากแค่ไหน
ถ้าเราจัดการกับตัวเราเองได้ ทั้งเรื่องทัศนคติ จุดมุ่งหมาย การพัฒนาตัวเอง
ไม่ว่าอยู่ที่ไหน มันก็ดีทั้งนั้น
มันขึ้นอยู่กับว่า เราคิดว่าเราเหมาะสมกับสิ่งไหน..
และคนที่ตอบคำถามเหล่านี้ได้ ก็มีแค่ตัวเราเองเท่านั้น ไม่ใช่คนอื่น
Cr.
https://storylog.co/story/5788faed1ef8be5426dec6f2
ทำงาน StartUp VS มหาชน ?
หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เขียนไว้กันลืม...
ทุกวันนี้มีเรื่องให้เรียนรู้ใหม่ๆ เยอะมากกก...
เมมสมองจะเต็มแล้วค่ะ เลยต้องแบ่งมาเก็บไว้ที่ storylog สักหน่อย
คำถามที่เรามักจะเจออยู่บ่อยๆ จากน้องๆ ที่ที่ทำงาน
(...ยังไม่แก่ขนาดนั้นนะ..ก็ Gen Y นี่แหละ)
"เพ่... บริษัทเล็กๆ กับ บริษัทใหญ่ๆ มันต่างกันยังไง"ด้วยความที่เราเคยทำงานมาทั้ง 2 รูปแบบ
มหาชน ไป startup แล้วกลับมาที่มหาชน อีกทีนึง
จึงคิดว่า ทั้ง 2 แนวมันมีข้อดี ข้อเสียคนละแบบ
สิ่งที่เราถ่ายทอดอาจไม่ตรงกับความคิดใคร..
แต่คนเราย่อมเจอประสบการณ์ที่แตกต่างกันเป็นปกติอยู่แล้วเนาะ
ความมั่นคง ?
ในมุมมองเรา เราว่ามันก็ไม่ต่างกันหรอก สุดท้ายแล้วความมั่นคงอยู่ที่ตัวเรา..
แต่เอาแบบโลกแห่งความจริงสักนิด มหาชน อาจจะดูน่าวางใจมากกว่า เงินทุนสูงกว่า ผู้ร่วมทุนมากกว่า ก็ไม่ล้มง่ายๆ
สวัสดิการ ?
อันนี้คงแล้วแต่ที่ (มั้ง ?) แต่จากประสบการณ์ที่เจอ มหาชนค่อนข้างมีสวัสดิการที่ดีกว่าและเยอะกว่า
เงินเดือน ?
อันนี้แล้วแต่ความสามารถของตัวเราค่ะ สำหรับบางคนทำงาน Start Up อาจจะได้เงินเดือนเยอะกว่าอยู่มหาชน
การแข่งขัน ความกดดัน ?
มหาชน แข่งกันในระดับองค์กร พูดง่ายๆ ก็คือเราต้องแข่งกับ KPI ของตำแหน่งงาน และคนอื่นๆ ด้วย
Startup แข่งขันกับธุรกิจอื่น แข่งกับคู่แข่งทางธุรกิจ แข่งกับเศรษฐกิจ (จริงๆมหาชนก็ข่งกันระดับนี้ แต่ตำหน่งเรามันอาจจะไยังไม่ไปถึงตรงจุดๆนั้น)
ส่วนความกดดัน มหาชนกดดันกว่านะ ในความคิดเรา
สุดท้าย แบบไหนดีกว่ากัน ?
ในมุมมองเรา เราว่า มันไม่มีแบบไหนดีกว่ากันตลอดไป
มันอยู่ที่ช่วงเวลามากกว่า
ข้อดีของการทำงาน Startup คือ เราจะได้ทำหลายอย่างมากๆ นั่นหมายความว่า ช่วงเวลาที่ทำงานกับบริษัท Startup เราจะได้พัฒนาตัวเองค่อนข้างสูง และเรียนรู้สูงมากๆ ค่ะ
เทียบกับตัวเอง ทำมหาชน 1 ปี กับ StartUp 1 ปี
ถ้าทำมหาชน ตำแหน่งเรายังเป็นแต่ระดับ officer งานเราจะรับผิดชอบแต่งานเรา สเกลงานชัดเจน แผนกงาน ฝ่ายงานชัดเจน เราก็รับผิดชอบแต่ส่วนของเราไป นั่นหมายความว่าไม่มีโอกาสได้จับงานที่ยากกว่าระดับตำแหน่งเราค่ะ ยกเว้นเราไต่ตำแหน่งขึ้นไปเรื่อยๆ ความรับผิดชอบและสเกลงานเราก็จะเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่างไรก็ตามสเกลงานมันก็ชัดเจนอยู่ดี เติบโตไปในสายงานตามแผนก
ถ้าทำ Startup มันแทบจะไม่มีตำแหน่งชัดเจน ยกเว้นแยกเป็นพนักงานกับผู้บริหารไปเลย สำหรับบริษัทเล็กๆ และเผลอๆ ตำแหน่งงานเดียวกัน อาจจะมีคนละหน้าทีและเงินเดือนต่างกันด้วย
พูดง่ายๆ ก็คือ ในตำแหน่งงานเดียว เราอาจได้ทำหลายอย่าง อย่างเช่นเราเคยทำตำแหน่ง Copywriter ก็ได้ทำทั้งเนื้อหา กราฟฟิค Webmaster ควบงานมาร์เก็ตติงต์ และ Social Media ไปด้วย เป็น Customer service บางที ดีลงานลูกค้าบ้างบางเวลา เป็น Producer มั้ง Creative มั่งแล้วแต่ความจำเป็น พูดง่ายๆ ก็คือ copywriter มันก็แค่ชื่อตำแหน่งเท่านั้นเอง
ข้อดีคือ เราจะพัฒนาตัวเองเร็วมากค่ะ ยิ่งถ้าเราเป็นคนชอบเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เราแทบจะรู้ทุกอย่างของบริษัทเลยทีเดียว
ดังนั้นเราจะพัฒนาตัวเองได้เร็วมากๆ ค่ะ และมีโอกาสได้เรียนรู้เยอะมากๆ เหมือนกัน...และถ้าบริษัทเติบโต เราก็มีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับบริษัท
ที่สำคัญการเรียนรู้การทำงานจากบริษัท startup วันหนึ่งถ้าเราทำธุรกิจของตัวเอง เราจะเข้าใจการบริหารธุรกิจของตัวเองได้มากขึ้น
และที่สำคัญ บรรยากาศในการทำงานและสิ่งแวดล้อมนั้นโอเคกว่าค่ะ มีความยืดหยุ่น มีความเป็นครอบครัว ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่แข่งขันกันเอง มีปัญหาอะไร คุยกันตรงๆ ถ้าโชคดี มีผู้บริหารที่ดี มีเจ้าของที่ดี ที่ทำงานทบจะกลายเป็นบ้านอีกหลังหนึ่งของเราไปเลยค่ะ ร้องไห้ไปด้วยกัน ดีใจไปด้วยกัน สนุกไปด้วยกัน และเหนื่อยไปด้วยกัน
จากประสบการณ์เราได้เจอสิ่งนี้ที่บริษัทสตาร์ทอัพ และเชื่อว่ามหาชนไม่มีแบบนี้แน่นอน
แต่ทำไมสุดท้าย กลับมามหาชน...
อย่างที่บอกว่า startup เป็นบริษัทเล็กๆ เมื่อมาถึงจุดๆ หนึ่ง เราจะพบว่า มันไม่มีทางให้ไปต่อ ยิ่งการแข่งขันทางธุรกิจสูง กำไรไม่ได้มากมาย เข้าเนื้อด้วยซ้ำ โอกาสเติบโตไม่มี เราต้องยอมรับความจริงว่าบริษัทที่เริ่มต้นนั้นไม่ได้ทุนสูง เหมือนบริษัทใหญ่ๆ ดังนั้นอะไรเซฟได้ก็ต้องเซฟ
แล้วสำหรับเรา ชีวิตเราต้องก้าวต่อไปค่ะ หากยังคิดจะเดินสายมนุษย์เงินเดือนอยู่ ทางนั้ันอาจไม่เวิร์ค แต่ถ้าเราไม่คิดจะเดินสายมนุษย์เงินเดือนอีกต่อไป การทำงาน startup จะให้ประสบการณ์เราสูงที่สุดค่ะ
และด้วยมนุษย์เงินเดือน ก็ยังเป็นอีกเส้นทางที่เราเลือกเดิน เลยกลับมาทำมหาชน..
แต่เปลี่ยนมาทำงานที่ตัวเองชอบ งานที่ตัวเองสนุกไปกับมัน
แน่นอนว่าเมื่อกลับมาเป็นมหาชน เราต้องอยู่แบบเป็นระเบียบอีกครั้ง ความยืดหยุ่นน้อยลง
เจอกับสังคมการเมืองในบริษัท เพื่อนร่วมงานที่มีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป
งานกลายเป็นงาน ที่ทำงานคือที่ทำงาน....
ความกดดันมีตามปกติ และสุดท้ายเราก็กลายมาเป็นฟันเฟืองหนึ่งอีกครั้ง...
แต่สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างนั้นก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียสลับกันไป
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ทำ StartUp มหาชน Freelance หรือทำธุรกิจของตัวเอง
เราพบว่า สิ่งที่สำคัญที่สุด มันอยู่ที่การปรับตัวของเรามากกว่าว่าเรารู้จักตัวเองมากแค่ไหน
เราทำตัวเองให้พร้อมมากแค่ไหน
ถ้าเราจัดการกับตัวเราเองได้ ทั้งเรื่องทัศนคติ จุดมุ่งหมาย การพัฒนาตัวเอง
ไม่ว่าอยู่ที่ไหน มันก็ดีทั้งนั้น
มันขึ้นอยู่กับว่า เราคิดว่าเราเหมาะสมกับสิ่งไหน..
และคนที่ตอบคำถามเหล่านี้ได้ ก็มีแค่ตัวเราเองเท่านั้น ไม่ใช่คนอื่น
Cr.https://storylog.co/story/5788faed1ef8be5426dec6f2