DTAC งบ Q2 กำไรทรุด 90% ปันผลระหว่างกาล 42 สต.
ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
“ดีแทค” แจ้งงบ Q2/59 กำไรทรุดฮวบ 141 ล้านบาท ร่วง 90% เหตุอีบิทด้าลดลง บุ๊คค่าใช้จ่ายพิเศษปรับโครงสร้าง-ค่าเสื่อมราคา-ค่าตัดจำหน่ายสูงขึ้นจากการขยายโครงข่าย แต่ยังจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.42 บาท ขึ้น XD วันที่ 25 ก.ค.นี้
นายชวิต แสงอุดมเลิศ หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2559 ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนของปี 2559 ในอัตราหุ้นละ 0.42 บาท (ก่อนหักภาษี ณ ที่จ่าย) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 994,480,620 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 25 ก.ค.2559 และกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 10 ส.ค.2559
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2559 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,397.02 ล้านบาท ลดลง 2,270.37 ล้านบาท หรือลดลง 61.91% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,667.39 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินการไตรมาส 2/59 บริษัทมีกำไรสุทธิ 141 ล้านบาท ลดลง 1,234 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลง 90% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ จำนวน 1,375 ล้านบาท และลดลง 89% จากไตรมาสก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,256 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ลดลง และค่าใช้จ่ายพิเศษในการปรับโครงสร้างจำนวน 394 ล้านบาท รวมทั้งมีค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายที่สูงขึ้นตามการลงทุนที่เพิ่มขึ้น เพื่อขยายพื้นที่การให้บริการ และพัฒนาคุณภาพโครงข่าย
โดยงวดไตรมาส 2/59 บริษัทมี EBITDA อยู่ที่ 6,606 ล้านบาท ลดลง 1.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่เกิดจากรายได้จากการบริการที่ลดลง และผลขาดทุนจากการจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมีค่าใช้จ่ายด้านโครงข่ายและค่าใช้จ่ายในการตลาดที่สูงขึ้น ซึ่งบางส่วนได้ชดเชยโดยค่าธรรมเนียม และส่วนแบ่งรายได้ที่ลดลง รวมถึงมีการลดค่าใช้จ่ายจากโปรแกรมการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการพิเศษทางบัญชี จะทำให้รายได้จากการบริการระบบเติมเงินลดลง 164 ล้านบาท ดังนั้นจะทำให้บริษัทมี EBITDA อยู่ที่ 6,770 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วน EBITDA margin ในไตรมาส 2/59 อยู่ที่ 33.4% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 30.7% และลดลงจากไตรมาส 1/59 อยู่ที่ 33.8% โดยเป็นผลมาจากการให้ส่วนลดค่าเครื่องโทรศัพท์มากขึ้น ซึ่งบางส่วนได้ชดเชยด้วยค่าธรรมเนียม
ขณะที่งวดไตรมาส 2/59 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 19,799 ล้านบาท ลดลง 9.75% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 21,924 ล้านบาท และลดลง 8.7% จากไตรมาส 1/59 โดยส่วนใหญ่เกิดจากรายได้จากบริการเสียง และรายได้จากการจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์ลดลง ขณะที่รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) อยู่ที่ 16,038 ล้านบาท ลดลง 2.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ยังมีการบันทึกรายการพิเศษทางบัญชี ทำให้รายได้จากบริการระบบเติมเงินลดลง 164 ล้านบาท
อีกทั้งบริษัทมีรายได้จากบริการเสียงอยู่ที่ 5,831 ล้านบาท ลดลง 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนมาใช้อินเทอร์เน็ตแทนบริการเสียง ขณะเดียวกันบริษัทมีรายได้จากบริการข้อมูลอยู่ที่ 8,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลมาจากสัดส่วนของผู้ใช้สมาร์ทโฟนต่อฐานลูกค้ารวม และปริมาณการใช้งานอินเตอร์เน็ตที่สูงขึ้นจากการมีโครงข่าย 4G/3G ที่มีคุณภาพที่ดีขึ้นและการบริโภคคอนเทนต์เสียงและวิดีโอแบบสตรีมมิ่งซึ่งกำลังเติบโต สำหรับรายได้จากบริการข้ามแดนอัตโนมัติอยู่ที่ 321 ล้านบาท ลดลง 4.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากการแข่งขันในตลาด
นอกจากนี้ รายได้จากการให้บริการอื่น ประกอบด้วย จากการบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ (IDD) และค่าธรรมเนียมการให้บริการต่างๆ อยู่ที่ 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เพราะการเติบโตของรายได้จากบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ ส่วนรายได้จากค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) อยู่ที่ 1,157 ล้านบาทลดลง 28% จากปีก่อน เนื่องจากมีการปรับลดอัตราค่าเชื่อมต่อโครงข่ายลงมาอยู่ที่ 0.34 บาทต่อนาที จากเดิมอยู่ที่ 0.45 บาท เริ่มเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2558
รวมถึงรายได้จากการจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์และชุดเลขหมาย ในงวดไตรมาส 2/59 อยู่ที่ 2,331 ล้านบาท ลดลง 39% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการให้ส่วนลดค่าเครื่องโทรศัพท์ที่มากขึ้น รวมทั้งจำนวนไอโฟนที่ขายได้ลดลง ซึ่งบริษัทมีผลขาดทุนจากการจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์และชุดเลขหมายในไตรมาส 2/59 อยู่ที่ 754 ล้านบาท เนื่องจากให้ส่วนลดค่าเครื่องในตลาดลูกค้าระบบเติมเงินที่มากขึ้น เพื่อสนับสนุนให้ผู้ใช้บริการเปลี่ยนจากการใช้โครงข่าย 2G เป็น 3G/4G
นายชวิต กล่าวต่อว่า บริษัทได้ปรับประมาณการรายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน เพื่อเป็นการสะท้อนผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2559 และเพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มสถานการณ์ตลาดในครึ่งปีหลังของปี 2559 อีกทั้งยังได้ปรับประมาณการ EBITDA margin เป็น 31-33% เนื่องจากมีการให้ส่วนลดค่าเครื่อง ขณะเดียวกันบริษัทยังคงประมาณการเงินลงทุนไว้อยู่ที่ระดับ 20,000 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2558
สำหรับภาวะอุตสาหกรรมธุรกิจโทรคมนาคมในปี 2559 มองว่าตลาดบริการโทรคมนาคมยังคงมีแนวโน้มแข่งขันอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลังของปี 2559 โดยคาดว่าผู้ให้บริการจะใช้ข้อเสนอเครื่องโทรศัพท์ในการสร้างฐานลูกค้า และคาดว่าการให้ส่วนลดค่าเครื่องโทรศัพท์ในกลุ่มลูกค้าระบบเติมเงินยังคงมีการดำเนินการอยู่ในตลาด
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาภาพลักษณ์ของแบรนด์และโครงข่ายให้ดีขึ้น โดยบริษัทจะมุ่งมั่นที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และเน้นให้การนำเสนอความคุ้มค่าให้กับลูกค้า รวมถึงพัฒนาประสบการณ์ใช้งานอินเทอร์เน็ตของลูกค้าด้วยบริการดิจิทัลเช่นบริการ dtac Misic Infinite นอกจากนี้บริษัทยังคงให้ส่วนลดค่าเครื่องโทรศัพท์อย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าผู้ใช้บริการข้อมูล
โดยบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะสร้างฐานผู้ใช้บริการ 4G ในปี 2559 อยู่ที่จำนวน 6 ล้านเลขหมาย หลังจากที่เปิดให้บริการโครงข่าย 4G ในทุกจังหวัด ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2559 รวมทั้งการให้บริการ 4G-1800 MHz ด้วยปริมาณคลื่นความถี่เต็ม 20 MHz ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลแล้ว บริษัทจะพัฒนาโครงข่าย 4G อย่างต่อเนื่องในโครงข่าย 4G-2.1 GHz ในทุกอำเภอทั่วประเทศไทยภายในไตรมาส 3/59
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 (หน้า 28,29)
DTAC งบ Q2 กำไรทรุด 90% ปันผลระหว่างกาล 42 สต.
DTAC งบ Q2 กำไรทรุด 90% ปันผลระหว่างกาล 42 สต.
ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
“ดีแทค” แจ้งงบ Q2/59 กำไรทรุดฮวบ 141 ล้านบาท ร่วง 90% เหตุอีบิทด้าลดลง บุ๊คค่าใช้จ่ายพิเศษปรับโครงสร้าง-ค่าเสื่อมราคา-ค่าตัดจำหน่ายสูงขึ้นจากการขยายโครงข่าย แต่ยังจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.42 บาท ขึ้น XD วันที่ 25 ก.ค.นี้
นายชวิต แสงอุดมเลิศ หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2559 ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนของปี 2559 ในอัตราหุ้นละ 0.42 บาท (ก่อนหักภาษี ณ ที่จ่าย) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 994,480,620 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 25 ก.ค.2559 และกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 10 ส.ค.2559
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2559 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,397.02 ล้านบาท ลดลง 2,270.37 ล้านบาท หรือลดลง 61.91% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,667.39 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินการไตรมาส 2/59 บริษัทมีกำไรสุทธิ 141 ล้านบาท ลดลง 1,234 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลง 90% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ จำนวน 1,375 ล้านบาท และลดลง 89% จากไตรมาสก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,256 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ลดลง และค่าใช้จ่ายพิเศษในการปรับโครงสร้างจำนวน 394 ล้านบาท รวมทั้งมีค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายที่สูงขึ้นตามการลงทุนที่เพิ่มขึ้น เพื่อขยายพื้นที่การให้บริการ และพัฒนาคุณภาพโครงข่าย
โดยงวดไตรมาส 2/59 บริษัทมี EBITDA อยู่ที่ 6,606 ล้านบาท ลดลง 1.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่เกิดจากรายได้จากการบริการที่ลดลง และผลขาดทุนจากการจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมีค่าใช้จ่ายด้านโครงข่ายและค่าใช้จ่ายในการตลาดที่สูงขึ้น ซึ่งบางส่วนได้ชดเชยโดยค่าธรรมเนียม และส่วนแบ่งรายได้ที่ลดลง รวมถึงมีการลดค่าใช้จ่ายจากโปรแกรมการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการพิเศษทางบัญชี จะทำให้รายได้จากการบริการระบบเติมเงินลดลง 164 ล้านบาท ดังนั้นจะทำให้บริษัทมี EBITDA อยู่ที่ 6,770 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วน EBITDA margin ในไตรมาส 2/59 อยู่ที่ 33.4% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 30.7% และลดลงจากไตรมาส 1/59 อยู่ที่ 33.8% โดยเป็นผลมาจากการให้ส่วนลดค่าเครื่องโทรศัพท์มากขึ้น ซึ่งบางส่วนได้ชดเชยด้วยค่าธรรมเนียม
ขณะที่งวดไตรมาส 2/59 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 19,799 ล้านบาท ลดลง 9.75% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 21,924 ล้านบาท และลดลง 8.7% จากไตรมาส 1/59 โดยส่วนใหญ่เกิดจากรายได้จากบริการเสียง และรายได้จากการจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์ลดลง ขณะที่รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) อยู่ที่ 16,038 ล้านบาท ลดลง 2.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ยังมีการบันทึกรายการพิเศษทางบัญชี ทำให้รายได้จากบริการระบบเติมเงินลดลง 164 ล้านบาท
อีกทั้งบริษัทมีรายได้จากบริการเสียงอยู่ที่ 5,831 ล้านบาท ลดลง 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนมาใช้อินเทอร์เน็ตแทนบริการเสียง ขณะเดียวกันบริษัทมีรายได้จากบริการข้อมูลอยู่ที่ 8,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลมาจากสัดส่วนของผู้ใช้สมาร์ทโฟนต่อฐานลูกค้ารวม และปริมาณการใช้งานอินเตอร์เน็ตที่สูงขึ้นจากการมีโครงข่าย 4G/3G ที่มีคุณภาพที่ดีขึ้นและการบริโภคคอนเทนต์เสียงและวิดีโอแบบสตรีมมิ่งซึ่งกำลังเติบโต สำหรับรายได้จากบริการข้ามแดนอัตโนมัติอยู่ที่ 321 ล้านบาท ลดลง 4.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากการแข่งขันในตลาด
นอกจากนี้ รายได้จากการให้บริการอื่น ประกอบด้วย จากการบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ (IDD) และค่าธรรมเนียมการให้บริการต่างๆ อยู่ที่ 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เพราะการเติบโตของรายได้จากบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ ส่วนรายได้จากค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) อยู่ที่ 1,157 ล้านบาทลดลง 28% จากปีก่อน เนื่องจากมีการปรับลดอัตราค่าเชื่อมต่อโครงข่ายลงมาอยู่ที่ 0.34 บาทต่อนาที จากเดิมอยู่ที่ 0.45 บาท เริ่มเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2558
รวมถึงรายได้จากการจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์และชุดเลขหมาย ในงวดไตรมาส 2/59 อยู่ที่ 2,331 ล้านบาท ลดลง 39% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการให้ส่วนลดค่าเครื่องโทรศัพท์ที่มากขึ้น รวมทั้งจำนวนไอโฟนที่ขายได้ลดลง ซึ่งบริษัทมีผลขาดทุนจากการจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์และชุดเลขหมายในไตรมาส 2/59 อยู่ที่ 754 ล้านบาท เนื่องจากให้ส่วนลดค่าเครื่องในตลาดลูกค้าระบบเติมเงินที่มากขึ้น เพื่อสนับสนุนให้ผู้ใช้บริการเปลี่ยนจากการใช้โครงข่าย 2G เป็น 3G/4G
นายชวิต กล่าวต่อว่า บริษัทได้ปรับประมาณการรายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน เพื่อเป็นการสะท้อนผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2559 และเพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มสถานการณ์ตลาดในครึ่งปีหลังของปี 2559 อีกทั้งยังได้ปรับประมาณการ EBITDA margin เป็น 31-33% เนื่องจากมีการให้ส่วนลดค่าเครื่อง ขณะเดียวกันบริษัทยังคงประมาณการเงินลงทุนไว้อยู่ที่ระดับ 20,000 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2558
สำหรับภาวะอุตสาหกรรมธุรกิจโทรคมนาคมในปี 2559 มองว่าตลาดบริการโทรคมนาคมยังคงมีแนวโน้มแข่งขันอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลังของปี 2559 โดยคาดว่าผู้ให้บริการจะใช้ข้อเสนอเครื่องโทรศัพท์ในการสร้างฐานลูกค้า และคาดว่าการให้ส่วนลดค่าเครื่องโทรศัพท์ในกลุ่มลูกค้าระบบเติมเงินยังคงมีการดำเนินการอยู่ในตลาด
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาภาพลักษณ์ของแบรนด์และโครงข่ายให้ดีขึ้น โดยบริษัทจะมุ่งมั่นที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และเน้นให้การนำเสนอความคุ้มค่าให้กับลูกค้า รวมถึงพัฒนาประสบการณ์ใช้งานอินเทอร์เน็ตของลูกค้าด้วยบริการดิจิทัลเช่นบริการ dtac Misic Infinite นอกจากนี้บริษัทยังคงให้ส่วนลดค่าเครื่องโทรศัพท์อย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าผู้ใช้บริการข้อมูล
โดยบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะสร้างฐานผู้ใช้บริการ 4G ในปี 2559 อยู่ที่จำนวน 6 ล้านเลขหมาย หลังจากที่เปิดให้บริการโครงข่าย 4G ในทุกจังหวัด ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2559 รวมทั้งการให้บริการ 4G-1800 MHz ด้วยปริมาณคลื่นความถี่เต็ม 20 MHz ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลแล้ว บริษัทจะพัฒนาโครงข่าย 4G อย่างต่อเนื่องในโครงข่าย 4G-2.1 GHz ในทุกอำเภอทั่วประเทศไทยภายในไตรมาส 3/59
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 (หน้า 28,29)