~~ โดนหักหลัง ดีกว่าชีวิตพังไปตลอดชีวิต ~~ ประสบการณ์รักคนต่างชาติ
สวัสดีคะ วันนี้เจ้าของกระทู้อยากจะแชร์ประกาณ์เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง แบบเล่นจริง เจ็บจริง น้ำตามาเป็นเขื่อนแตก
เริ่มเรื่องเลยนะคะจะได้ไม่เสียเวลา 3 ปีก่อนหน้านี้เจ้าของกระทู้พบรักกับหนุ่มตาน้ำข้าวคนหนึ่งผ่านการแนะนำจากเพื่อน
โดยรวมแล้วดูเค้าเป็นคนดี ดูแลเอาใจใส่เราเป็นอย่างดี ไม่มีเรื่องเรื่องชู้สาวมาทำให้เราลำบากใจ
เค้าย้ายมาทำงานที่เมืองไทยพร้อมกับขอเราแต่งงานหลังจากการคบกันได้สองปี ตอนแรกชีวิตรักของเราและเค้าเหมือนจะไปกันได้ด้วยดี
แต่แล้วเหตุการณ์ที่เหมือนฝันร้ายในชีวิตก็เกิดขึ้น เค้าถูกไล่ออกจาก ซึ่งเรามาทราบที่หลัง หลังจากที่เลิกคบกันว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับใต้สะดือ และมีปัญหากับเมียของเจ้านาย
ตอนนั้นเจ้าของกระทู้ทำงานสายการบินที่สนามบิน และลาออกมาทำงานบริษัทในเวลาทำงานปกติเพื่อที่จะได้มีเวลาอยู่กับเค้าและดูแลเค้ามากขึ้น
หลังจากถูกไล่ออกจากงาน เค้าตกงานเป็นเวลาเกือบ 8 เดือน เงินเดือนทุกบาทของเรา ถูกหารสองในจำนวนเท่าๆกันทุกครั้ง เพื่อใช้ในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ค่าต่อวีซ่า ค่าห้อง ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง จขกท รับผิดชอบทั้งหมด จขกท ไม่มีหนีสินอะไรที่ต้องรับผิดชอบ
หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้คงสงสัยว่าทำไมเค้าไม่กลับบ้านที่ต่างประเทศ
เหตุผลคือ เค้าไม่อยากกลับบ้านและไม่พยายามที่จะกะตือรือร้นที่จะหางานใหม่ที่เมืองไทย จขกท เคยคิดไว้ว่าไหนๆเราก็เคยตกลงจะใช้ชีวิตคู่ด้วยกันแล้ว ก็เลยอดทนทำงาน เพราะคิดว่าเราสองคนจะผ่านมันไปได้
หลังจากที่เค้าถูกไล่ออกจากงาน ช่วงนั้นเราทะเลาะกันบ่อยขึ้น ปัญหาหลักคือเรื่องเงิน เพราะ เราหาเงินเข้าบ้านคนเดียว ในขณะที่เค้ายังใช้ชีวิตอยู่บ้านไปวันๆ ยอมว่าช่วงนั้นเหนื่อยมาก เหนื่อยจากงานนอกบ้านยังต้องกลับบ้านมาทะเลาะกับเค้าอีก
หลังจากนั้นไม่นานเค้าได้งานทำ เงินเดือนเป็นแสน แต่เราก็ยังใช้ชีวิตและทำงานของเราปกติ เราไม่เคยขอเงินจากเค้าคืนเพราะถือว่าเราหามาด้วยกัน เราช่วยเหลือกันตอนที่เราลำบากด้วยกัน
ช่วงที่เค้าทำงานที่ใหม่ เจ้าของกระทู้ได้เปลี่ยนงานกลับมาทำงานสายการบินที่สนามบินอีกครั้งเพราะเป็นงานที่จขกทรัก และได้เลื่อนตำแหน่งที่สูงกว่าเดิม ที่สำคัญเราสามารถใช้สิทธิ์ในการออกตั๋วเครื่องบินราคาพนักงานให้กับแฟนเราได้
แต่งานใหม่นี้แหละที่เค้าเอามาเป็นเหตุผลที่ใช้เลิกกับเรา เค้าเริ่มอ้างว่า เราไม่มีเวลาให้เค้า เรามัวแต่สนใจกับงานมาก ทั้งๆที่เรานั่งรถไปหาเค้าที่ทำงานทุกครั้งที่มีวันหยุด โทรหาทุกวันเพราะกลัวเค้าเหงา เอารถไปให้ใช้เพราะกลัวไปทำงานลำบาก
สุดท้ายกลับขับรถเราไปรับผู้หญิงคนอื่น ซึ่งเรารู้ทีหลังหลังจากเลิกกัน เรายอมรับว่าโง่ และผิดหวังกับตัวเองมากที่ไว้ใจและเชื่อใจเค้าเกินไป ก็เพราะคำว่ารัก สุดท้ายเค้ากลับเอาความรักของเรามาทำร้ายเราเอง
หลังจากทำงานไปได้สามเดือน เค้าเริ่มบ่นอยากลาออกจากงานทิ้งเงินเดือนเป็นแสนเพื่อกลับมาอยู่ กทม ด้วยเหตุผลที่ว่าทนจำนายไม่ได้ แต่ไม่เคยนึกถึงตัวเค้าเองที่ลำบากตอนตกงานมา 8 เดือน เงินเดือนไม่มีเหลือเก็บเพราะหมดไปกับการเลี้ยงผู้หญิง
สุดท้ายเค้าตัดสินใจลาออกจากงานกลับมาอยู่บ้านให้เราเลี้ยงอีกรอบ เราเคยบอกให้เค้าอดทน เพราะเงินเดือนที่เค้าได้ไม่ใช่หากันง่ายๆ อีกอย่างเจ้านายเค้าน่ารักด้วย
หลังจากกลับมาอยู่กทม คราวนี้เราทะเลาะกันมากขึ้น เค้าเลยบอกให้เราย้ายกลับไปอยู่ที่อื่นก่อน ง่ายๆคือ ห่างกันซักพัก เค้าอยากอยู่คนเดียว เค้าเครียด เค้าไม่มีเงิน เราก็ยังแบ่งเงินเดือนให้เค้าใช้เท่ากันกับเรา
เราพยายามรักษาระยะห่างของเค้ากับเราให้คงที่ โทรถามทุกวันว่าเป็นไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นมั้ย แต่คำตอบที่ได้จากเค้าคือ เราไม่สนใจเค้า
เค้าเริ่มเก็บของเราออกจากห้องเค้า ทั้งๆที่เราเป็นคนจ่ายค่าเช่าทุกเดือน เราไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะกลับเข้าไปเก็บของ ของตัวเอง ยอมรับว่าช๊อค แต่เราก็พยายามอดทน เพราะคิดว่าเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก
สุดท้ายเราสองคนก็ไม่สามารถรักษาความสัมพันธ์ของเราไว้ได้ เค้าขอแหวนหมั้นคืน หลังจากที่ก่อนหน้านี้เค้าบอกว่าเค้ายกให้เรา แต่เราไม่อยากเก็บไว้เพราะคิดว่ามันจะเป็นข้อผูกมัดเรา
ช่วงที่เลิกกันใหม่เราโทษตัวเองมาตลอดว่าที่เค้าเลิกกับเรา เพราะเราทำงานจนไม่มีเวลาให้เค้าจริงๆ แต่งานของเรามันเป็นรอสเตอร์ วันไหนไฟล์ทดีเลย์ เวลาที่จะได้กลับบ้านก็เลื่อนไปอีก แต่จริงๆเหตุผลที่เค้าอยากเลิกกับเรา ไม่ใช่เพราะเรื่องงานของเรา
เราเองเพิ่งมารู้ทีหลังว่า เค้ามีคนอื่นตั้งแต่ได้งานที่ใหม่ รวมไปถึงตอนที่เรายังคบกันอยู่ ที่สำคัญเค้ามีผู้หญิงใหม่ทันทีที่เค้ากลับมา กทม เค้าพาผู้หญิงคนนั้นมานอนที่คอนโด ที่ๆ เราเช่าไว้ให้เค้าอยู่ เจ็บปวดที่สุดในชีวิต เราร้องไห้แค่ครั้งเดียว เพราะก่อนหน้านั้นเราก็เหนื่อยและอดทนเต็มที่แล้ว
หลังจากที่เค้าบอกเลิกเรา เราได้งานใหม่เป็นแอร์สายตะวันออกกลางแห่งชาติสายหนึ่ง ช่วงที่รอไปเทรนงานเป็นช่วงที่เรามีความสุขมาก
เค้าเองก็เงียบหายไป และย้ายออกจากคอนโด ไปอยู่บ้านผู้หญิงคนนั้น ซึ่งเรามารู้ทีหลัง (อีกแล้ว) เราเองก็ไม่ได้ติดต่อเค้าอีกเลย
เราเลิกกับเค้าเดือนตุลา พอต้นเดือน พฤษภา เราก็ได้รับเมสเสจจากเค้าว่าเค้าลำบากมาก เมียใหม่ของเค้าคลอดลูก ลูกไม่แข็งแรง ซึ่งถ้านับดีดี เมียใหม่เค้าท้องก่อนที่เราจะเลิกกันซะอีก แสบมากผู้ชายคนนี้
เค้าพยายามจะติดต่อเราเพื่อให้เราซื้อตั๋วราคาพนักงานให้เค้ากลับบ้าน แต่เราไม่เคยให้ความช่วยเหลือเค้าอีกเลย จะว่าจขกทใจดำก็ได้คะ แต่เราเจ็บมาก เจ็บจนให้อภัยเค้าไม่ได้
เพื่อนๆ ทุกคนดีใจมากที่เราเลิกกันได้ เพราะเค้าเห็นเราร้องไห้บ่อยมาก สุดท้ายชีวิตผู้ชายคนนี้เค้าก็ไม่เหลืออะไร อยู่บ้านเช่าให้เมียใหม่หาเลี้ยงเหมือนเดิม ได้ข่าวว่าพาลูกกะเตงไปของานทำจากที่ทำงานเก่าทีถูกไล่ออกมา โทรมาให้เราช่วยพูดกับเจ้านายเก่าให้ เพราะเมียเค้ากับเค้าเอ็นดูเรา แต่เราปฎิเสธไปคะ เพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนคนนี้อีก
หลังจากที่เจ้าของกระทู้เลิกกับหนุ่มคนนี้ก็ใช้ชีวิตโสดตามปกติ ถามว่าคนมาจีบ บอกเลยว่าไม่มี 555 เพราะเราไม่ใช่สเปคหนุ่มไทยเลย เจ้าของกระทู้ออกแนว สาวใหญ่ไซส์ฝรั่ง สูง 168 อวบนิดๆ หน้าแขกๆ แถมผิวออกไปทางสีน้ำผึ้ง อีกต่างหาก 55 จขกทใช้ชีวิตโสดทำงานไปเรื่อยๆ เกือบหนึ่งปี
หลังจากที่เลิกกันแล้วช่วงที่เจ้าของกระทู้รอ ไปเทรนเพื่อเป็นแอร์ให้สายการบินตะวันออกกลางสายนึง ซึ่งตอนหลัง งานแอร์ที่ได้ถูกยกเลิก เคราะห์ซ้ำกรรมซัดมากคะช่วงนี้ ( โชคดีที่รอดมาได้ )
เจ้าของกระทู้เลยได้งานใหม่ ซึ่ง เป็นงานสายการบิน ที่ทำให้เจ้าของกระทู้ได้เจอ กับสามีคนปัจจุบัน
พี่คนนี้เป็นหนุ่มใหญ่ชาวต่างชาติ ตอนนั้น อายุ 46 ปี ซึ่งเจ้าของกระทู้อายุ 26 ปีเองคะ สรุปแล้วเราอายุห่างกัน 20ปี ไม่ต้องตกใจ 20 ปี จริงๆ 55
ตอนแรกที่เราคุยกันเราเริ่มความสัมพันธ์จากความเป็นเพื่อนเพราะจขกทยังเข็ดอยู่กับรักครั้งที่แล้ว แต่เราเองก็เปิดใจ เปิดอกคุยและเล่าเรื่องความรักที่ผ่านมาให้เค้าฟัง เพราะจขกทคิดว่าถ้าเค้ารับเราไม่ได้กับความสัมพันธ์ครั้งเก่าของเรา ทั้งเค้าและเราจะได้ไม่เสียเวลากันทั้งคู่
หนุ่มใหญ่สามีของจขกท เคยมาทำงานที่เมืองไทย 1 ปี ดูแลบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในเมืองไทย แถมยังเป็นลูกค้าระดับพรีเมี่ยมของเราสายการบินที่เราทำงานอยู่ด้วย ( ซึ่งเรามารู้ทีหลัง 555 ตอนหลังฮีไม่ให้ใคร เซอร์วิจเลยนอกจากเรา 555 )
และการที่ฮีมาประจำอยู่ที่ไทยนี่แหละที่ทำให้เราได้เจอกัน เราเจอกันครั้งแรกที่ออฟฟิตสายการบินที่เราทำงานอยู่ เพราะฮีเป็นลูกค้า ระดับ พรีเมียมกับ Business Class ที่บิน รูท UK บ่อยมาก
ทุกๆ 6 อาทิตย์ เพราะ บริษัทแม่ส่งมาคุมระบบขนส่งสินค้าที่ไทยปีนึง
ปกติสามีจะให้เลขาโทรมาจองรถ ลิมูซีนเอง แต่วันนั้น สามีมาประชุมแถวๆ ออฟฟิต เลยได้เข้ามาจองด้วยตัวเอง
เราก็ทำงานดูแลลูกค้าหน้าเคาเตอร์ จนมาถึงคิวสามี ตอนนั้นแต่งตัวแบบ Business man มาเลย
เกร็งมากตอนนั้น กลัวทำอะไรพลาด ยิ่งชาตินี้ด้วยต้องเป๊ะ คุณเค้าไม่เรื่องมาก Offer อะไร โอเคหมด จนติดเคสที่ยัง Confirm รถรับส่งให้ไม่ได้ เลยขอเบอร์ติดต่อกลับไป จนคุยเคสให้เสร็จหมดทุกอย่าง
จนตอนหลัง กลายเป็นว่าต้องมาให้เราช่วยดู Booking กับ Member ให้ตลอด จะอัพเกรด เปลี่ยนเวลารถ ดีดเมล์มาให้ทำให้ตลอด ใช้จนคุ้มอ่ะคะ 555
หลังจากนั้น มีการชวนไปออกดื่มกาแฟแถว เอมโพเรียม ครั้งแรก เราออกค่ากาแฟให้ สงสังจะลืมเลยไม่ได้ทวง ค่ากาแฟ 555
ล้อสามีเรื่องค่ากาแฟมาจนถึงวันนี้ 55 จนสามีต้องบอก ทุกวันนี้ชั้นให้เธอเกินราคาค่ากาแฟแล้วนะ 555
ตอนนี้ จขกท แต่งงาน ได้งานใหม่ และ ย้ายตามพ่อบ้านมาอยู่ต่างประเทศแล้วคะ
ชีวิตตอนนี้มีความสุขมาก และไม่เคยเสียใจ หรือน้อยใจว่า ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้นกับเรา
เพราะในทางที่กลับกัน ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เราคงไม่มีบทเรียนชีวิตและข้อคิด ที่สามารถนำมาใช้เตือนสติที่ดี กับตัวเองได้
และที่สำคัญ คงไม่ได้เจอตัวจริง อย่าง สามีคนนี้ที่เป็นได้ ทุกอย่าง ของ จขกท จริงๆ
จขกท อยากขอเป็นกำลังใจให้คนที่เคยโดนหักหลังในเรื่องความรัก ขอให้คุณอดทน รักตัวเอง
มีสติกับการใช้ชีวิต และอย่ามัวแต่โทษตัวเอง และ หาสาเหตุของเรื่องที่เกิด ใช้เวลาอยู่กับคนที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุขให้มากๆ แล้วสิ่งดีๆ และความสุขจะเข้ามาหาเราเองคะ
ฟ้าหลังฝนย่อมดีเสมอ สู้ๆคะ 💪🏻💪🏻💪🏻
~~ โดนหักหลัง ดีกว่าชีวิตพังไปตลอดชีวิต ~~ ประสบการณ์รักคนต่างชาติ
สวัสดีคะ วันนี้เจ้าของกระทู้อยากจะแชร์ประกาณ์เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง แบบเล่นจริง เจ็บจริง น้ำตามาเป็นเขื่อนแตก
เริ่มเรื่องเลยนะคะจะได้ไม่เสียเวลา 3 ปีก่อนหน้านี้เจ้าของกระทู้พบรักกับหนุ่มตาน้ำข้าวคนหนึ่งผ่านการแนะนำจากเพื่อน
โดยรวมแล้วดูเค้าเป็นคนดี ดูแลเอาใจใส่เราเป็นอย่างดี ไม่มีเรื่องเรื่องชู้สาวมาทำให้เราลำบากใจ
เค้าย้ายมาทำงานที่เมืองไทยพร้อมกับขอเราแต่งงานหลังจากการคบกันได้สองปี ตอนแรกชีวิตรักของเราและเค้าเหมือนจะไปกันได้ด้วยดี
แต่แล้วเหตุการณ์ที่เหมือนฝันร้ายในชีวิตก็เกิดขึ้น เค้าถูกไล่ออกจาก ซึ่งเรามาทราบที่หลัง หลังจากที่เลิกคบกันว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับใต้สะดือ และมีปัญหากับเมียของเจ้านาย
ตอนนั้นเจ้าของกระทู้ทำงานสายการบินที่สนามบิน และลาออกมาทำงานบริษัทในเวลาทำงานปกติเพื่อที่จะได้มีเวลาอยู่กับเค้าและดูแลเค้ามากขึ้น
หลังจากถูกไล่ออกจากงาน เค้าตกงานเป็นเวลาเกือบ 8 เดือน เงินเดือนทุกบาทของเรา ถูกหารสองในจำนวนเท่าๆกันทุกครั้ง เพื่อใช้ในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ค่าต่อวีซ่า ค่าห้อง ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง จขกท รับผิดชอบทั้งหมด จขกท ไม่มีหนีสินอะไรที่ต้องรับผิดชอบ
หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้คงสงสัยว่าทำไมเค้าไม่กลับบ้านที่ต่างประเทศ
เหตุผลคือ เค้าไม่อยากกลับบ้านและไม่พยายามที่จะกะตือรือร้นที่จะหางานใหม่ที่เมืองไทย จขกท เคยคิดไว้ว่าไหนๆเราก็เคยตกลงจะใช้ชีวิตคู่ด้วยกันแล้ว ก็เลยอดทนทำงาน เพราะคิดว่าเราสองคนจะผ่านมันไปได้
หลังจากที่เค้าถูกไล่ออกจากงาน ช่วงนั้นเราทะเลาะกันบ่อยขึ้น ปัญหาหลักคือเรื่องเงิน เพราะ เราหาเงินเข้าบ้านคนเดียว ในขณะที่เค้ายังใช้ชีวิตอยู่บ้านไปวันๆ ยอมว่าช่วงนั้นเหนื่อยมาก เหนื่อยจากงานนอกบ้านยังต้องกลับบ้านมาทะเลาะกับเค้าอีก
หลังจากนั้นไม่นานเค้าได้งานทำ เงินเดือนเป็นแสน แต่เราก็ยังใช้ชีวิตและทำงานของเราปกติ เราไม่เคยขอเงินจากเค้าคืนเพราะถือว่าเราหามาด้วยกัน เราช่วยเหลือกันตอนที่เราลำบากด้วยกัน
ช่วงที่เค้าทำงานที่ใหม่ เจ้าของกระทู้ได้เปลี่ยนงานกลับมาทำงานสายการบินที่สนามบินอีกครั้งเพราะเป็นงานที่จขกทรัก และได้เลื่อนตำแหน่งที่สูงกว่าเดิม ที่สำคัญเราสามารถใช้สิทธิ์ในการออกตั๋วเครื่องบินราคาพนักงานให้กับแฟนเราได้
แต่งานใหม่นี้แหละที่เค้าเอามาเป็นเหตุผลที่ใช้เลิกกับเรา เค้าเริ่มอ้างว่า เราไม่มีเวลาให้เค้า เรามัวแต่สนใจกับงานมาก ทั้งๆที่เรานั่งรถไปหาเค้าที่ทำงานทุกครั้งที่มีวันหยุด โทรหาทุกวันเพราะกลัวเค้าเหงา เอารถไปให้ใช้เพราะกลัวไปทำงานลำบาก
สุดท้ายกลับขับรถเราไปรับผู้หญิงคนอื่น ซึ่งเรารู้ทีหลังหลังจากเลิกกัน เรายอมรับว่าโง่ และผิดหวังกับตัวเองมากที่ไว้ใจและเชื่อใจเค้าเกินไป ก็เพราะคำว่ารัก สุดท้ายเค้ากลับเอาความรักของเรามาทำร้ายเราเอง
หลังจากทำงานไปได้สามเดือน เค้าเริ่มบ่นอยากลาออกจากงานทิ้งเงินเดือนเป็นแสนเพื่อกลับมาอยู่ กทม ด้วยเหตุผลที่ว่าทนจำนายไม่ได้ แต่ไม่เคยนึกถึงตัวเค้าเองที่ลำบากตอนตกงานมา 8 เดือน เงินเดือนไม่มีเหลือเก็บเพราะหมดไปกับการเลี้ยงผู้หญิง
สุดท้ายเค้าตัดสินใจลาออกจากงานกลับมาอยู่บ้านให้เราเลี้ยงอีกรอบ เราเคยบอกให้เค้าอดทน เพราะเงินเดือนที่เค้าได้ไม่ใช่หากันง่ายๆ อีกอย่างเจ้านายเค้าน่ารักด้วย
หลังจากกลับมาอยู่กทม คราวนี้เราทะเลาะกันมากขึ้น เค้าเลยบอกให้เราย้ายกลับไปอยู่ที่อื่นก่อน ง่ายๆคือ ห่างกันซักพัก เค้าอยากอยู่คนเดียว เค้าเครียด เค้าไม่มีเงิน เราก็ยังแบ่งเงินเดือนให้เค้าใช้เท่ากันกับเรา
เราพยายามรักษาระยะห่างของเค้ากับเราให้คงที่ โทรถามทุกวันว่าเป็นไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นมั้ย แต่คำตอบที่ได้จากเค้าคือ เราไม่สนใจเค้า
เค้าเริ่มเก็บของเราออกจากห้องเค้า ทั้งๆที่เราเป็นคนจ่ายค่าเช่าทุกเดือน เราไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะกลับเข้าไปเก็บของ ของตัวเอง ยอมรับว่าช๊อค แต่เราก็พยายามอดทน เพราะคิดว่าเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก
สุดท้ายเราสองคนก็ไม่สามารถรักษาความสัมพันธ์ของเราไว้ได้ เค้าขอแหวนหมั้นคืน หลังจากที่ก่อนหน้านี้เค้าบอกว่าเค้ายกให้เรา แต่เราไม่อยากเก็บไว้เพราะคิดว่ามันจะเป็นข้อผูกมัดเรา
ช่วงที่เลิกกันใหม่เราโทษตัวเองมาตลอดว่าที่เค้าเลิกกับเรา เพราะเราทำงานจนไม่มีเวลาให้เค้าจริงๆ แต่งานของเรามันเป็นรอสเตอร์ วันไหนไฟล์ทดีเลย์ เวลาที่จะได้กลับบ้านก็เลื่อนไปอีก แต่จริงๆเหตุผลที่เค้าอยากเลิกกับเรา ไม่ใช่เพราะเรื่องงานของเรา
เราเองเพิ่งมารู้ทีหลังว่า เค้ามีคนอื่นตั้งแต่ได้งานที่ใหม่ รวมไปถึงตอนที่เรายังคบกันอยู่ ที่สำคัญเค้ามีผู้หญิงใหม่ทันทีที่เค้ากลับมา กทม เค้าพาผู้หญิงคนนั้นมานอนที่คอนโด ที่ๆ เราเช่าไว้ให้เค้าอยู่ เจ็บปวดที่สุดในชีวิต เราร้องไห้แค่ครั้งเดียว เพราะก่อนหน้านั้นเราก็เหนื่อยและอดทนเต็มที่แล้ว
หลังจากที่เค้าบอกเลิกเรา เราได้งานใหม่เป็นแอร์สายตะวันออกกลางแห่งชาติสายหนึ่ง ช่วงที่รอไปเทรนงานเป็นช่วงที่เรามีความสุขมาก
เค้าเองก็เงียบหายไป และย้ายออกจากคอนโด ไปอยู่บ้านผู้หญิงคนนั้น ซึ่งเรามารู้ทีหลัง (อีกแล้ว) เราเองก็ไม่ได้ติดต่อเค้าอีกเลย
เราเลิกกับเค้าเดือนตุลา พอต้นเดือน พฤษภา เราก็ได้รับเมสเสจจากเค้าว่าเค้าลำบากมาก เมียใหม่ของเค้าคลอดลูก ลูกไม่แข็งแรง ซึ่งถ้านับดีดี เมียใหม่เค้าท้องก่อนที่เราจะเลิกกันซะอีก แสบมากผู้ชายคนนี้
เค้าพยายามจะติดต่อเราเพื่อให้เราซื้อตั๋วราคาพนักงานให้เค้ากลับบ้าน แต่เราไม่เคยให้ความช่วยเหลือเค้าอีกเลย จะว่าจขกทใจดำก็ได้คะ แต่เราเจ็บมาก เจ็บจนให้อภัยเค้าไม่ได้
เพื่อนๆ ทุกคนดีใจมากที่เราเลิกกันได้ เพราะเค้าเห็นเราร้องไห้บ่อยมาก สุดท้ายชีวิตผู้ชายคนนี้เค้าก็ไม่เหลืออะไร อยู่บ้านเช่าให้เมียใหม่หาเลี้ยงเหมือนเดิม ได้ข่าวว่าพาลูกกะเตงไปของานทำจากที่ทำงานเก่าทีถูกไล่ออกมา โทรมาให้เราช่วยพูดกับเจ้านายเก่าให้ เพราะเมียเค้ากับเค้าเอ็นดูเรา แต่เราปฎิเสธไปคะ เพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนคนนี้อีก
หลังจากที่เจ้าของกระทู้เลิกกับหนุ่มคนนี้ก็ใช้ชีวิตโสดตามปกติ ถามว่าคนมาจีบ บอกเลยว่าไม่มี 555 เพราะเราไม่ใช่สเปคหนุ่มไทยเลย เจ้าของกระทู้ออกแนว สาวใหญ่ไซส์ฝรั่ง สูง 168 อวบนิดๆ หน้าแขกๆ แถมผิวออกไปทางสีน้ำผึ้ง อีกต่างหาก 55 จขกทใช้ชีวิตโสดทำงานไปเรื่อยๆ เกือบหนึ่งปี
หลังจากที่เลิกกันแล้วช่วงที่เจ้าของกระทู้รอ ไปเทรนเพื่อเป็นแอร์ให้สายการบินตะวันออกกลางสายนึง ซึ่งตอนหลัง งานแอร์ที่ได้ถูกยกเลิก เคราะห์ซ้ำกรรมซัดมากคะช่วงนี้ ( โชคดีที่รอดมาได้ )
เจ้าของกระทู้เลยได้งานใหม่ ซึ่ง เป็นงานสายการบิน ที่ทำให้เจ้าของกระทู้ได้เจอ กับสามีคนปัจจุบัน
พี่คนนี้เป็นหนุ่มใหญ่ชาวต่างชาติ ตอนนั้น อายุ 46 ปี ซึ่งเจ้าของกระทู้อายุ 26 ปีเองคะ สรุปแล้วเราอายุห่างกัน 20ปี ไม่ต้องตกใจ 20 ปี จริงๆ 55
ตอนแรกที่เราคุยกันเราเริ่มความสัมพันธ์จากความเป็นเพื่อนเพราะจขกทยังเข็ดอยู่กับรักครั้งที่แล้ว แต่เราเองก็เปิดใจ เปิดอกคุยและเล่าเรื่องความรักที่ผ่านมาให้เค้าฟัง เพราะจขกทคิดว่าถ้าเค้ารับเราไม่ได้กับความสัมพันธ์ครั้งเก่าของเรา ทั้งเค้าและเราจะได้ไม่เสียเวลากันทั้งคู่
หนุ่มใหญ่สามีของจขกท เคยมาทำงานที่เมืองไทย 1 ปี ดูแลบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในเมืองไทย แถมยังเป็นลูกค้าระดับพรีเมี่ยมของเราสายการบินที่เราทำงานอยู่ด้วย ( ซึ่งเรามารู้ทีหลัง 555 ตอนหลังฮีไม่ให้ใคร เซอร์วิจเลยนอกจากเรา 555 )
และการที่ฮีมาประจำอยู่ที่ไทยนี่แหละที่ทำให้เราได้เจอกัน เราเจอกันครั้งแรกที่ออฟฟิตสายการบินที่เราทำงานอยู่ เพราะฮีเป็นลูกค้า ระดับ พรีเมียมกับ Business Class ที่บิน รูท UK บ่อยมาก
ทุกๆ 6 อาทิตย์ เพราะ บริษัทแม่ส่งมาคุมระบบขนส่งสินค้าที่ไทยปีนึง
ปกติสามีจะให้เลขาโทรมาจองรถ ลิมูซีนเอง แต่วันนั้น สามีมาประชุมแถวๆ ออฟฟิต เลยได้เข้ามาจองด้วยตัวเอง
เราก็ทำงานดูแลลูกค้าหน้าเคาเตอร์ จนมาถึงคิวสามี ตอนนั้นแต่งตัวแบบ Business man มาเลย
เกร็งมากตอนนั้น กลัวทำอะไรพลาด ยิ่งชาตินี้ด้วยต้องเป๊ะ คุณเค้าไม่เรื่องมาก Offer อะไร โอเคหมด จนติดเคสที่ยัง Confirm รถรับส่งให้ไม่ได้ เลยขอเบอร์ติดต่อกลับไป จนคุยเคสให้เสร็จหมดทุกอย่าง
จนตอนหลัง กลายเป็นว่าต้องมาให้เราช่วยดู Booking กับ Member ให้ตลอด จะอัพเกรด เปลี่ยนเวลารถ ดีดเมล์มาให้ทำให้ตลอด ใช้จนคุ้มอ่ะคะ 555
หลังจากนั้น มีการชวนไปออกดื่มกาแฟแถว เอมโพเรียม ครั้งแรก เราออกค่ากาแฟให้ สงสังจะลืมเลยไม่ได้ทวง ค่ากาแฟ 555
ล้อสามีเรื่องค่ากาแฟมาจนถึงวันนี้ 55 จนสามีต้องบอก ทุกวันนี้ชั้นให้เธอเกินราคาค่ากาแฟแล้วนะ 555
ตอนนี้ จขกท แต่งงาน ได้งานใหม่ และ ย้ายตามพ่อบ้านมาอยู่ต่างประเทศแล้วคะ
ชีวิตตอนนี้มีความสุขมาก และไม่เคยเสียใจ หรือน้อยใจว่า ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้นกับเรา
เพราะในทางที่กลับกัน ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เราคงไม่มีบทเรียนชีวิตและข้อคิด ที่สามารถนำมาใช้เตือนสติที่ดี กับตัวเองได้
และที่สำคัญ คงไม่ได้เจอตัวจริง อย่าง สามีคนนี้ที่เป็นได้ ทุกอย่าง ของ จขกท จริงๆ
จขกท อยากขอเป็นกำลังใจให้คนที่เคยโดนหักหลังในเรื่องความรัก ขอให้คุณอดทน รักตัวเอง
มีสติกับการใช้ชีวิต และอย่ามัวแต่โทษตัวเอง และ หาสาเหตุของเรื่องที่เกิด ใช้เวลาอยู่กับคนที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุขให้มากๆ แล้วสิ่งดีๆ และความสุขจะเข้ามาหาเราเองคะ
ฟ้าหลังฝนย่อมดีเสมอ สู้ๆคะ 💪🏻💪🏻💪🏻