สวัสดีครับ ยาวหน่อยนะครับทริปนี้ ต่อเนื่องจากโพสเก่า โพสที่แล้วเราไป ทับเบิกกันมาครับ
http://pantip.com/topic/35340682
การเดินทางไปเกาะช้างในครั้งนี้ เริ่มวางแผนกันไว้เมื่อประมาณ 1 เดือนก่อนหน้าครับ กลุ่มสายฟ้าไม่ได้ออกรอบกันนานแล้ว จึงเริ่มโหวตกันว่าเราจะไปที่ไหนดี หวยมาออกที่เกาะช้างครับ เนื่องจากเป็นหน้าร้อนขี่รถไปโดดทะเลกันน่าจะเข้าท่า ระยะทางขานึงประมาณ 390 กม. ทำให้สมาชิกบางคนก็เริ่มยิ้มแหย แต่ก็สู้ได้อยู่ทุกคนครับ
พวกผมก็จัดแจงจองที่พัก แต่เนิ่นๆ เพราะว่าช่วงที่เดินทางไปนั้นเป็นวันหยุดยาวพอดี และรัฐบาลคืนความสุขประกาศหยุดเพิ่มให้อีก 1 วัน เป็น หยุดยาว 5 วัน พวกผมวางแผนกันไว้แค่ 3 วันสองคืนครับ
เนื่องจากเป็นทริปที่ใช้ มอเตอร์ไซค์กันเป็นหลัก และพี่ก้อยแฟนพี่เต้ยและลูกๆ อีก 2 คนไปด้วย พี่ก้อยจึงต้องเอารถยนต์ไป พวกแว๊นอย่างผมและเพื่อนๆ ก็ยิ้มดิ มีรถใส่กระเป๋า แล้วโว้ยยยยย ไม่ต้องขี่สะพายเป้กันแล้ว จัดแจงปรับระบบกันสะเทือนใหม่เป็นนั่งคนเดียว ใส่ครอบเบาะเหลือที่นั่งเดียว ถอดพักเท้าคนซ้อนออก ไล่เมียไปนั่งตากแอร์สบายๆ ในรถเซอร์วิส สภาพรถผมตอนนี้นี่พร้อมซิ่งมากเลยฮะ
สองวันก่อนเดินทาง สมาชิกทุกคนก็ไล่เช็คสภาพรถ เตรียมความพร้อมกันอย่างเต็มพิกัด ราวกับว่าจะขี่รถไปยุโรปกัน คืนก่อนเดินทาง สมาชิกเอาเป้สัมภาระไปฝากไว้ที่บ้านพี่เต้ย เพื่อนำขึ้นรถเซอร์วิส
ตี 4 ออกเดินทาง นัดเจอกันที่บ้านผม 4 คัน ประกอบด้วย ผม, ช่างจิ๊ฟ, บอลทนาย และพี่เต้ย รถเซอร์วิสประกอบไปด้วย พี่ก้อย , ลูกศร , ณภัทร, พีเจ และออยจัง
ออกเดินทางแยกกันไปคนละทางครับ ช่วงนี้ตัดเรื่องรถเซอร์วิสไปก่อนเลย
แก๊งแว๊น ไปรับด๊อลที่ปั๊มตรงมีนบุรี แล้ว พวกเราก็พุ่งตรงไปยังเส้นบางนาตราด ถนนเส้นบางนาตราดช่วงนี้ยังซ่อมไม่เสร็จดี ขี่กันไม่เร็วมากเท่าไร เพราะว่าต้องคอยหลบหลุม หลบคอสะพาน แหวกรถบรรทุกในช่วงเช้ามืดไปเรื่อยๆ

ไปแวะพักกันหนึ่งครั้งตรงปั๊มที่เลยนิคมอมตะนครไปหน่อยนึง ก่อนจะยิงยาวๆ ไประยองกัน ตอนนี้พระอาทิตย์ขึ้นแล้วครับ ถนนช่วงพัทยาระยองเช้าๆ นี่สวยมากครับ คาดการณ์กันเอาไว้ก่อนมาว่า อากาศน่าจะร้อนขี้แตกแน่นอน แต่กลับผิดคาดมากครับ อากาศเย็นสบาย มองเห็นหมอกเรี่ยพื้นถนนบางๆ สวยงามเหลือเกิน
ช่วงนี้เริ่มทำความเร็วขึ้นได้บ้างแล้ว ขี่กันมันมากครับ เลยเมืองระยองได้หน่อยนึงเท่านั้นแหละ ฝนตก เม็ดใหญ่มากครับ เปียกปอนไปพอสมควร ตาเต้ยเป็นคนนำขบวนช่วงนี้ สังเกตุรถที่สวนมาว่าหลังคายังแห้ง ไม่เปียก จึงตัดสินใจพาน้องๆ ฝ่าฝนไปเกือบ 10 กิโล แล้วมันก็หยุดตกจริงๆ ครับ แดดเปรี้ยงเลย น้องๆ ดีใจ ไม่ต้องเปียกยันไข่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
สิบโมงกว่าๆ เดินทางมาถึง จ. จันทรบุรี แวะทานข้าวกันครับ เจอขุมทรัพย์ใหม่ เป็นเหมือนโรงอาหาร ข้าวราดแกงราคาถูกดีครับ 30-35 บาท แถมอร่อยด้วย สมาชิกบางคนถึงกับมีเบิ้ลครับ ผมปักหมุดไว้เรียบร้อย คราวหน้ามาได้แวะกินใหม่ ทุกคนตะลึงกับการกินไข่ของบอลทนายมากครับ มื้อเช้าชัดไข่ดาวไปเพียวๆ

4 ฟอง เขร้หลังจากนั้นท้องอิ่ม เช็คระยะทางจาก GPS แล้ว อีก 85 กม. ถึงท่าเรือ รอบนี้สายมืดเข้าสิงครับ ถนนโล่ง โค้งส่วนใหญ่จากเมืองจันทรบุรี ถึง ท่าเรือข้ามไปเกาะช้างเป็น โค้งไฮสปีดครับ มันสิทีนี้ ยัดกันในความเร็วสูงตลอดทาง ระหว่างทางเจอมอเตอร์ไซค์ขี่มาเป็นกลุ่มๆ คาดว่าจะมาเที่ยวที่เดียวกัน โบกมือ ยกนิ้วโป้ง ผนกหัว ทักทายกันตามประสาคอเดียวกันไปตลอดทาง พวกผมก็แซงขึ้นมาเรื่อยๆ
จนมาถึงแยกก่อนเลี้ยวเข้าท่าเรือเกาะช้าง แวะเติมน้ำมันก่อนข้ามฝาก ณ เวลาเดียวกันนี้ รถเซอร์วิสกำลังข้ามเรือไปรอที่อีกฝั่งนึงแล้วครับ เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว รถที่ต่อคิวรอข้ามเรือเยอะมากครับ ยาวออกมาถึงถนนด้านนอก จากการคาดคะเนของผมคิดว่าน่าจะราวๆ 1 - 2 กม. ได้ สำหรับการต่อคิว แต่มารถเครื่องง่ะ ไม่ต้องต่อคิว ขี่แทรกไปเรื่อย ๆ ไปซื้อตั๋วรอขึ้นเรือได้เลย ผมนี่ยิ้มไม่หุบเลยครับ ตอนเลี้ยวเข้าท่าเรือนะ เสียงเครื่องยนต์ของรถเพื่อนๆ ผม สะกด ทุกสายตาจริงๆ ครับ หล่อจนไม่อยากถอดหมวกกันน๊อคออกเลย
ขึ้นเรือ ยืนคุย ยืนโม้ กินน้ำกันระหว่างข้ามฝาก พอถึงฝั่งก็รีบขับรถหาโรงแรมที่จองไว้
พวกผมพักที่ วี เจ เรสสิเด้นท์ ครับ ราคาช่างจิ๊ฟหักคอมาได้ในราคา 800 บาท พร้อมอาหารเช้า ต่อห้อง ต่อคืน
สภาพโรงแรมเป็น โรงแรม 3 ดาว ครับ ไม่ได้ดีเด่อะไร ใช้นอนอย่างเดียวเพราะว่าพวกเราจะเที่ยวกันซะเป็นส่วนใหญ่ ห้องใหญ่ดีครับ เตียงไซส์มาตรฐาน ฟูกสปริงสามารถสัมผัสถึงสปริงได้เลยครับ
โรงแรมไม่ได้ติดทะเลครับ แต่สามารถเดินไปได้ 200 เมตร ขณะที่กำลังขับรถมองหาโรงแรมอยู่นั้น พีเจ เมียผมซึ่งนั่งกินข้าวอยู่ในร้านอาหารข้างทาง เห็นกลุ่มผมขับผ่านไปจึงโทรทะลุเข้าหมวกกันน๊อคว่า เลยแล้ว ๆ ๆ ๆ พวกผมก็วกรถกลับมาเจอที่ร้านอาหาร และนี่เป็นการเจอหน้าเมียครั้งแรกตั้งแต่ออกจากกรุงเทพมาครับ ลูกๆ พี่เต้ย วิ่งมาหาพ่อ ภาพเด็กๆ วิ่งมาจูงมือพ่อไปหาแม่ที่โต๊ะช่างงดงามเหลือเกิน เด็กๆ มาเกาะช้างครั้งแรกครับ คงจะตื่นเต้นมากๆ
หลังจากนั้นแวะคุยกันแว๊บนึง เสียงฟ้าร้องมาแต่ไกล ผมเลยเร่งทุกคนให้ออกไปเช็คอินโรงแรมกันก่อน
ลูกๆ พี่เต้ย ไม่นั่งรถเซอร์วิสแล้ว มาซ้อนท้ายพ่อกันเลยทีเดียว แหม การมีครอบครัวนี่มันน่ารักอย่างนี้นี่เอง
ถึงโรงแรม สมาชิกทุกคนเอาของขึ้นห้องกันหมด ที่นอนของเบียร์ ไอ้ช่างจิ๊ฟเดินมาหาผม พร้อมบอกว่า เดี๋ยวเบียร์ไปหาซื้อทัวร์และหาร้านอาหารเย็นกันนะ ผมก็โอเคได้ อดนอนอีกแว๊บ
ออกไปซื้อทัวร์ดำน้ำสำหรับวันรุ่งขึ้นครับ และมันเป็นช่วงหยุดยาวครับ ร้านอาหารเต็มเว้ย ถึงกับทางร้านบอกว่า ถ้าคุณจะจองโต๊ะ คุณต้องสั่งอาหารไว้ แล้วจ่ายเงินไว้ก่อนเลย ช่างจิ๊ฟบอกว่าเราไปดูที่อื่นกันก่อนเถอะ ผมเลยชวนช่างจิ๊ฟไปหมู่บ้านชาวประมงบางเบ้าที่ท้ายเกาะครับ ระยะทางจากโรงแรม 10 โลพอดี แว๊นไป 2 คัน เป็น 10 โลที่ช่างจิ๊ฟไปแล้วกลับมาบ่นเรื่องเส้นทางอันคดเคี้ยวและค่อนข้างเชรี่ยกว่าเขาใหญ่ตลอดทางครับ
สรุป กินข้าวร้านที่รถเซอร์วิสกินกันตอนกลางวันครับ อาหารไม่แพงเลย ราคากรุงเทพมาก ผมนึกว่าขึ้นเกาะแล้วจะไม่มีตัวเลือกอื่นๆ อีก โชคดีไป พวกเราจึงฝากชีวิตไว้ที่ร้านนี้กันเลยครับ ร้านชื่อ หนองบัว ซีฟู๊ด อาหารจานเดียวราคา 55-70 บาท รับได้สบายๆ ครับ
บอลทนาย กินไข่ดาวเพิ่มอีก 2 ฟอง
กินข้าวเสร็จ ตอนนี้เป็นเวลาประมาณบ่าย 3 ผมขึ้นห้อง พร้อมบอกทุกคนว่า ครึ่งชั่วโมง เจอกันที่สระว่ายน้ำ
ตัดมา 5 โมงกว่าๆ พี่เต้ยมาปลุก พร้อมเหน็บว่า ครึ่งชั่วโมงนะสัดดดดด
ผมรีบตื่น ลงมาเนียนๆ แช่น้ำตามหน้าที่ครับ โดนเหน็บครึ่งชั่วโมงจาก เด็กๆ ช่างจิ๊ฟ เมียผม เมียพี่เต้ย เป็นพักๆ ครับ
ค่ำๆ พวกเราไปกินข้าวกันที่ร้านเดิม คราวนี้เราจองที่ไว้แล้ว ฮ่าๆ กินข้าวเสร็จ ก็ซื้อเบียร์มานั่งคุยกันที่ริมสระว่ายน้ำโรงแรม เพลินๆ วันนี้กินกันน้อยครับ เนื่องจากแต่ละคนคงเหนื่อยจากการเดินทาง ไม่ถึง 5 ทุ่ม แยกย้าย นอนกรนลั่นเกาะช้าง
วันที่สอง
เรานัดกันที่ห้องอาหารของโรงแรม กินอาหารเช้ากัน อาหารเช้าโรงแรมนี้ ธรรมดา มาก มาก มาก
ข้าวผัด ไส้กรอก แฮม นำ้เปล่า น้ำส้ม ขนมปัง กาแฟ ไข่ดาว หมดแล้ว
บอลกินไข่ดาวอีก 3 ฟอง
วันนี้ออกไปดำน้ำกันครับ เด็กๆ สนุกมากๆ เด็กๆ ไม่เคยดำน้ำดูฝูงปลามาก่อน ผมอาสาดูแลลูกศร ลูกสาวพี่เต้ย จับใส่ชูชีพ โดดลงน้ำ ใส่แว่นดำน้ำให้ พวกเราลงไปใส่แว่นตาดำน้ำในน้ำ สวมหัวหลานเสร็จกำลังดึงแว่นขยับให้เข้าที่แล้วแว่นดำน้ำ


ลื่นมือครับ แว่นดีดเข้าหน้าลูกศรอย่างจังดังปั่ก ลูกศรไม่ให้ผมใส่แว่นดำน้ำให้อีกเลยทั้งวันครับ
ที่เหลือก็ดำน้ำ ไม่มีอะไรจนถึง 5 โมงเย็น
กลับขึ้นฝั่ง เรานัดกันไปดูพระอาทิตย์ตกดินแล้วขับรถเล่นกันบนเกาะ เต้ยบอก ไปขี่รถบางเบ้า เอ้าพวกเราไป เส้นทางคดเคี้ยวมาก น่ากลัวเป็นช่วงๆ เป็น 10 กม. ที่ใช้กันได้แค่ 2 เกียร์ครับ เนื่องจากผมเซ็ตรถไว้ กะจะขี่คนเดียวหล่อ ๆ มาถึงเกาะแล้ว “เมียซ้อนไม่ได้” นั่นสิ ลืมไปเลยครับ

ขอโทษเมียเป็นการใหญ่ ได้แต่ขำตัวเอง เลยฝากเมียไปซ้อนรถบอลทนาย ครับ ขี่ไปกลางทาง แวะดูพระอาทิตย์ตกที่จุดชมวิว ถ่ายรูปกันสนุกสนาน ก็ขี่ต่อไปที่บางเบ้าครับ จะไปดูประภาคาร ให้รู้ว่า มาแล้วนะเกาะช้าง
ขากลับออกมา บอลทนายขี่รถแหกโค้ง โดยมีเมียผมซ้อนอยู่ เสียดายจริงๆ ครับ “ไม่ล้ม ไม่เป็นไรเลย”
กินอาหารเย็นร้านส้มตำตรงข้ามโรมแรม ราคาไม่แพงเหมือนเดิม อร่อยด้วย
ขี่กลับมาโรงแรม ซื้อเบียร์นั่งกิน วางแผนการเดินทางกลับในวันถัดไป ไม่ถึง 5 ทุ่ม แยกย้ายเข้านอนเหมือนเดิม เนื่องจากตากแดดกันมาทั้งวันแล้ว
วันที่สาม เดินทางกลับ กรุงเทพ
เช้านัดเจอกันที่ห้องอาหารเหมือนเดิม กินข้าวเช้าเสร็จ
อาหารเช้าเหมือนเดิมครับ บอลกินไข่ดาว 2 ฟองวันนี้ หลังจากทานอาหารเสร็จ ทุกคนรีบทำเวลาไปเก็บของแล้วลงมาใส่รถเซอร์วิสเก้าโมงครึ่งเริ่มเช็ครถ ช่างจิ๊ฟบอกทุกคนว่า ยังไม่ต้องใส่หมวกกับเสื้อการ์ดหรอก ขี่ชิล ๆ ไว้ไปค่อยไปแต่งตัวที่ท่าเรือ อากาศบนเกาะช้าง เช้าๆ เนี่ย ชิลดีนะครับ เอาดิจากโรงแรมไปท่าเรือขี่แว๊บเดียวก็ถึง ผมก็โยนเสื้อการ์ด ถุงมือ ปลอกแขนไว้ท้ายรถเซอร์วิส เพื่อนๆ ทุกคนก็ทำแบบเดียวกัน พี่เต้ยโยนหมวกกันน๊อคลงไปใบนึง เกือบเต็มท้ายรถ ผมบอกจิ๊ฟว่า มันยัดไม่ได้แล้วว่ะ ช่างจิ๊ฟบอกว่ายัดได้ ยืนเถียงกันอยู่ซักพักนึง สรุปใส่หมวก ไม่ใส่เสื้อการ์ด มีแต่หมวกพี่เต้ยที่อยู่ในรถ พวกผมก็ขี่รถไปที่ท่าเรือสิ ชี่ชิล สบายๆ
จังหวะนั้นเหมือนทุกคนบนเกาะพร้อมใจจะข้ามกลับฝั่งเวลานี้ รถยนต์ต่อคิวจากท่าเรือยาวเกือบ 2 กิโล ข้ามเขากันมาเลย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยจัดการจราจรเป็นระยะ ๆ คันไหนคิดจะแซงคิวขึ้นมาเพื่อไปปาดข้างหน้า จะเจอเจ้าหน้าที่ไล่ให้ไปต่อคิวใหม่ท้ายแถว เรื่องนี้น่าชื่นชมมากเลยครับ รถเครื่องพวกผมสบายเหมือนเดิมครับ แทรกไปได้ตลอดทาง จอดรถเรือที่ท่าเรือพร้อมขึ้น ผมคำนวนเวลาว่า รถยนต์น่าจะใช้เวลาต่อแถวข้ามประมาณ 2 ชม. เราจะข้ามไปรอที่ฝั่งตรงข้ามกันเลย จิ๊ฟบอกว่าเราไปรอที่น้ำตกพร้ิวกันเถอะ เช็คระยะแล้ว ประมาณ 50 โล จากท่าเรือ ทุกคนเป็นห่วงเดอะเต้ย ที่จะต้องขี่รถโดยที่ไม่มีหมวกกันน๊อค เต้ยบอกสบายๆ กูมีโม่งคลุมหัว กูมีแว่นกันแดด สรุปว่า น้ำตกพร้ิวจะเป็นที่หมายต่อไปครับ
ข้ามมาถึงฝั่ง โทรเช็ครถเซอร์วิส ยังอยู่ที่เดิมครับ ไม่มีการขยับเขยื้อนใด ๆ
พวกผมมุ่งหน้าออกจากท่าเรือ แล้วฝนก็ตก ตกหนัก หนักมาก หนักที่สุด ขี่ฝ่าสายฝน รอบนี้เปียกยันไข่ทุกคนครับ 30 กม. จะจอดก็ไม่มีศาลา ไม่มีที่ให้หลบเลย ฝนเม็ดใหญ่ปะทะร่างกาย ผมไม่มีปลอกแขนกันแดดกันความร้อน แขนที่ไหม้แดดมาจากเมื่อวานที่ออกไปดำน้ำเริ่มแสบครับ ฝนเม็ดใหญ่ๆ บวกกับความเร็วรถ จึงทำให้แขนเริ่มแสบ พี่เต้ยไม่ใส่หมวกคงลำบากหน่อย แต่โชคดีรถแกมีชิวกันลมแผ่นใหญ่ข้างหน้า ช่วยปะทังเรื่องฝนสาดไปได้หน่อย แต่ข้างหลังก็เปียกอยู่ดี
รถ 5 คัน มนุษย์ 5 คน เลยขี่ตากฝนระยะทาง 30 กิโลเมตรออกไปพักที่ปั๊มใกล้ที่สุด รถที่ขับสวนไปคงสงสัย ทำไมพวกมันไม่จอด ทำไมไอ้คันนั้นไม่สวมหมวก ทำไมไม่มีเสื้อหนังเสื้อขี่รถ ถึงตอนนี้ร่างกายเปียกปอนหมด สภาพเหมือนเพิ่งไปเล่นสงกรานต์มา คิดถึงบ้านใจจะขาด ผมเริ่มคิดคำตอบไว้ตอบพวกกลุ่มมอเตอร์ไซค์ที่เราจะไปเจอตามปั๊มแล้วว่าทำไมไม่ใส่เสื้อกัน คำตอบในใจคือ “ผมพักอยู่ซอยข้างหน้านี้เองครับ นี่ออกมากินข้าว”
เดี๋ยวมาต่อให้นะครับอ่านล่วงหน้าที่นี่ก่อนได้ครับ หรือเข้าชมทริปอื่นๆได้ที่
http://www.gulovebigbike.com/36483585363436323594365736343591.html
[CR] ประสบการณ์เที่ยวเกาะช้างเดินทางด้วยบิ๊กไบค์กับเพื่อนที่รู้ใจ
การเดินทางไปเกาะช้างในครั้งนี้ เริ่มวางแผนกันไว้เมื่อประมาณ 1 เดือนก่อนหน้าครับ กลุ่มสายฟ้าไม่ได้ออกรอบกันนานแล้ว จึงเริ่มโหวตกันว่าเราจะไปที่ไหนดี หวยมาออกที่เกาะช้างครับ เนื่องจากเป็นหน้าร้อนขี่รถไปโดดทะเลกันน่าจะเข้าท่า ระยะทางขานึงประมาณ 390 กม. ทำให้สมาชิกบางคนก็เริ่มยิ้มแหย แต่ก็สู้ได้อยู่ทุกคนครับ
พวกผมก็จัดแจงจองที่พัก แต่เนิ่นๆ เพราะว่าช่วงที่เดินทางไปนั้นเป็นวันหยุดยาวพอดี และรัฐบาลคืนความสุขประกาศหยุดเพิ่มให้อีก 1 วัน เป็น หยุดยาว 5 วัน พวกผมวางแผนกันไว้แค่ 3 วันสองคืนครับ
เนื่องจากเป็นทริปที่ใช้ มอเตอร์ไซค์กันเป็นหลัก และพี่ก้อยแฟนพี่เต้ยและลูกๆ อีก 2 คนไปด้วย พี่ก้อยจึงต้องเอารถยนต์ไป พวกแว๊นอย่างผมและเพื่อนๆ ก็ยิ้มดิ มีรถใส่กระเป๋า แล้วโว้ยยยยย ไม่ต้องขี่สะพายเป้กันแล้ว จัดแจงปรับระบบกันสะเทือนใหม่เป็นนั่งคนเดียว ใส่ครอบเบาะเหลือที่นั่งเดียว ถอดพักเท้าคนซ้อนออก ไล่เมียไปนั่งตากแอร์สบายๆ ในรถเซอร์วิส สภาพรถผมตอนนี้นี่พร้อมซิ่งมากเลยฮะ
สองวันก่อนเดินทาง สมาชิกทุกคนก็ไล่เช็คสภาพรถ เตรียมความพร้อมกันอย่างเต็มพิกัด ราวกับว่าจะขี่รถไปยุโรปกัน คืนก่อนเดินทาง สมาชิกเอาเป้สัมภาระไปฝากไว้ที่บ้านพี่เต้ย เพื่อนำขึ้นรถเซอร์วิส
ตี 4 ออกเดินทาง นัดเจอกันที่บ้านผม 4 คัน ประกอบด้วย ผม, ช่างจิ๊ฟ, บอลทนาย และพี่เต้ย รถเซอร์วิสประกอบไปด้วย พี่ก้อย , ลูกศร , ณภัทร, พีเจ และออยจัง
ออกเดินทางแยกกันไปคนละทางครับ ช่วงนี้ตัดเรื่องรถเซอร์วิสไปก่อนเลย
แก๊งแว๊น ไปรับด๊อลที่ปั๊มตรงมีนบุรี แล้ว พวกเราก็พุ่งตรงไปยังเส้นบางนาตราด ถนนเส้นบางนาตราดช่วงนี้ยังซ่อมไม่เสร็จดี ขี่กันไม่เร็วมากเท่าไร เพราะว่าต้องคอยหลบหลุม หลบคอสะพาน แหวกรถบรรทุกในช่วงเช้ามืดไปเรื่อยๆ
ไปแวะพักกันหนึ่งครั้งตรงปั๊มที่เลยนิคมอมตะนครไปหน่อยนึง ก่อนจะยิงยาวๆ ไประยองกัน ตอนนี้พระอาทิตย์ขึ้นแล้วครับ ถนนช่วงพัทยาระยองเช้าๆ นี่สวยมากครับ คาดการณ์กันเอาไว้ก่อนมาว่า อากาศน่าจะร้อนขี้แตกแน่นอน แต่กลับผิดคาดมากครับ อากาศเย็นสบาย มองเห็นหมอกเรี่ยพื้นถนนบางๆ สวยงามเหลือเกิน
ช่วงนี้เริ่มทำความเร็วขึ้นได้บ้างแล้ว ขี่กันมันมากครับ เลยเมืองระยองได้หน่อยนึงเท่านั้นแหละ ฝนตก เม็ดใหญ่มากครับ เปียกปอนไปพอสมควร ตาเต้ยเป็นคนนำขบวนช่วงนี้ สังเกตุรถที่สวนมาว่าหลังคายังแห้ง ไม่เปียก จึงตัดสินใจพาน้องๆ ฝ่าฝนไปเกือบ 10 กิโล แล้วมันก็หยุดตกจริงๆ ครับ แดดเปรี้ยงเลย น้องๆ ดีใจ ไม่ต้องเปียกยันไข่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
สิบโมงกว่าๆ เดินทางมาถึง จ. จันทรบุรี แวะทานข้าวกันครับ เจอขุมทรัพย์ใหม่ เป็นเหมือนโรงอาหาร ข้าวราดแกงราคาถูกดีครับ 30-35 บาท แถมอร่อยด้วย สมาชิกบางคนถึงกับมีเบิ้ลครับ ผมปักหมุดไว้เรียบร้อย คราวหน้ามาได้แวะกินใหม่ ทุกคนตะลึงกับการกินไข่ของบอลทนายมากครับ มื้อเช้าชัดไข่ดาวไปเพียวๆ
4 ฟอง เขร้หลังจากนั้นท้องอิ่ม เช็คระยะทางจาก GPS แล้ว อีก 85 กม. ถึงท่าเรือ รอบนี้สายมืดเข้าสิงครับ ถนนโล่ง โค้งส่วนใหญ่จากเมืองจันทรบุรี ถึง ท่าเรือข้ามไปเกาะช้างเป็น โค้งไฮสปีดครับ มันสิทีนี้ ยัดกันในความเร็วสูงตลอดทาง ระหว่างทางเจอมอเตอร์ไซค์ขี่มาเป็นกลุ่มๆ คาดว่าจะมาเที่ยวที่เดียวกัน โบกมือ ยกนิ้วโป้ง ผนกหัว ทักทายกันตามประสาคอเดียวกันไปตลอดทาง พวกผมก็แซงขึ้นมาเรื่อยๆ
จนมาถึงแยกก่อนเลี้ยวเข้าท่าเรือเกาะช้าง แวะเติมน้ำมันก่อนข้ามฝาก ณ เวลาเดียวกันนี้ รถเซอร์วิสกำลังข้ามเรือไปรอที่อีกฝั่งนึงแล้วครับ เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว รถที่ต่อคิวรอข้ามเรือเยอะมากครับ ยาวออกมาถึงถนนด้านนอก จากการคาดคะเนของผมคิดว่าน่าจะราวๆ 1 - 2 กม. ได้ สำหรับการต่อคิว แต่มารถเครื่องง่ะ ไม่ต้องต่อคิว ขี่แทรกไปเรื่อย ๆ ไปซื้อตั๋วรอขึ้นเรือได้เลย ผมนี่ยิ้มไม่หุบเลยครับ ตอนเลี้ยวเข้าท่าเรือนะ เสียงเครื่องยนต์ของรถเพื่อนๆ ผม สะกด ทุกสายตาจริงๆ ครับ หล่อจนไม่อยากถอดหมวกกันน๊อคออกเลย
ขึ้นเรือ ยืนคุย ยืนโม้ กินน้ำกันระหว่างข้ามฝาก พอถึงฝั่งก็รีบขับรถหาโรงแรมที่จองไว้
พวกผมพักที่ วี เจ เรสสิเด้นท์ ครับ ราคาช่างจิ๊ฟหักคอมาได้ในราคา 800 บาท พร้อมอาหารเช้า ต่อห้อง ต่อคืน
สภาพโรงแรมเป็น โรงแรม 3 ดาว ครับ ไม่ได้ดีเด่อะไร ใช้นอนอย่างเดียวเพราะว่าพวกเราจะเที่ยวกันซะเป็นส่วนใหญ่ ห้องใหญ่ดีครับ เตียงไซส์มาตรฐาน ฟูกสปริงสามารถสัมผัสถึงสปริงได้เลยครับ
โรงแรมไม่ได้ติดทะเลครับ แต่สามารถเดินไปได้ 200 เมตร ขณะที่กำลังขับรถมองหาโรงแรมอยู่นั้น พีเจ เมียผมซึ่งนั่งกินข้าวอยู่ในร้านอาหารข้างทาง เห็นกลุ่มผมขับผ่านไปจึงโทรทะลุเข้าหมวกกันน๊อคว่า เลยแล้ว ๆ ๆ ๆ พวกผมก็วกรถกลับมาเจอที่ร้านอาหาร และนี่เป็นการเจอหน้าเมียครั้งแรกตั้งแต่ออกจากกรุงเทพมาครับ ลูกๆ พี่เต้ย วิ่งมาหาพ่อ ภาพเด็กๆ วิ่งมาจูงมือพ่อไปหาแม่ที่โต๊ะช่างงดงามเหลือเกิน เด็กๆ มาเกาะช้างครั้งแรกครับ คงจะตื่นเต้นมากๆ
หลังจากนั้นแวะคุยกันแว๊บนึง เสียงฟ้าร้องมาแต่ไกล ผมเลยเร่งทุกคนให้ออกไปเช็คอินโรงแรมกันก่อน
ลูกๆ พี่เต้ย ไม่นั่งรถเซอร์วิสแล้ว มาซ้อนท้ายพ่อกันเลยทีเดียว แหม การมีครอบครัวนี่มันน่ารักอย่างนี้นี่เอง
ถึงโรงแรม สมาชิกทุกคนเอาของขึ้นห้องกันหมด ที่นอนของเบียร์ ไอ้ช่างจิ๊ฟเดินมาหาผม พร้อมบอกว่า เดี๋ยวเบียร์ไปหาซื้อทัวร์และหาร้านอาหารเย็นกันนะ ผมก็โอเคได้ อดนอนอีกแว๊บ
ออกไปซื้อทัวร์ดำน้ำสำหรับวันรุ่งขึ้นครับ และมันเป็นช่วงหยุดยาวครับ ร้านอาหารเต็มเว้ย ถึงกับทางร้านบอกว่า ถ้าคุณจะจองโต๊ะ คุณต้องสั่งอาหารไว้ แล้วจ่ายเงินไว้ก่อนเลย ช่างจิ๊ฟบอกว่าเราไปดูที่อื่นกันก่อนเถอะ ผมเลยชวนช่างจิ๊ฟไปหมู่บ้านชาวประมงบางเบ้าที่ท้ายเกาะครับ ระยะทางจากโรงแรม 10 โลพอดี แว๊นไป 2 คัน เป็น 10 โลที่ช่างจิ๊ฟไปแล้วกลับมาบ่นเรื่องเส้นทางอันคดเคี้ยวและค่อนข้างเชรี่ยกว่าเขาใหญ่ตลอดทางครับ
สรุป กินข้าวร้านที่รถเซอร์วิสกินกันตอนกลางวันครับ อาหารไม่แพงเลย ราคากรุงเทพมาก ผมนึกว่าขึ้นเกาะแล้วจะไม่มีตัวเลือกอื่นๆ อีก โชคดีไป พวกเราจึงฝากชีวิตไว้ที่ร้านนี้กันเลยครับ ร้านชื่อ หนองบัว ซีฟู๊ด อาหารจานเดียวราคา 55-70 บาท รับได้สบายๆ ครับ
บอลทนาย กินไข่ดาวเพิ่มอีก 2 ฟอง
กินข้าวเสร็จ ตอนนี้เป็นเวลาประมาณบ่าย 3 ผมขึ้นห้อง พร้อมบอกทุกคนว่า ครึ่งชั่วโมง เจอกันที่สระว่ายน้ำ
ตัดมา 5 โมงกว่าๆ พี่เต้ยมาปลุก พร้อมเหน็บว่า ครึ่งชั่วโมงนะสัดดดดด
ผมรีบตื่น ลงมาเนียนๆ แช่น้ำตามหน้าที่ครับ โดนเหน็บครึ่งชั่วโมงจาก เด็กๆ ช่างจิ๊ฟ เมียผม เมียพี่เต้ย เป็นพักๆ ครับ
ค่ำๆ พวกเราไปกินข้าวกันที่ร้านเดิม คราวนี้เราจองที่ไว้แล้ว ฮ่าๆ กินข้าวเสร็จ ก็ซื้อเบียร์มานั่งคุยกันที่ริมสระว่ายน้ำโรงแรม เพลินๆ วันนี้กินกันน้อยครับ เนื่องจากแต่ละคนคงเหนื่อยจากการเดินทาง ไม่ถึง 5 ทุ่ม แยกย้าย นอนกรนลั่นเกาะช้าง
วันที่สอง
เรานัดกันที่ห้องอาหารของโรงแรม กินอาหารเช้ากัน อาหารเช้าโรงแรมนี้ ธรรมดา มาก มาก มาก
ข้าวผัด ไส้กรอก แฮม นำ้เปล่า น้ำส้ม ขนมปัง กาแฟ ไข่ดาว หมดแล้ว
บอลกินไข่ดาวอีก 3 ฟอง
วันนี้ออกไปดำน้ำกันครับ เด็กๆ สนุกมากๆ เด็กๆ ไม่เคยดำน้ำดูฝูงปลามาก่อน ผมอาสาดูแลลูกศร ลูกสาวพี่เต้ย จับใส่ชูชีพ โดดลงน้ำ ใส่แว่นดำน้ำให้ พวกเราลงไปใส่แว่นตาดำน้ำในน้ำ สวมหัวหลานเสร็จกำลังดึงแว่นขยับให้เข้าที่แล้วแว่นดำน้ำ
ที่เหลือก็ดำน้ำ ไม่มีอะไรจนถึง 5 โมงเย็น
กลับขึ้นฝั่ง เรานัดกันไปดูพระอาทิตย์ตกดินแล้วขับรถเล่นกันบนเกาะ เต้ยบอก ไปขี่รถบางเบ้า เอ้าพวกเราไป เส้นทางคดเคี้ยวมาก น่ากลัวเป็นช่วงๆ เป็น 10 กม. ที่ใช้กันได้แค่ 2 เกียร์ครับ เนื่องจากผมเซ็ตรถไว้ กะจะขี่คนเดียวหล่อ ๆ มาถึงเกาะแล้ว “เมียซ้อนไม่ได้” นั่นสิ ลืมไปเลยครับ
ขอโทษเมียเป็นการใหญ่ ได้แต่ขำตัวเอง เลยฝากเมียไปซ้อนรถบอลทนาย ครับ ขี่ไปกลางทาง แวะดูพระอาทิตย์ตกที่จุดชมวิว ถ่ายรูปกันสนุกสนาน ก็ขี่ต่อไปที่บางเบ้าครับ จะไปดูประภาคาร ให้รู้ว่า มาแล้วนะเกาะช้าง
ขากลับออกมา บอลทนายขี่รถแหกโค้ง โดยมีเมียผมซ้อนอยู่ เสียดายจริงๆ ครับ “ไม่ล้ม ไม่เป็นไรเลย”
กินอาหารเย็นร้านส้มตำตรงข้ามโรมแรม ราคาไม่แพงเหมือนเดิม อร่อยด้วย
ขี่กลับมาโรงแรม ซื้อเบียร์นั่งกิน วางแผนการเดินทางกลับในวันถัดไป ไม่ถึง 5 ทุ่ม แยกย้ายเข้านอนเหมือนเดิม เนื่องจากตากแดดกันมาทั้งวันแล้ว
วันที่สาม เดินทางกลับ กรุงเทพ
เช้านัดเจอกันที่ห้องอาหารเหมือนเดิม กินข้าวเช้าเสร็จ
อาหารเช้าเหมือนเดิมครับ บอลกินไข่ดาว 2 ฟองวันนี้ หลังจากทานอาหารเสร็จ ทุกคนรีบทำเวลาไปเก็บของแล้วลงมาใส่รถเซอร์วิสเก้าโมงครึ่งเริ่มเช็ครถ ช่างจิ๊ฟบอกทุกคนว่า ยังไม่ต้องใส่หมวกกับเสื้อการ์ดหรอก ขี่ชิล ๆ ไว้ไปค่อยไปแต่งตัวที่ท่าเรือ อากาศบนเกาะช้าง เช้าๆ เนี่ย ชิลดีนะครับ เอาดิจากโรงแรมไปท่าเรือขี่แว๊บเดียวก็ถึง ผมก็โยนเสื้อการ์ด ถุงมือ ปลอกแขนไว้ท้ายรถเซอร์วิส เพื่อนๆ ทุกคนก็ทำแบบเดียวกัน พี่เต้ยโยนหมวกกันน๊อคลงไปใบนึง เกือบเต็มท้ายรถ ผมบอกจิ๊ฟว่า มันยัดไม่ได้แล้วว่ะ ช่างจิ๊ฟบอกว่ายัดได้ ยืนเถียงกันอยู่ซักพักนึง สรุปใส่หมวก ไม่ใส่เสื้อการ์ด มีแต่หมวกพี่เต้ยที่อยู่ในรถ พวกผมก็ขี่รถไปที่ท่าเรือสิ ชี่ชิล สบายๆ
จังหวะนั้นเหมือนทุกคนบนเกาะพร้อมใจจะข้ามกลับฝั่งเวลานี้ รถยนต์ต่อคิวจากท่าเรือยาวเกือบ 2 กิโล ข้ามเขากันมาเลย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยจัดการจราจรเป็นระยะ ๆ คันไหนคิดจะแซงคิวขึ้นมาเพื่อไปปาดข้างหน้า จะเจอเจ้าหน้าที่ไล่ให้ไปต่อคิวใหม่ท้ายแถว เรื่องนี้น่าชื่นชมมากเลยครับ รถเครื่องพวกผมสบายเหมือนเดิมครับ แทรกไปได้ตลอดทาง จอดรถเรือที่ท่าเรือพร้อมขึ้น ผมคำนวนเวลาว่า รถยนต์น่าจะใช้เวลาต่อแถวข้ามประมาณ 2 ชม. เราจะข้ามไปรอที่ฝั่งตรงข้ามกันเลย จิ๊ฟบอกว่าเราไปรอที่น้ำตกพร้ิวกันเถอะ เช็คระยะแล้ว ประมาณ 50 โล จากท่าเรือ ทุกคนเป็นห่วงเดอะเต้ย ที่จะต้องขี่รถโดยที่ไม่มีหมวกกันน๊อค เต้ยบอกสบายๆ กูมีโม่งคลุมหัว กูมีแว่นกันแดด สรุปว่า น้ำตกพร้ิวจะเป็นที่หมายต่อไปครับ
ข้ามมาถึงฝั่ง โทรเช็ครถเซอร์วิส ยังอยู่ที่เดิมครับ ไม่มีการขยับเขยื้อนใด ๆ
พวกผมมุ่งหน้าออกจากท่าเรือ แล้วฝนก็ตก ตกหนัก หนักมาก หนักที่สุด ขี่ฝ่าสายฝน รอบนี้เปียกยันไข่ทุกคนครับ 30 กม. จะจอดก็ไม่มีศาลา ไม่มีที่ให้หลบเลย ฝนเม็ดใหญ่ปะทะร่างกาย ผมไม่มีปลอกแขนกันแดดกันความร้อน แขนที่ไหม้แดดมาจากเมื่อวานที่ออกไปดำน้ำเริ่มแสบครับ ฝนเม็ดใหญ่ๆ บวกกับความเร็วรถ จึงทำให้แขนเริ่มแสบ พี่เต้ยไม่ใส่หมวกคงลำบากหน่อย แต่โชคดีรถแกมีชิวกันลมแผ่นใหญ่ข้างหน้า ช่วยปะทังเรื่องฝนสาดไปได้หน่อย แต่ข้างหลังก็เปียกอยู่ดี
รถ 5 คัน มนุษย์ 5 คน เลยขี่ตากฝนระยะทาง 30 กิโลเมตรออกไปพักที่ปั๊มใกล้ที่สุด รถที่ขับสวนไปคงสงสัย ทำไมพวกมันไม่จอด ทำไมไอ้คันนั้นไม่สวมหมวก ทำไมไม่มีเสื้อหนังเสื้อขี่รถ ถึงตอนนี้ร่างกายเปียกปอนหมด สภาพเหมือนเพิ่งไปเล่นสงกรานต์มา คิดถึงบ้านใจจะขาด ผมเริ่มคิดคำตอบไว้ตอบพวกกลุ่มมอเตอร์ไซค์ที่เราจะไปเจอตามปั๊มแล้วว่าทำไมไม่ใส่เสื้อกัน คำตอบในใจคือ “ผมพักอยู่ซอยข้างหน้านี้เองครับ นี่ออกมากินข้าว”
เดี๋ยวมาต่อให้นะครับอ่านล่วงหน้าที่นี่ก่อนได้ครับ หรือเข้าชมทริปอื่นๆได้ที่ http://www.gulovebigbike.com/36483585363436323594365736343591.html