สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 21
ผมเพิ่งมีโอกาศได้ดู สรุป หนังดีนะครับ ดีมากๆด้วยเรื่องนึง ถ้าเข้าใจนี่ระดับออสก้าเลยนะ เป็นหนังเชิงปรัชญาเปรียบเทียบน่ะครับ เปรียบเทียบสังคมสมัยยุคเสพติดโทรศัพท์ ตัวเอกของเรื่องก็เป็นคนติดโทรศัพท์ เเต่ ผกก เค้าเเสดงออกมาให้เห็นเป็นหนัง ว่าในเรื่องราวต่างๆ ถ้าคนติดโทรศัพท์กันตลอดเวลาก็จะคิดว่าการได้โทรศัพท์คุยทั้งงานทั้งชีวิตทั้งส่วนตัว เป็นความสุข ในโลกสัญญาณดิจิตอล เข้าสู่วังวนการเสพติดอย่างขาดไม่ได้ กลายเป็นเหมือนซอมบี้ คุยเเต่กับเครื่องโทรศัพท์ถืออยู่ติดตัวตลอด ขาดไม่ได้
หนังเริ่มจากการที่พระเอกทำงาน งานสร้างภาพ(เชิงเปรียญเทียบอีก) คิดถึงลูกก็โทรหาเอา ใช้โทรศัพท์มากมายในชีวิตประจำวัน
ผู้คนก็เสพติดโทรศัพท์กันอยู่ในสถานี ยังไม่มีปลั๊กว่างให้ชาร์ตไฟเลย ในที่สุดพระเอกของเราก็ไม่มีโทรศัพท์ มือถือแบตหมด(คุยค้างกะลูกไว้) โทรสาธารณะก้ได้แว็บเดียว เป็นการเเทนว่า ตัวพระเอกได้เผลอหลุดออกมาจากระบบ การเสพติดนี้แล้ว ทำให้มองเห็นผู้คนที่ยังเสพติดอยู่กลายเป็นซอมบี้
ผู้เสพติดโทรศัพท์ ใช้สัณญาน โทรศัพท์ในการทำร้ายผู้คน(ประมาณ ใส่ร้าย วุ่นวาย ฆ่าแกงกันเพราะโทรศัพท์เป็นสื่อ)
พอพระเอกหลุดออกมาก ก็มาเจอกับคนบนรถที่รอดมาได้ คนที่รอดจากสถานการณ์การเสพติด คือไม่ได้ใช้ ถ้าคิดจะปิดกั้นไม่ไปไหนอยู่แต่ที่เดิมก็ตายอยู่ดีน้ำท่วม และเเล้วพระเอกก็ได้คนที่จะชี้ทาง(คนขับรถราง) คนนี้ไม่ติดโทรศัพท์ไปไหนไปกัน รู้จักเส้นทางเเสดงว่ามีการเดินทางประจำไม่พึ่งโทรศัพท์ พากันไป 3 คน เพื่อ ให้พระเอกซึ่งเป็นห่วงลุกกลับไปหาลูก(ปรกติเป็นห่วงก้โทรหาเอา) แต่นี่ต้องเดินทางฟันฝ่าอุปสรรค เด็กที่ไปด้วยไม่รอดเพราะ พอเดินออกมามีสัญญาณก็ดีใจเเสดงว่าก็ติดโทรศัพท์อยู่ พอเริ่มเดินทางเราก็จะเห็นพวกซอมบี้(ติดโทรศัพท์) มาอยู่ในที่อับสัญญาณเเล้วเดี้ยงไป ไม่ขยับ แทนความรู้สึกเวลาเราไป ตจว เเล้วไม่มีคลื่น ก็เดี้ยงไปเพราะเคยทำทุกอย่างผ่านโทรศัพท์(ที่ที่มีสัญญาณ) หลังจากนั้น ก็ดำเนินเรื่องไปต่อ ไอ้ตัวฮู๊ดแดง นี่แทนตัวตนลึกๆของเเต่ละคน เเต่ทุกคนเข้าใจว่าของพระเอกเพราะพระเอกทำงาน สายสร้างภาพ คนขับรถเลยคิดว่า เป็นไอ้ตัวนี้ของพระเอก ที่จริงมันของใครของมัน พระเอกก็งาน อย่างตัวคนขับรถก็เห้นฮู้ดแดงผลักใส่รถไฟ (ทำงานขับรถ) หนังพยายามจะบอกว่า ถึงคนจะตกยุค(อยู่ในร้านโบราณ) ก็อยู่ได้ไม่นาน ไม่รอดจากการต้องใช้ซักวันอยู่ดี หนีไม่พ้น กลายเป็นซอมบี้ตอน สาวสวยตาย พอมาเจอคนที่ พยายามออกจากระบบนี้เหมือนกัน ที่เเค้มป์ เเต่การออกมามันก็อึดอัด เหมือนหากคุณโยนโทรศัพท์ทิ้งไป มันจะกระวนกระวาย จนทนไม่ได้ อยู่ดี ในที่สุดก็ระเบิดตัวตายไป จากความทรมาณ หากพระเอกอยากหายจากสถานการณ์ที่อึดอัดวุ่นวาย กังวลห่วงลูก คิดถึง บลาๆๆ ก็โทรไป(ไอ้คนระเบิดตัวตายให้โทรศัพท์มา) จนสุดท้ายพระเอกก็ทนไม่ได้ จนต้องโทรหาลูก(แทนที่จะไปหาไปเจอตัว พบปะพูดคุย) พอโทร รถก็ระเบิด การเดินทางก็จบ กลับเข้าสู่วังวน(วนจริงๆ) ของการเสพติดโทรศัพท์ กลายเป็นซอมบี้ที่หลงอยู่กับความสูขจอมปลอม (ที่ต้องมีเสาสัญญาณ) ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขปลอมๆรอบๆเสาสัญญาณโทรศัพท์ ส่วนคนขับกับเด็ก ผช รอด คนขับนี่เค้าสายถึงไหนถึงกัน บอกไว้ตอนต้นเรื่องว่าไปไหนก้ไปได้หมด ใช้โทรศัพท์บ้างเเต่น้อย(คือใช้เป็นน่ะ) ส่วนเด็ก น่าจะสายวิชาการ หมกมุ่นอ่านหนังสือ ไม่สนคนรอบข้างอยู่เเล้ว จึงไม่มีโทรศัพท์ เลยรอดจาก การเสพติดโดยปริยาย หนังดีมากๆๆ
หนังเริ่มจากการที่พระเอกทำงาน งานสร้างภาพ(เชิงเปรียญเทียบอีก) คิดถึงลูกก็โทรหาเอา ใช้โทรศัพท์มากมายในชีวิตประจำวัน
ผู้คนก็เสพติดโทรศัพท์กันอยู่ในสถานี ยังไม่มีปลั๊กว่างให้ชาร์ตไฟเลย ในที่สุดพระเอกของเราก็ไม่มีโทรศัพท์ มือถือแบตหมด(คุยค้างกะลูกไว้) โทรสาธารณะก้ได้แว็บเดียว เป็นการเเทนว่า ตัวพระเอกได้เผลอหลุดออกมาจากระบบ การเสพติดนี้แล้ว ทำให้มองเห็นผู้คนที่ยังเสพติดอยู่กลายเป็นซอมบี้
ผู้เสพติดโทรศัพท์ ใช้สัณญาน โทรศัพท์ในการทำร้ายผู้คน(ประมาณ ใส่ร้าย วุ่นวาย ฆ่าแกงกันเพราะโทรศัพท์เป็นสื่อ)
พอพระเอกหลุดออกมาก ก็มาเจอกับคนบนรถที่รอดมาได้ คนที่รอดจากสถานการณ์การเสพติด คือไม่ได้ใช้ ถ้าคิดจะปิดกั้นไม่ไปไหนอยู่แต่ที่เดิมก็ตายอยู่ดีน้ำท่วม และเเล้วพระเอกก็ได้คนที่จะชี้ทาง(คนขับรถราง) คนนี้ไม่ติดโทรศัพท์ไปไหนไปกัน รู้จักเส้นทางเเสดงว่ามีการเดินทางประจำไม่พึ่งโทรศัพท์ พากันไป 3 คน เพื่อ ให้พระเอกซึ่งเป็นห่วงลุกกลับไปหาลูก(ปรกติเป็นห่วงก้โทรหาเอา) แต่นี่ต้องเดินทางฟันฝ่าอุปสรรค เด็กที่ไปด้วยไม่รอดเพราะ พอเดินออกมามีสัญญาณก็ดีใจเเสดงว่าก็ติดโทรศัพท์อยู่ พอเริ่มเดินทางเราก็จะเห็นพวกซอมบี้(ติดโทรศัพท์) มาอยู่ในที่อับสัญญาณเเล้วเดี้ยงไป ไม่ขยับ แทนความรู้สึกเวลาเราไป ตจว เเล้วไม่มีคลื่น ก็เดี้ยงไปเพราะเคยทำทุกอย่างผ่านโทรศัพท์(ที่ที่มีสัญญาณ) หลังจากนั้น ก็ดำเนินเรื่องไปต่อ ไอ้ตัวฮู๊ดแดง นี่แทนตัวตนลึกๆของเเต่ละคน เเต่ทุกคนเข้าใจว่าของพระเอกเพราะพระเอกทำงาน สายสร้างภาพ คนขับรถเลยคิดว่า เป็นไอ้ตัวนี้ของพระเอก ที่จริงมันของใครของมัน พระเอกก็งาน อย่างตัวคนขับรถก็เห้นฮู้ดแดงผลักใส่รถไฟ (ทำงานขับรถ) หนังพยายามจะบอกว่า ถึงคนจะตกยุค(อยู่ในร้านโบราณ) ก็อยู่ได้ไม่นาน ไม่รอดจากการต้องใช้ซักวันอยู่ดี หนีไม่พ้น กลายเป็นซอมบี้ตอน สาวสวยตาย พอมาเจอคนที่ พยายามออกจากระบบนี้เหมือนกัน ที่เเค้มป์ เเต่การออกมามันก็อึดอัด เหมือนหากคุณโยนโทรศัพท์ทิ้งไป มันจะกระวนกระวาย จนทนไม่ได้ อยู่ดี ในที่สุดก็ระเบิดตัวตายไป จากความทรมาณ หากพระเอกอยากหายจากสถานการณ์ที่อึดอัดวุ่นวาย กังวลห่วงลูก คิดถึง บลาๆๆ ก็โทรไป(ไอ้คนระเบิดตัวตายให้โทรศัพท์มา) จนสุดท้ายพระเอกก็ทนไม่ได้ จนต้องโทรหาลูก(แทนที่จะไปหาไปเจอตัว พบปะพูดคุย) พอโทร รถก็ระเบิด การเดินทางก็จบ กลับเข้าสู่วังวน(วนจริงๆ) ของการเสพติดโทรศัพท์ กลายเป็นซอมบี้ที่หลงอยู่กับความสูขจอมปลอม (ที่ต้องมีเสาสัญญาณ) ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขปลอมๆรอบๆเสาสัญญาณโทรศัพท์ ส่วนคนขับกับเด็ก ผช รอด คนขับนี่เค้าสายถึงไหนถึงกัน บอกไว้ตอนต้นเรื่องว่าไปไหนก้ไปได้หมด ใช้โทรศัพท์บ้างเเต่น้อย(คือใช้เป็นน่ะ) ส่วนเด็ก น่าจะสายวิชาการ หมกมุ่นอ่านหนังสือ ไม่สนคนรอบข้างอยู่เเล้ว จึงไม่มีโทรศัพท์ เลยรอดจาก การเสพติดโดยปริยาย หนังดีมากๆๆ
แสดงความคิดเห็น
Review CELL แบบนี้ก็ได้หรอ
ขอบอกเลยว่าที่ดูหนังเรื่องนี้ เพราะสร้างจากนิยายของคิง ถึงแม้ว่าผมจะรู้คะแนนจากมะเขือเน่า (ได้0) และ IMDB (4.4) ใจแป้วอยู่บ้าง แต่ต้องพิสูจน์ด้วยตาของผมเอง
แต่หลังจากได้ดูแล้ว......................
หนังเดินเรื่องอย่างรวดเร็ว ไม่ถึง10นาทีด้วยซ้ำคนก็กลายเป็นซอมบี้แล้ว แรกๆเหมือนจะดีนะแต่มันไม่โอก็ฉากที่เด็กสาวเอาหัวไปโขกกับกำแพง แล้วพยายามทำให้มันสยอง แถมพระเอกมาเจอกับ Samual แถมสนิทกันแบบไร้ซึ่งเหตุผล ซอมบี้ก็....เหมือนกับโดนบังคับมาเล่น
น้อง Isabelle สวยขึ้นมากกกกกกกกกกกกกกก แต่ก็ไม่สามารถดึงหนังให้ดูดีขึ้นมาเลย ทั้ง Samual และ John ก็เล่นเหมือนขอไปที ไหนๆก็รับเล่นแล้ว
เข้าใจความรู้สึกของพันธมิตรมาก พยายามพากย์ให้หนังมันสนุกขึ้น แต่ก็นะ มันเป็นอะไรที่เน่าไปแล้ว จะทำให้มันดีเหมือนเดิมมันก็ไม่ได้
หนังแบบนี้มันเหมือนเกรดหนังแผ่นสร้างจากค่าย Asylum มากๆ ซีจีก็คล้ายๆกับหนังช่องหลากสีของเรา(แต่ดีกว่าเสือนะ)
ขอแนะนำนะครับ สำหรับคนที่อยากดู ดู The Shallows หรือ I Am A Hero ดีกว่า อย่าเสียตังค์เสียเวลากับหนังเรื่องนี้เลย มันไม่โอ
สรุปคือ......แบบนี้ก็ได้หรอ
My points 2/10 (เห็นแก่ความน่ารักของแฟนผม Isabelle (มโนว์))