เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา  น้าผมป่วยเจ็บหน้าอกมาก เลยไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนที่ต่างจังหวัด สรุปว่า เลือดออกจากเส้นเลือดที่หัวใจ  
ต้องผ่าตัดโดยด่วน  ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าต้องส่งตัวมาผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่กรุงเทพโดยด่วน ซึ่งถ้ามาทางรถยนต์ผู้ป่วยจะเสียชีวิตไม่ทัน จึงต้องนำมาทางเฮลิคอปเตอร์ ทางเราก็ยินดี เพราะชีวิตคนสำคัญกว่า ซึ่งค่าเฮลิคอปเตอร์ที่มารับ 1 แสน ไม่รวม ค่ารักษาที่ต่างจังหวัด พอคนป่วยมาถึงโรงพยาบาลที่กรุงเทพ ทางญาติที่กรุงเทพก็มารอรับกัน

       ผมได้ถามว่าค่าผ่าตัดเท่าไหร่ ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าประมาณ 1.5 ล้าน ต้องจ่ายก่อน 1 ล้าน ไม่งั้นก็จะไม่ผ่าตัด คิดดูครับ คนป่วยกำลังจะตาย แต่ว่าทางโรงพยาบาลให้จ่ายเงิน 1 ล้านก่อน เพื่อผ่าตัด ผมจึงโทรบอกลูกคนป่วยที่อยู่ต่างจังหวัด และบอกญาติๆ ให้รวบรวมเงินกันอย่างเร่งด่วนครับ
เงินน้อยซะที่ไหนครับ

       ทางลูกคนป่วยก็โทรบอกผมให้ทางหมอผ่าตัดเลย ไม่ต้องรอเพราะกำลังเดินทางไปอย่างเร่งด่วนพร้อมเงินจำนวนนึง
ทางโรงพยาบาลบอกว่า ต้องรอลูกของคนป่วยและเงินสำหรับการผ่าตัดให้ครบ 1 ล้านก่อนจึงจะผ่าตัด   ผมก็คิดว่าทำไมต้องรอเพราะคนกำลังจะตายแล้วครับและทำไมไม่ให้ลูกคนป่วยมาพร้อมเฮลิคอปเตอร์
    
     คือจริงๆ ผมมาถามที่หลังได้ความว่า ถ้ามาพร้อมคนป่วยต้องจ่ายเพิ่มอีก 1 แสนครับ  

     ผมก็ต้องรอลูกคนป่วยและเงินที่นำมา ไม่งั้นทางโรงพยาบาลก็จะไม่ผ่าตัด  

      พอลูกคนป่วยมาถึง ก็เข้ามาคุยกับหมอ ฝ่ายการเงินก็มารอเลยครับ จริงๆ ฝ่ายการเงินก็ถามกันทุกนาทีอยู่แล้วว่าลูกคนป่วยมาหรือยัง คือรอเงินที่ลูกคนป่วยจะนำมาจากต่างจังหวัดครับ  พอไปจัดการเรื่องเงินแล้วจึงทำการผ่าตัดเลย

        ตอนนี้ก็ดูอาการกันอยู่ครับ ทางโรงพยาบาลบอกว่าแล้วจะโทรแจ้งไปนะ ให้ไปหาที่พักข้างนอก  ถ้ามีอะไรจะโทรแจ้งอาการ
แต่ตอนนี้พวกเราหมดเงินแล้ว จะเสียค่าใช้จ่ายอีกก็ไม่ไหว ก็นอนกันหน้าห้อง icu ครับ ประหยัดให้มากที่สุด เพราะยังต้องหาเงินอีก 1 ล้าน เป็นอย่างต่ำ เพราะยังมีค่าห้องพักฟื้นอีกครับ คืนละเป็นหมื่น ไม่รู้ว่าจะต้องอยู่อีกนานแค่ไหน ใจก็อยากให้หายแล้วออกจากโรงพยาบาลไวๆๆ ครับ

       บ้านผมอยู่ต่างจังหวัด มาทำงานกรุงเทพกัน จะให้มีเงินมากมายขนาดนั้นคงไม่ไหวครับ ชีวิตคนป่วยสำคัญกว่าเรื่องเงินครับ ฝากเป็นข้อคิดกันนะครับ
ทุกวันนี้เงินสำคัญมากกว่าชีวิตแล้วหรือ.....