[Movie Review] Sing Street - การก้าวข้ามพ้นวัยที่งดงามที่สุด by ตั๋วหนังมันแพง


[หนังโรงเรื่องที่ 145] Sing Street - การก้าวข้ามพ้นวัยที่งดงามที่สุด ; (John Carney, 2016)
by ตั๋วหนังมันแพง

คะแนนความชอบ : A+ (จากสเกล D-A)

**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ

เรื่องย่อ : เรื่องเกิดขึ้นในไอร์แลนด์ยุคฟองสบู่แตกในปี 80s เกี่ยวกับการตามล่าฝันของเหล่าวงดนตรีเด็กหนุ่ม ภายใต้กฏระเบียบที่เคร่งครัดของโรงเรียนคริสต์และสภาวะสังคมระดับล่างที่ย่ำแย่ และพวกเขาได้ร่วมกันก่อตั้งวงดนตรีที่มีชื่อว่า "Sing Street" ขึ้นมา

ถือว่าเป็นผู้กำกับอีกคนที่ถือว่า 'มาถูกทาง' ของตัวเองแล้วกับหนังดราม่าที่ใช้เพลงดนตรีเป็นตัวเล่าเรื่อง ต่อเนื่องจาก Once (2007) และ Begin Again (2013) ที่ต่างก็เล่าเรื่องของชีวิตตัวละครผ่านช่วงวัยที่แตกต่างกัน ซึ่งมาในเรื่องนี้หนังก็เลือกที่จะเล่าถึงกลุ่มตัวละครเอกที่อยู่ในช่วงจุดต่อระหว่าง วัยเด็ก-วัยรุ่น เป็นช่วงหัวเลี้ยงหัวต่อที่มีการหาจุดยืนของตัวเองและอารมณ์ที่แปรปรวนเป็นเอกลักษณ์ และแน่นอนว่าหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้เราผิดหวังเลย
.
ประเด็นแรกที่ชื่นชอบคือกลิ่นอายความเป็น 'หนังก้าวข้ามพ้นวัย' (coming-of-age) ที่ชัดเจนจนทำให้เราหวนไปนึกถึงสิ่งที่เราทำในวัยรุ่นได้ โดยเรื่องหลักๆจะดำเนินอยู่รอบตัวของเด็กหนุ่มแก้มแดงหน้าละอ่อนอย่าง 'คอนเนอร์' (Ferdia Walsh-Peelo) ที่มีปัญหาอย่างวัยรุ่นๆทั่วไปคือครอบครัวที่มีปัญหาและไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมของโรงเรียนใหม่ได้จนกลายเป็นเหยื่อ bully โดยเด็กอันธพาลเจ้าถิ่น จนสุดท้ายเจ้าหนุ่มนี่ก็ดันไปปิ๊งนางแบบสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน แถมดันคุยโวชวนสาวเจ้าไปถ่ายเอ็มวีให้วงดนตรีที่ยังไม่เกิดของตัวเองอีก! สุดท้ายเจ้าหนุ่มนี่ก็จับพลัดจับผลูได้ไปตั้งวงโดยมี 'ดาร์เรน' (Ben Carolan) และ 'เอมอน' (Mark McKenna) เป็นสมาชิกตั้งต้นจนได้
.
ในแง่ของเพลงประกอบของหนังเรื่องนี้ก็พูดได้เลยว่า 'ปัง' อีกแล้วครับท่าน ปังสุดๆ ดนตรีในเรื่องนี้จะมีกลิ่นอายของความเป็นป็อป-ร็อค ของอเมริกันในยุค 80s ที่ชัดเจนและถูกขับขานโดยเสียงของเหล่าเด็กหนุ่มที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบแต่ก็มีเสน่ห์ของความสดใหม่ อีกทั้งจังหวะของการใช้ดนตรีในการเล่าเรื่องของผกก.นี่ก็นับว่าแม่นมาก ในหลายๆฉากนั้นเหมือนหนังจะแย้ปซ้ายใส่เรามาเรื่อยๆก่อนจนช่วงบรรยากาศมาถึงจุดพีค แล้วก็ตบท้ายด้วยฮุคขวาที้เป็นดนตรีที่มีพลังเข้ามาแทน อันนี้ขอกราบกรานในเซนส์หนังเลย
.
ทีนี้กลับมามองภาพรวมของหนังเราก็จะสังเกตเห็นได้ว่าตัวเลือกในการกำกับภาพของ Sing Street นั้นมันแทบจะเป็น 'เอ็มวี' ประกอบเพลงไปแล้ว ผู้กำกับเลือกที่จะเล่าเรื่องด้วยคำพูดให้น้อยลง แต่ใช้ดนตรีพูดแทนให้มากขึ้นซึ่งสอดคล้องกับธีมของหนัง ดังนั้นในส่วนของพัฒนาการตัวละครของตัวเอกของเราก็จะถูกตัดไปอย่างน่าเสียดาย การเติบโตของ 'คอนเนอร์' เกิดขึ้นแบบก้าวกระโดดพร้อมความมั่นใจที่สั่งสมขึ้นอย่างรวดเร็วจนคนดูอย่างเราอาจจะตามไม่ทันในบางครั้ง แต่การที่หนังเทน้ำหนักมาทางด้านดนตรีที่สามารถเล่าถึงปมอัดอั้นตันใจของตัวละครได้ดีกว่าก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดี
.
บรรดาตัวแสดงนำอื่นๆก็ถูกจัดสรรโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้คนดังแต่ก็น่าสนใจได้ โดยเฉพาะเด็กหนุ่มที่สามารถเล่นเครื่องดนตรีได้ทุกชนิดและรักกระต่ายเหลือเกินอย่าง 'เอมอน' (Mark McKenna) ที่มีเสน่ห์ในแบบของตัวเองในระดับที่เรียกว่า 'เจิด' เหลือเกินและมีความสำคัญในฐานะเพื่อนสนิทที่สุดของพระเอกเราอีก กระทั่งตัวละครสมทบร่วมวงที่ต่างก็กระโดดเข้ามาแจกความสดใสของวัยรุ่นได้สนุกสนานสมวัย และโดยส่วนตัวนั้นก็ชอบจังหวะจะโคนของมุกตลกที่หนังเลือกใช้ทั้งมุกเสียดสี,มุกเหยียดผิว และมุกฟายทั้งหลายแหล่ที่ขยันยิงกันจัง มันจึงเป็นการรักษาจังหวะที่เหมาะสมไม่น่าเบื่อหรือไม่หนักไป
.
สิ่งที่น่าสนใจสำหรับตัวละครเดินเรื่องหลักอย่าง 'คอนเนอร์-คอสโม' นั้น ก็คือการที่เจ้าหนุ่มนี่ได้เป็นตัวแทนของวัยรุ่นผู้ที่โคตรจะไม่คงที่ได้อย่างน่าชื่นชม โดยตลอดเรื่องเราจะได้เห็นว่าทุกๆครั้งที่ตัวเอกของเราเผชิญกับปัญหาที่คิดไม่ตก หรืออุปสรรคที่มองหาทางข้ามไม่ได้นั้น เจ้าหนูนี่ก็จะกลับมาปรึกษาพี่ชายเพื่อหาคำแนะนำเสมอ ซึ่งทุกๆครั้งตัวพี่ชายเองก็จะให้คำแนะนำและให้ยืมแผ่นเสียงของวงดนตรีเฟี้ยวๆกลับไปเป็นแรงบันดาลใจเสมอ .. ซึ่งส่วนที่น่ารักน่าชังก็คือหลังจากที่เจ้าหนุ่มตัวเอกของเราได้ฟัง-ดูเอ็มวีของวงดนตรีเท่ๆเหล่านั้นทีไร เขาก็จะแต่งตัว-ทำตัวให้คล้ายกับวงพวกนั้นเสียทุกทีไป! ซึ่งนี่ก็ชี้ให้เห็นถึงหนึ่งเอกลักษณ์ของวัยรุ่นที่มักจะรับสิ่งใหม่ๆเข้ามาได้ง่าย และต้องใช้เวลาระยะนึงกว่าตัวเอกของเราจะจับทางของตัวเองได้ในที่สุด ซึ่งในรายละเอียดตรงนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีจนน่าชื่นชมนะ
.
ในขณะที่หนังนำเสนอพระเอกของเรามาในลักษณะของ loser ผู้ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน หนังก็ยกนางเอกสุดเฟี้ยวที่โตเกินวัยอย่าง 'ราฟีน่า' (Lucy Boynton) มาให้อยู่ในฐานะ 'ดอกฟ้า' ทีเกินกว่าจะเอื้อมถึง ราฟีน่านั้นเป็นเด็กสาวที่แต่งหน้าจัด-สูบบุหรี่ และมีอาชีพเป็นนางแบบผู้มีความมั่นใจอันเปี่ยมล้นจนดูห่างไกลจากระดับของพระเอก แต่พอเธอได้เข้ามาร่วมแสดงเอ็มวีกับวงแล้วนั้นเราก็จะได้เห็น 'ความสดใสที่สมวัย' ที่เธอแสดงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับมันคือช่วงเวลาหนึ่งที่เธอได้ถอดหน้ากาก 'ผู้ใหญ่' ที่เธอสวมอยู่ออกไป ซึ่งตัวละครนี้ก็น่าสนใจในแง่ของเด็กที่โตเกินวัยและมีเครื่องสำอางก์เป็นเชิญสัญลักษณ์อย่างลึกซึ้ง อาทิในฉากที่เธออยู่ในช่วงที่ชีวิตตกต่ำ เธอก็แทบจะหยุดใช้เครื่องสำอางไปเลย เหมือนเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นใจที่แตกสลายของเธอนั่นเอง

เอาล่ะ เกรงว่าถ้าวิเคราะห์ไปถึงตัวพี่ชายด้วยมันจะยาวและสปอยล์เกินรีวิวไป เอาเป็น Sing Street ก็คงจะเป็นหนังเพลงที่ครองอันดับหนึ่งในดวงใจใครหลายๆคนไม่ยากนัก ทั้งความสดใหม่ในธีมของวัยรุ่นที่ชัดเจนและงานดนตรีที่ปังติดหู บวกกับแคสนักแสดงที่น่ารักน่าชังถูกใจแม่ยกหลายๆคน เชื่อว่ามันกำลังจะกลายเป็น Talk of the Town ในอีกไม่ช้าเลยแหละ ดังนั้นอย่าพลาดไปดูในโรงเชียว!

.. ไม่งั้นคุณอาจจะคุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่อง

ป.ล.ดูหนังจบอย่าลืมฟังเพลงนี้ อาจจะได้น้ำตาไม่รู้ตัว : https://www.youtube.com/watch?v=xIY_b10iehY

หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่ https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า Facebook ครับ ..
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่