สวัสดีค่ะ...นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ได้มีโอกาสตั้งกระทู้เกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยวในต่างแดนเป็นครั้งแรก ทริปนี้ถือว่าเป็น Company Trip ครั้งแรกจากมิส (เจ้านายเราเองค่ะ เป็นคนญี่ปุ่นและเป็นผู้หญิง เราเลยเรียกเจ้านายว่ามิสค่ะ) และจุดมุ่งหมายของการเดินทางในครั้งนี้คือ เมืองมิยาซากิ บนภูมิภาคคิวชู ประเทศญี่ปุ่นค่ะ แม้การเดินทางจะมีอุปสรรคนิดหน่อย เพราะแพลนของมิสที่วางไว้คือเดินทางตั้งแต่ 29 มิถุนายน ถึง 4 กรกฎาคม แต่เนื่องจากสายการบินมีปัญหายกเลิกไฟล์ทในวันที่ 4 พวกเราเลยต้องเดินทางกลับกันในวันที่ 2 ค่ะ คือเมื่อวานนั่นเอง แลนดิ้งที่ไทยก็ราวๆเกือบตีสอง วันนี้เรียกได้ว่า วิญญาณออกจากร่าง นั่งทำหน้าเอ๋อๆค่ะ
ทริปนี้ค่าตั๋วเครื่องบินและค่าที่พักมิสเป็นคนออกให้ค่ะ ขอบคุณมิสมากๆสำหรับความใจดีนี้ ถึงระยะเวลาจะสั้นไปหน่อย แต่ว่าสถานที่ๆเราได้ไปนั้นสวยงามจนอยากจะไปอีกค่ะถ้ามีโอกาส
รูปถ่ายทั้งหมดเราถ่ายจากไอโฟนนะคะ แล้วเราไม่ค่อยได้ถ่ายรูป อาจจะถ่ายได้ไม่สวยนักต้องขออภัยด้วยค่ะ
สถานที่ท่องเที่ยวอาจจะน้อยไปหน่อยนะคะ เพราะเราจะรีวิวที่เราไป และเขียนจากความรู้สึกของเราที่ได้ไปมาค่ะ
มาเริ่มกันเลยดีกว่า
วันที่ 29 มิถุนายน เราเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิค่ะ
ทริปนี้เดินทางกันทั้งหมดเป็นผู้ใหญ่สามคนค่ะ คือ มิส พี่หัวหน้าของเรา และเรา พร้อมกับเด็กน้อยอีกสองคน คือลูกสาวมิสค่ะ หลังจากเช็คอินเสร็จเราก็เข้าไปด้านใน เดินดูของฆ่าเวลาไปเรื่อยๆจนถึงเวลา Boarding ค่ะ และไฟล์ทของเราไม่ใช่ไฟล์ทบินตรง ต้องไปต่อเครื่องที่ไต้หวันค่ะ หุหุ....(ถ้าหาข้อมูลไม่พลาด เหมือนไม่มีบินตรงจากไทยไปมิยาซากิโดยตรงนะคะ) เวลาเดินทางไปไต้หวันประมาณสามชั่วโมงค่ะ อาหารบนเครื่องแน่นอนว่ามีค่ะ แต่ไม่ได้ถ่ายไว้เนื่องจากหิว....เมื่อได้มาเราก็กินอย่างไม่รอช้า โดยส่วนตัวแล้ว อาหารขาไปนี่อร่อยที่สุดแล้วค่ะ.....
มาถึงแล้วไต้หวัน....เห็นแล้วรู้สึกอยากมาเที่ยวเลย (อยากมาจริงๆไม่เกี่ยวกับการติ่งเลยนะ อิอิ) เวลาตอนนั้นน่าจะราวๆบ่ายสองไต้หวันค่ะ ไฟล์ทที่จะต่อไปมิยาซากิน่าจะเกือบๆสามโมง คือ จำเวลาแน่นอนไม่ได้ ตอนนั้นมีการสื่อสารที่ผิดพลาดกันนิดหน่อย เราก็เลยได้ Final Call ไป แต่สุดท้ายเราก็ได้เดินทางไปมิยาซากิกันอย่างราบรื่นค่ะ ขึ้นเครื่องไปตกใจเล็กน้อย เพราะมีผู้โดยสารน้อยมากถ้าเทียบกับขาที่มาจากกรุงเทพถึงไต้หวันค่ะ จากไต้หวันถึงมิยาซากินประมาณหนึ่งชั่วโมงเศษ วันนั้นเราเดินทางถึงมิยาซากิกัน...ฝนตกค่ะ (แอบเศร้าเบาๆ)
รูปนี้น่าจะตอนเครื่องกำลังออกจากไต้หวันค่ะ ถ่ายเก็บไว้เป็นความทรงจำ สักวันฉันจะมาหาเธอแบบนั้น.....เอิ๊กๆ
ตอนอยู่บนเครื่องนี่ถ้าไม่หลับก็กินค่ะ...ไฟลท์ขาจากไต้หวันไปมิยาซากิ มีอาหารเสิร์ฟ แน่นอนว่าเราก็ต้องกิน ตามคติกองทัพต้องเดินด้วยท้อง.......และแล้วก็ถึงแล้วค่ะ มิยาซากิ ประเทศญี่ปุ่น เยส!
ตอนเราถึงมิยาซากิก็ประมาณห้าโมงเย็นตามเวลาประเทศญี่ปุ่น น่าจะใกล้ๆจะหกโมงแล้ว แต่ท้องฟ้ายังสว่างเลยค่ะ บรรยากาศข้างนอกชื้นๆหน่อยเพราะฝนน่าจะเพิ่งหยุดตกไป การผ่านตม.และศุลกากรผ่านไปอย่างง่ายดาย แม้ว่าเราจะสื่อสารญี่ปุ่นไม่ได้ แต่ตอนตม. เจ้าหน้าที่ไม่ได้ถามอะไรเราเลยค่ะ เขาดูพาสปอร์ต ทำตามขั้นตอนแล้วก็เดินผ่านออกมา ส่วนตรงศุลกากรเจ้าหน้าที่คุยกับมิสนิดหน่อย พวกเราก็เป็นอันเรียบร้อย เดินออกมาเจอบาจัง (คุณยาย) กับจี้จัง (คุณตา) ที่เป็นพ่อแม่ของมิส ก็ทักทายกันเป็นภาษาอังกฤษแล้วก็มีสวัสดีค่ะด้วย คุณพ่อคุณแม่มิสใจดีค่ะ คุณแม่มิสทำอาหารอร่อยด้วย เราชอบเนื้อวัวย่างที่ท่านทำมาก ฟินเฟ่อร์ คืนแรกของการเดินทางมาถึงนั้นเราจะพักที่บ้านมิสก่อนค่ะหนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นค่อยไปพักที่โรงแรม คุณพ่อกับคุณแม่มิสขับรถกันมาคนละคัน เห็นมิสบอกว่าที่ญี่ปุ่นน่าจะโดยสารได้คันหนึ่งไม่เกินสี่คนนะคะ รถที่นั่นก็คันเล็กๆด้วย น่ารัก มีสีชมพูด้วย ระหว่างทางที่ไปบ้านมิสเราก็เลยแชะรูปไปหน่อยค่ะ เราไม่เคยไปเมืองอื่นของญี่ปุ่น แต่ตอนที่เราเห็นมิยาซากิ เราว่าเป็นเมืองที่สวยแบบธรรมชาติ คือ มีความรู้สึกว่ามันก็เป็นเมืองที่สวยในแบบของมัน เราไม่จำเป็นจะต้องไปเทียบกับเมืองอื่นๆที่ผู้คนเขาชอบเดินทางไปกันเยอะๆ (แม้ว่าขนมดังๆที่อยากกินจะไม่ค่อยมี แหะๆ)
เรากับพี่นั่งรถไปกับแม่ของมิสค่ะ ส่วนมิสกับลูกเดินทางไปพ่อของมิสค่ะ เมื่อมาถึงบ้านมิส ฝนหยุดตกแล้วค่ะ หลังจากลงรถ เอาของไปวางในบ้าน เอาซิมที่ใช้ได้ในญี่ปุ่นใส่มือถือเรียบร้อยแล้ว เราก็เห็นองุ่นจากทางหน้าต่างเลยถามมิสค่ะ มิสบอกว่า บ้านมิสปลูกเอง อร่อยมากด้วย แต่ตอนที่ไปยังกินไม่ได้เพราะไม่ถึงเวลาที่จะเก็บ เลยได้แต่ถ่ายรูปมาค่ะ
เสียดาย...อยากชิม ยิ่งมิสบอกว่าหวานนี่อยากกินมากๆเลยค่ะ T^T
อากาศในวันที่เราไปไม่ร้อนไม่หนาว กำลังสบายๆเพราะฝนค่ะ หลังจากที่มาถึงบ้านมิสได้สักพัก มิสก็บอกว่าจะพาไปมินิมาร์ทที่อยู่ใกล้ๆบ้านค่ะ แน่นอนว่าก็ต้องไปเพราะว่าเรามีภารกิจมากมายที่ต้องมาซื้อเลย อ่อ....เรามีงบไปเที่ยว 60,000 เยน ค่ะ เงินไทยก็ประมาณ 20,250 แลกก่อนเดินทางหนึ่งอาทิตย์ก่อนที่จะเกิดวิกฤตของอังกฤษแล้วเงินเยนขึ้นค่ะ ถือว่าโชคดีมากๆ เพราะถ้ารอแลกตอนใกล้ๆกว่านี้ อาจจะต้องร้องไห้แน่ๆ
เราถ่ายไว้ตอนเดินไปมินิมาร์ทค่ะ มิสพาไป แต่ขากลับก็กลับมากันเองกับพี่ ซึ่งก็ไม่หลงนะคะ แต่ว่าพอตกกลางคืนแล้ว มันมืดมากๆเลย ตอนที่ออกจากมินิมาร์ทน่าจะราวๆทุ่ม แต่มืดเหมือนสองสามทุ่มบ้านเราเลย อ่อ เราไม่ได้ถ่ายรูปในมาร์ทไว้เพราะตามหาของค่ะ ซึ่งก็ได้ของมาอย่างที่ต้องการบางส่วนค่ะ ซึ่งหลังจากช็อปปิ้งเสร็จ เสียเงินไปเล็กน้อยแล้ว กลับมาก็ถึงเวลามื้อค่ำที่แม่มิสทำอาหารไว้รอแล้ว (ทั้งกระทู้นี่น่าจะมีแต่เรื่องกินแน่ๆ....)
เนื้อวัวอันลือชื่อของมิยาซากิค่ะ นุ่มมาก อร่อยมาก เวลากินต้องเอาผงนี่โรยลงไปบนข้าวและเนื้อด้วยนะคะ ฟินฝุดๆ
หน้าตาเครื่องปรุงค่ะ ชอบมาก แต่มิสบอกกินมากไม่ดี แต่เราก็ซื้อมานะค่ะ ฮ่าๆ
นอกจากเนื้อวัวแล้วยังมีปลาดิบด้วย หวานมากค่ะ ฟินๆกันไป
หลังจากอิ่มก็ไปล้างจาน นั่งเล่นกับเด็กๆ โทรหาคุณพ่อของเราที่ไทย แล้วก็อาบน้ำ เตรียมเข้านอนค่ะ เนื่องจากแถวบ้านมิสไม่ใช่ย่านท่องเที่ยวหรือมีห้างอะไร เพราะฉะนั้นการจะไปเดินเล่นยามกลางคืนนี่ไม่มีค่ะ อีกอย่างเดินทางมาทั้งวัน ร่างกายก็ประท้วงเบาๆต้องการการพักผ่อนเพื่อวันพรุ่งนี้และวันมะรืนค่ะ ที่ญี่ปุ่นเหมือนในห้องนอนจะไม่มีแอร์ แต่ว่าไม่รู้สึกร้อนเลย ได้ลมเย็นๆแบบธรรมชาติมากๆ ละดูเหมือนว่าคืนนั้นฝนจะตกด้วย ตกลากยาวมาถึงเช้าเลยค่ะ.............
เราตื่นมาประมาณหกโมงครึ่ง หยิบโทรศัพท์มาว่าจะโทรหาแม่ นึกได้ว่าที่นู่นตีสี่ครึ่ง เดี๋ยวท่านจะตกใจก่อน เลยลงไปข้างล่าง เจอบาจังกำลังทำอาหารเช้า ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรเลยเดินกลับขึ้นมา แวะไป Good morning มิสที่เพิ่งตื่นอีกห้องแล้วกลับมานอนต่อ มาตื่นอีกทีตอนมิสไลน์มาบอกว่า ทานมื้อเช้าได้แล้ว เราเลยโทรหาพ่อกับแม่ก่อน แล้วลงไปล้างหน้าล้างตา แล้วก็หม่ำๆ ฮ่าๆ
หลังจากทานเสร็จก็ออกมาถ่ายรูปสภาพอากาศวันนี้สักหน่อย ดูเหมือนว่าฝนจะตกทั้งวัน....คาดว่าไม่น่าจะได้ไปไหน มิสเลยบอกว่าจะพาไปห้าง แล้วก็ไปเช็คอินที่โรงแรมค่ะ...
อากาศดูอึมครื้ม แต่เรารู้สึกสดชื่นดี อาจเพราะค่อนข้างได้ความเป็นธรรมชาติ มองไปทางไหนก็มีสีเขียวของต้นไม้ ภูเขา ตอนนั้นนี่นั่งคิดพล็อตฟิคไปตลอดเวลาที่เดินทาง.....
อันนี้น่าจะอยู่แถวหน้าบ้านมิสค่ะ นอกจากองุ่นแล้วก็มีต้นไม้อื่นๆ และมีมะเขือเทศลูกเล็กๆปลูกไว้ด้วย หวานมาก มื้อเช้าเรากินไปลูกหนึ่ง ฟินๆ หลังมื้อเช้าก็จัดการเก็บของอะไรเรียบร้อย ทำธุระของตัวเองเสร็จ เราเกิดอยากสระผมค่ะ....แต่ว่ามิสบอกสระที่โน่นแพงมาก เราเลยงั้นไปตัดผมเลยดีกว่าจะได้สระด้วย จริงๆมื้อเที่ยงมิสจะพาไปร้านอาหารร้านหนึ่งที่ต้องจองล่วงหน้าเพราะอร่อยและมีคนเยอะมาก แถมเราต้องไปตรงเวลามากๆด้วย ตอนนั้นน่าจะเกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว เราบอกมิสว่า เดี๋ยวมานะคะ แล้วก็หายไป....ไปตัดผมค่ะ (หัวเราะ) เจอร้านหนึ่งไม่ไกลจากบ้านมิสมากกกก ก็ไปเคาะๆแล้วก็ทำท่าเขาบอกว่าตัดผมค่ะ เขาก็โอเคๆ เราพูดญี่ปุ่นไม่ได้ เขาก็สื่อสารอังกฤษไม่ค่อยได้ สุดท้ายก็ภาษามือกันไป
ตัดผมวันนั้นราคา 3500 เยนค่ะ.....อย่าคิดเป็นเงินไทยเลย ปวดตับ 5555555555
[CR] Let's go "Miyazaki" เมืองที่ซ่อนความสวยงามไว้ใต้ความเงียบสงบ
ทริปนี้ค่าตั๋วเครื่องบินและค่าที่พักมิสเป็นคนออกให้ค่ะ ขอบคุณมิสมากๆสำหรับความใจดีนี้ ถึงระยะเวลาจะสั้นไปหน่อย แต่ว่าสถานที่ๆเราได้ไปนั้นสวยงามจนอยากจะไปอีกค่ะถ้ามีโอกาส
รูปถ่ายทั้งหมดเราถ่ายจากไอโฟนนะคะ แล้วเราไม่ค่อยได้ถ่ายรูป อาจจะถ่ายได้ไม่สวยนักต้องขออภัยด้วยค่ะ
สถานที่ท่องเที่ยวอาจจะน้อยไปหน่อยนะคะ เพราะเราจะรีวิวที่เราไป และเขียนจากความรู้สึกของเราที่ได้ไปมาค่ะ
มาเริ่มกันเลยดีกว่า
วันที่ 29 มิถุนายน เราเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิค่ะ
ทริปนี้เดินทางกันทั้งหมดเป็นผู้ใหญ่สามคนค่ะ คือ มิส พี่หัวหน้าของเรา และเรา พร้อมกับเด็กน้อยอีกสองคน คือลูกสาวมิสค่ะ หลังจากเช็คอินเสร็จเราก็เข้าไปด้านใน เดินดูของฆ่าเวลาไปเรื่อยๆจนถึงเวลา Boarding ค่ะ และไฟล์ทของเราไม่ใช่ไฟล์ทบินตรง ต้องไปต่อเครื่องที่ไต้หวันค่ะ หุหุ....(ถ้าหาข้อมูลไม่พลาด เหมือนไม่มีบินตรงจากไทยไปมิยาซากิโดยตรงนะคะ) เวลาเดินทางไปไต้หวันประมาณสามชั่วโมงค่ะ อาหารบนเครื่องแน่นอนว่ามีค่ะ แต่ไม่ได้ถ่ายไว้เนื่องจากหิว....เมื่อได้มาเราก็กินอย่างไม่รอช้า โดยส่วนตัวแล้ว อาหารขาไปนี่อร่อยที่สุดแล้วค่ะ.....
มาถึงแล้วไต้หวัน....เห็นแล้วรู้สึกอยากมาเที่ยวเลย (อยากมาจริงๆไม่เกี่ยวกับการติ่งเลยนะ อิอิ) เวลาตอนนั้นน่าจะราวๆบ่ายสองไต้หวันค่ะ ไฟล์ทที่จะต่อไปมิยาซากิน่าจะเกือบๆสามโมง คือ จำเวลาแน่นอนไม่ได้ ตอนนั้นมีการสื่อสารที่ผิดพลาดกันนิดหน่อย เราก็เลยได้ Final Call ไป แต่สุดท้ายเราก็ได้เดินทางไปมิยาซากิกันอย่างราบรื่นค่ะ ขึ้นเครื่องไปตกใจเล็กน้อย เพราะมีผู้โดยสารน้อยมากถ้าเทียบกับขาที่มาจากกรุงเทพถึงไต้หวันค่ะ จากไต้หวันถึงมิยาซากินประมาณหนึ่งชั่วโมงเศษ วันนั้นเราเดินทางถึงมิยาซากิกัน...ฝนตกค่ะ (แอบเศร้าเบาๆ)
รูปนี้น่าจะตอนเครื่องกำลังออกจากไต้หวันค่ะ ถ่ายเก็บไว้เป็นความทรงจำ สักวันฉันจะมาหาเธอแบบนั้น.....เอิ๊กๆ
ตอนอยู่บนเครื่องนี่ถ้าไม่หลับก็กินค่ะ...ไฟลท์ขาจากไต้หวันไปมิยาซากิ มีอาหารเสิร์ฟ แน่นอนว่าเราก็ต้องกิน ตามคติกองทัพต้องเดินด้วยท้อง.......และแล้วก็ถึงแล้วค่ะ มิยาซากิ ประเทศญี่ปุ่น เยส!
ตอนเราถึงมิยาซากิก็ประมาณห้าโมงเย็นตามเวลาประเทศญี่ปุ่น น่าจะใกล้ๆจะหกโมงแล้ว แต่ท้องฟ้ายังสว่างเลยค่ะ บรรยากาศข้างนอกชื้นๆหน่อยเพราะฝนน่าจะเพิ่งหยุดตกไป การผ่านตม.และศุลกากรผ่านไปอย่างง่ายดาย แม้ว่าเราจะสื่อสารญี่ปุ่นไม่ได้ แต่ตอนตม. เจ้าหน้าที่ไม่ได้ถามอะไรเราเลยค่ะ เขาดูพาสปอร์ต ทำตามขั้นตอนแล้วก็เดินผ่านออกมา ส่วนตรงศุลกากรเจ้าหน้าที่คุยกับมิสนิดหน่อย พวกเราก็เป็นอันเรียบร้อย เดินออกมาเจอบาจัง (คุณยาย) กับจี้จัง (คุณตา) ที่เป็นพ่อแม่ของมิส ก็ทักทายกันเป็นภาษาอังกฤษแล้วก็มีสวัสดีค่ะด้วย คุณพ่อคุณแม่มิสใจดีค่ะ คุณแม่มิสทำอาหารอร่อยด้วย เราชอบเนื้อวัวย่างที่ท่านทำมาก ฟินเฟ่อร์ คืนแรกของการเดินทางมาถึงนั้นเราจะพักที่บ้านมิสก่อนค่ะหนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นค่อยไปพักที่โรงแรม คุณพ่อกับคุณแม่มิสขับรถกันมาคนละคัน เห็นมิสบอกว่าที่ญี่ปุ่นน่าจะโดยสารได้คันหนึ่งไม่เกินสี่คนนะคะ รถที่นั่นก็คันเล็กๆด้วย น่ารัก มีสีชมพูด้วย ระหว่างทางที่ไปบ้านมิสเราก็เลยแชะรูปไปหน่อยค่ะ เราไม่เคยไปเมืองอื่นของญี่ปุ่น แต่ตอนที่เราเห็นมิยาซากิ เราว่าเป็นเมืองที่สวยแบบธรรมชาติ คือ มีความรู้สึกว่ามันก็เป็นเมืองที่สวยในแบบของมัน เราไม่จำเป็นจะต้องไปเทียบกับเมืองอื่นๆที่ผู้คนเขาชอบเดินทางไปกันเยอะๆ (แม้ว่าขนมดังๆที่อยากกินจะไม่ค่อยมี แหะๆ)
เรากับพี่นั่งรถไปกับแม่ของมิสค่ะ ส่วนมิสกับลูกเดินทางไปพ่อของมิสค่ะ เมื่อมาถึงบ้านมิส ฝนหยุดตกแล้วค่ะ หลังจากลงรถ เอาของไปวางในบ้าน เอาซิมที่ใช้ได้ในญี่ปุ่นใส่มือถือเรียบร้อยแล้ว เราก็เห็นองุ่นจากทางหน้าต่างเลยถามมิสค่ะ มิสบอกว่า บ้านมิสปลูกเอง อร่อยมากด้วย แต่ตอนที่ไปยังกินไม่ได้เพราะไม่ถึงเวลาที่จะเก็บ เลยได้แต่ถ่ายรูปมาค่ะ
เสียดาย...อยากชิม ยิ่งมิสบอกว่าหวานนี่อยากกินมากๆเลยค่ะ T^T
อากาศในวันที่เราไปไม่ร้อนไม่หนาว กำลังสบายๆเพราะฝนค่ะ หลังจากที่มาถึงบ้านมิสได้สักพัก มิสก็บอกว่าจะพาไปมินิมาร์ทที่อยู่ใกล้ๆบ้านค่ะ แน่นอนว่าก็ต้องไปเพราะว่าเรามีภารกิจมากมายที่ต้องมาซื้อเลย อ่อ....เรามีงบไปเที่ยว 60,000 เยน ค่ะ เงินไทยก็ประมาณ 20,250 แลกก่อนเดินทางหนึ่งอาทิตย์ก่อนที่จะเกิดวิกฤตของอังกฤษแล้วเงินเยนขึ้นค่ะ ถือว่าโชคดีมากๆ เพราะถ้ารอแลกตอนใกล้ๆกว่านี้ อาจจะต้องร้องไห้แน่ๆ
เราถ่ายไว้ตอนเดินไปมินิมาร์ทค่ะ มิสพาไป แต่ขากลับก็กลับมากันเองกับพี่ ซึ่งก็ไม่หลงนะคะ แต่ว่าพอตกกลางคืนแล้ว มันมืดมากๆเลย ตอนที่ออกจากมินิมาร์ทน่าจะราวๆทุ่ม แต่มืดเหมือนสองสามทุ่มบ้านเราเลย อ่อ เราไม่ได้ถ่ายรูปในมาร์ทไว้เพราะตามหาของค่ะ ซึ่งก็ได้ของมาอย่างที่ต้องการบางส่วนค่ะ ซึ่งหลังจากช็อปปิ้งเสร็จ เสียเงินไปเล็กน้อยแล้ว กลับมาก็ถึงเวลามื้อค่ำที่แม่มิสทำอาหารไว้รอแล้ว (ทั้งกระทู้นี่น่าจะมีแต่เรื่องกินแน่ๆ....)
เนื้อวัวอันลือชื่อของมิยาซากิค่ะ นุ่มมาก อร่อยมาก เวลากินต้องเอาผงนี่โรยลงไปบนข้าวและเนื้อด้วยนะคะ ฟินฝุดๆ
หน้าตาเครื่องปรุงค่ะ ชอบมาก แต่มิสบอกกินมากไม่ดี แต่เราก็ซื้อมานะค่ะ ฮ่าๆ
นอกจากเนื้อวัวแล้วยังมีปลาดิบด้วย หวานมากค่ะ ฟินๆกันไป
หลังจากอิ่มก็ไปล้างจาน นั่งเล่นกับเด็กๆ โทรหาคุณพ่อของเราที่ไทย แล้วก็อาบน้ำ เตรียมเข้านอนค่ะ เนื่องจากแถวบ้านมิสไม่ใช่ย่านท่องเที่ยวหรือมีห้างอะไร เพราะฉะนั้นการจะไปเดินเล่นยามกลางคืนนี่ไม่มีค่ะ อีกอย่างเดินทางมาทั้งวัน ร่างกายก็ประท้วงเบาๆต้องการการพักผ่อนเพื่อวันพรุ่งนี้และวันมะรืนค่ะ ที่ญี่ปุ่นเหมือนในห้องนอนจะไม่มีแอร์ แต่ว่าไม่รู้สึกร้อนเลย ได้ลมเย็นๆแบบธรรมชาติมากๆ ละดูเหมือนว่าคืนนั้นฝนจะตกด้วย ตกลากยาวมาถึงเช้าเลยค่ะ.............
เราตื่นมาประมาณหกโมงครึ่ง หยิบโทรศัพท์มาว่าจะโทรหาแม่ นึกได้ว่าที่นู่นตีสี่ครึ่ง เดี๋ยวท่านจะตกใจก่อน เลยลงไปข้างล่าง เจอบาจังกำลังทำอาหารเช้า ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรเลยเดินกลับขึ้นมา แวะไป Good morning มิสที่เพิ่งตื่นอีกห้องแล้วกลับมานอนต่อ มาตื่นอีกทีตอนมิสไลน์มาบอกว่า ทานมื้อเช้าได้แล้ว เราเลยโทรหาพ่อกับแม่ก่อน แล้วลงไปล้างหน้าล้างตา แล้วก็หม่ำๆ ฮ่าๆ
หลังจากทานเสร็จก็ออกมาถ่ายรูปสภาพอากาศวันนี้สักหน่อย ดูเหมือนว่าฝนจะตกทั้งวัน....คาดว่าไม่น่าจะได้ไปไหน มิสเลยบอกว่าจะพาไปห้าง แล้วก็ไปเช็คอินที่โรงแรมค่ะ...
อากาศดูอึมครื้ม แต่เรารู้สึกสดชื่นดี อาจเพราะค่อนข้างได้ความเป็นธรรมชาติ มองไปทางไหนก็มีสีเขียวของต้นไม้ ภูเขา ตอนนั้นนี่นั่งคิดพล็อตฟิคไปตลอดเวลาที่เดินทาง.....
อันนี้น่าจะอยู่แถวหน้าบ้านมิสค่ะ นอกจากองุ่นแล้วก็มีต้นไม้อื่นๆ และมีมะเขือเทศลูกเล็กๆปลูกไว้ด้วย หวานมาก มื้อเช้าเรากินไปลูกหนึ่ง ฟินๆ หลังมื้อเช้าก็จัดการเก็บของอะไรเรียบร้อย ทำธุระของตัวเองเสร็จ เราเกิดอยากสระผมค่ะ....แต่ว่ามิสบอกสระที่โน่นแพงมาก เราเลยงั้นไปตัดผมเลยดีกว่าจะได้สระด้วย จริงๆมื้อเที่ยงมิสจะพาไปร้านอาหารร้านหนึ่งที่ต้องจองล่วงหน้าเพราะอร่อยและมีคนเยอะมาก แถมเราต้องไปตรงเวลามากๆด้วย ตอนนั้นน่าจะเกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว เราบอกมิสว่า เดี๋ยวมานะคะ แล้วก็หายไป....ไปตัดผมค่ะ (หัวเราะ) เจอร้านหนึ่งไม่ไกลจากบ้านมิสมากกกก ก็ไปเคาะๆแล้วก็ทำท่าเขาบอกว่าตัดผมค่ะ เขาก็โอเคๆ เราพูดญี่ปุ่นไม่ได้ เขาก็สื่อสารอังกฤษไม่ค่อยได้ สุดท้ายก็ภาษามือกันไป
ตัดผมวันนั้นราคา 3500 เยนค่ะ.....อย่าคิดเป็นเงินไทยเลย ปวดตับ 5555555555