เพราะสุดท้ายแล้ว ก็ต้องคำนวณรายจ่ายก่อน ที่เหลือจึงนำไปออมอยู่ดี ทฤษฏีอาจดูสวยงาม แต่ในทางปฏิบัติไม่ง่ายนะครับ
ผมคนหนึ่งละครับ ที่ยอมรับว่าทำไม่ได้ เอาง่ายๆเลย สมมุตินายเอเงินเดือน 3 หมื่น มีค่าใช้จ่ายรวมทุกอย่างแล้ว 2.5 หมื่น
เหลือออม 5 พัน แต่วันดีคืนดีนายเอนึกอยากจะมีเงินออมเพิ่มขึ้นมาอีก 5พัน เป็น 1หมื่น หรือลดค่าใช้จ่ายลงมา 5 พัน
แต่หากค่าใช้จ่ายฟิกไว้ตายตัวอยู่แล้วที่ 2.5 หมื่น ยังไงแล้วนายเอก็ต้องเจียดเงินออมมาจ่ายอยู่ดี แล้วจะต่างอะไรกับการ
หักค่าใช้จ่ายก่อน แล้วค่อยนำไปออม หากหลักการนี้ มีจุดประสงค์เพื่อสร้างแรงกระตุ้นในการหารายได้เพิ่ม โดยการตั้งเป้า
จากเงินออมเพิ่มขึ้น และหารายได้เพิ่มจากทางอื่น เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายชดเชยกับส่วนที่หักเป็นเงินออมไว้ก่อน น่าจะถูก
กว่า เช่นจากข้างต้นนายเอหักออมไว้ก่อน 1 หมื่นตามแผนและเป้าหมาย แต่ค่าใช้จ่ายอีก 5 พันที่นายเอหักเงินตัวเองไว้
เป็นเงินออม หากไม่พอ นายเอต้องดิ้นรนกระ

กระสนหารายได้เพิ่มมาชดเชยให้ได้ โดยที่ไม่นำเงินส่วนที่กันไว้ออม
ไปแล้ว นำออกมาใช้จ่ายหากไม่พอ แต่ผมอยากจะรู้ว่า จะมีสักกี่คนกันเชียว ที่รักษาวินัยได้ดีตลอดทางแบบนั้น และที่สำคัญ
กว่าก็คือ จะมีสักกี่คน ที่จะทำได้ตามเป้าหมายทุกครั้งไป เหมือนสั่งได้ ผมคนหนึ่ง ชอบใช้วิธีการกดดันตัวเอง ไม่ทางใด
ก็ทางหนึ่ง สร้างแรงกระตุ้นได้เป็นอย่างดี แต่หลายครั้งก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราวาดไว้เสมอไป สรุปก็คือมีรายได้เท่าไหร่
คำนวณรายจ่ายจำเป็น และใช้จ่ายไม่ฟุ่งเฟ้อ เหลือเท่าไหร่ก็ออม หาช่องทางลงทุนหากมีโอกาส เหมือนเดิมนั่นแหละครับ
ดีที่สุดแล้ว
ออมก่อน ที่เหลือค่อยนำไปจ่าย แต่เอาเข้าจริงๆ ใครทำได้บ้าง
ผมคนหนึ่งละครับ ที่ยอมรับว่าทำไม่ได้ เอาง่ายๆเลย สมมุตินายเอเงินเดือน 3 หมื่น มีค่าใช้จ่ายรวมทุกอย่างแล้ว 2.5 หมื่น
เหลือออม 5 พัน แต่วันดีคืนดีนายเอนึกอยากจะมีเงินออมเพิ่มขึ้นมาอีก 5พัน เป็น 1หมื่น หรือลดค่าใช้จ่ายลงมา 5 พัน
แต่หากค่าใช้จ่ายฟิกไว้ตายตัวอยู่แล้วที่ 2.5 หมื่น ยังไงแล้วนายเอก็ต้องเจียดเงินออมมาจ่ายอยู่ดี แล้วจะต่างอะไรกับการ
หักค่าใช้จ่ายก่อน แล้วค่อยนำไปออม หากหลักการนี้ มีจุดประสงค์เพื่อสร้างแรงกระตุ้นในการหารายได้เพิ่ม โดยการตั้งเป้า
จากเงินออมเพิ่มขึ้น และหารายได้เพิ่มจากทางอื่น เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายชดเชยกับส่วนที่หักเป็นเงินออมไว้ก่อน น่าจะถูก
กว่า เช่นจากข้างต้นนายเอหักออมไว้ก่อน 1 หมื่นตามแผนและเป้าหมาย แต่ค่าใช้จ่ายอีก 5 พันที่นายเอหักเงินตัวเองไว้
เป็นเงินออม หากไม่พอ นายเอต้องดิ้นรนกระ
ไปแล้ว นำออกมาใช้จ่ายหากไม่พอ แต่ผมอยากจะรู้ว่า จะมีสักกี่คนกันเชียว ที่รักษาวินัยได้ดีตลอดทางแบบนั้น และที่สำคัญ
กว่าก็คือ จะมีสักกี่คน ที่จะทำได้ตามเป้าหมายทุกครั้งไป เหมือนสั่งได้ ผมคนหนึ่ง ชอบใช้วิธีการกดดันตัวเอง ไม่ทางใด
ก็ทางหนึ่ง สร้างแรงกระตุ้นได้เป็นอย่างดี แต่หลายครั้งก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราวาดไว้เสมอไป สรุปก็คือมีรายได้เท่าไหร่
คำนวณรายจ่ายจำเป็น และใช้จ่ายไม่ฟุ่งเฟ้อ เหลือเท่าไหร่ก็ออม หาช่องทางลงทุนหากมีโอกาส เหมือนเดิมนั่นแหละครับ
ดีที่สุดแล้ว