นายกฯถกบริหารจัดการน้ำ ปรับแผนระยะยาวถึงปี 68 แนะปัญหาสร้างอุโมงค์น้ำ กทม. ต้องคิดใหม่ ลดผลกระทบ ปชช.
เมื่อเวลา 12.45 น. วันที่ 1 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2559 ว่า สำหรับวันนี้เป็นความก้าวหน้าตามลำดับ และได้สั่งปรับเปลี่ยนไป เราได้มีการวางแผนระยะยาวไปถึงปี 2569 หลายอย่างมีการปรับต่อไป มันเป็นความอ่อนตัวของการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล ซึ่งเราเน้นทั้ง 3 กิจกรรม ถ้าย้อนไปดูของเดิมจะเน้นเรื่องของอุทกภัยเป็นหลัก วันนี้เราต้องดูน้ำทั้ง 3 ประเภทด้วย ปีนี้ที่เรามีการคาดการณ์เอาไว้มันอาจจะมีฝนตกมากขึ้น ซึ่งอาจจะมีการทิ้งระยะบ้างในช่วงไหนก็ตาม อยากให้ทางเกษตรกรได้มีการติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง ทางสื่อโทรทัศน์ วิทยุ หรือจากทางเจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้ปรับตัวเองให้สอดคล้อง ไม่อย่างนั้นลงทุนไปแล้วจะเกิดความเสียหาย หากน้ำขาดจะทำอย่างไร ต้องมีการปรับเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยตัวเอง ก็ต้องขอความร่วมมือจากภาคประชาชน ประชาสังคม เอ็นจีโอ และผู้นำท้องถิ่น ทุกคนต้องร่วมกันปฏิรูป เอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพราะทั้งเกษตรกร อุตสาหกรรม ก็ต้องการใช้น้ำ ทั้งหมดจะเป็นยุทธศาสตร์ในการดำเนินการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า เราต้องทำเพื่อ 20 ปีข้างหน้าที่คนจะเพิ่มขึ้น ฉะนั้นรายได้จะต้องมาจากหลายภาคส่วน ทั้งการเกษตร การท่องเที่ยว และหลายกิจกรรมต้องมีความร่วมมือการลงทุนเรื่องการสร้างความเชื่อมโยงสาธารณูปโภคพื้นฐาน มักใช้เงินทั้งสิ้น หลายคนเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ วันนี้ก็ช่วยอย่างเต็มกำลัง กำลังตนมีอย่างเดียว คือกำลังจากเงินที่ได้จากภาษี ซึ่งก็ยังคงน้อยอยู่ เพราะเรายังปรับโครงสร้างได้ไม่เรียบร้อย แต่ผู้เดือดร้อนยังมีอยู่ ก็ต้องเอาเงินที่เตรียมไว้ในอนาคตมาใช้แก้ปัญหาเดิม อยากให้สื่อช่วยกันทำความเข้าใจ
นายกฯกล่าวว่า ขณะเดียวกันเราต้องหาทางว่าจะทำอย่างไรในเรื่องแผนลงทุน เรื่องการนำเงินมาจากไหน เป็นสิ่งที่ต้องคิด ที่ผ่านมาไม่คิดก็จะเป็นแบบนี้ ไม่มีเงินเหลือจะทำอะไรทั้งสิ้น เพราะต้องเอาไปดูแลคนยากจนตลอดเวลา และเขาเข้มแข็งกันขึ้นบ้างหรือยัง ตนก็ต้องดูเขาต่อ เพียงแต่ว่าต้องมีส่วนในการเพิ่มความเข้มแข็ง สร้างกระบวนการเรียนรู้ เพราะฉะนั้นเงินก็มหาศาล แต่ต้องแบ่งตามงบประมาณที่เรามีอยู่ จะเห็นว่าการตั้งงบประมาณเกินดุลตลอด ขาดทุนตลอด เพราะรายได้มันน้อย เราอย่าหวังรายได้ในการส่งออกอย่างเดียว เพราะเป็นไปไม่ได้ วันหน้าจะน้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะหลายประเทศเขาเพาะปลูกเองในพื้นที่ ลงทุนในประเทศที่ค่าใช้จ่ายถูกที่สุด เราต้องคิดแบบนี้ ต้องปรับตัวเองก่อน สร้างแรงจูงใจ และทำอย่างไรให้ประชาชนมีรายได้เพียงพอ ซึ่งมันยาก เรื่องการสร้างความเข้าใจมันก็ยากแล้ว การจัดหางบประมาณมาทำยิ่งยากกว่า ระเบียบกฎหมายกติกาทั้งหมดต้องแก้ไข ถ้าทุกคนมานั่งที่ตนอยู่ หรือที่รัฐมนตรีอยู่จะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย มันติดไปหมด เพราะที่ผ่านมาทำงานในลักษณะเชิงดิ่ง เป็นแท่งลงมา วันนี้ถึงมีคณะกรรมการที่ตนทำเองทั้งหมดหลายคณะ เพื่อให้สั่งการได้ 3-4 กระทรวงไปหาข้อยุติมา บ่อบาดาล การขุดลอก การทำท่อระบายน้ำในกรุงเทพฯกันน้ำท่วม มันเคยทำกันแบบนี้หรือเปล่า นี่แหละเขาเรียกว่ากำลังทำอยู่
“วันนี้ทำไมผมต้องทำเต็มไปหมด แหล่งน้ำ ต่อเติมน้ำ ทำท่อระบายน้ำใหม่ สร้างตรงกลางเมืองได้ไหมล่ะ ก็ทำไม่ได้อีก ต้องไปคิดวิธีใหม่ เขาถึงเรียกว่าคิดแบบปฏิรูป ถ้าคุณคิดจะทำอุโมงค์ในพื้นที่เดิม คุณยอมไหมล่ะ ทะลุบ้านคุณ มีใครยอมไหม ไม่ยอมหลอก แต่อยากได้ เพราะน้ำไม่ท่วม ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไง ผมก็ให้ไปคิดใหม่ ให้ไปทำในรอบนอก เชื่อมข้างในไปข้างนอก คิดแบบนี้แล้วถามว่าใช้เงินเท่าไหร่ มีเงินให้ผมยัง ก็ยัง นี่แหละคือสิ่งที่เป็นปัญหา ถ้าทุกคนเข้าใจร่วมกัน ร่วมมือกัน ก็จะมีความเข้าใจกันไปตามลำดับ แต่นี่ไม่ได้เลย ทุกคนเสียไม่ได้เลย แต่คนที่เดือดร้อนมี แล้วเราจะทำอย่างไร ถ้าผมใช้อำนาจผมใช้ได้หมด แต่ผมไม่อยากใช้แบบนั้น บางอย่างพัฒนาเศรษฐกิจ ผมไม่อยากจะใช้กฎหมาย ผมเข้าไป เดี๋ยวความน่าเชื่อถือจะหมดไป ผมก็ต้องไปรอแก้ พ.ร.บ. รอแก้กฎหมาย ก็มีหลายวาระ บางอย่างออกได้ บางอย่างติด ติดพวกที่มองมุมเดียว ติดคนเหล่านี้ พอให้ฟังกระแส ฟังเสียงคนภายนอก ก็ติดตรงนี้หมด เพราะทุกคนมองในแง่มุมเดิม ไม่ได้มองประเทศ ประชาชนอยู่ตรงไหน ประชาชนต้องการอะไร นี่แหละเป็นตัวแก้ปัญหาทั้งหมด ว่ามันทำได้ทุกอย่าง กฎหมายมันจะปรับยังไงก็ได้ตามที่ควรจะเป็น วันนี้มันแก้ตามที่ควรจะเป็นไม่ได้ เพราะมีหลายขั้นตอน มันค้านกันหมด ทั้งที่บางคนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย แต่อยากแสดงปัญญา พวกทำเพื่อโลกแต่ไม่ทำเพื่อประเทศตัวเอง” นายกฯกล่าว
เมื่อถามว่า เรื่องอุโมงค์น้ำมีรายละเอียดเป็นอย่างไร นายกฯกล่าวว่า ยังไม่เสร็จหรอก วันนี้ต้องแก้ปัญหาเดิมให้ระบายน้ำลงให้เร็ว เพิ่มเครื่องสูบน้ำ ไปหาพื้นที่ระบายน้ำลง มันเดือดร้อนกันหมด เมื่อถามว่า ต้องทำใหม่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ก็ต้องทำ สั่งให้เขาไปทำแผน ต้องทำให้เร็วที่สุด วันนี้ทำหลายแผน กทม.ก็ไปเร่งทำมาว่าจะทำอย่างไร แล้วแบ่งระยะ 1, 2, 3 ตรงไหนทำได้บ้าง ระบบส่งน้ำทางท่อควรจะทำที่ไหน และทำไมมันไม่ทำมาก่อน ไปถามเขาสิ ถามรัฐบาลชุดก่อนหน้า การใช้งบประมาณเป็นเรื่องของรัฐบาล ผู้สื่อข่าวกล่าวตอบนายกฯว่า ตอนนั้นน้ำยังไม่ท่วม นายกฯตอบว่า ก็คิดแบบนี้ไง ทุกอย่างต้องมีมาตรการลดความเสี่ยง เข้าสู่สังคมสูงอายุ เข้าสู่ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ เตรียมแผนการรับสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงโลก เตรียมรองรับเรื่องโรคระบาด เตรียมรับเรื่องผู้ก่อการร้ายสุดโต่ง เตรียมหรือยัง
http://www.matichon.co.th/news/196648
นายกฯถกบริหารน้ำ สั่งกทม.เร่งคิดแผนอุโมงค์น้ำเร็วสุด ไล่ถามรบ.ก่อนทำไมไม่ทำ
เมื่อเวลา 12.45 น. วันที่ 1 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2559 ว่า สำหรับวันนี้เป็นความก้าวหน้าตามลำดับ และได้สั่งปรับเปลี่ยนไป เราได้มีการวางแผนระยะยาวไปถึงปี 2569 หลายอย่างมีการปรับต่อไป มันเป็นความอ่อนตัวของการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล ซึ่งเราเน้นทั้ง 3 กิจกรรม ถ้าย้อนไปดูของเดิมจะเน้นเรื่องของอุทกภัยเป็นหลัก วันนี้เราต้องดูน้ำทั้ง 3 ประเภทด้วย ปีนี้ที่เรามีการคาดการณ์เอาไว้มันอาจจะมีฝนตกมากขึ้น ซึ่งอาจจะมีการทิ้งระยะบ้างในช่วงไหนก็ตาม อยากให้ทางเกษตรกรได้มีการติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง ทางสื่อโทรทัศน์ วิทยุ หรือจากทางเจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้ปรับตัวเองให้สอดคล้อง ไม่อย่างนั้นลงทุนไปแล้วจะเกิดความเสียหาย หากน้ำขาดจะทำอย่างไร ต้องมีการปรับเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยตัวเอง ก็ต้องขอความร่วมมือจากภาคประชาชน ประชาสังคม เอ็นจีโอ และผู้นำท้องถิ่น ทุกคนต้องร่วมกันปฏิรูป เอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพราะทั้งเกษตรกร อุตสาหกรรม ก็ต้องการใช้น้ำ ทั้งหมดจะเป็นยุทธศาสตร์ในการดำเนินการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า เราต้องทำเพื่อ 20 ปีข้างหน้าที่คนจะเพิ่มขึ้น ฉะนั้นรายได้จะต้องมาจากหลายภาคส่วน ทั้งการเกษตร การท่องเที่ยว และหลายกิจกรรมต้องมีความร่วมมือการลงทุนเรื่องการสร้างความเชื่อมโยงสาธารณูปโภคพื้นฐาน มักใช้เงินทั้งสิ้น หลายคนเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ วันนี้ก็ช่วยอย่างเต็มกำลัง กำลังตนมีอย่างเดียว คือกำลังจากเงินที่ได้จากภาษี ซึ่งก็ยังคงน้อยอยู่ เพราะเรายังปรับโครงสร้างได้ไม่เรียบร้อย แต่ผู้เดือดร้อนยังมีอยู่ ก็ต้องเอาเงินที่เตรียมไว้ในอนาคตมาใช้แก้ปัญหาเดิม อยากให้สื่อช่วยกันทำความเข้าใจ
นายกฯกล่าวว่า ขณะเดียวกันเราต้องหาทางว่าจะทำอย่างไรในเรื่องแผนลงทุน เรื่องการนำเงินมาจากไหน เป็นสิ่งที่ต้องคิด ที่ผ่านมาไม่คิดก็จะเป็นแบบนี้ ไม่มีเงินเหลือจะทำอะไรทั้งสิ้น เพราะต้องเอาไปดูแลคนยากจนตลอดเวลา และเขาเข้มแข็งกันขึ้นบ้างหรือยัง ตนก็ต้องดูเขาต่อ เพียงแต่ว่าต้องมีส่วนในการเพิ่มความเข้มแข็ง สร้างกระบวนการเรียนรู้ เพราะฉะนั้นเงินก็มหาศาล แต่ต้องแบ่งตามงบประมาณที่เรามีอยู่ จะเห็นว่าการตั้งงบประมาณเกินดุลตลอด ขาดทุนตลอด เพราะรายได้มันน้อย เราอย่าหวังรายได้ในการส่งออกอย่างเดียว เพราะเป็นไปไม่ได้ วันหน้าจะน้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะหลายประเทศเขาเพาะปลูกเองในพื้นที่ ลงทุนในประเทศที่ค่าใช้จ่ายถูกที่สุด เราต้องคิดแบบนี้ ต้องปรับตัวเองก่อน สร้างแรงจูงใจ และทำอย่างไรให้ประชาชนมีรายได้เพียงพอ ซึ่งมันยาก เรื่องการสร้างความเข้าใจมันก็ยากแล้ว การจัดหางบประมาณมาทำยิ่งยากกว่า ระเบียบกฎหมายกติกาทั้งหมดต้องแก้ไข ถ้าทุกคนมานั่งที่ตนอยู่ หรือที่รัฐมนตรีอยู่จะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย มันติดไปหมด เพราะที่ผ่านมาทำงานในลักษณะเชิงดิ่ง เป็นแท่งลงมา วันนี้ถึงมีคณะกรรมการที่ตนทำเองทั้งหมดหลายคณะ เพื่อให้สั่งการได้ 3-4 กระทรวงไปหาข้อยุติมา บ่อบาดาล การขุดลอก การทำท่อระบายน้ำในกรุงเทพฯกันน้ำท่วม มันเคยทำกันแบบนี้หรือเปล่า นี่แหละเขาเรียกว่ากำลังทำอยู่
“วันนี้ทำไมผมต้องทำเต็มไปหมด แหล่งน้ำ ต่อเติมน้ำ ทำท่อระบายน้ำใหม่ สร้างตรงกลางเมืองได้ไหมล่ะ ก็ทำไม่ได้อีก ต้องไปคิดวิธีใหม่ เขาถึงเรียกว่าคิดแบบปฏิรูป ถ้าคุณคิดจะทำอุโมงค์ในพื้นที่เดิม คุณยอมไหมล่ะ ทะลุบ้านคุณ มีใครยอมไหม ไม่ยอมหลอก แต่อยากได้ เพราะน้ำไม่ท่วม ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไง ผมก็ให้ไปคิดใหม่ ให้ไปทำในรอบนอก เชื่อมข้างในไปข้างนอก คิดแบบนี้แล้วถามว่าใช้เงินเท่าไหร่ มีเงินให้ผมยัง ก็ยัง นี่แหละคือสิ่งที่เป็นปัญหา ถ้าทุกคนเข้าใจร่วมกัน ร่วมมือกัน ก็จะมีความเข้าใจกันไปตามลำดับ แต่นี่ไม่ได้เลย ทุกคนเสียไม่ได้เลย แต่คนที่เดือดร้อนมี แล้วเราจะทำอย่างไร ถ้าผมใช้อำนาจผมใช้ได้หมด แต่ผมไม่อยากใช้แบบนั้น บางอย่างพัฒนาเศรษฐกิจ ผมไม่อยากจะใช้กฎหมาย ผมเข้าไป เดี๋ยวความน่าเชื่อถือจะหมดไป ผมก็ต้องไปรอแก้ พ.ร.บ. รอแก้กฎหมาย ก็มีหลายวาระ บางอย่างออกได้ บางอย่างติด ติดพวกที่มองมุมเดียว ติดคนเหล่านี้ พอให้ฟังกระแส ฟังเสียงคนภายนอก ก็ติดตรงนี้หมด เพราะทุกคนมองในแง่มุมเดิม ไม่ได้มองประเทศ ประชาชนอยู่ตรงไหน ประชาชนต้องการอะไร นี่แหละเป็นตัวแก้ปัญหาทั้งหมด ว่ามันทำได้ทุกอย่าง กฎหมายมันจะปรับยังไงก็ได้ตามที่ควรจะเป็น วันนี้มันแก้ตามที่ควรจะเป็นไม่ได้ เพราะมีหลายขั้นตอน มันค้านกันหมด ทั้งที่บางคนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย แต่อยากแสดงปัญญา พวกทำเพื่อโลกแต่ไม่ทำเพื่อประเทศตัวเอง” นายกฯกล่าว
เมื่อถามว่า เรื่องอุโมงค์น้ำมีรายละเอียดเป็นอย่างไร นายกฯกล่าวว่า ยังไม่เสร็จหรอก วันนี้ต้องแก้ปัญหาเดิมให้ระบายน้ำลงให้เร็ว เพิ่มเครื่องสูบน้ำ ไปหาพื้นที่ระบายน้ำลง มันเดือดร้อนกันหมด เมื่อถามว่า ต้องทำใหม่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ก็ต้องทำ สั่งให้เขาไปทำแผน ต้องทำให้เร็วที่สุด วันนี้ทำหลายแผน กทม.ก็ไปเร่งทำมาว่าจะทำอย่างไร แล้วแบ่งระยะ 1, 2, 3 ตรงไหนทำได้บ้าง ระบบส่งน้ำทางท่อควรจะทำที่ไหน และทำไมมันไม่ทำมาก่อน ไปถามเขาสิ ถามรัฐบาลชุดก่อนหน้า การใช้งบประมาณเป็นเรื่องของรัฐบาล ผู้สื่อข่าวกล่าวตอบนายกฯว่า ตอนนั้นน้ำยังไม่ท่วม นายกฯตอบว่า ก็คิดแบบนี้ไง ทุกอย่างต้องมีมาตรการลดความเสี่ยง เข้าสู่สังคมสูงอายุ เข้าสู่ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ เตรียมแผนการรับสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงโลก เตรียมรองรับเรื่องโรคระบาด เตรียมรับเรื่องผู้ก่อการร้ายสุดโต่ง เตรียมหรือยัง
http://www.matichon.co.th/news/196648