ฝากลมมาห่มรัก โดย ลอมชอม ตอนที่ 4 ย้อนเวลา

ตอนที่ 4 ย้อนเวลา

“มะลิ ยืนเหม่อคิดอะไรลูก ดูสิเปิดน้ำทิ้งจนจะล้นอ่างอยู่แล้ว"

คุณจันทร์นิลทักหลานสาวที่ยืนเหม่อลอยหน้าอ่างล้างจานในครัวออกไป เพราะไม่อย่างนั้นน้ำต้องล้นอ่างออกมาเปียกพื้นห้องครัวเป็นแน่ นางเข้ามายืนมองเกือบห้านาทีแล้ว หลานสาวตัวดีก็ยังไม่รู้ตัว จึงต้องรีบเอ่ยปากทักออกไป

ได้ยินเสียงทักดังขึ้นใกล้ ๆ ตัวตอนที่ใจกำลังล่องลอยไปถึงไหน ๆ ทำเอามัลลิกาถึงกับสะดุ้ง หันมายิ้มแหย ๆ ให้คุณจันทร์นิล แล้วรีบปิดก๊อกน้ำโดยพลัน ไม่อย่างนั้นงานหนักแน่ ๆ

“มะลิกำลังคิดถึง แม่ยายไงคะ อยากรู้ว่านายลมพิษ คุยอะไรกับแม่ยายบ้าง"

หล่อนรีบถามเรื่องที่รบกวนจิตใจตั้งแต่แลบลิ้นใส่นายนั่นแล้วเดินหนีเข้ามาในครัว ถ้านายนั่นฟ้องแม่ยายเรื่องที่หญิงสาวร้ายกาจกับเขาทั้งที่สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะกับ ผู้สูงวัยว่าจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น มัลลิกาจะตอบแทนนายนั่นให้เจ็บแสบทีเดียว หญิงสาวเข็นเขี้ยวเคี้ยวฟัน กลัดกลุ้มฮึดฮัดอยู่คนเดียว จนเผลอใจลอยเปิดน้ำทิ้งจนจะล้นอ่างแบบนั้น

“ทำไมไปเรียกพี่เขาแบบนั้นล่ะลูก ไม่น่ารักเลย พี่เขาอายุมากกว่าหนูตั้งแปดปี เรียกว่าพี่ลมสิจ๊ะ" คุณจันทร์นิลสั่งสอนหญิงสาวที่ทำหน้าระอาจิต ประมาณว่าแค่คิดจะเรียกนายนั่นว่าพี่ ผื่นจะต้องขึ้นปากเป็นแน่แท้ มัลลิกาก็เป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อสาว และเข้าเรียนชั้นมัธยมในโรงเรียนสหศึกษาในตัวเมือง ทุกครั้งที่กลับมาถึงบ้าน เด็กหญิงมัลลิกาต้องมีเรื่องมาเล่าถึงวีรกรรมที่โรงเรียนไม่เว้นแต่ล่ะวัน

“แม่ยายขาวันนี้กิตติเอากบมาใส่ในรองเท้าลิค่ะ ลิใส่รองเท้าเลยเหยียบกบตายเลยค่ะแม่ยาย กิตติเลวมากลิเลยสั่งสอนมันให้รู้สำนึก หึหึ เล่นกับใครไม่เล่น"

“หนูทำอะไรเขาล่ะลูก" นางนั่งฟังอย่างอารมณ์ดี กับเรื่องเล่าของเด็กหญิง

“ลิก็แค่เอาซากกบ ไปใส่ไว้ในกระเป๋านักเรียนมัน แม่ยายต้องเห็นหน้ามันตอนเอื้อมมือลงไปหยิบหนังสือ แล้วกลับเจอซากกบนิ่ม ๆ ไส้ทะลักแทน มันกรี๊ดลั่นห้องอย่างกลับตุ๊ดเลยแม่ยาย ลิหัวเราะเสียท้องแข็ง สมน้ำหน้ามันนักชอบแกล้งลิดีนัก"

เด็กหญิงเล่าอย่างเมามันพร้อมทำท่าทางประกอบอย่าสนุกสนาน คุณจันทร์นิลได้แต่ส่ายหน้าอย่างปลงตก ที่หลานสาวแก่นห้าวไม่กลัวใครมาตั้งแต่เด็ก ๆ ด้วยน่าตาที่น่ารักจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ผิวขาวใสเหมือนไข่ปอก จึงดูเหมือนเด็กอ้อนแอ้นอ่อนแอ อ่อนต่อโลก ทำให้เด็กผู้ชายชอบกลั่นแกล้งหลานของนาง
ตั้งแต่อยู่อนุบาล

ครั้งหนึ่งคุณครูพี่เลี้ยงรายงานนางว่าวันนี้น้องมะลิกระโดดงับแขนเพื่อนผู้ชายจนห้อเลือด สาเหตุเกินจาก เพื่อนชายเอาน้ำไปหยอดเบาะรองนอนของมะลิตอนนอนหลับกลางวัน แล้วก็เอามาล้อเลียนมะลิว่า มะลินอนฉี่ราด หัวเราะเย้ยหยันไปทุกที่ ตอนแรกมะลิก็ไม่สนใจเพราะแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ฉี่ราดแน่นอน แต่พอโดนล้อหนัก ๆ เข้าเด็กหญิงวัย 5 ขวบก็ทนไม่ไหว กระโดดกัดแขนเพื่อนชายตัวดี จนร้องไห้จ้า ต้องโทรเรียกผู้ปกครองมารับกลับบ้านก่อนเวลา เพราะทำอย่างไรก็ไม่ยอมหยุด

ตั้งแต่วีรกรรมในครั้งนั้น ทำให้มะลิ กลายเป็นเด็กที่สู้คนมาตลอด และมักจะมีปัญหากับเพื่อนผู้ชายทุกชั้นปี คุณจันทร์นิลไม่อยากจะบอกกับหลานสาวว่า ที่พวกเด็กผู้ชายชอบแกล้งหลานเธอนั้น เพราะพวกเขาชอบมะลิต่างหากล่ะ

แต่ในเมื่อไม่ถึงวัยที่จะเรียนรู้เรื่องความรักและเรื่องเพศ นางจึงนิ่งเฉยเสีย และได้แต่สอนให้อดทนอดกลั้นมากกว่านี้ เพราะการอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีคนหลายประเภท อาจมีเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันได้ ต้องมีสติและแยกแยะว่า เรื่องไหนเราควรตอบโต้ และเรื่องไหนเราควรนิ่งวางเฉยเสีย หลักการอยู่ร่วมกันคือต้องปรองดอง ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันและกัน ให้อภัยกันในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ สังคมถึงจะสงบสุข หลานสาวของนางเป็นเด็กฉลาด พอสั่งสอนอบรมอย่างใจเย็น ก็เข้าใจ กอบกับคุณจันทร์นิลสอนเรื่องการทำสมาธิทำจิตให้นิ่งสงบ เพื่อให้หลานสาวนำมาใช้ในการกำหนดจิตทำสมาธิ เพื่อใช้ในการเรียนและอ่านหนังสือสอบ ผลการเรียนของมัลลิกาจึงดีมาตลอดจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกเมื่อปีที่แล้ว

นึกมาถึงตรงนี้นางก็สงสัย ว่าทำไมหลานสาวเธอถึงเป็นไม้เบื่อไม้เมากับอนิลแท้ ทั้งที่เจอกันแค่สองครั้ง แต่เมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องที่คุยกับอนิลเมื่อเช้า นางก็เริ่มเห็นเค้าลางอะไรบางอย่าง เมื่อพิจดูหน้าหลานสาวที่รอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ นางก็จำต้องบอกไปว่า

“พี่เขาแค่ถามว่า จะสั่งอาหารไปเลี้ยงคนสักสิบกว่าคน จะคิดราคาเท่าไหร่ จะลูก" นางกล่าวตอบเฉพาะเรื่องที่พูดได้ เพราะรับปากชายหนุ่มไปแล้ว

“โอโห้ เยี่ยมไปเลยค่ะแม่ยาย คิดราคาให้หนัก ๆ เลยนะคะอยากแส่หาเรื่องเองช่วยไม่ได้ คอยดูนะลิจะโขลกนายลมพิษให้เลือดซิบ ๆ เลยคอยดู"

หญิงสาวหมายมั่นที่จะแก้แค้นอย่างเดียว จนลืมคิดไปว่า ตัวเองกำลังหลงเดินเข้าไปในบ่วงแร้ว ของนายพรานเสียแล้ว มะลิผู้ไร้เดียงสาในเรื่องความรัก แต่ในเมื่อนางเลือกแล้ว ก็ต้องเดินหน้าต่อไป เพื่ออนาคตของหลานสาวที่นางรักยิ่งกว่าชีวิต ..มะลิน้อยของยาย ...

วันนี้เป็นวันอังคารต้นเดือนกุมภาพันธ์เดือนแห่งความรัก ที่อากาศเย็นสบาย ที่เชียงใหม่ตอนกลางวันอากาศจะสูงและร้อนกว่าตอนกลางคืน ที่อากาศลดต่ำลงจนเย็นยะเยือก สถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากทุกทิศทุกทาง มากหน้าหลายตา หลายชาติหลายภาษาจนทำให้เมืองเชียงใหม่ แออัดยัดเยียดจนดูแคบไปถนัดตา รถราที่ติดนานนับชั่วโมง ทำให้ผู้คนเริ่มคิดว่า เชียงใหม่กำลังเป็นกรุงเทพสองไปแล้ว รถราบนถนนวิ่งขวักไขว่ มลพิษจากท่อไอเสีย มลพิษจากการเผาป่าเกิดวิกฤตหมอกควัน ปัญหาขยะล้นเมือง แม่น้ำตื้นเขินจากการทับถมของตะกอนดินเลน

ปัญหาการลักลอบตัดไม้ของนายทุนทำให้ป่าต้นน้ำทางภาคเหนือเหลือเพียงภูเขาหัวโล้น ป่าถูกทำลายนับหมื่นนับแสนไร่ เกิดปัญหาน้ำท่วมเพราะไม่มีป่าชะลอน้ำ น้ำป่าจึงไหลทะลักเข้าท่วมเมือง แต่ปีนี้ปัญหาใหม่ก็เกิดขึ้น คือแม่น้ำทุกสายในภาคเหนือแห้งขอด เกิดปัญหาน้ำแล้งไม่มีน้ำใช้ในการทำการเกษตร ทำให้พืชผลทางการเกษตรขาดแคลนและขึ้นราคาสูงขึ้น ตามหลักอุปสงค์อุปทาน ชาวบ้านเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าค้าขายไม่ดี ไม่มีเงินลงทุน เพราะได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจที่ตกสะเก็ด

ร้านครัวมัลลิกาเป็นร้านอาหารเล็ก ๆ ที่เปิดอยู่ในรั้วบ้านพักอาศัยจึงไม่ค่อยได้รับผลกระทบหนัก เพราะทำแบบพอเพียงให้ขายหมดทุกวัน มีโต๊ะไม้ประดู่ขัดมันทาแล็กเกอร์จนขึ้นเงา ไว้ให้บริการ เพียงหกโต๊ะเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่ลูกค้าจะมาซื้อกลับบ้านมากกว่านั่งรับประทานที่ร้าน

คุณจันทร์นิลเป็นอดีตข้าราชการที่ปลดเกษียณ และเลือกรับเงินบำนาญเลี้ยงชีพที่จริงเงินบำนาญทุกเดือนก็ทำให้อยู่กันได้สบายสองคนยายหลาน และคำแก้วเพื่อนรุ่นน้องที่เคยทำงานที่เดียวกันแต่ตามออกมาช่วยงานก่อนปลดเกษียณ ยังมีเด็กส้มจี้ดเด็กในอุปการะอีกคน สี่ชีวิตในบ้านอาศัยอยู่ในบ้านที่เป็นมรดกตกทอดของจันทร์นิล จึงไม่มีปัญหาเรื่องค่าเช่า เงินที่ได้รับแต่ละเดือนจึงพออยู่ได้แบบสบาย ๆ แต่เพราะเป็นคนไม่ชอบอยู่เฉย ๆ นางเลยริเริ่มทำร้านอาหารเล็ก ๆ ขึ้นมาภายในบ้าน ที่มีอายุกว่าสามสิบปี

ขั้นตอนแรกคือนางเรียกช่างมาปรับปรุงบ้านหลังเดิมที่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ให้กลายเป็นบ้านทรงไทยที่ทันสมัยขึ้นแต่ไม่ทิ้งเอกลักษณ์ของเรือนไทยล้านนาแบบเดิม ตัวบ้านทาสีเหลืองครีมสดใส สะดุดตาต่อผู้พบเห็น เดิมทีรั้วบ้านนี้จะสูงทึบบังสายตาจากผู้คนภายนอกที่จะมองเข้ามาในบ้าน คุณจันทร์นิลจึงสั่งรื้อรั้วไม้ที่เริ่มผุพังออก แล้วปลูกต้นดอกเข็มพุ่มเตี้ยที่สูงจากพื้นแค่ หนึ่งเมตรกว่า ขึ้นมาเป็นรั้วแทน เวลาที่ดอกเข็มสีส้มแสดออกดอกบานพร้อมกันทั้งแนวรั้ว มองจากข้างนอกเข้ามาในตัวบ้าน สีของดอกเข็มตัดกับสีของตัวบ้าน เป็นภาพที่ดึงดูดสายตาผู้คนมากมายจริง ๆ

เมื่อบ้านพร้อมแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการประชาสัมพันธ์ นางสั่งทำป้ายชื่อร้านที่ทำจากไม้สักแผ่นใหญ่ที่แข็งพอและคงทน แล้วแกะร่องไม้เป็นตัวอักษรชื่อร้าน "ครัวมัลลิกา" สีทองอร่าม สะท้อนแสงแดดเข้าตาผู้คนที่สัญจรผ่านถนนเส้นนี้ ก่อนเปิดร้านหนึ่งสัปดาห์ นางจ้างเด็กรับจ้างทั่วไปในกาดหลวง เดินแจกใบปลิวเพื่อแจ้งให้คนทราบว่ามีร้านอาหารเหนือราคาย่อมเยาเปิดอยู่ในซอยนี้นะ ผลตอบรับถือว่าดี วันแรกของทุกอย่างที่เตรียมมาก็ขายหมดตั้งแต่ก่อนบ่าย ทำให้คนที่มาที่หลังบ่นเสียดายไปตาม ๆ กัน คุณจันทร์นิลต้องขอโทษขอโพยลูกค้าเป็นการใหญ่และสัญญาว่าจะเตรียมของให้มากขึ้น

นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาเกือบสิบปีแล้ว ตอนนั้นมัลลิกาอายุแค่แปดขวบยังช่วยงานอะไรไม่ได้มาก จึงทำได้แค่ช่วยเสิร์ฟและเก็บโต๊ะเท่านั้น

แต่ตอนนี้ หลานของนางจะอายุสิบแปดปีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และคงต้องมานั่งคิดแล้วว่า จะเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ไหน ตอนแรกมัลลิกาจะไม่ยอมเรียนต่อมหาวิทยาลัยปิดที่ต้องจากบ้านไปไกล ๆ เพราะเธอทำใจไม่ได้ ที่ต้องจากบ้านที่คุ้นเคย และจากแม่ยายที่เธอรัก แต่นางชี้ให้หลานสาวคนเดียวเห็นว่า ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนมีการเปลี่ยนแปลง เติบโต แปรรูปไปแทบจะทั้งหมดทุกสิ่งทุดอย่าง เราจะมานั่งยึดติดกับสิ่งของหรือผู้คนไม่ได้ เพราะใจเราจะเป็นทุกข์ อีกไม่นานนางก็ต้องจากเธอไป ตามสังขารที่ร่วงโรย เหมือนใบไม้แก่ที่ใกล้หลุดร่วงปลิดจากขั้ว และเธอจักต้องเติบโตต่อไป เหมือนต้นอ่อนของต้นไม้ ที่ต้องได้รับอาหาร ปุ๋ยและน้ำ เพื่อดำรงชีพอยู่ได้อย่างแข็งแรง พร้อมเผชิญมลภาวะภายนอกที่มากระทบ การศึกษาจะทำให้เธอเติบโตและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ไม่ว่ายังไง มัลลิกาก็ต้องเรียนต่อมหาวิทยาลัยและนางจะส่งเสียให้หลานสาวคนเดียว เรียนให้สูงที่สุดเท่าที่นางจะส่งไหว

มัลลิกายอมรับในข้อนี้ แต่ยอมรับเพียงแค่ระดับปริญญาตรีเท่านั้นเธอให้เหตุผลว่า คุณจันทร์นิลอายุมากแล้ว และร้านครัวมัลลิกาก็หนักเกินไปที่จะดูแลคนเดียวไหว เธอจะรีบเรียนให้จบเร็ว ๆ และหางานทำ เพื่อเลี้ยงแม่ยายของเธอเอง ท่านจะได้พักผ่อนในบั้นปลายของชีวิต เมื่อหลานสาวแสดงเจตจำนงแบบนั้นนางก็ไม่ขัด และรู้สึกซาบซึ้งใจที่หลานสาวเป็นเด็กกตัญญูรู้คุณ เรื่องนี้จึงจบลงที่ตรงกลางทั้งสองฝ่าย

...แต่ใครจะรู้ล่ะ ว่าโชคชะตามักเล่นตลกกับเรา เหมือนไฟที่เคี่ยวกรำชีวิตในกระทะวังวน
บางครั้งไฟแรงจนชีวิตแทบจะไหม้เกรียมสิ้นสภาพ บางครั้งไฟก็มอดจนเหมือนชีวิตจะหยุดนิ่งและไม่มีวันสุก
ต้องทนอยู่อย่างดิบ ๆ สุก ๆ ไปแบบนั้น...
ชีวิตไม่มีใครรู้หรือกำหนดโชคชะตาของเราได้ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
แต่ชีวิตก็ให้สองสิ่งมาแต่ไม่ใช่กับทุกคน สิ่งนั้นคือ เวลา และ โอกาส...

ตอนนี้คุณจันทร์นิลรู้ตัวว่าเวลาของนางคงเหลือสั้นเต็มทีแล้ว แต่โอกาสของนางที่จะทำให้หลานสาวคนเดียวยังมีอยู่ และนางจะไม่ยอมพลาดโอกาสนี้อย่างแน่นอน ขอให้ทุกอย่างเป็นอย่างที่นางคิดด้วยเถอะ..
ทุกคืนก่อนนอนนางได้แต่อธิษฐานขอพรจากพระ..คำขอพรที่ดังพอที่จะให้สวรรค์ได้ยิน

......จบตอนที่ 4 .....

ตอนที่ 1 แรกรัก              http://pantip.com/topic/35327094
ตอนที่ 2 พรพรหม           http://pantip.com/topic/35327127
ตอนที่ 3 พบช้างเผือก      http://pantip.com/topic/35327991

^__^ ลอมชอม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่