อาสาเก็บขยะดอยหลวงเชียงดาว แอ่วเมืองเหนือ ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งเที่ยว ตอนที่1/2

สวัสดีครับ ชื่อเหน่งครับ อมยิ้ม03
นี่เป็นกระทู้แรกที่จะเล่าสู่กันฟัง คือเป็นคนชอบเที่ยวบ่อยนะ และอยากจะมาแบ่งปันเรื่องราวไว้มากมาย แต่ก็ไม่ได้มาเล่าให้ฟัง เวลาผ่านไปนานทริปใหม่ก็เข้ามาทริปเก่าก็เพียงแค่อยู่ในความทรงจำ .... แต่ทริปนี้ซิ!! ไม่อยากจะให้อยู่ในความทรงจำของเราเพียงคนเดียว ตั้งใจแล้วว่าจะต้องเล่าสู่กันฟังให้ได้... อมยิ้ม07
ทริปนี้นะ บอกเลยว่าจุดหมายหลักคือไม่ได้ไปเที่ยว แต่การเดินทางไปครั้งนี้คือการไปปฏิบัติภารกิจระดับชาติ การไปปฏิบัติหน้าที่ของพลเมืองที่ทุกคนควรตระหนักถึงความสำคัญของปัญหา นั่นคือ ...การไปเป็นอาสาเก็บขยะบนดอยหลวงเชียงดาว จ.เชียงใหม่เจ้า  ส่วนการเที่ยวนั้นคือกำไรส่วนเกินที่ได้จากการไปปฏิบัติภารกิจ 555+ ไม่พลาดหรอกจ๊ะดอกไม้ ภารกิจนี้เริ่มมาจากผู้นำกลุ่มอนุรักษ์โครงการจัดการลุ่มแม่น้ำปิง (ตอนบน) ค่ายเยาวชนเชียงดาว คือลุงอ้วน นายนิคม พุทธา ได้เปิดรับสมัครอาสาสมัครเพื่อไปเก็บขยะบนดอย เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เราจึงชวนเพื่อนๆที่เรียนป.โทด้วยกันไปเรียนรู้สู่โลกกว้างใบใหม่ ที่จริงก็ไม่ได้หวังว่าเพื่อนๆจะไปด้วยกันหรอก เพราะการไปครั้งนี้ไม่ได้สบายอย่างที่คิด แต่เหนือการคาดหมายเพื่อนๆตอบรับจากการนำเสนอของเราจำนวน3คน และมีเพื่อนของเพื่อนอีก 2 คน เพื่อนที่เรารู้จักที่ภาคเหนืออีก 1 คน สรุปการเดินทางไปครั้งนี้กลุ่มเรามี 7 คน (รวมเราด้วย) เราจึงได้ส่งรายชื่อสมาชิกสมัครเข้าไปร่วมกิจกรรม และดำเนินการจองตั๋วเครื่องบิน ที่พักในเมืองเชียงใหม่ และวางแผนการเดินทางเที่ยวภายในเวลาที่จำกัดเป็นที่เรียบร้อย...ระยะเวลาการสมัครผ่านไปถึงช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ มียอดสมัครถึง 180 กว่าคน ทางลุงอ้วนแจ้งว่าจำเป็นต้องรับสมาชิกจำกัดเพราะมีงบประมาณเพียงส่วนหนึ่ง ลุงอ้วนจึงอธิบายจุดประสงค์ของการเดินทางในครั้งนี้ พร้อมทั้งประกาศให้ผู้สมัครที่สนใจและยังยืนยันที่จะเข้าร่วมกิจกรรม ให้ส่งรายชื่อยืนยันรับเพียง 40 คนเท่านั้น ดังนั้นคนที่ส่งก่อนลำดับที่ 40 จึงได้ร่วมเดินทางไปกับทริปอันแสนสุดพิเศษในครั้งนี้... อมยิ้ม17


การเดินทางของกลุ่มเราเริ่มขึ้นในเวลา 16.00 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม 2559  ค่าตั๋วเครื่องบินขาไปราคา 1170 บาท
(ต้องบอกก่อนว่า เราเดินทางไป-กลับด้วยเครื่องบินเพราะต้องการประหยัดเวลา ซึ่งพนักงานออฟฟิตแบบเราๆ คงหาโอกาสแบบนี้ยากมมาก และต้องการเซฟพลังงานในตัวพวกเราเองด้วย เลยจองเครื่องแบบไป-กลับ)

พวกเราถึงสนามบินเชียงใหม่ เวลา 17.05 น. แล้วเดินมาประตูทางออกจะมีรถสาธารณะแท๊กซี่ สองแถว รถตู้  พวกเราเลือกที่จะขึ้นรถตู้ ราคา 300 บาท หารกัน 6 คน คนละ 50 บาท ก็ถือว่าคุ้มนะ จากนั้นรถพาเราไปส่งที่พัก แต่หาที่พักไม่เจอ เราจึงโทรไปสอบถามกับพนักงานที่จองห้องจึงได้ทราบว่าที่พักถูกปิดไปแล้ว(แต่ที่จริงเหมือนจะมีปัญหาภายใน และห้องพักก็ไม่ได้ปิดอย่างที่เค้าบอก) และเค้าก็แนะนำที่ใหม่ข้างโรงพยาบาลแห่งหนึ่งซึ่งไม่ได้อายกลิ่นแบบล้านนาซ่ะเลย ความต้องการของเราคืออยากได้ความเป็นล้านนาอยู่บ้าง เราจึงเดินตะลอนๆ ผ่านกาดสวนแก้ว เดินผ่านโรงแรมก็โทรเข้าไปสอบถามราคาบ้าง ขอเข้าไปดูห้องบ้าง แต่แถวนั้นก็ไม่มีที่โดนใจเลย เพื่อนคนนึงได้คำแนะนำจากพี่ที่รู้จักที่เชียงใหม่ว่าให้ไปพักที่นิมมาน พวกเราจึงนั่งสองแถวไปนิมมาน เค้าคิดราคาคนละ 20 บาท เราจึงต่อขอ 100 จาก 120 นะ  ระหว่างทางเราก็คุยกับคนขับและเค้าก็แนะนำรถที่จะนำเที่ยวพรุ่งนี้พร้อมทั้งราคาเหมา แต่เราก็ยังไม่ได้ยืนยันเพราะต้องสอบถามสมาชิกก่อน และสมาชิกก็ให้ลองเทียบราคากับเจ้าอื่นดูก่อน...ใช้เวลาเดินทางไม่นานเท่าไหร่แต่ก็รถติดนิดหน่อยก็ถึงที่หมายคือนิมมานซอย 13 เราได้ที่พักที่ถูกใจและราคาย่อมเยาว์ พนง.หน้าฟร้อนท์ก็น่ารักมาก (ต่อรองราคาได้ ให้มากกว่าที่เราขออีกอ่ะ) ที่พักอยู่ท่ามกลางแหล่งท่องเที่ยว นั่นก็คือ เอส.ที.อพาร์ทเม้นท์(ST.Apartment)
และอยู่ซอยเดียวกันกับร้านอาหารชื่อดังคนเยอะ คิวนาน ธรรมชาติสุด อาหารพื้นเมือง นั่นก็คือ ต๋อง เต็ม โต๊ะ (Tong Tem Toh) คืนนี้หลังจากที่เราได้เช็คอินพักที่นี่เราก็อาบน้ำทานข้าวแบบผ่อนคลายไปตามวิถีคนพื้นเมือง จากนั้นเราก็เดินไปช้อปปิ้งที่ MAYA Chiang Mai
หน้าห้างจะมีของขายแบบอินดี้ งานแฮนเมด  เราได้ที่รองแก้วไม้มาสองอัน พี่อีกคนได้หมูไม้สำหรับตกแต่งบ้าน เพื่อนคนอื่นก็ได้เสื้อผ้าชุดเหนือบ้าง เราเดินจนห้างปิดประมาณ 4 ทุ่ม แล้วเราก็เดินมาดริ้งค์ นมสด+ขนมปังสังขยา ที่ร้าน (Mont Nomsod Chiangmai) - Nimman Soi9 ร้านปิด 5 ทุ่มนะ จากนั้นก็เดินกลับเข้าที่พัก....ราตรีสวัสดิ์ครับ

มอนิ่ง เช้าวันศุกร์ที่แสนจะสุขและสนุก วันที่ 25 มีนาคม 2559 พระอาทิตย์
ต่างคนต่างตื่น ก็พากันเดินชิวๆ ถ่ายรูปส่งเข้าไลน์กลุ่มปลุกเพื่อนคนที่ยังไม่ตื่นด้วยปาท่องโก๋ตัวโต มีน้ำเต้าหู้หน้าปากซอย บวกร้านข้าวแกงหลายหม้อคนทานเยอะมากครับ เราจึงได้มีโอกาสสัมผัสกับปาท่องโก๋ยักษ์ที่ขึ้นชื่อ พร้อมรองท้องด้วยน้ำเต้าหู้อันโอชา และได้ใส่บาตรพระภิกษุด้วยความศรัทธา...

กริ๊งๆ ถึงเวลา 8 โมงแล้ว รถที่นัดมารอรับหน้าที่พักแล้ว พวกเราจึงแบกกระเป๋าใส่รถสองแถวแล้วนั่งเป็นระเบียบพร้อมออกเดินทาง ...พวกเราได้รู้จักกับป้ายา คนขับรถสองแถวแดงผู้เป็นกันเองและราคาเหมาเป็นมิตรกับพวกเรา สถานที่แรกที่ป้ายาพาพวกเราไปทานข้าวร้านโจ๊กต้นพยอม พวกเราก็สั่งต้มเลือดหมู ข้าวมันไก่ ทานกันแต่ไม่ได้ลิ้มรสของโจ๊กว่าอร่อยขนาดไหน เพราะตอนนี้พวกเราอืดจากปาท่องโก๋เมื่อเช้านี้เอง...


จากนั้น เรามุ่งตรงขึ้นไปดอยสุเทพ ป้ายาพาพวกเราไปที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ก่อนเป็นที่แรก ป้ายาบอกว่ากลัวคนจะเยอะเพราะเดี๋ยวนี้ทางพระตำหนักจะเปิดเฉพาะวันศุกร์-วันอาทิตย์ พวกเราจึงโชคดีที่ได้มาครั้งนี้แบบไม่เสียเที่ยวเพราะตรงกับวันที่เปิด ค่าตั๋วเข้าชมที่นี่ 20 บาทต่อคน และเคร่งครัดเรื่องการแต่งกายมากๆ ขาสั้นสี่ส่วน ห้าส่วน หรือจะเป็นเสื้อกล้ามก็เข้าไม่ได้ แต่ถ้าใครไม่ได้เตรียมชุดมา ที่นี่เค้ามีให้บริการนะจ๊ะ เสียค่าเช่าด้วยนะ  และมีบริการรถนั่งชมสวนด้วย แต่พวกเราเดินไปด้วยกัน และถ่ายรูปต้นไม้ ดอกไม้ ใบหญ้าระหว่างทางเป็นอะไรที่มีความสุขมากนะ ...










พวกเราใช้เวลาอยู่ที่นี่จนถึง10โมงกว่าๆ แล้วขึ้นต่อไปดอยปุย ขึ้นไปดูวิถีชาวดอยที่เรียบง่ายและดูยั่งยืน อยู่ท่ามกลางธรรมชาติและชุมชนนี้มีรายได้มาจากนักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปเที่ยวชม ที่นี่มีสวนดอกไม้ ร้านขายของฝากของที่ระลึกเสื้อผ้าเรียงรายน่าจับจ่ายใช้สอย...

เวลาผ่านไปประมาณเกือบจะเที่ยงวัน พวกเราก็ลงมากราบสักการพระธาตุดอยสุเทพ ด้วยการขึ้นรถราง ตั๋วราคา 20 บาท ไป-กลับ พวกเราใช้บริการทั้งไปและกลับเพราะออมแรงไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ (ก็ว่ากันไป)

จากนั้นอะเหรอ พวกเราลงมาด้วยความเพลียแดดที่ร้อนระอุ และเวียนหัวนิดๆ เพื่อนๆบางคนถึงกับอาเจียนกันเลย ป้ายาพาพวกเรามาทานข้าวเที่ยงแต่ก็ทานเวลาบ่ายกว่าๆ ที่ร้านข้าวซอยลำดวนฟ้าฮ่าม (Khaosoi Lamduan Faham) พวกเราสั่งอาหารมาล้อมวงทานกันก่อนกลับก็ได้ถ่ายรูปหน้าร้านที่เจ้าของร้านถ่ายคู่กับเหล่าSup'tarแล้วเอามาใส่กรอบประดับภายในร้านก็สวยดี บรรยายกาศในร้านเปิดเพลงแบบพื้นเมือง อาหารรสชาติถูกปาก ราคาก็ไม่แพงมาก...
ขณะนี้เวลา เกือบจะบ่ายสองโมงแล้ว จุดหมายต่อไปคือค่ายเยาวชนเชียงดาว อ.เชียงดาว การเดินทางของเราก็พักสายตาไปตลอดทาง ผ่านอ.แม่ริม อ.แม่แตง และก็ถึงอ.เชียงดาว ถ้าตรงไปอีกก็ อ.ชัยปราการ อ.ฝาง อ.แม่อาย สิ้นสุดเขตก่อนข้ามไปฝั่งพม่า....


.............. ยังไม่สิ้นสุดการเดินทางนะคร้าบบบบ โปรดติดตามตอนที่ 2 ได้ครับ ........................เพี้ยนแว๊น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่