สวัสดีครับ ผมเต้เด็กใหม่ (ในพันทิป) มาเขียนประสบการณ์ผจญภัยให้อ่านกันครั้งแรกครับบบ ถึงแม้ว่าผมจะจบสถาปัต แต่ก็เป็นคนที่ชื่นชอบการผจญภัยและถ่ายภาพธรรมชาติครับ โดยเฉพาะถ้าเป็นพวกมหาสมุทรพวกทะเลนี่ผมถนัดเลย นอกจากการไปเที่ยวทั่วไปที่ผมมักจะหาโอกาศไปในเวลาว่างแล้ว ผมก็ได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ฮาวายมาครึ่งปีครับ (ตอนนั้นคือขอไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ฮาวายครับ ได้ทั้งเรียนได้ทั้งเที่ยวเลย) แล้วพอจบมาผมก็ไปขอฝึกงานด้านสิ่งแวดล้อม และก็ได้ไปล่องเรือในมหาสมุทรแปซิฟิคอยู่เดือนกว่าๆเพื่อไปทำงานวิจัยเกี่ยวกับทะเลครับ
เวลากลับมาผมก็ชอบเล่าประสบการณ์ให้คนนั้นคนนี้ฟังครับ เล่าไปให้ดูภาพไป แล้วก็แนะนำเขาไปว่าถ้าอยากไปอย่างนี้ควรทำอย่างไร ภาพที่มีก็ลงในเฟซบุ้คส่วนตัวนั่นล่ะครับ จนวันนึงคนเริ่มมาบอกว่า เฮ้ย เปิดเว็บไซต์ได้แล้วนะ ตอนแรกผมก็ฟังไปไม่ได้คิดอะไร (เพราะยุ่งและขี้เกียจครับ 5555) จนตอนหลังคนเริ่มพูดมากๆเข้าก็เลยเอาวะ ลองก็ลอง ตอนนี้ผมมีเวบไซต์ มีเฟซบุ้คเพจ และมาถึงจุดนี้ผมก็อยากมาเล่าประสบการณ์ในพันทิปดูบ้าง ก็ขอฝากตัวไว้กับทุกๆคนด้วยนะครับบ
เข้าเรื่องเลยละกันครับ ในบทความนี้ผมจะพาทุกๆคนไปฮาวายครับ แต่เป็นฮาวายส่วนที่คนไม่ค่อยรู้จักกัน
ผมเป็นคนรักสัตว์ครับ และเมื่อพูดถึงฮาวาย เกาะเล็กๆที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยแล้วสัตว์มากมาย เรามักจะนึกถึง เต่าทะเล ปลาวาฬ หรือที่หวาดเสียวหน่อยก็จะเป็นฉลามหัวค้อน (อันนี้จริงๆครับ ผมเคยเดินอยู่ถนนหน้าชายหาดในตัวเมืองแล้วคนที่ตกปลาอยู่ใกล้ๆก็ตกได้ลูกปลาฉลามหัวค้อนขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ)
แต่จิงๆแล้วยังมีสัตว์อีกอย่างนึงที่คนไม่ค่อยนึกถึงเพราะเข้าถึงได้ค่อนข้างยาก คุณอาจจะเคยเห็นมันในสารคดี หรือถ้าโชคดีหน่อยก็จะเห็นมันบินอยู่ไกลๆ สัตว์ตัวนั้นก็คือ Wedge-tailed Shearwater หรือที่ภาษาไทยแปลได้คร่าวๆว่า นกเชียร์วอเทอร์หางลิ่มนั้นเองครับ เชียร์วอเทอร์เป็นนกที่อาศัยอยู่เหนือน่านน้ำมหาสมุทรโดยจะกลับเข้าฝั่งแค่ตอนผสมพันธุ์เท่านั้นครับ ที่หลักๆที่มันจะมาแลนดิ้ง (เฮ้ย ไม่ใช่เครื่องบิน!) คือหมู่เกาะญี่ปุ่น ทวีปออสเตรเลีย และ หมู่เกาะฮาวายนั้นเองครับ
วันนี้ผมจะพาไปเกาะ ‘Popoia’ (โพโพอีอา เป็นภาษาฮาวายท้องถิ่นครับ) หรือที่ชาวตะวันตกตั้งชื่อทับว่า Flat Island หรือเกาะแบนราบนั้นเอง เกาะเล็กๆนี่เป็นเขตผสมพันธุ์ของเชียร์วอเทอร์อย่างเป็นทางการของรัฐฮาวาย และอยู่ห่างออกไปจากเกาะโอฮาอู (Oahu) ทางตอนเหนือที่ผมอาศัยอยู่เพียง 400 เมตร
วิธีการไปนั้นเราก็จะพายเรือคายัคไปครับ เราออกเรือจากหาดไคลัว (Kailua Beach) ซึ่งพอเราเริ่มออกจากเขตอ่าวไปกระแสน้ำก็แรงไม่ใช่เล่นๆ พายออกมาได้ประมานสามสิบนาทีก็มาถึงเกาะครับ เกาะนี่เกือบจะไม่มีบริเวณชายหาดเลย เป็นเหมือนแผ่นหินยักษ์ทั้งก้อนที่โผล่ขึ้นมาจากทะเล กว่าเราจะมาถึงเกาะน้ำก็เริ่มขึ้นแล้ว ยิ่งทำให้การหาที่จอดยากลำบาก เราจึงต้องเอาเรือเสียบไว้ตามโขดหินเพื่อกันน้ำซัดออกไป
พอหายเหนื่อยเราก็ปีนโขดหินขึ้นไปบนตัวเกาะ แล้วเราก็ต้องตะลึงครับ
เนินหญ้าน้อยใหญ่ที่ (ที่เหมือนแท่งพลาสติกยาวๆมากกว่าเส้นหญ้าบางๆในบ้านเรา) เขียวขจีที่ทอดยาวจากมุมเกาะหนึ่งไปอีกเกาะหนึ่ง ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีใครมาปลูกนะครับ แต่เป็นธรรมชาติครับ การที่ทั้งเกาะทำมาจากหินก็หมายความว่าต้นไม้ใหญ่ไม่สามารถมาโตได้เลยครับ
ย้อนประวัตินิดนึงนะครับ ถึงแม้สถานที่นี้จะดูรื่นรม แต่จริงๆแล้วที่นี่แต่ก่อนเป็นที่ศักสิทธ์ของชาวฮาวายท้องถิ่นครับ นี่เป็นที่ที่ชาวประมงสมัยโบราณได้สร้างศาลเจ้า (ที่ทำด้วยหินนั่นแหละครับ) เพื่อกราบไหว้พระเจ้าแห่งทะเลเพื่อให้พวกเขาหาปลาได้ดีขึ้นครับ ชาวบ้านก็จะนำปลามาบูชา ซึ่งก็จะส่งกลิ่นเน่าเหม็นไปทั่วทั้งเกาะ จนเป็นที่มาของชื่อเกาะ Popoia ในภาษาฮาวาย ซึ่งแปลว่า ‘ปลาเน่าเหม็น’ นั่นเองครับ
ผมถอดรองเท้าและเริ่มเดินไปบนหญ้าที่ดูแสนจะนุ่ม แต่พอเดินไปได้ซัก 5 นาทีผมก็เริ่มเจ็บเท้าเหมือนโดนหินบาดยังไงยังงั้น พอผมก้มลงไปมองกลับพบว่าจริงๆแล้วหญ้าที่เห็นนั้นเป็นแค่ชั้นบางๆที่ปกคลุมหินขรุขระที่อยู่ข้างใต้อยู่ ไม่ใช่ขรุขระอย่างเดียวนะครับ แต่ทั้งแหลม คม และ เต็มไปด้วยรูใหญ่ๆที่ถ้าพลาดก้าวขาลงไปก็ติดแหงกได้เลย ถึงแม้ว่าสภาพผิวของเกาะจะไม่เอื้ออำนวยต่อมนุษย์เท่าไหร่ แต่การที่เกาะนี้ทำมาจากหินนี้ก็ทำให้มีโพรงๆเล็กๆเต็มไปหมดที่นกเชียร์วอเท่อสามารถเข้าไปทำรังได้นั่นเองครับ
เราเดินไปรอบๆเกาะอย่างระมัดระวัง โดยคอยมองเข้าไปในรูในพื้นดินเผื่อเราจะเจออะไรบ้าง เดินไปได้ไม่นานก็มาเจอไข่เล็กๆที่อยู่ในโพรงของเชียร์วอเทอร์ครับ ถ้าไม่สังเกตจริงๆแล้วยังไงก็ไม่เห็นครับเพราะโพรงถูกซ่อนไว้อย่างดีในพงหญ้า ถึงตอนนั้นเราจะยังไม่เห็นนกเชียร์วอเทอร์ซักตัว เราก็รู้ว่ามันคงไม่ได้ไปไกลจากโพรงแน่นอนครับ
เดินไปไปไม่นานก็เจอจริงๆ เชียร์วอเทอร์ของฮาวายทั้งฝูงเลยครับ การที่เราจะได้เข้ามาใกล้มันขนาดนี้เป็นเรื่องไม่ง่ายเลยเพราะอย่างที่บอกนกเชียร์วอเทอร์จะใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตอยู่เหนือน่านน้ำครับ จะเห็นก็ได้แต่ไกลๆ เพื่อไม่ให้ฝูงนกตกใจผมบอกให้เพื่อนๆผมเดินไปออกไปไกลๆเลยครับ ส่วนผมก็ค่อยๆก้มตัวลงไปที่พื้นจนนอนราบไป (อารมย์หมอบตอนเรียนรด.เลย) ซึ่งขนาดหมอบฝูงนกก็เริ่มตื่นตัวอย่างเห็นได้ชัด บางตัวเริ่มเดินออกไป ผมก็ได้แต่หมอบรออยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ
แล้วผมก็รอ...
รอ...
และรอ...
จนซักพักหนึ่ง หัวหน้าเชียร์วอเท่อเริ่มหันหน้าไปบอกกลุ่มว่า ‘เฮ้ยโอเค สัตว์ประหลาดตัวนี้คงไม่ทำอะไรพวกเราหรอก รวมตัวกันใหม่ๆ!’ (อย่างน้อยผมก็คิดว่ามันน่าจะประมานนี้นะ) พอได้ทีผมก็เริ่มคลานเข้าไปใกล้ๆฝูงนกมากขึ้น (วิชาที่ได้มาจากโรงเรียนรักษาดินแดนก็ได้ประโยชน์ตอนนี้แหละครับ) ณ จุดนี้ดูเหมือนฝูงนกจะไม่สนใจผมแล้วครับ ผมมาหยุดที่ข้างหน้ากลุ่มนกแล้วก็หยิบไอโฟนออกมาเตรียมถ่ายรูปครับ นกเชียร์วอเทอร์เห็นก็แปลกใจ เอ๊ะ สัตว์ประหลาดตัวนั้นมันมีของเล่นอะไรด้วย! ก็เดินมาดูกันใหญ่ น่ารักมากๆครับ
ผมอยู่ในตำแหน่งนั้นนานพอสมควรครับ คอยดูกิจวัตประจำวันของมัน จริงๆแล้วเชียร์วอเทอร์เป็นสัตว์สังคมสุดๆครับ คอยเดินหลอกล้อกันบ้าง เอาจะงอยปากเขี่ยกันบ้าง ซักพักนึงเพื่อนๆผมก็เริ่มโบกมือว่าให้กลับเกาะใหญ่ได้แล้ว เดี๋ยวพระอาทิตย์จะตกดินซะก่อน ผมก็ตั้งถ้าจะคลานกลับออกมาแล้ว แต่ทันได้นั้น...
คู่เชียร์วอเธอร์ที่อยู่ข้างหน้าผมก็เริ่มจีบกันครับ! คลอเคลียกันใหญ่เลย ถ้าดูในรูปที่ผมถ่ายมา จะเห็นว่าตัวทางขวาที่มีสีขาวใต้คอคือฝ่ายชายครับ ส่วนอีกตัวทางซ้ายคือฝ่ายสาวนั่นเอง
ผมออกมาจากเกาะขนาดที่ดวงอาทิตย์เริ่มเคลื่อนตัวต่ำลงมาเรื่อยๆ แสงสีทองเริ่มสาดลงมาจากข้างหลังเมฆขณะที่ผมบอกลาฝูงนกเชียร์วอเทอร์และก้าวลงไปในเรือคยัคพร้อมกับเพื่อนๆ สำหรับผมแล้ว เรายังโชคดีมากที่สามารถมาเยี่ยมเยียนที่พักพิงตามธรรมชาติของสัตว์เหล่านี้ได้โดยไม่ยากนักแม้จะเหลือน้อยลงทุกที มันอาจจะถูกพูดบ่อยเกินไป แต่ผมยังรู้สึกว่าเพื่อที่จะยังให้มีสถานที่อย่างนี้ต่อไปเราต้องรู้จักเคารพถิ่นอาศัยของสัตว์เหล่านี้เปรียบสเมือนบ้านเราเอง โดยไม่ไปทำลายสภาพแวดล้อมหรือรบกวนสัตว์เหล่านี้ครับ
ก็จบลงแค่นี่ครับ สำหรับตอนแรกของผม มีอะไรติชมได้เลยนะครับ ถ้าชอบกันก็ฝากกดไลค์ กดแชร์เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ ส่วนตอนนี้เพจเฟซบุ้คของผม ‘Skysome Adventures’ ก็กำลังเริ่มตอน ‘Sailing in the Pacific’ ครับ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางในมหาสมุทร 39 วันของผม ใครชื่นชมบทความนี้ก็ฝากเข้าไปดูและกดไลค์เพจด้วยนะครับที่
www.facebook.com/skysomeadventures
รับรองว่าจะมีเรื่องราวดีๆมาให้อ่านและมีภาพสวยๆมาโพสให้ดูบ่อยๆเลยครับ
แล้วเจอกันใหม่นะครับ!
[CR] <<Adventure Travel>> พาลุยฮาวาย ตามหานก Shearwater ที่หาดูได้ยาก!
เวลากลับมาผมก็ชอบเล่าประสบการณ์ให้คนนั้นคนนี้ฟังครับ เล่าไปให้ดูภาพไป แล้วก็แนะนำเขาไปว่าถ้าอยากไปอย่างนี้ควรทำอย่างไร ภาพที่มีก็ลงในเฟซบุ้คส่วนตัวนั่นล่ะครับ จนวันนึงคนเริ่มมาบอกว่า เฮ้ย เปิดเว็บไซต์ได้แล้วนะ ตอนแรกผมก็ฟังไปไม่ได้คิดอะไร (เพราะยุ่งและขี้เกียจครับ 5555) จนตอนหลังคนเริ่มพูดมากๆเข้าก็เลยเอาวะ ลองก็ลอง ตอนนี้ผมมีเวบไซต์ มีเฟซบุ้คเพจ และมาถึงจุดนี้ผมก็อยากมาเล่าประสบการณ์ในพันทิปดูบ้าง ก็ขอฝากตัวไว้กับทุกๆคนด้วยนะครับบ
เข้าเรื่องเลยละกันครับ ในบทความนี้ผมจะพาทุกๆคนไปฮาวายครับ แต่เป็นฮาวายส่วนที่คนไม่ค่อยรู้จักกัน
ผมเป็นคนรักสัตว์ครับ และเมื่อพูดถึงฮาวาย เกาะเล็กๆที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยแล้วสัตว์มากมาย เรามักจะนึกถึง เต่าทะเล ปลาวาฬ หรือที่หวาดเสียวหน่อยก็จะเป็นฉลามหัวค้อน (อันนี้จริงๆครับ ผมเคยเดินอยู่ถนนหน้าชายหาดในตัวเมืองแล้วคนที่ตกปลาอยู่ใกล้ๆก็ตกได้ลูกปลาฉลามหัวค้อนขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ)
แต่จิงๆแล้วยังมีสัตว์อีกอย่างนึงที่คนไม่ค่อยนึกถึงเพราะเข้าถึงได้ค่อนข้างยาก คุณอาจจะเคยเห็นมันในสารคดี หรือถ้าโชคดีหน่อยก็จะเห็นมันบินอยู่ไกลๆ สัตว์ตัวนั้นก็คือ Wedge-tailed Shearwater หรือที่ภาษาไทยแปลได้คร่าวๆว่า นกเชียร์วอเทอร์หางลิ่มนั้นเองครับ เชียร์วอเทอร์เป็นนกที่อาศัยอยู่เหนือน่านน้ำมหาสมุทรโดยจะกลับเข้าฝั่งแค่ตอนผสมพันธุ์เท่านั้นครับ ที่หลักๆที่มันจะมาแลนดิ้ง (เฮ้ย ไม่ใช่เครื่องบิน!) คือหมู่เกาะญี่ปุ่น ทวีปออสเตรเลีย และ หมู่เกาะฮาวายนั้นเองครับ
วันนี้ผมจะพาไปเกาะ ‘Popoia’ (โพโพอีอา เป็นภาษาฮาวายท้องถิ่นครับ) หรือที่ชาวตะวันตกตั้งชื่อทับว่า Flat Island หรือเกาะแบนราบนั้นเอง เกาะเล็กๆนี่เป็นเขตผสมพันธุ์ของเชียร์วอเทอร์อย่างเป็นทางการของรัฐฮาวาย และอยู่ห่างออกไปจากเกาะโอฮาอู (Oahu) ทางตอนเหนือที่ผมอาศัยอยู่เพียง 400 เมตร
วิธีการไปนั้นเราก็จะพายเรือคายัคไปครับ เราออกเรือจากหาดไคลัว (Kailua Beach) ซึ่งพอเราเริ่มออกจากเขตอ่าวไปกระแสน้ำก็แรงไม่ใช่เล่นๆ พายออกมาได้ประมานสามสิบนาทีก็มาถึงเกาะครับ เกาะนี่เกือบจะไม่มีบริเวณชายหาดเลย เป็นเหมือนแผ่นหินยักษ์ทั้งก้อนที่โผล่ขึ้นมาจากทะเล กว่าเราจะมาถึงเกาะน้ำก็เริ่มขึ้นแล้ว ยิ่งทำให้การหาที่จอดยากลำบาก เราจึงต้องเอาเรือเสียบไว้ตามโขดหินเพื่อกันน้ำซัดออกไป
พอหายเหนื่อยเราก็ปีนโขดหินขึ้นไปบนตัวเกาะ แล้วเราก็ต้องตะลึงครับ
เนินหญ้าน้อยใหญ่ที่ (ที่เหมือนแท่งพลาสติกยาวๆมากกว่าเส้นหญ้าบางๆในบ้านเรา) เขียวขจีที่ทอดยาวจากมุมเกาะหนึ่งไปอีกเกาะหนึ่ง ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีใครมาปลูกนะครับ แต่เป็นธรรมชาติครับ การที่ทั้งเกาะทำมาจากหินก็หมายความว่าต้นไม้ใหญ่ไม่สามารถมาโตได้เลยครับ
ย้อนประวัตินิดนึงนะครับ ถึงแม้สถานที่นี้จะดูรื่นรม แต่จริงๆแล้วที่นี่แต่ก่อนเป็นที่ศักสิทธ์ของชาวฮาวายท้องถิ่นครับ นี่เป็นที่ที่ชาวประมงสมัยโบราณได้สร้างศาลเจ้า (ที่ทำด้วยหินนั่นแหละครับ) เพื่อกราบไหว้พระเจ้าแห่งทะเลเพื่อให้พวกเขาหาปลาได้ดีขึ้นครับ ชาวบ้านก็จะนำปลามาบูชา ซึ่งก็จะส่งกลิ่นเน่าเหม็นไปทั่วทั้งเกาะ จนเป็นที่มาของชื่อเกาะ Popoia ในภาษาฮาวาย ซึ่งแปลว่า ‘ปลาเน่าเหม็น’ นั่นเองครับ
ผมถอดรองเท้าและเริ่มเดินไปบนหญ้าที่ดูแสนจะนุ่ม แต่พอเดินไปได้ซัก 5 นาทีผมก็เริ่มเจ็บเท้าเหมือนโดนหินบาดยังไงยังงั้น พอผมก้มลงไปมองกลับพบว่าจริงๆแล้วหญ้าที่เห็นนั้นเป็นแค่ชั้นบางๆที่ปกคลุมหินขรุขระที่อยู่ข้างใต้อยู่ ไม่ใช่ขรุขระอย่างเดียวนะครับ แต่ทั้งแหลม คม และ เต็มไปด้วยรูใหญ่ๆที่ถ้าพลาดก้าวขาลงไปก็ติดแหงกได้เลย ถึงแม้ว่าสภาพผิวของเกาะจะไม่เอื้ออำนวยต่อมนุษย์เท่าไหร่ แต่การที่เกาะนี้ทำมาจากหินนี้ก็ทำให้มีโพรงๆเล็กๆเต็มไปหมดที่นกเชียร์วอเท่อสามารถเข้าไปทำรังได้นั่นเองครับ
เราเดินไปรอบๆเกาะอย่างระมัดระวัง โดยคอยมองเข้าไปในรูในพื้นดินเผื่อเราจะเจออะไรบ้าง เดินไปได้ไม่นานก็มาเจอไข่เล็กๆที่อยู่ในโพรงของเชียร์วอเทอร์ครับ ถ้าไม่สังเกตจริงๆแล้วยังไงก็ไม่เห็นครับเพราะโพรงถูกซ่อนไว้อย่างดีในพงหญ้า ถึงตอนนั้นเราจะยังไม่เห็นนกเชียร์วอเทอร์ซักตัว เราก็รู้ว่ามันคงไม่ได้ไปไกลจากโพรงแน่นอนครับ
เดินไปไปไม่นานก็เจอจริงๆ เชียร์วอเทอร์ของฮาวายทั้งฝูงเลยครับ การที่เราจะได้เข้ามาใกล้มันขนาดนี้เป็นเรื่องไม่ง่ายเลยเพราะอย่างที่บอกนกเชียร์วอเทอร์จะใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตอยู่เหนือน่านน้ำครับ จะเห็นก็ได้แต่ไกลๆ เพื่อไม่ให้ฝูงนกตกใจผมบอกให้เพื่อนๆผมเดินไปออกไปไกลๆเลยครับ ส่วนผมก็ค่อยๆก้มตัวลงไปที่พื้นจนนอนราบไป (อารมย์หมอบตอนเรียนรด.เลย) ซึ่งขนาดหมอบฝูงนกก็เริ่มตื่นตัวอย่างเห็นได้ชัด บางตัวเริ่มเดินออกไป ผมก็ได้แต่หมอบรออยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ
แล้วผมก็รอ...
รอ...
และรอ...
จนซักพักหนึ่ง หัวหน้าเชียร์วอเท่อเริ่มหันหน้าไปบอกกลุ่มว่า ‘เฮ้ยโอเค สัตว์ประหลาดตัวนี้คงไม่ทำอะไรพวกเราหรอก รวมตัวกันใหม่ๆ!’ (อย่างน้อยผมก็คิดว่ามันน่าจะประมานนี้นะ) พอได้ทีผมก็เริ่มคลานเข้าไปใกล้ๆฝูงนกมากขึ้น (วิชาที่ได้มาจากโรงเรียนรักษาดินแดนก็ได้ประโยชน์ตอนนี้แหละครับ) ณ จุดนี้ดูเหมือนฝูงนกจะไม่สนใจผมแล้วครับ ผมมาหยุดที่ข้างหน้ากลุ่มนกแล้วก็หยิบไอโฟนออกมาเตรียมถ่ายรูปครับ นกเชียร์วอเทอร์เห็นก็แปลกใจ เอ๊ะ สัตว์ประหลาดตัวนั้นมันมีของเล่นอะไรด้วย! ก็เดินมาดูกันใหญ่ น่ารักมากๆครับ
ผมอยู่ในตำแหน่งนั้นนานพอสมควรครับ คอยดูกิจวัตประจำวันของมัน จริงๆแล้วเชียร์วอเทอร์เป็นสัตว์สังคมสุดๆครับ คอยเดินหลอกล้อกันบ้าง เอาจะงอยปากเขี่ยกันบ้าง ซักพักนึงเพื่อนๆผมก็เริ่มโบกมือว่าให้กลับเกาะใหญ่ได้แล้ว เดี๋ยวพระอาทิตย์จะตกดินซะก่อน ผมก็ตั้งถ้าจะคลานกลับออกมาแล้ว แต่ทันได้นั้น...
คู่เชียร์วอเธอร์ที่อยู่ข้างหน้าผมก็เริ่มจีบกันครับ! คลอเคลียกันใหญ่เลย ถ้าดูในรูปที่ผมถ่ายมา จะเห็นว่าตัวทางขวาที่มีสีขาวใต้คอคือฝ่ายชายครับ ส่วนอีกตัวทางซ้ายคือฝ่ายสาวนั่นเอง
ผมออกมาจากเกาะขนาดที่ดวงอาทิตย์เริ่มเคลื่อนตัวต่ำลงมาเรื่อยๆ แสงสีทองเริ่มสาดลงมาจากข้างหลังเมฆขณะที่ผมบอกลาฝูงนกเชียร์วอเทอร์และก้าวลงไปในเรือคยัคพร้อมกับเพื่อนๆ สำหรับผมแล้ว เรายังโชคดีมากที่สามารถมาเยี่ยมเยียนที่พักพิงตามธรรมชาติของสัตว์เหล่านี้ได้โดยไม่ยากนักแม้จะเหลือน้อยลงทุกที มันอาจจะถูกพูดบ่อยเกินไป แต่ผมยังรู้สึกว่าเพื่อที่จะยังให้มีสถานที่อย่างนี้ต่อไปเราต้องรู้จักเคารพถิ่นอาศัยของสัตว์เหล่านี้เปรียบสเมือนบ้านเราเอง โดยไม่ไปทำลายสภาพแวดล้อมหรือรบกวนสัตว์เหล่านี้ครับ
ก็จบลงแค่นี่ครับ สำหรับตอนแรกของผม มีอะไรติชมได้เลยนะครับ ถ้าชอบกันก็ฝากกดไลค์ กดแชร์เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ ส่วนตอนนี้เพจเฟซบุ้คของผม ‘Skysome Adventures’ ก็กำลังเริ่มตอน ‘Sailing in the Pacific’ ครับ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางในมหาสมุทร 39 วันของผม ใครชื่นชมบทความนี้ก็ฝากเข้าไปดูและกดไลค์เพจด้วยนะครับที่
www.facebook.com/skysomeadventures
รับรองว่าจะมีเรื่องราวดีๆมาให้อ่านและมีภาพสวยๆมาโพสให้ดูบ่อยๆเลยครับ
แล้วเจอกันใหม่นะครับ!