ยามเรือแล่นแผ่วไหวไปกลางห้วง
ลมทะเลพรมทวงความหอมหวาน
คลื่นระริกกระซิบร่ำทุกถิ่นธาร
ราวเรียกขานนักเดินทางให้วางใจ
ผืนอันดามันงดงามดั่งภาพวาด
เขาหินผาสลักสาดเส้นสายใหญ่
ฟ้าประดับเมฆบางพริ้วพร่างไพร
จันทร์ลอยใสคล้อยต่ำล้ำนภา
ล่องเข้าคลองเขาเจ็ดหินระยับ
เงาต้นโกงกางประดับสองฝั่งผา
เหมือนประตูเปิดรับสู่พารา
ให้ผู้มาค้นลึกซึ้งถึงวิญญาณดิน
เรือเอียงผ่านเกาะยาวใหญ่ ใกล้สันเขา
ค่อยเลียบเลาะเกาะยาวน้อยคล้อยถวิล
ฝูงปลาแหวกกระจายว่ายโบยบิน
น้ำกระทบแสงรินเป็นลายเงิน
“เขาพิงกัน” ตั้งเด่นเป็นศิลปะ
ดั่งชะตาฟ้าลิขิตคู่ดินสรรค์
ยอดผาสูงแหลมคมโค้งคำนั้น
ช่างซุกซ่อนความฝันไว้กลางฟ้า
เรือทอดลำสู่ “เกาะปันหยี” พริ้ว
หมู่บ้านลอยเด่นดิลย์กลางเวหา
เสียงหัวเราะเด็กน้อยลอยมานำพา
เหมือนบทเพลงเคล้าความกล้าของผู้คน
เวิ้งถ้ำเขาตะปูสูงปักฟ้า
ตระหง่านงามไม่โรยราแม้หมื่นหน
ยอดจักรพรรดิท้าคลื่นลมบน
เหมือนซ่อนกลแห่งกาลมาทุกยุคสมัย
เมื่อเรือมาหยุดกลาง “เกาะพนัก”
ถ้ำบังนกแจ้งชัดดั่งเชิญให้
เพ่งผนังหินงดงามตามแสงไฟ
เป็นลวดลายธรรมชาติที่ฝากนาน
เกาะห้องโอบเวิ้งละมุนเหมือนกอดรัก
เขาโค้งคดโอบภักดิ์ไว้แนบด้าน
น้ำภายในนิ่งใสไร้ความพาล
ประหนึ่งบ้านซ่อนอยู่ในชั้นฟ้า
เกาะคาคอย กลีบเขาห้อยดั่งม่านหมอก
เกาะหินดอกเรียงรายคล้ายบุหงา
เกาะปะการังเรืองรองท้องธารา
ล้วนพรรณนาเสน่ห์ฟ้ายากลืมเลือน
สุดปลายฟ้ามี “เกาะนาคา” พาชวนฝัน
ทรายละเอียดดั่งสายเงินล่องผิวเหม่ือน
คลื่นซัดช้าแผ่วขานกาลย้ำเตือน
ว่ามาเยือนแล้วจงจำค่ำทะเลงาม
อ่าวพังงา… ขับขานตำนานเก่า
ทั้งเรื่องเล่ารุ่นบิดาปู่ย่าตาม
ท้องทะเลมิใช่เพียงความงดงาม
แต่ยังถามหัวใจเราที่ตรงไหน
ลมทะเลรำเพยพัดสะบัดผ้า
แสงอาทิตย์เผยฟ้าอยู่เคียงให้
ทุกเกาะงามซับซ้อนซ่อนความหมาย
ล้วนเรียกร้องผู้มาไกล…ให้หวนคืน
เที่ยวอ่าวพังงา
ยามเรือแล่นแผ่วไหวไปกลางห้วง
ลมทะเลพรมทวงความหอมหวาน
คลื่นระริกกระซิบร่ำทุกถิ่นธาร
ราวเรียกขานนักเดินทางให้วางใจ
ผืนอันดามันงดงามดั่งภาพวาด
เขาหินผาสลักสาดเส้นสายใหญ่
ฟ้าประดับเมฆบางพริ้วพร่างไพร
จันทร์ลอยใสคล้อยต่ำล้ำนภา
ล่องเข้าคลองเขาเจ็ดหินระยับ
เงาต้นโกงกางประดับสองฝั่งผา
เหมือนประตูเปิดรับสู่พารา
ให้ผู้มาค้นลึกซึ้งถึงวิญญาณดิน
เรือเอียงผ่านเกาะยาวใหญ่ ใกล้สันเขา
ค่อยเลียบเลาะเกาะยาวน้อยคล้อยถวิล
ฝูงปลาแหวกกระจายว่ายโบยบิน
น้ำกระทบแสงรินเป็นลายเงิน
“เขาพิงกัน” ตั้งเด่นเป็นศิลปะ
ดั่งชะตาฟ้าลิขิตคู่ดินสรรค์
ยอดผาสูงแหลมคมโค้งคำนั้น
ช่างซุกซ่อนความฝันไว้กลางฟ้า
เรือทอดลำสู่ “เกาะปันหยี” พริ้ว
หมู่บ้านลอยเด่นดิลย์กลางเวหา
เสียงหัวเราะเด็กน้อยลอยมานำพา
เหมือนบทเพลงเคล้าความกล้าของผู้คน
เวิ้งถ้ำเขาตะปูสูงปักฟ้า
ตระหง่านงามไม่โรยราแม้หมื่นหน
ยอดจักรพรรดิท้าคลื่นลมบน
เหมือนซ่อนกลแห่งกาลมาทุกยุคสมัย
เมื่อเรือมาหยุดกลาง “เกาะพนัก”
ถ้ำบังนกแจ้งชัดดั่งเชิญให้
เพ่งผนังหินงดงามตามแสงไฟ
เป็นลวดลายธรรมชาติที่ฝากนาน
เกาะห้องโอบเวิ้งละมุนเหมือนกอดรัก
เขาโค้งคดโอบภักดิ์ไว้แนบด้าน
น้ำภายในนิ่งใสไร้ความพาล
ประหนึ่งบ้านซ่อนอยู่ในชั้นฟ้า
เกาะคาคอย กลีบเขาห้อยดั่งม่านหมอก
เกาะหินดอกเรียงรายคล้ายบุหงา
เกาะปะการังเรืองรองท้องธารา
ล้วนพรรณนาเสน่ห์ฟ้ายากลืมเลือน
สุดปลายฟ้ามี “เกาะนาคา” พาชวนฝัน
ทรายละเอียดดั่งสายเงินล่องผิวเหม่ือน
คลื่นซัดช้าแผ่วขานกาลย้ำเตือน
ว่ามาเยือนแล้วจงจำค่ำทะเลงาม
อ่าวพังงา… ขับขานตำนานเก่า
ทั้งเรื่องเล่ารุ่นบิดาปู่ย่าตาม
ท้องทะเลมิใช่เพียงความงดงาม
แต่ยังถามหัวใจเราที่ตรงไหน
ลมทะเลรำเพยพัดสะบัดผ้า
แสงอาทิตย์เผยฟ้าอยู่เคียงให้
ทุกเกาะงามซับซ้อนซ่อนความหมาย
ล้วนเรียกร้องผู้มาไกล…ให้หวนคืน