น้อยใจที่พ่อไม่รักหรือไม่เข้าใจเรากันเเน่

ความรู้สึกที่น้อยใจพ่อมันเริ่มจากตอนที่เราพึ่งจบป.ตรีมาใหม่ๆ เราก็ออกหางานตามปกติทั่วๆไป  บางเเห่งก็มีการโทรมาให้ไปสัมภาษณ์งานเราก็ไปคิดก่อนพูดเสมอ เเต่เขาไม่เลือกเรา เเต่พอได้งานมันก็ไม่ตรงสายเป็นงานใช้เเรงงานมากกว่า งานเเรกขายของทำตั้งเเต่เเบกเสาตั้งร้านเจ้าของร้านก็ขี้นินทราลูกค้าระดับยิ้ม ลูกค้ามาซื้อเสร็จเเล้วก็นินทรา เขาจะพูดอะไรเราก็เงียบ เเต่เราไม่ทำเพราะเรารู้สึกไม่โอเคกับงานนี้ งานที่สองได้ค่าจ้างเเค่ 6,000 บ. มีหักประกันสังคมด้วย เเต่ก็ลองทำสรุปทำไม่ไหวอีกเพราะมันเป็นงานกลางคืนอดนอนไม่ได้ ไม่มีเเอร์หรือพัดลมให้  ยุงกัดระดับยิ้ม พี่ที่ทำงานด้วยกันเเกก็ยึดพัดลมไปใช้เองหมดเเล้ว น้องใหม่อย่างเราทำได้เเค่อดทน 5555 สรุปไม่โอเคจึงลาออก ต่อมาได้งานใหม่ ร้านขายอุปกรณ์การเรียน ไม่ให้นั่งเดินทั้งวัน ลูกค้ามาเราก็เดินเข้าหาเขาตลอดว่าต้องการอะไรทำไปทำมาวันเเรกก็พอรู้บ้างว่าภายในเขาเเบ่งพรรคกันก็ไม่ได้สนใจ วันที่สองผลงานเริ่มปรากฎเขาเริ่มที่จะเอาเราไปนินทรากลั้นเเกล้งเรา สรุปว่าไม่โอเคออกอีก หลังจากนั้นข้อเท้าอักเสบ เพราะนำ้หนักเยอะเดินทั้งวันไม่ได้นั่ง หยุดไปหลายเดือนเราคิดเเล้วว่างานเเบบไหนเหมาะกับเรา เราควรไปทางนั้นทำงานที่เราชอบเเละรักจะดีกว่า เเต่จุดประกายความน้อยใจมันเริ่มจากคำพูดของพ่อ เห็นว่าหางานไม่ได้ก็ชอบบ่นไปเรื่อยจนเราบอกกับพ่อไปว่า
" งานที่เเล้วมาหนูทำไปเพราะรำคาญพ่อที่ชอบบ่นใส่ หนูไม่เคยมีความสุขเลยที่ได้ทำมัน" เเต่ไม่จบจ๊ะวันไหนคิดอยากจะบ่นก็เอาเรื่องที่หางานไม่ได้มาบ่นทุกครั้ง เราได้เเต่เดินหนี ความจริงเราก็คิดนะว่าที่เขาเร่งเราให้หางานเพราะต้องการให้เราหาเงินมาเเบ่งเบาภาระ เเต่จะทำอย่างไงได้เราก็หางานไปเรื่อยๆเเล้ว เห็นงานไหนที่คิดว่าพอจะทำได้เราก็สมัครทิ้งไว้ เเต่ก็เงียบเหมือนทุกครั้ง ที่ไหนมีตลาดนัดเเรงงานเราก็ไปนะ เเต่กลับมาวงจรเดิม สัมภาษณ์เเล้วก็เงียบ  เหตุการณ์ที่ทำให้ถึงขั้นน้อยใจเลยคือ ตอนเย็นน้องกลับมาบ้านบอกว่าหิวข้าวไอ้เราก็ปั่นจักรยานไปซื้อข้าวมันไก่ให้ จูจู่หน้ามืดล้มหน้าร้านข้าวมันไก่ หัวโน ปากเป็นเเผล ได้คนเเถวนั้นกับเจ้าของร้านช่วย บอกให้คนที่บ้านมารับไหม เราบอกขอบคุณเขาเเล้วเราเดินเข็นจักรยานกลับบ้าน น้องรีบเดินมารอกินข้าว เราบอกน้องว่าไม่ไหวจะขอนอนหน่อย มันยังใช้ให้เราไปเอาจานช้อนให้มันอีก เราปี๊ดเเตก บอกมันให้ดูไปที่หน้า" เห็นเเผลกูไหม" จากนั้นเราก็ไม่อยากรู้อะไรเเล้วนอนจนตื้น  ตื้นมาเข้าห้องนำ้ เจอพ่อกำลังเปิดตู้กับข้าวเเล้วถามเราว่า " ทำไมไม่เดินไปซื้อ"  สงสัยน้องคงไปเล่าให้ฟังเเล้ว เราก็ตอบไปตามตรง " ก็น้องมันหิวหนูรีบไปซื้อให้มัน" คำตอบที่ได้กลับมามันสุดเเสนจะเจ็บปวดมาก " อย่างเอาน้องเป็นข้ออ้าง" ความคิดเรา เราอ้างตรงไหนว่ะจนเราสุดเเสนจะน้อยใจ " อะไรก็น้องใช้สิ"  ที่สำคัญจะบอกว่าที่บ้านมีจักรยาน 3 คัน คันดีๆทั้งนั้นเเต่เป็นของน้องหมด พ่อบอกกับเราเองว่า " อ้วนเเล้วเอาไปปั้นออกกำลังกายได้" วันไหนว่างกระจะเอาออก เเต่พอจะออกทีโดนน้องตัดหน้าเอาคันที่เราจะขี่ออกตัดหน้าทุกครั้ง  คันไหนรักมากเราจับไม่ได้เลย เเตะนิดหน่อยโดนทั้งพ่อทั้งน้องว่า  ความรู้สึกเหมือนถูกเปรียบเทียบการเป็นที่รักของพ่อมาตลอด น้องทำอะไรดูดีไปหมด พูดจาทีเหมือนมีคาถาให้พ่อหลงเชื่อ ไอ้เราทำอะไรก็ดูเเย่ไปซะทุกอย่าง  พูดไปก็น้อยใจ (ขอบคุณที่รับฟังคำระบาย เเละขอโทษที่เรื่องมันออกจะไร้สาระไปหน่อย เเต่เราเเค่อยากจะระบายลงในพันทิปเพราะเรารู้สึกเก็บกดจะปรึกษาใครก็ไม่ได้ เพราะไม่มีใครรับฟังเราอย่างจริงจัง ขอบคุณค่ะ)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่