สวัสดีค่ะ หลังจากหมกมุ่นเก็บข้อมูลท่องเที่ยวญี่ปุ่นในห้องบลูฯ มานานแสนนาน
พบเห็นกระทู้เกี่ยวกับ airbnb ค่อนข้างเยอะและมีส่วนมากที่ไม่ค่อยประทับใจห้องพักในหลายๆด้าน
กระทู้นี้เราจะมาแนะนำห้องพักที่เราจองผ่าน airbnb แล้วประทับใจจนอยากบินกลับไปพักซ้ำ
และเราก็ได้ให้คำมั่นกับเจ้าของที่พักไว้ว่า เราจะแนะนำให้ทุกคนมาพักที่พักแห่งนี้
โดยที่เราไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเจ้าของที่พักทั้งนั้น
**รูปภาพอาจจะไม่ค่อยเยอะ เนื่องจากวันสุดท้ายเมมกล้องเราเต็ม
เราจึงตัดสินใจลบรูปบางส่วนออกไป ที่เยอะคือคำบอกเล่าจากความประทับใจของเราเอง**
เริ่มต้นการเดินทางจากที่เรากดจองตั๋วเครื่องบินไปแล้ว บินกับหางแดงเจ้าประจำและไฟลท์ไปถึงประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ
เกือบ 4 ทุ่ม โจทย์ในการหาที่พักของเราคือ ต้องอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟสาย Nankai
เพราะกว่าจะถึงที่พักคงเกือบๆเที่ยงคืน
ณ ตอนนั้นเปิด google map ประกอบกับอ่านรีวิวต่างๆในห้องบลูฯได้ข้อสรุปว่า
ย่านชินอิมามิยะน่าจะโอเคสุด จากนั้นเราก็เริ่มหาที่พัก เข้าเว็บต่างๆ
โดยตั้งงบไว้ว่าอยากได้ที่พักคืนละ ไม่เกิน 1,000 บาทต่อคน ด้วยราคาเท่านี้ทำให้มีตัวเลือกที่พักน้อยมากๆ
ก็เลยปรึกษากับเพื่อนในกลุ่มว่า จองไปก่อน เพราะกลัวที่พักเต็ม เราจองผ่าน booking.com ไว้ 5 โรงแรม
แล้วก็ทยอย cancel จนเหลือโรงแรมผู้เข้ารอบสุดท้ายคือ Hotel Shin-imamiya
ในราคาประมาณ 5,4xx บาทต่อคน (เข้าพัก 4 คืน)
ไม่รู้อะไรดลใจให้เราเข้าไปอ่านรีวิวที่พักนั้นอีกครั้ง อ่านแล้วก็ต้องหน้าเสีย
รีบไลน์ไปบอกเพื่อนเลยว่า “รีวิวมีแต่คนบ่นแล้วว่ะ คนจีนบุกโรงแรมด้วย ยังไงดี?”
(เราทำงานร่วมกับคนจีน รู้สึกว่าเจอมาเยอะเหลือเกินแล้ว อยากห่างกันสักพัก มันคงจะดีซะกว่า)
เพื่อนก็บอก “ใจเย็นๆ ตอนนี้มันไม่เหลือที่พักแล้วนะ” (Cancel ไปหมดแล้ว)
เหลือเวลาอีกประมาณ 1 เดือนจะถึงกำหนดบิน เราก็ลองเข้าไปดู airbnb แล้ว search หาที่พักในย่าน shin-imamiya
เกณฑ์ในการเลือกที่พักผ่าน airbnb ของเราคือ
-เข้าพักได้ 5 คนโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
-ไม่เรียกเก็บค่าประกันความเสียหาย (ถ้าเป็นไปได้)
-อยู่ใกล้สถานีรถไฟ shin-imamiya
-เฉลี่ยคนละไม่เกิน 5 พันบาทต่อคน (สำหรับ 4 คืน)
ที่พักที่เข้าเกณฑ์ของเรามีแค่ 2 ที่เท่านั้นค่ะ ที่แรกไม่มีห้องว่างคืนวันสุดท้ายของทริป จึงต้องตัดออกไปอย่างน่าเสียดาย
แล้วในที่สุดเราก็ได้ที่ซุกหัวนอนสำหรับทริปนี้ค่ะ
หน้าตาดูดีเชียวค่ะ ลองดูภาพบางส่วนที่เจ้าของห้องโพสดูซิ

รีวิวเป็นยังไงบ้างเอ่ย?
ในแผนที่ชี้ให้เห็นว่าอยู่ใกล้สถานีชินอิมามิยะจริงๆนะ
เราก็เลยลองเข้า Google map นั่งหาที่พักนี้ดู ใช้เวลาเดิน 500 เมตรเท่านั้น!!
ด้านหน้าที่พักแบบ street view

แจ่มแมวมั้ยล่ะ? หลังจากนั้นเราก็ส่งข้อความไปหาเจ้าของที่พักค่ะ เพราะว่าเรามีคำถามว่า
-เช็คอินได้ถึงกี่โมง?
-ค่าประกันความเสียหายจะหักตอนไหน จะหักเท่าไหร่?
ไม่ถึงชั่วโมง เจ้าของที่พักก็ส่งข้อความกลับมาแจ้งว่า เช็คอินกี่โมงก็ได้ แต่ต้องหลังบ่ายสามโมง
เป็นการเช็คอินด้วยตัวเอง หลังจากทำการจองเรียบร้อยแล้ว เขาจะส่งรายละเอียดต่างๆ เข้าอีเมล์เราค่ะ
ส่วนเรื่องประกันค่าเสียหาย เจ้าของที่พักบอกว่าจะกันเงินไว้จำนวนหนึ่ง
เพื่อเป็นค่าประกันตามที่แจ้งในเว็บ แต่ถ้าไม่มีอะไรเสียหาย เขาจะคืนเงินให้เราค่ะ
เราก็ปรึกษากับเพื่อนๆ ทุกคนก็เห็นดีเห็นงามด้วยว่า นี่แหละคือที่ๆเราคู่ควร
เพื่อนเราก็กดจองที่พักไปค่ะ แล้วบัตรเครดิตก็ตัดเงินเราทันที แต่ตัดเฉพาะยอดรวมค่าห้องเท่านั้นนะคะ
ไม่ได้ตัดค่าประกันความเสียหายเพิ่มเติมแต่อย่างใด หลังจากนั้นเราก็ไป cancel โรงแรมที่จองเอาไว้ก่อนหน้านั้นค่ะ บายยย..
หลังจากนั้นประมาณ 3 วัน เพื่อนเราก็ได้รับ E-mail จากเจ้าของที่พัก
เกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆในการเข้าพัก เจ้าของที่พักทำ Power point บอกทางจากสถานีรถไฟไปที่พักให้พวกเราด้วยค่ะ
แล้วก็มีวิธีการเข้าห้องพักที่เราต้องปริ๊นเก็บไว้ แต่ตอนนั้นคืออ่านอย่างเดียวค่ะ ไม่ได้ปริ๊นไว้
พอมาเปิดอีกทีเอกสารหายไปแล้ว เลยต้องอีเมล์ไปขอใหม่ เจ้าของห้องพักก็ส่งกลับมาให้อีกครั้งค่ะ
คราวนี้ก็ปริ๊ํนไปแล้ว เตรียมตัวออกเดินทางได้ เย้ๆ!
และแล้ววันเดินทางก็มาถึงค่ะ เราลงจากเครื่องประมาณ 4 ทุ่มพอดี
ใช้เวลาอยู่กับต.ม.ประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ตอนนั้นวิ่งตาลีตาเหลือกเลยค่ะ
รถไฟรอบสุดท้ายหมด 23.29 น. เมื่อนั่งรถไฟมาถึงสถานีชินอิมามิยะ
การเดินทางไปที่พักของพวกเราก็เริ่มต้นขึ้น!!
จากเอกสารที่ทานาคาให้มา (เจ้าของที่พักชื่อ nakatani นะคะ แต่เราเขาว่าทานาคา (แป้งพม่า) เพราะเรียกง่ายดี)
เราหาทางออกที่ทานาคาบอกไม่เจอค่ะ เราก็เดินออกทางออกที่ใกล้ที่สุด
มาโผล่ใกล้ๆกับ family mart พอดี ในเอกสารที่ทานาคาให้มามีรูป family mart อยู่ค่ะ จากนั้นก็เดินตามที่นางบอกไปเลยค่ะ
ขออนุญาตใช้รูปจาก google map นะคะ ช่วงที่เดินทาง มืดมาก กล้องผีเข้าค่ะ ถ่ายทุกอย่างเลือนลางมากเลย

ข้ามถนนมาแล้วก็เดินตรงอย่างเดียวเลยค่ะ
เดินมาจนเจอ รูปนี้ แบบเดียวกับที่ทานาคาส่งมาเลยค่ะ เรามากันถูกทางแล้ว!!
แต่เราเอะใจตรงที่ เอกสารของทานาคามันไม่ตรงกับใน google map นางอาจจะให้ทางลัดมาก็ได้ เอ้า! เดินไปค่ะ
ก่อนมาเราลองเดินเล่นใน street view ดูค่ะ จำได้ว่าถ้าเห็นฝาท่อให้เลี้ยวขวา
พอเจอฝาท่อเราก็เลี้ยวขวากันเลยค่ะ จนมาเจอตึกนี้
ท้าดา!! ถึงที่พักแล้ว ประตูโค้งเหมือนในรูปเลย เอาล่ะ! เราจะได้เข้าไปเก็บกระเป๋า
ไปหาอะไรกินกันแล้ว เจ้าจงรีบมาไขรหัสโดยพลัน!!
ถึงตอนนี้ เราก็ทำตามรายละเอียดที่ทานาคาให้ไว้ค่ะ คือต้องใส่รหัสเปิดประตูหน้า
(ในส่วนนี้มีการถ่ายวิดีโอเก็บไว้ด้วยค่ะเพราะทุกคนตื่นเต้นมาก) แต่… ประตูไม่เปิดอ่ะ
เราใส่รหัสไป 3 ครั้ง ประตูก็ไม่เปิด ยังไงอ่ะ?
เพื่อนเราก็ลองดูรูปภาพประกอบจากทานาคาอีกครั้ง ปรากฏว่า.. ผิดตึกค่ะ ไม่ใช่ตึกนี้นะจ้ะ
อ้าว!!!!! ยังไงต่อล่ะ
เราก็พลิกดูเอกสารหลายครั้ง แล้วก็เปรียบเทียบ เออว่ะ! หน้าตึกไม่เหมือนกันเลย
แล้วต้องไปยังไงต่อ แล้วเพื่อนเราก็เดินตาม google map ไปค่ะ ไม่สนใจเอกสารของทานาคาแล้ว
เดินวนไปค่ะ เดินวนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปเจอตึกนึงที่หน้าตาเหมือนกับในรูปเปี๊ยบ!!
เริ่มมีความหวังอีกครั้งค่ะ เราเริ่มไขรหัสลับดาวินชี่กันอีกครั้ง และคราวนี้… ประตูเปิดจ้า!!! (ไม่ได้ถ่ายวิดิโอไว้ 555)
ในที่สุดเราก็เข้ามาข้างในได้ สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือ ไขรหัสตู้เซฟที่เก็บกุญแจ!!
ยุ่งยากจริงๆเลย T_T
ใกล้ๆลิฟต์จะมีตู้เซฟเล็กๆของแต่ละห้อง เราก็นำรหัสที่ได้มาจากทานาคาไปใส่ที่ช่องเก็บของของห้องหมายเลข xxx
เมื่อตู้เซฟเปิดออก เราจะพบกุญแจห้องวางอยู่ด้านใน จากนั้นเราก็นำกุญแจไปไขเข้าห้องหมายเลข xxx
เหมือนตัวเองกำลังเล่นเกมส์หาสมบัติยังไงยังงั้น!
ขึ้นมาข้างบนแล้ว ชักภาพเป็นที่ระทึกสักหน่อย
แล้วในที่สุดเราก็ได้เข้าห้องสักที แม่จ๋า!!
เข้ามาถึงก็ทำการรื้อ ค้น สำรวจ ณ จุดนี้เราเดินถ่ายรูปทั่วห้องเป็นผีบ้า
แต่.. วันสุดท้ายเมมเต็มไง อย่างที่บอก เลยต้องลบรูปออกไปบานเลย T^T
โซฟาเบดตัวนี้ นอนได้อีก 1 คน แต่พวกเราไม่ได้ใช้เลย ไว้นั่งประชุมแผนงานกัน
ทุกคนพยายามจะออกไปสำรวจบริเวณระเบียงด้านนอก
เราปลื้มใจมากกับห้องนี้ รีบส่งข้อความไปบอกทานาคาเลยว่ามาถึงแล้วนะ
แล้วก็ถามเพิ่มเติมเรื่องที่ฝากกระเป๋าเพราะที่สถานีชินอิมามิยะ ล็อกเกอร์ฝากกระเป๋าเล็กมาก
ทานาคาก็รีบส่งข้อความมาขอบคุณที่ชอบห้องของเขา แถมยังส่งแผนที่ที่ฝากกระเป๋าที่นัมบะมาให้อีกด้วย น่ารักจริงๆ
ห้องนี้คือห้องที่เรานอน จะบอกว่าแอร์ตอนกลางคืนเวลามันตัดนี่ตัดนานมาก T^T ร้อนจนคอเปียกกันเลยทีเดียว
ห้องนี้เราเรียกว่าห้องนอนโดเรมอน เป็นแบบปูฟูก นอนได้ประมาณสามคน
นอนสบายแค่ไหน ถามใจโนบิตะดู
วิวตรงระเบียง ตอนเช้าวันเสาร์ของโอซาก้า รถน้อยมากกกกก
ห้องนี้เหมาะสำหรับกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัวเข้าพักได้สูงสุดถึง 10 คน แต่เขาห้ามปาร์ตี้นะคะ
มีห้องนอนทั้งหมด 3 ห้อง 1 ห้องน้ำ มีเคาท์เตอร์ครัวเล็กๆ สามารถทำอาหารเช้าทานได้ และยังมีเครื่องซักผ้า ไดร์เป่าผม อุปกรณ์ต่างๆให้อย่างครบถ้วน แต่ไม่มีเตารีดนะคะ (เราค้นหาเตารีดซะทั่วเลย) แนะนำสำหรับคนที่ไปกันเยอะ พกปลั๊กพ่วงไปด้วยนะคะ จะดี
สำหรับรีวิวแรกนี้ หากขาดตกบกพร่องหรือมีอะไรผิดพลาดไป ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ลากันไปด้วยภาพอาหารมื้อแรกที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อใกล้ๆที่พักค่ะ
ถนัดนั่งพื้นสไตล์ไทยๆมากกว่านั่งโซฟาค่ะ อิอิ
ขอบคุณทุกท่านที่ทนอ่านจนจบค่ะ
[CR] [CR] แนะนำที่พัก airbnb osaka ประทับใจจนอยากบอกต่อ
พบเห็นกระทู้เกี่ยวกับ airbnb ค่อนข้างเยอะและมีส่วนมากที่ไม่ค่อยประทับใจห้องพักในหลายๆด้าน
กระทู้นี้เราจะมาแนะนำห้องพักที่เราจองผ่าน airbnb แล้วประทับใจจนอยากบินกลับไปพักซ้ำ
และเราก็ได้ให้คำมั่นกับเจ้าของที่พักไว้ว่า เราจะแนะนำให้ทุกคนมาพักที่พักแห่งนี้
โดยที่เราไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเจ้าของที่พักทั้งนั้น
**รูปภาพอาจจะไม่ค่อยเยอะ เนื่องจากวันสุดท้ายเมมกล้องเราเต็ม
เราจึงตัดสินใจลบรูปบางส่วนออกไป ที่เยอะคือคำบอกเล่าจากความประทับใจของเราเอง**
เริ่มต้นการเดินทางจากที่เรากดจองตั๋วเครื่องบินไปแล้ว บินกับหางแดงเจ้าประจำและไฟลท์ไปถึงประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ
เกือบ 4 ทุ่ม โจทย์ในการหาที่พักของเราคือ ต้องอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟสาย Nankai
เพราะกว่าจะถึงที่พักคงเกือบๆเที่ยงคืน
ณ ตอนนั้นเปิด google map ประกอบกับอ่านรีวิวต่างๆในห้องบลูฯได้ข้อสรุปว่า
ย่านชินอิมามิยะน่าจะโอเคสุด จากนั้นเราก็เริ่มหาที่พัก เข้าเว็บต่างๆ
โดยตั้งงบไว้ว่าอยากได้ที่พักคืนละ ไม่เกิน 1,000 บาทต่อคน ด้วยราคาเท่านี้ทำให้มีตัวเลือกที่พักน้อยมากๆ
ก็เลยปรึกษากับเพื่อนในกลุ่มว่า จองไปก่อน เพราะกลัวที่พักเต็ม เราจองผ่าน booking.com ไว้ 5 โรงแรม
แล้วก็ทยอย cancel จนเหลือโรงแรมผู้เข้ารอบสุดท้ายคือ Hotel Shin-imamiya
ในราคาประมาณ 5,4xx บาทต่อคน (เข้าพัก 4 คืน)
ไม่รู้อะไรดลใจให้เราเข้าไปอ่านรีวิวที่พักนั้นอีกครั้ง อ่านแล้วก็ต้องหน้าเสีย
รีบไลน์ไปบอกเพื่อนเลยว่า “รีวิวมีแต่คนบ่นแล้วว่ะ คนจีนบุกโรงแรมด้วย ยังไงดี?”
(เราทำงานร่วมกับคนจีน รู้สึกว่าเจอมาเยอะเหลือเกินแล้ว อยากห่างกันสักพัก มันคงจะดีซะกว่า)
เพื่อนก็บอก “ใจเย็นๆ ตอนนี้มันไม่เหลือที่พักแล้วนะ” (Cancel ไปหมดแล้ว)
เหลือเวลาอีกประมาณ 1 เดือนจะถึงกำหนดบิน เราก็ลองเข้าไปดู airbnb แล้ว search หาที่พักในย่าน shin-imamiya
เกณฑ์ในการเลือกที่พักผ่าน airbnb ของเราคือ
-เข้าพักได้ 5 คนโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
-ไม่เรียกเก็บค่าประกันความเสียหาย (ถ้าเป็นไปได้)
-อยู่ใกล้สถานีรถไฟ shin-imamiya
-เฉลี่ยคนละไม่เกิน 5 พันบาทต่อคน (สำหรับ 4 คืน)
ที่พักที่เข้าเกณฑ์ของเรามีแค่ 2 ที่เท่านั้นค่ะ ที่แรกไม่มีห้องว่างคืนวันสุดท้ายของทริป จึงต้องตัดออกไปอย่างน่าเสียดาย
แล้วในที่สุดเราก็ได้ที่ซุกหัวนอนสำหรับทริปนี้ค่ะ
หน้าตาดูดีเชียวค่ะ ลองดูภาพบางส่วนที่เจ้าของห้องโพสดูซิ
ในแผนที่ชี้ให้เห็นว่าอยู่ใกล้สถานีชินอิมามิยะจริงๆนะ
เราก็เลยลองเข้า Google map นั่งหาที่พักนี้ดู ใช้เวลาเดิน 500 เมตรเท่านั้น!!
ด้านหน้าที่พักแบบ street view
-เช็คอินได้ถึงกี่โมง?
-ค่าประกันความเสียหายจะหักตอนไหน จะหักเท่าไหร่?
ไม่ถึงชั่วโมง เจ้าของที่พักก็ส่งข้อความกลับมาแจ้งว่า เช็คอินกี่โมงก็ได้ แต่ต้องหลังบ่ายสามโมง
เป็นการเช็คอินด้วยตัวเอง หลังจากทำการจองเรียบร้อยแล้ว เขาจะส่งรายละเอียดต่างๆ เข้าอีเมล์เราค่ะ
ส่วนเรื่องประกันค่าเสียหาย เจ้าของที่พักบอกว่าจะกันเงินไว้จำนวนหนึ่ง
เพื่อเป็นค่าประกันตามที่แจ้งในเว็บ แต่ถ้าไม่มีอะไรเสียหาย เขาจะคืนเงินให้เราค่ะ
เราก็ปรึกษากับเพื่อนๆ ทุกคนก็เห็นดีเห็นงามด้วยว่า นี่แหละคือที่ๆเราคู่ควร
เพื่อนเราก็กดจองที่พักไปค่ะ แล้วบัตรเครดิตก็ตัดเงินเราทันที แต่ตัดเฉพาะยอดรวมค่าห้องเท่านั้นนะคะ
ไม่ได้ตัดค่าประกันความเสียหายเพิ่มเติมแต่อย่างใด หลังจากนั้นเราก็ไป cancel โรงแรมที่จองเอาไว้ก่อนหน้านั้นค่ะ บายยย..
หลังจากนั้นประมาณ 3 วัน เพื่อนเราก็ได้รับ E-mail จากเจ้าของที่พัก
เกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆในการเข้าพัก เจ้าของที่พักทำ Power point บอกทางจากสถานีรถไฟไปที่พักให้พวกเราด้วยค่ะ
แล้วก็มีวิธีการเข้าห้องพักที่เราต้องปริ๊นเก็บไว้ แต่ตอนนั้นคืออ่านอย่างเดียวค่ะ ไม่ได้ปริ๊นไว้
พอมาเปิดอีกทีเอกสารหายไปแล้ว เลยต้องอีเมล์ไปขอใหม่ เจ้าของห้องพักก็ส่งกลับมาให้อีกครั้งค่ะ
คราวนี้ก็ปริ๊ํนไปแล้ว เตรียมตัวออกเดินทางได้ เย้ๆ!
และแล้ววันเดินทางก็มาถึงค่ะ เราลงจากเครื่องประมาณ 4 ทุ่มพอดี
ใช้เวลาอยู่กับต.ม.ประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ตอนนั้นวิ่งตาลีตาเหลือกเลยค่ะ
รถไฟรอบสุดท้ายหมด 23.29 น. เมื่อนั่งรถไฟมาถึงสถานีชินอิมามิยะ
การเดินทางไปที่พักของพวกเราก็เริ่มต้นขึ้น!!
จากเอกสารที่ทานาคาให้มา (เจ้าของที่พักชื่อ nakatani นะคะ แต่เราเขาว่าทานาคา (แป้งพม่า) เพราะเรียกง่ายดี)
เราหาทางออกที่ทานาคาบอกไม่เจอค่ะ เราก็เดินออกทางออกที่ใกล้ที่สุด
มาโผล่ใกล้ๆกับ family mart พอดี ในเอกสารที่ทานาคาให้มามีรูป family mart อยู่ค่ะ จากนั้นก็เดินตามที่นางบอกไปเลยค่ะ
ขออนุญาตใช้รูปจาก google map นะคะ ช่วงที่เดินทาง มืดมาก กล้องผีเข้าค่ะ ถ่ายทุกอย่างเลือนลางมากเลย
เดินมาจนเจอ รูปนี้ แบบเดียวกับที่ทานาคาส่งมาเลยค่ะ เรามากันถูกทางแล้ว!!
แต่เราเอะใจตรงที่ เอกสารของทานาคามันไม่ตรงกับใน google map นางอาจจะให้ทางลัดมาก็ได้ เอ้า! เดินไปค่ะ
ก่อนมาเราลองเดินเล่นใน street view ดูค่ะ จำได้ว่าถ้าเห็นฝาท่อให้เลี้ยวขวา
พอเจอฝาท่อเราก็เลี้ยวขวากันเลยค่ะ จนมาเจอตึกนี้
ท้าดา!! ถึงที่พักแล้ว ประตูโค้งเหมือนในรูปเลย เอาล่ะ! เราจะได้เข้าไปเก็บกระเป๋า
ไปหาอะไรกินกันแล้ว เจ้าจงรีบมาไขรหัสโดยพลัน!!
ถึงตอนนี้ เราก็ทำตามรายละเอียดที่ทานาคาให้ไว้ค่ะ คือต้องใส่รหัสเปิดประตูหน้า
(ในส่วนนี้มีการถ่ายวิดีโอเก็บไว้ด้วยค่ะเพราะทุกคนตื่นเต้นมาก) แต่… ประตูไม่เปิดอ่ะ
เราใส่รหัสไป 3 ครั้ง ประตูก็ไม่เปิด ยังไงอ่ะ?
เพื่อนเราก็ลองดูรูปภาพประกอบจากทานาคาอีกครั้ง ปรากฏว่า.. ผิดตึกค่ะ ไม่ใช่ตึกนี้นะจ้ะ
อ้าว!!!!! ยังไงต่อล่ะ
เราก็พลิกดูเอกสารหลายครั้ง แล้วก็เปรียบเทียบ เออว่ะ! หน้าตึกไม่เหมือนกันเลย
แล้วต้องไปยังไงต่อ แล้วเพื่อนเราก็เดินตาม google map ไปค่ะ ไม่สนใจเอกสารของทานาคาแล้ว
เดินวนไปค่ะ เดินวนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปเจอตึกนึงที่หน้าตาเหมือนกับในรูปเปี๊ยบ!!
เริ่มมีความหวังอีกครั้งค่ะ เราเริ่มไขรหัสลับดาวินชี่กันอีกครั้ง และคราวนี้… ประตูเปิดจ้า!!! (ไม่ได้ถ่ายวิดิโอไว้ 555)
ในที่สุดเราก็เข้ามาข้างในได้ สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือ ไขรหัสตู้เซฟที่เก็บกุญแจ!!
ยุ่งยากจริงๆเลย T_T
ใกล้ๆลิฟต์จะมีตู้เซฟเล็กๆของแต่ละห้อง เราก็นำรหัสที่ได้มาจากทานาคาไปใส่ที่ช่องเก็บของของห้องหมายเลข xxx
เมื่อตู้เซฟเปิดออก เราจะพบกุญแจห้องวางอยู่ด้านใน จากนั้นเราก็นำกุญแจไปไขเข้าห้องหมายเลข xxx
เหมือนตัวเองกำลังเล่นเกมส์หาสมบัติยังไงยังงั้น!
ขึ้นมาข้างบนแล้ว ชักภาพเป็นที่ระทึกสักหน่อย
แล้วในที่สุดเราก็ได้เข้าห้องสักที แม่จ๋า!!
เข้ามาถึงก็ทำการรื้อ ค้น สำรวจ ณ จุดนี้เราเดินถ่ายรูปทั่วห้องเป็นผีบ้า
แต่.. วันสุดท้ายเมมเต็มไง อย่างที่บอก เลยต้องลบรูปออกไปบานเลย T^T
โซฟาเบดตัวนี้ นอนได้อีก 1 คน แต่พวกเราไม่ได้ใช้เลย ไว้นั่งประชุมแผนงานกัน
ทุกคนพยายามจะออกไปสำรวจบริเวณระเบียงด้านนอก
เราปลื้มใจมากกับห้องนี้ รีบส่งข้อความไปบอกทานาคาเลยว่ามาถึงแล้วนะ
แล้วก็ถามเพิ่มเติมเรื่องที่ฝากกระเป๋าเพราะที่สถานีชินอิมามิยะ ล็อกเกอร์ฝากกระเป๋าเล็กมาก
ทานาคาก็รีบส่งข้อความมาขอบคุณที่ชอบห้องของเขา แถมยังส่งแผนที่ที่ฝากกระเป๋าที่นัมบะมาให้อีกด้วย น่ารักจริงๆ
ห้องนี้คือห้องที่เรานอน จะบอกว่าแอร์ตอนกลางคืนเวลามันตัดนี่ตัดนานมาก T^T ร้อนจนคอเปียกกันเลยทีเดียว
ห้องนี้เราเรียกว่าห้องนอนโดเรมอน เป็นแบบปูฟูก นอนได้ประมาณสามคน
นอนสบายแค่ไหน ถามใจโนบิตะดู
วิวตรงระเบียง ตอนเช้าวันเสาร์ของโอซาก้า รถน้อยมากกกกก
ห้องนี้เหมาะสำหรับกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัวเข้าพักได้สูงสุดถึง 10 คน แต่เขาห้ามปาร์ตี้นะคะ
มีห้องนอนทั้งหมด 3 ห้อง 1 ห้องน้ำ มีเคาท์เตอร์ครัวเล็กๆ สามารถทำอาหารเช้าทานได้ และยังมีเครื่องซักผ้า ไดร์เป่าผม อุปกรณ์ต่างๆให้อย่างครบถ้วน แต่ไม่มีเตารีดนะคะ (เราค้นหาเตารีดซะทั่วเลย) แนะนำสำหรับคนที่ไปกันเยอะ พกปลั๊กพ่วงไปด้วยนะคะ จะดี
สำหรับรีวิวแรกนี้ หากขาดตกบกพร่องหรือมีอะไรผิดพลาดไป ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ลากันไปด้วยภาพอาหารมื้อแรกที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อใกล้ๆที่พักค่ะ
ถนัดนั่งพื้นสไตล์ไทยๆมากกว่านั่งโซฟาค่ะ อิอิ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น