ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงกับเจ้าของกระทู้ และความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับเรื่องวิญญาณของเจ้าของกระทู้ประมาณ50/50 ก็กลัวอยู่เหมือนกันค่ะ แต่มีบางกรณีที่ไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ อาจจะคาดการณ์ว่าคิดไปเองมั้ง ฮ่าๆๆ
เราจะมาเล่าประสบการณ์ที่ได้เจอมากับตัว กับเรื่องเล่าของคนรอบข้าง ก็แชร์ๆกันไปค่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ
ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ (กระทู้แรกของเรา พิมพ์ในโทรศัพท์ด้วย แฮ่ๆยิ้มอ่อน)
เรื่องแรกค่ะ เรื่องนี้เกิดขึ้นมาประมาณ4-5ปี ขอเกริ่นก่อนนะคะ เดี๋ยวจะไม่เข้าใจ ครอบครัวเราได้ไปอยู่ประเทศๆหนึ่ง แถบยุโรปล่ะกัน อาชีพของครอบครัวเราเป็นธุระกิจส่วนตัวค่ะ คือขายของตามตลาดนัด (ฝรั่งก็มีตลาดนัดนะเออ) เป็นธุระกิจของพ่อที่ทำมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าแล้วค่ะ เอาล่ะๆเข้าเรื่องๆ คือประจำทุกวันเสาร์เราจะไปขายของที่ต่างจังหวัดค่ะ และที่จังหวัดเราไปนี้คือมันไกลมาก ต้องขับรถไปไกล400-500โล อันนี้ประมาณเอาแบบว่ากรุงเทพไปถึงนครสวรรค์ค่ะ เราก็จะออกเดินทางวันศุกร์แล้วไปพักที่โรงแรมประจำใกล้ๆที่ตั้งตลาด เราก็ทำแบบนี้ประจำ แต่มาอาทิตย์หนึ่งเผอิญว่าโรงแรมที่เราไปพักมันเต็มค่ะ เพราะว่าช่วงนั้นมันมีการแข่งขันฮ็อกกี้ระดับประเทศอะไรประมาณนี้แหล่ะค่ะ อ่าาา ต้องหาที่พักใหม่ซะแล้วสิ เดชะบุญเราไปได้บ้านพักหลังเล็กๆ อารมณ์ประมาณว่าบังกะโลค่ะ มีประมาณ15หลัง แต่ละหลังก็เรียงกันมา หลังที่1จะอยู่ในสุด พ่อก็จัดการไปติดต่อพัก เสร็จแล้วก็ได้กุญแจมาหลังที่14 ก็ดีค่ะ เพราะอยู่ใกล้ทางออกดี เราก็เข้าบ้านไป เดี๋ยวลองๆจินตนาการเอานะคะ เพราะอธิบายไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ แฮ่ๆ คือเปิดประตูบ้านเข้าไปจะเป็นห้องสี่เหลี่ยมเลยค่ะ ตรงประตูฝั่งซ้ายมือจะเห็นพวกของทำครัว เตาแก๊ส อ่างล้างจาน ตู้เย็นเล็ก ตู้เก็บของเรียงกันเป็นแถบ ถัดไปก็จะเป็นเตียงสองชั้นค่ะ ฝั่งขวามือจะเป็นโต๊ะอาหาร ทีวี และฝั่งตรงข้ามโต๊ะจะเป็นเตียงสองชั้นอีกค่ะและถัดไปอีกเป็นห้องน้ำ พวกเราก็จัดแจงทำกิจวัตรของเราเสร็จก็เข้านอนค่ะ เราเลือกเตียงที่อยู่ฝั่งขวาค่ะ นอนชั้นล่างค่ะเพราะขี้เกียจปีน ส่วนพ่อกับแม่นอนฝั่งซ้ายมือเพราะว่ามีเตียงชั้นล่างมันใหญ่ค่ะนอนได้สองคน เราก็เข้านอนตั้งแต่สี่ห้าทุ่ม เพราะต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าไปเตรียมร้าน ก่อนนอนเราก็เล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยเปื่อยจนหลับไป พอหลับไปสักพักเราก็สะดุ้งตื่น!! เพราะรู้สึกว่าเหมือนมีคนวิ่งผ่านเราไปเข้าห้องน้ำ วิ่งค่ะวิ่ง ใช่แล้วค่ะ ความรู้สึกเรามันบอกยังงั้น แต่เราก็หลับตาอยู่ขี้เกียจตื่นขึ้นมา แต่ตอนนั้นเราก็นอนไม่หลับแล้วค่ะ พลางคิดในใจว่าไม่พ่อก็แม่ที่มาเข้าห้องน้ำ แต่.. ทำไมต้องวิ่ง คงปวดหนักล่ะมั้ง ก็ลืมตามาดูโทรศัพท์ อ่าาา เที่ยงคืนแล้ว นอนไม่หลับแล้ว ทำไงดี สักพักใหญ่ๆ เอ๊ะ!! ทำไมในห้องน้ำเงียบจัง ได้ยินแต่ฝาชักโครกดัง แกร๊กๆๆ เหมือนคนเล่นปิดฝาชักโครกเบาๆ แต่ดังแกร๊กๆเรื่อยๆ เรานอนหันหัวไปทางห้องน้ำค่ะ เราก็คิดว่าทำไมเข้าไปนานจัง เข้าไปทำไร ไปนั่งเล่นฝาชักโครกหรอ รอนานสักพักค่ะไม่เห็นวี่แววออกมา เราก็ปวด อยากเข้าห้องน้ำมั้ง ก็ลุกขึ้นมา ปรากฏว่ามองไปที่เตียงพ่อกับแม่นอนหลับทั้งสองคนเลย อ้าวววว!!! แล้วใครเข้าห้องน้ำ!! ด้วยความที่ปวดฉี่ก็เลยใจแข็งทำเป็นบอกตัวเองว่าคงจะเป็นลมเป็นฝน หิมะตกข้างนอกไรงี้ ก็เปิดประตูห้องน้ำเปิดไฟก็โล่งค่ะ ไม่มีคน!! เราก็ทำธุระเสร็จก็เข้านอน แต่นอนเท่าไหรก็ไม่หลับ เราก็เลยใส่หูฟังเปิดเพลงเบาๆฟังเผื่อจะหลับ ประมาณตีสองกว่าๆค่ะ(ดูเวลาครั้งสุดท้ายค่ะ) ก็หลับ พอหลับได้สักพักก็สะดุ้งตื่นอีก!! แต่คราวนี้ขยับตัวไม่ได้ เรานอนตะแคงหันหน้าเข้ากำแพง จะพลิกตัวก็พลิกไม่ได้ จะตื่นลืมตาขึ้นมาก็ทำไม่ได้ เราคิดว่าเราไม่ได้ฝัน เรารู้ตัวแล้วนะคะเพราะหูฟังยังอยู่ที่หูอยู่เลยแล้วเราก็ยังได้ยินเพลงที่เราฟังด้วย คิดว่าตื่นหรือไม่ตื่นล่ะ ฮึๆ แล้วทีนี้ก็เหมือนมีมือมาจับตรงซี่โครงเราค่ะ เราตกใจมากเพลงเพลิงไม่มีทางช่วยได้ เราพยายามดิ้น ปากก็จะร้องเรียกแม่แต่เรียกไม่ออก ได้แต่เสียงอือออ สักพักเสียงสวรรค์มาโปรด คือเสียงแม่เรียก ลูกๆเป็นไร พอได้ยินเสียงแม่ก็หลุดออกมาได้ค่ะ เราก็เรียกแม่มานอนด้วย แม่ก็มานอนเบียดเสียดกับเรา เตียงเราจะนอนได้แค่คนเดียวค่ะ ถ้านอนสองคนจะต้องเบียดกัน นอนกอดกับแม่แน่นเลยค่ะ ตอนนั้นเป็นเวลาตีสาม แม่ก็ถามว่าเป็นไร เราไม่บอกไม่อยากเล่า พรุ่งนี้ค่อยเล่า นอนกอดแม่สบายใจเลย ก็หลับไปตื่นตีห้า แต่งตัวเสร็จก็เดินทางไปตลาด แม่ก็ถามว่าเมื่อคืนเป็นไร เราก็เล่าให้แม่ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ แม่ก็บอกเราว่า มิน่าล่ะตอนที่ได้ยินเสียงลูกร้องอือๆแม่ได้กลิ่น "สบู่"หอมฟุ้งไปทั่วห้องเหมือนมีคนอาบน้ำใหม่ๆตัวยังหอมสบู่ ซึ่งไม่มีใครได้กลิ่นเลยสักคน ก็เล่าให้พ่อฟัง พ่อก็เชื่อนะ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อไม่มีใครอาบน้ำสักคน ในตอนนั้นจะเป็นอากาศฝนตกนิดหน่อยปนหิมะ ไม่มีใครตื่นขึ้นมาอาบน้ำตีสามแน่ ถ้าเป็นฝรั่งยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะอาบน้ำ ถ้ากลิ่นมาจากบ้านหลังอื่นยิ่งเป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้ยังงง ยังคงเป็นปริศนาต่อไป
พอผ่านไปถึงวันศุกร์อีก ก็เหมือนเดิม จองโรงแรมไม่ได้ เต็มหมด ก็ไปพักที่เก่า ผ่านมาแล้วเรื่องนั้นก็ลืมเลยนะคะ พอได้มาพักอีก เรื่องนั้นก็วนกลับมาให้คิดอีก พ่อก็ไปติดต่อห้อง เรากับแม่ก็อยู่บนรถ บอกแม่ว่าถ้าได้ห้องเดิม แม่ต้องมานอนกับหนูนะ แม่ก็โอเค พ่อก็มา บอกว่าได้บ้านหลังที่1 อยู่ในสุดเลย โอเค ดีกว่าห้องเก่า เราก็นอนคนเดียวอีกแล้ว แต่มาพักในวันนี้ก็ไม่มีอะไร ผ่านไปด้วยดี
ผ่านมาวันศุกร์อีกแล้ว เรื่องนี้ก็ไม่ได้คิดไม่ได้กลัวอีกแล้ว ก็เหมือนเดิม คือโรงแรมเต็ม พักที่เดิมอีกแล้ว พ่อก็ไปติดต่อที่พักเหมือนเดิม เสร็จแล้วพ่อก็เดินยิ้มอย่างมีเลศนัยเลย แล้วกำกุญแจมาบอกว่าได้"บ้านหลังที่14" เห้ย!! ไม่เอานะ งั้นขอแม่มานอนด้วยเลย เราก็ทำกิจวัตรเหมือนเดิม นอนกับแม่ เราก็หลับสบายจนถึงเช้า แล้วก็ออกมาตลาดกัน แม่ก็ถามว่าเมื่อคืนหลับสบายดีมั้ย เราก็บอกว่าหลับสนิทเลย ไม่มีอะไร ไม่กลัวเลย แม่ก็บอกว่า เมื่อคืนแม่ฝัน ฝันว่านั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารในบ้านหลังนั้นแหล่ะ และมีผู้หญิงฝรั่งสองคนไม่เห็นหน้านะ มันมืดๆ ผู้หญิงคนนึงนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับแม่ และอีกคนยืนอยู่ข้างหลังผู้หญิงคนที่นั่ง คนที่นั่งถามแม่ว่า เป็นอะไรกัน ทำไมต้องนอนไม่สบายกัน(คือเรานอนกับแม่เบียดกัน) แม่เราก็บอกว่า ลูกเรากลัวไม่กล้านอนคนเดียว ผู้หญิงที่นั่งอยู่ก็บอกประมาณว่า ขอโทษที่ทำให้ลูกเธอกลัวเพราะเรามีเหตุจำเป็น แม่บอกว่าเขาเล่าให้ฟังกับสลับเห็นภาพด้วย เอาที่เข้าใจนะ ประมาณว่า ผู้หญิงที่นั่งอยู่คนนี้เขาไปเที่ยวผับกับเพื่อน แล้วก็มีเรื่องทะเลาะวิวาทกันประมาณจะเที่ยงคืน แล้วเขาก็วิ่งหนีมาเรื่อยๆ แล้วเขาก็ตกน้ำคลองเนื้อตัวนี้เปื้อนมอมแมมไปหมด แต่ก็หนีมาได้ วิ่งมาเจอบ้านที่เราพักอยู่ เขาบอกว่ามันเปิดประตูไว้ ก็เลยวิ่งเข้ามา มาซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำ นั้นเป็นจังหวะเดียวที่เราสะดุ้งตื่นครั้งแรกที่รู้สึกว่าเหมือนมีคนวิ่งเข้าห้องน้ำ แล้วเขาก็ซ่อนอยู่ในห้องน้ำซะนานสองนาน ดูว่าพวกที่เขามีเรื่องนั้นไปยัง พอผ่านไปนานเขาก็เลยอาบน้ำเพราะตกน้ำคลองมาเปื้อนเปรอะไปหมด ก็อาบน้ำแล้วก็นุ่งผ้าขนหนูของเราออกมา(เราห้อยไว้ในห้องน้ำ) เห็นเรานอนอยู่ก็ว่าจะปลุกมาเพื่อยืมเสื้อผ้าใส่ เพราะเขาเห็นว่าเรารุ่นเดียวกัน พอเขาเห็นเรากลัว เขาก็กลับไปใส่ชุดเดิม แล้วพอดีมีเพื่อนเขามารับก็เลยกลับไป นั้นแหล่ะค่ะ ที่เป็นปริศนาว่าแม่ได้กลิ่นสบู่ แล้วเราโดนอำตอนนั้น เขาก็บอกแม่เราว่าขอโทษด้วยที่ทำให้เรื่องวุ่นวาย ก็ขอบคุณที่ให้ที่หลบซ่อนกับให้ยืมผ้าขนหนู ต่อไปจะไม่มารบกวนแล้ว
พอเราฟังจบก็ อื้อหือ!! นี้ขนาดผ่านมาสองอาทิตย์แล้วยังกลับมาเล่าให้ฟังอีกหรอ ก็ยังจำได้เนาะ มาขอโทษเราอีก เรารู้สึกว่ามันไม่ได้น่ากลัวอ่ะ รู้สึกอบอุ่นยังไงไม่รู้ที่ฝากมาบอกขอโทษเรา ในส่วนหนึ่งเราคิดว่าเขาไม่ใช่ผี แต่เป็นคนอีกในมิติหนึ่งเท่านั้น เพราะเขามาเที่ยวมาใช้ชีวิตปกติ มีเรื่องทะเลาะกันธรรมดา เหมือนเขามีจิตใจเหมือนกับคนเรา ไม่เหมือนผีที่เมืองไทยที่จ้องแต่จะหลอก555 พอวันต่อไปเราก็กวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้แบบพุทธเรานี่แหล่ะ และวันต่อๆไปที่ไปพักก็ไม่มีอะไร เราเริ่มจะชอบพักที่นั้นเพราะมันสะดวกดี มีเตามีอะไรให้พร้อม เราจะได้ต้มมาม่ากินกัน ที่โรงแรมไม่มีห้องครัวให้ ส่วนมากก็จะกินอาหารมาจากข้างนอกแล้วก็นอนโรงแรมกัน แต่ที่บ้านพักไม่ต้องเลย ทำกินเองสะดวกครบเลย อุ้ย!! นอกเรื่องมาแล้ว ฮ่าๆๆ เดี๋ยวมาต่อ เหตุการณ์ของแม่และของเราหลอนๆกันที่บ้าน
สยองขวัญจากต่างแดน
เราจะมาเล่าประสบการณ์ที่ได้เจอมากับตัว กับเรื่องเล่าของคนรอบข้าง ก็แชร์ๆกันไปค่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ
ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ (กระทู้แรกของเรา พิมพ์ในโทรศัพท์ด้วย แฮ่ๆยิ้มอ่อน)
เรื่องแรกค่ะ เรื่องนี้เกิดขึ้นมาประมาณ4-5ปี ขอเกริ่นก่อนนะคะ เดี๋ยวจะไม่เข้าใจ ครอบครัวเราได้ไปอยู่ประเทศๆหนึ่ง แถบยุโรปล่ะกัน อาชีพของครอบครัวเราเป็นธุระกิจส่วนตัวค่ะ คือขายของตามตลาดนัด (ฝรั่งก็มีตลาดนัดนะเออ) เป็นธุระกิจของพ่อที่ทำมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าแล้วค่ะ เอาล่ะๆเข้าเรื่องๆ คือประจำทุกวันเสาร์เราจะไปขายของที่ต่างจังหวัดค่ะ และที่จังหวัดเราไปนี้คือมันไกลมาก ต้องขับรถไปไกล400-500โล อันนี้ประมาณเอาแบบว่ากรุงเทพไปถึงนครสวรรค์ค่ะ เราก็จะออกเดินทางวันศุกร์แล้วไปพักที่โรงแรมประจำใกล้ๆที่ตั้งตลาด เราก็ทำแบบนี้ประจำ แต่มาอาทิตย์หนึ่งเผอิญว่าโรงแรมที่เราไปพักมันเต็มค่ะ เพราะว่าช่วงนั้นมันมีการแข่งขันฮ็อกกี้ระดับประเทศอะไรประมาณนี้แหล่ะค่ะ อ่าาา ต้องหาที่พักใหม่ซะแล้วสิ เดชะบุญเราไปได้บ้านพักหลังเล็กๆ อารมณ์ประมาณว่าบังกะโลค่ะ มีประมาณ15หลัง แต่ละหลังก็เรียงกันมา หลังที่1จะอยู่ในสุด พ่อก็จัดการไปติดต่อพัก เสร็จแล้วก็ได้กุญแจมาหลังที่14 ก็ดีค่ะ เพราะอยู่ใกล้ทางออกดี เราก็เข้าบ้านไป เดี๋ยวลองๆจินตนาการเอานะคะ เพราะอธิบายไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ แฮ่ๆ คือเปิดประตูบ้านเข้าไปจะเป็นห้องสี่เหลี่ยมเลยค่ะ ตรงประตูฝั่งซ้ายมือจะเห็นพวกของทำครัว เตาแก๊ส อ่างล้างจาน ตู้เย็นเล็ก ตู้เก็บของเรียงกันเป็นแถบ ถัดไปก็จะเป็นเตียงสองชั้นค่ะ ฝั่งขวามือจะเป็นโต๊ะอาหาร ทีวี และฝั่งตรงข้ามโต๊ะจะเป็นเตียงสองชั้นอีกค่ะและถัดไปอีกเป็นห้องน้ำ พวกเราก็จัดแจงทำกิจวัตรของเราเสร็จก็เข้านอนค่ะ เราเลือกเตียงที่อยู่ฝั่งขวาค่ะ นอนชั้นล่างค่ะเพราะขี้เกียจปีน ส่วนพ่อกับแม่นอนฝั่งซ้ายมือเพราะว่ามีเตียงชั้นล่างมันใหญ่ค่ะนอนได้สองคน เราก็เข้านอนตั้งแต่สี่ห้าทุ่ม เพราะต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าไปเตรียมร้าน ก่อนนอนเราก็เล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยเปื่อยจนหลับไป พอหลับไปสักพักเราก็สะดุ้งตื่น!! เพราะรู้สึกว่าเหมือนมีคนวิ่งผ่านเราไปเข้าห้องน้ำ วิ่งค่ะวิ่ง ใช่แล้วค่ะ ความรู้สึกเรามันบอกยังงั้น แต่เราก็หลับตาอยู่ขี้เกียจตื่นขึ้นมา แต่ตอนนั้นเราก็นอนไม่หลับแล้วค่ะ พลางคิดในใจว่าไม่พ่อก็แม่ที่มาเข้าห้องน้ำ แต่.. ทำไมต้องวิ่ง คงปวดหนักล่ะมั้ง ก็ลืมตามาดูโทรศัพท์ อ่าาา เที่ยงคืนแล้ว นอนไม่หลับแล้ว ทำไงดี สักพักใหญ่ๆ เอ๊ะ!! ทำไมในห้องน้ำเงียบจัง ได้ยินแต่ฝาชักโครกดัง แกร๊กๆๆ เหมือนคนเล่นปิดฝาชักโครกเบาๆ แต่ดังแกร๊กๆเรื่อยๆ เรานอนหันหัวไปทางห้องน้ำค่ะ เราก็คิดว่าทำไมเข้าไปนานจัง เข้าไปทำไร ไปนั่งเล่นฝาชักโครกหรอ รอนานสักพักค่ะไม่เห็นวี่แววออกมา เราก็ปวด อยากเข้าห้องน้ำมั้ง ก็ลุกขึ้นมา ปรากฏว่ามองไปที่เตียงพ่อกับแม่นอนหลับทั้งสองคนเลย อ้าวววว!!! แล้วใครเข้าห้องน้ำ!! ด้วยความที่ปวดฉี่ก็เลยใจแข็งทำเป็นบอกตัวเองว่าคงจะเป็นลมเป็นฝน หิมะตกข้างนอกไรงี้ ก็เปิดประตูห้องน้ำเปิดไฟก็โล่งค่ะ ไม่มีคน!! เราก็ทำธุระเสร็จก็เข้านอน แต่นอนเท่าไหรก็ไม่หลับ เราก็เลยใส่หูฟังเปิดเพลงเบาๆฟังเผื่อจะหลับ ประมาณตีสองกว่าๆค่ะ(ดูเวลาครั้งสุดท้ายค่ะ) ก็หลับ พอหลับได้สักพักก็สะดุ้งตื่นอีก!! แต่คราวนี้ขยับตัวไม่ได้ เรานอนตะแคงหันหน้าเข้ากำแพง จะพลิกตัวก็พลิกไม่ได้ จะตื่นลืมตาขึ้นมาก็ทำไม่ได้ เราคิดว่าเราไม่ได้ฝัน เรารู้ตัวแล้วนะคะเพราะหูฟังยังอยู่ที่หูอยู่เลยแล้วเราก็ยังได้ยินเพลงที่เราฟังด้วย คิดว่าตื่นหรือไม่ตื่นล่ะ ฮึๆ แล้วทีนี้ก็เหมือนมีมือมาจับตรงซี่โครงเราค่ะ เราตกใจมากเพลงเพลิงไม่มีทางช่วยได้ เราพยายามดิ้น ปากก็จะร้องเรียกแม่แต่เรียกไม่ออก ได้แต่เสียงอือออ สักพักเสียงสวรรค์มาโปรด คือเสียงแม่เรียก ลูกๆเป็นไร พอได้ยินเสียงแม่ก็หลุดออกมาได้ค่ะ เราก็เรียกแม่มานอนด้วย แม่ก็มานอนเบียดเสียดกับเรา เตียงเราจะนอนได้แค่คนเดียวค่ะ ถ้านอนสองคนจะต้องเบียดกัน นอนกอดกับแม่แน่นเลยค่ะ ตอนนั้นเป็นเวลาตีสาม แม่ก็ถามว่าเป็นไร เราไม่บอกไม่อยากเล่า พรุ่งนี้ค่อยเล่า นอนกอดแม่สบายใจเลย ก็หลับไปตื่นตีห้า แต่งตัวเสร็จก็เดินทางไปตลาด แม่ก็ถามว่าเมื่อคืนเป็นไร เราก็เล่าให้แม่ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ แม่ก็บอกเราว่า มิน่าล่ะตอนที่ได้ยินเสียงลูกร้องอือๆแม่ได้กลิ่น "สบู่"หอมฟุ้งไปทั่วห้องเหมือนมีคนอาบน้ำใหม่ๆตัวยังหอมสบู่ ซึ่งไม่มีใครได้กลิ่นเลยสักคน ก็เล่าให้พ่อฟัง พ่อก็เชื่อนะ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อไม่มีใครอาบน้ำสักคน ในตอนนั้นจะเป็นอากาศฝนตกนิดหน่อยปนหิมะ ไม่มีใครตื่นขึ้นมาอาบน้ำตีสามแน่ ถ้าเป็นฝรั่งยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะอาบน้ำ ถ้ากลิ่นมาจากบ้านหลังอื่นยิ่งเป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้ยังงง ยังคงเป็นปริศนาต่อไป
พอผ่านไปถึงวันศุกร์อีก ก็เหมือนเดิม จองโรงแรมไม่ได้ เต็มหมด ก็ไปพักที่เก่า ผ่านมาแล้วเรื่องนั้นก็ลืมเลยนะคะ พอได้มาพักอีก เรื่องนั้นก็วนกลับมาให้คิดอีก พ่อก็ไปติดต่อห้อง เรากับแม่ก็อยู่บนรถ บอกแม่ว่าถ้าได้ห้องเดิม แม่ต้องมานอนกับหนูนะ แม่ก็โอเค พ่อก็มา บอกว่าได้บ้านหลังที่1 อยู่ในสุดเลย โอเค ดีกว่าห้องเก่า เราก็นอนคนเดียวอีกแล้ว แต่มาพักในวันนี้ก็ไม่มีอะไร ผ่านไปด้วยดี
ผ่านมาวันศุกร์อีกแล้ว เรื่องนี้ก็ไม่ได้คิดไม่ได้กลัวอีกแล้ว ก็เหมือนเดิม คือโรงแรมเต็ม พักที่เดิมอีกแล้ว พ่อก็ไปติดต่อที่พักเหมือนเดิม เสร็จแล้วพ่อก็เดินยิ้มอย่างมีเลศนัยเลย แล้วกำกุญแจมาบอกว่าได้"บ้านหลังที่14" เห้ย!! ไม่เอานะ งั้นขอแม่มานอนด้วยเลย เราก็ทำกิจวัตรเหมือนเดิม นอนกับแม่ เราก็หลับสบายจนถึงเช้า แล้วก็ออกมาตลาดกัน แม่ก็ถามว่าเมื่อคืนหลับสบายดีมั้ย เราก็บอกว่าหลับสนิทเลย ไม่มีอะไร ไม่กลัวเลย แม่ก็บอกว่า เมื่อคืนแม่ฝัน ฝันว่านั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารในบ้านหลังนั้นแหล่ะ และมีผู้หญิงฝรั่งสองคนไม่เห็นหน้านะ มันมืดๆ ผู้หญิงคนนึงนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับแม่ และอีกคนยืนอยู่ข้างหลังผู้หญิงคนที่นั่ง คนที่นั่งถามแม่ว่า เป็นอะไรกัน ทำไมต้องนอนไม่สบายกัน(คือเรานอนกับแม่เบียดกัน) แม่เราก็บอกว่า ลูกเรากลัวไม่กล้านอนคนเดียว ผู้หญิงที่นั่งอยู่ก็บอกประมาณว่า ขอโทษที่ทำให้ลูกเธอกลัวเพราะเรามีเหตุจำเป็น แม่บอกว่าเขาเล่าให้ฟังกับสลับเห็นภาพด้วย เอาที่เข้าใจนะ ประมาณว่า ผู้หญิงที่นั่งอยู่คนนี้เขาไปเที่ยวผับกับเพื่อน แล้วก็มีเรื่องทะเลาะวิวาทกันประมาณจะเที่ยงคืน แล้วเขาก็วิ่งหนีมาเรื่อยๆ แล้วเขาก็ตกน้ำคลองเนื้อตัวนี้เปื้อนมอมแมมไปหมด แต่ก็หนีมาได้ วิ่งมาเจอบ้านที่เราพักอยู่ เขาบอกว่ามันเปิดประตูไว้ ก็เลยวิ่งเข้ามา มาซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำ นั้นเป็นจังหวะเดียวที่เราสะดุ้งตื่นครั้งแรกที่รู้สึกว่าเหมือนมีคนวิ่งเข้าห้องน้ำ แล้วเขาก็ซ่อนอยู่ในห้องน้ำซะนานสองนาน ดูว่าพวกที่เขามีเรื่องนั้นไปยัง พอผ่านไปนานเขาก็เลยอาบน้ำเพราะตกน้ำคลองมาเปื้อนเปรอะไปหมด ก็อาบน้ำแล้วก็นุ่งผ้าขนหนูของเราออกมา(เราห้อยไว้ในห้องน้ำ) เห็นเรานอนอยู่ก็ว่าจะปลุกมาเพื่อยืมเสื้อผ้าใส่ เพราะเขาเห็นว่าเรารุ่นเดียวกัน พอเขาเห็นเรากลัว เขาก็กลับไปใส่ชุดเดิม แล้วพอดีมีเพื่อนเขามารับก็เลยกลับไป นั้นแหล่ะค่ะ ที่เป็นปริศนาว่าแม่ได้กลิ่นสบู่ แล้วเราโดนอำตอนนั้น เขาก็บอกแม่เราว่าขอโทษด้วยที่ทำให้เรื่องวุ่นวาย ก็ขอบคุณที่ให้ที่หลบซ่อนกับให้ยืมผ้าขนหนู ต่อไปจะไม่มารบกวนแล้ว
พอเราฟังจบก็ อื้อหือ!! นี้ขนาดผ่านมาสองอาทิตย์แล้วยังกลับมาเล่าให้ฟังอีกหรอ ก็ยังจำได้เนาะ มาขอโทษเราอีก เรารู้สึกว่ามันไม่ได้น่ากลัวอ่ะ รู้สึกอบอุ่นยังไงไม่รู้ที่ฝากมาบอกขอโทษเรา ในส่วนหนึ่งเราคิดว่าเขาไม่ใช่ผี แต่เป็นคนอีกในมิติหนึ่งเท่านั้น เพราะเขามาเที่ยวมาใช้ชีวิตปกติ มีเรื่องทะเลาะกันธรรมดา เหมือนเขามีจิตใจเหมือนกับคนเรา ไม่เหมือนผีที่เมืองไทยที่จ้องแต่จะหลอก555 พอวันต่อไปเราก็กวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้แบบพุทธเรานี่แหล่ะ และวันต่อๆไปที่ไปพักก็ไม่มีอะไร เราเริ่มจะชอบพักที่นั้นเพราะมันสะดวกดี มีเตามีอะไรให้พร้อม เราจะได้ต้มมาม่ากินกัน ที่โรงแรมไม่มีห้องครัวให้ ส่วนมากก็จะกินอาหารมาจากข้างนอกแล้วก็นอนโรงแรมกัน แต่ที่บ้านพักไม่ต้องเลย ทำกินเองสะดวกครบเลย อุ้ย!! นอกเรื่องมาแล้ว ฮ่าๆๆ เดี๋ยวมาต่อ เหตุการณ์ของแม่และของเราหลอนๆกันที่บ้าน