ดูคลิปวิดีโอด้านในนี้ ----->>>
http://www.krobkruakao.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/17881/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%AF-%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%87.html
ประธาน สปท.ยอมรับว่า หัวหน้า คสช.จะลงมาติดตามดูเรื่องปฏิรูปประเทศด้วยตัวเอง ประเดิมจะลุยแผนงานปฏิรูปตำรวจเป็นเรื่องแรก
ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ให้เหตุผลถึงการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ลงมาติดตามการปฏิรูปประเทศด้วยตัวเองว่า เป็นเพราะต้องการทำให้แผนการปฏิรูปประเทศ ระยะที่ 1 (พ.ศ.2559 – 2560 ) เดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งประเด็นที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ ก็คือ แผนการปฏิรูปตำรวจทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว รวม 20 ปี เพื่อนำไปสู่เป้าหมายหลัก 3 ด้าน คือ การรักษาความยุติธรรม ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา และการทำงานที่มีแบบแผนตามมาตรฐานสากล
ซึ่งเบื้องต้น ได้วางแผนงานการปฏิรูปไว้ 10 ด้าน อาทิ ปรับปรุงการบริหารงานบุคคลและเส้นทางการเจริญเติบโต การกระจายอำนาจและพัฒนาการบริหารงานตำรวจ การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ค่าตอบแทนและสวัสดิการเพื่อดำรงชีพ อุปกรณ์ประจำกายและประจาหน่วย ซื้ออุปกรณ์ควบคุมฝูงชน ยานพาหนะ การป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น และการถ่ายโอนภารกิจ
ซึ่งการบริหารงานบุคคลและเส้นทางการเจริญเติบโต ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของการปฏิรูปตำรวจครั้งนี้ โดยเฉพาะการจัดทำบัญชีการแต่งตั้งโยกย้าย มีการเสนอให้สูตร 70 - 30 คือ 70 เปอร์เซ็นต์แรก ให้ยึดจากความอาวุโส ความรู้ ความสามารถและความประพฤติ ส่วนอีก 30 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.สามารถใช้ดุลยพินิจตามความจำเป็นได้ ถ้าผู้ที่อยู่ในบัญชีโยกย้ายถูกสั่งลงโทษ หรือ ทำความดี ก็สามารถเพิ่มหรือลดความเป็นอาวุโสได้ 1 ปี
***** " นายกประยุทธ์ " รับปากลุยปฏิรูปตำรวจเป็นเรื่องแรก ***** ( by : อินทรีเเดง รีเทิร์น )
ดูคลิปวิดีโอด้านในนี้ ----->>> http://www.krobkruakao.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/17881/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%AF-%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%87.html
ประธาน สปท.ยอมรับว่า หัวหน้า คสช.จะลงมาติดตามดูเรื่องปฏิรูปประเทศด้วยตัวเอง ประเดิมจะลุยแผนงานปฏิรูปตำรวจเป็นเรื่องแรก
ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ให้เหตุผลถึงการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ลงมาติดตามการปฏิรูปประเทศด้วยตัวเองว่า เป็นเพราะต้องการทำให้แผนการปฏิรูปประเทศ ระยะที่ 1 (พ.ศ.2559 – 2560 ) เดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งประเด็นที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ ก็คือ แผนการปฏิรูปตำรวจทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว รวม 20 ปี เพื่อนำไปสู่เป้าหมายหลัก 3 ด้าน คือ การรักษาความยุติธรรม ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา และการทำงานที่มีแบบแผนตามมาตรฐานสากล
ซึ่งเบื้องต้น ได้วางแผนงานการปฏิรูปไว้ 10 ด้าน อาทิ ปรับปรุงการบริหารงานบุคคลและเส้นทางการเจริญเติบโต การกระจายอำนาจและพัฒนาการบริหารงานตำรวจ การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ค่าตอบแทนและสวัสดิการเพื่อดำรงชีพ อุปกรณ์ประจำกายและประจาหน่วย ซื้ออุปกรณ์ควบคุมฝูงชน ยานพาหนะ การป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น และการถ่ายโอนภารกิจ
ซึ่งการบริหารงานบุคคลและเส้นทางการเจริญเติบโต ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของการปฏิรูปตำรวจครั้งนี้ โดยเฉพาะการจัดทำบัญชีการแต่งตั้งโยกย้าย มีการเสนอให้สูตร 70 - 30 คือ 70 เปอร์เซ็นต์แรก ให้ยึดจากความอาวุโส ความรู้ ความสามารถและความประพฤติ ส่วนอีก 30 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.สามารถใช้ดุลยพินิจตามความจำเป็นได้ ถ้าผู้ที่อยู่ในบัญชีโยกย้ายถูกสั่งลงโทษ หรือ ทำความดี ก็สามารถเพิ่มหรือลดความเป็นอาวุโสได้ 1 ปี