เพียงชายฯ (กึ่งรีวิว) Final : Cause my love is all I have to give ... Cause without you I don't think I can live (ภาคจบ)

คนสองคนที่มีวิถีชีวิตแตกต่างกันไปคนละแบบ คนหนึ่งทุ่มเทอุทิศตนเพื่อส่วนรวมรื่นรมณ์กับธรรมชาติไม่แคร์ยศฐานบรรดาศักดิ์ อีกคนหนึ่งทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่ออาณาจักรทางธุรกิจให้เจริญรุดหน้า ... เพื่อความมั่นคงสถาพรของครอบครัวขนาดใหญ่เพื่อตอบแทนบุญคุณและความคาดหวังของบิดาซึ่งเป็นที่รัก ไม่มีวิถีใดที่ผิดหรือเรียกได้ว่าไม่เหมาะสม ความจำเป็นที่ต่างกันแนวคิดที่ต่างกันก็ย่อมนำไปสู่การเลือกใช้ชีวิตในวิถีที่ต่างกัน เมื่อไม่มีใครต้องเดือดร้อน ไม่มีอะไรละเมิดศีลธรรมอันดี ก็ไม่มีปัญหาอันใด

แล้วก็ไม่มีข้อห้ามอันใดหากคนสองคนที่มีวิถีชีวิตแตกต่างกันเช่นนั้นจะมีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน และ ลงเอยกันในวาระใดวาระหนึ่ง Contrast and Harmony ในความเหมือนมีความต่าง ในความต่างสามารถเกิดสมดุล ความรัก ... สิ่งนี้งอกงามได้ทุกสถานที่นั่นแหละ we found love in a hopeless place เห็นไหมรีฮานน่ายังบอกไว้แบบนี้เลย แต่สิ่งที่มาหลังจากนั้นต่างหากเล่าที่จะเป็นตัววัดว่าการลงเอยกันจะยืนยาวชั่วชีวิต หรือ สั้นเพียงแค่ข้ามคืน ก้นหม้อข้าวไม่ทันดำ

ศตวรรษ และ อนุศนิยา ทั้งสองคนรู้จักกันผ่านความชัง ที่ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างใจ ความเคยชิน และ แผนการต่าง ๆ ที่ทั้งคู่เคยวางเอาไว้ต้องสะดุดหยุดลงไป เพราะการแต่งงานที่เข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว ศตวรรษต้องกลืนเลือดข่มความเจ็บและอายยอมเป็น "ผัวขัดดอก" เพื่อสนองคุณมารดา 3 ปีนับว่าไม่สั้นไม่ยาว อย่างน้อยไม่ใช่ตลอดชีวิต อนุศนิยาที่เสมือนถูกมัดมือชกทั้งโมโหและโกรธที่จะต้องมาติดอยู่กับผู้ชายที่ไร้ศักดิ์ศรีถึงขั้นเอาตัวมาแลกเงิน จึงไม่อาจเก็บความดูถูกดูแคลนที่มีต่อศตวรรษได้ ... การเริ่มต้นชีวิตคู่ของคนทั้งสอง จึง "สุก" ราวอยู่กลางกองเพลิงก็ไม่ปาน

เหมือนอย่างที่เขาว่าแหละนะ กลัดกระดุมผิดหนึ่งเม็ด ... ที่เหลือมันจะถูกได้อย่างไร การเริ่มต้นของคนคู่นี้มีสิ่งหนึ่งที่ค้างคาใจคือเรื่อง "เงิน" ที่แม้แต่ยามดีต่อกันก็ยังไม่สามารถจะปลดเปลื้องความแคลงใจในประเด็นนี้ได้ ใช่ ... ดีต่อกัน พูดไม่ผิดหรอก ชีวิตคู่ที่ "สุก" กลางกองเพลิง กลายเป็น "สุข" ท่ามกลางวิทุ่งลาเวนเดอร์ .... เอาใหม่ กลางเกาะล้อมรอบด้วยท้องทะเลสีครามก็ได้ เมื่อใกล้ชิดกันและได้รู้จักแง่มุมของกันและกันมากขึ้น มากขึ้นจนเกิดความทึ่ง ความประหลาดใจ ที่กลายเป็นประทับใจ จนคำว่า "รัก" ได้เริ่มต้น ความ "รัก" จากคนสองคนที่ไม่เคยคิดเรื่อง "รัก" มาก่อน เพราะมัน priority ของชีวิต

สิ่งที่เกิดใหม่ อารมณ์ที่ไม่เคยรู้จัก เกิดขึ้นแล้วมักใหญ่โตโอฬาร  ซึ่งความใหญ่โตโอฬารนั้นก็นำมาซึ่งแรงกดดันความคาดหวังที่มหาศาลไม่แพ้กัน แรงกดดันที่หากไม่ระวังคงย้อนกลับมาทำลายความรักให้แหลกคามือ เมื่อได้กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง ความคาดหวังและแรงกดดันก็ถาโถม ทำไมคุณต้องทำอย่างนั้น ทำไมเธอไม่ทำอย่างนี้ ศตวรรษและอนุศนิยาใช้ชีวิตคู่ที่เพิ่งผ่านการปล้ำผีลุกปลุกผีนั่งโดยนึกว่าทุกอย่างจะไปได้สวย เราผ่านอะไรกันมากมายแล้ว โดยไม่ได้นึกว่านั่นเป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้นเอง

ความรักของเขาและเธอคืออะไรกันแน่ ?
คือการที่เธอตัดสินใจอย่างไม่ลังเลที่จะตัดเขาให้ขาดเมื่อเกิดปัญหา
หรือคือการที่เขามุ่งมั่นยึดถือความดีจนทำเธอเจ็บปวดเหลือแสน


ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ "ความรัก" ปัญหามันอยู่ที่เรื่องต่อจากนั้น .... ความผูกพัน ความเป็นเจ้าของ ความเสน่หา การจัดลำดับความสำคัญ อารมณ์ ความรู้สึก ที่ต้องถนอมรักษา ผ่อนหนักเบา เพื่อเป็นสายป่านยึดโยงความรักให้ยั่งยืน "ศีล" ที่เสมอกัน ศีลจริง ๆ ก็คือ "ความปกติ" ที่บัดนี้ได้รู้ได้เห็นแล้วว่าไม่เป็นแบบเดียวกัน ดังนั้นก็อยู่ที่ว่าจะเลือก "ปรับ" หรือ จะเลือก "ปล่อย"

สำหรับอนุศนิยาความเจ็บปวดคือม่านบังตา ความผิดหวังคือม่านบังใจ เธอรักเขามากมากจนคาดหวังสูงลิบลิ่วเลิศลอย โดยลืมคิดว่าหมอก็คือคน ๆ หนึ่ง คนที่มีชุดความคิดแบบหนึ่งที่อาจจะต่างจากนุศ คนที่สามารถจะก้าวเดินพลาดได้ เธอคงลืมไปแล้วว่าแต่ก่อนนี้ชุดความคิดที่ต่างกันไม่ใช่เรื่องผิดหากได้ทำความเข้าใจ ก้าวหนึ่งที่พลาดก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงเมื่อสามารถซ่อมแซมแก้ไข แต่ทั้งดวงตาแหละหัวใจของอนุศนิยาพร่ามัวด้วยแรงกดดันซึ่งก่อให้เกิดความกลัว จนไม่คิดที่จะก้าวต่อไป ในครั้งหนึ่งเธอจึงเลือกที่จะ "ปล่อย"

สำหรับหมอความเจ็บปวดทั้งมวลจากการสูญเสีย ... ทำให้หมอตาสว่าง หมอเคยคิดจะ "ปล่อย" เช่นกัน เพราะคิดว่าตัวเองไม่มีอะไรดีพอ ปกป้องใครไว้ไม่ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าแม่ ไม่ว่าอนุศนิยา ไม่ว่า "ลูก" ที่ยังไม่ทันจะได้เห็นหน้า แต่เมื่อสิ่งยึดโยงชิ้นสุดท้ายคือ "ลูก" หมอยังไม่ได้สูญเสียไป หมอจึงคิดถึงอาวุธชิ้นสุดท้ายที่หมอมี และ เป็นสิ่งที่หมอรู้สึกเป็นสิ่งที่หมอทำมาเสมอ แม้วันที่หมอจะอยู่ในฐานะทาสขัดดอก หรือ วันที่หมอได้ยกระดับขึ้นมาเป็น "คุณวรรษ" อาวุธทรงอานุภาพที่ทำให้หมอได้ใจผู้หญิงชื่ออนุศนิยา เดิมพันครั้งสุดท้ายกับอาวุธชิ้นเดียวที่มี ไม่ใช่สมบัติพัสกนธ์ ไม่ใช่ชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ไม่ใช่ฐานะอาชีพสูงส่ง แต่เป็น "ความรักทั้งหมด" ที่ไม่มีวันให้กับใครได้อีกแล้วนอกจากผู้หญิงชื่ออนุศนิยา

ความรักที่พร้อมจะแลกกับชื่อเสียงทั้งหมดที่มี
ความรักที่ยินยอมพร้อมจะแลกกับศักดิ์ศรีของเพศชาย
ความรักที่ยินยอมพร้อมจะแลกแม้กระทั่งชีวิต
เพื่อจะขอ "หัวใจ" ของผู้หญิงคนหนึ่งคืนมา
  

ทั้งหมดที่ศตวรรษจะให้ได้ ... ผู้ชายที่ไม่ได้วิเศษ ... แต่มีใจพิเศษ
Cause my love is all I have to give


พ่อบอกว่าหากเธอหันหนีวันนี้ ... สุดท้ายอาจมีเพียงคำว่าเสียใจ แล้วมันก็เป็นจริง "ความคาดหวัง" และ "ความผิดหวัง" ทำให้เธอถอยหนี เธอมองรอยตำหนินั้นเป็นเรื่องใหญ่ ชี้นิ้วไปทางเขา ว่าเขาเท่านั้นล่ะที่ผิด แต่เธอไม่คิดส่วนผิดของเธออยู่ตรงไหน ? หรือที่ผ่านมารอยตำหนิข้อบกพร่องของเธอไม่มีเลย ? อย่างนี้นะหรือจะมีชีวิตคู่กับใครเขาได้

มันจะสายไปหรือไม่นะที่เพิ่งมาเข้าใจว่าชีวิตคู่ไม่ใช่ขาวหรือดำ ไม่ใช่ถูกหรือผิด แต่เป็นการซ่อม .... เมื่อเกิดสิ่งที่ไม่เข้าใจ และ เป็นการสร้าง ... ความรู้สึกดี ๆ พร้อมรักษามันไว้ให้มั่นคง สิ่งเหล่านี้มีอยู่ที่ไหน ในใคร ... ไม่ใช่คนที่เธอเลือกปล่อยมือเขาหรือ ? วินาทีที่เธอรู้ว่าเขาตกลงไปในทะเล อาวุธชิ้นสุดท้ายของหมอศตวรรษก็เหมือนธนูที่แล่นเข้าเป้าถนัดถนี่ อนุศนิยา ... เธอขาดผู้ชายคนนี้ได้หรือ

ทั้งหมดทั้งมวลที่เธอได้จากเขา ความรักมากมายแบบนั้นทำให้เธอรู้แล้วว่า
Without you I don't think I can live


ความผิดพลาด ความคาดหวัง ... อะไรต่าง ๆ ก็ดูเล็กน้อยไปหมด ถ้าเขาจะต้องจากเธอไปจริง ๆ เรื่องราวทั้งหมดที่แท้มันก็มีอยู่แค่นี้ ชีวิตแสนสั้น ความสุขแสนสั้น ทำไมจึงต้องทำอะไรให้ยาก

Cause my love is all I have to give ... Cause without you I don't think I can live


เมื่อเขามีชีวิตและรู้สึกมีค่าเมื่อได้รักเธอ เมื่อเธออยู่ไม่ได้หากไม่ได้รับความรักจากเขา

ถูกแล้ว ... "ความจริง" มันก็เรียบง่ายแค่นี้ ไม่มีอะไรพิเศษ ไม่มีอะไรวิเศษ ... เพียงแค่ "เรา" ได้อยู่ด้วยกัน มันก็เท่านั้นเอง


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่