เมื่อโรงแรมดังย่านรัชดา เกิดเหตุการฝ้าพังมีผู้บาดเจ็บ แต่โรงแรมไม่ติดตามสอบถามเรื่องราว

นี่เป็นเหตุการณ์ทีเ่กิดขึ้นกับเพื่อนเรา และในวันที่เกิดเหตุไม่มีเจ้าหน้าที่โรงแรม เข้ามาเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ฝ้าพัง และเพื่อนเราได้ อนุญาต ให้เราเผยแพร่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

                เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นอุบัติเหตุที่ไม่คิดว่าจะเจอกับตัว และยังไม่ได้รับการรับผิดชอบจากเจ้าของอาคารตั้งแต่วันเกิดเหตุ
เรื่องมันมาผ่านมาเกือบ 1 เดือน ก็พยายามจะเล่าให้ครบเท่าที่ จำได้ บางอย่างก็ลืมแล้วจริง ๆ ตั้งแต่แรกไม่อยากจะทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องออกสื่อ ด้วยความเห็นใจคู่บ่าวสาว ที่ขวัญเสีย กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานแต่งของตัวเอง แต่ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงวันนี้ ยังไม่ได้รับการแสดงออกถึงความรับผิดชอบที่ทางโรงแรมพึงจะมีให้กับผู้บาดเจ็บคนอื่นๆ หรือแม้แต่ตัวเองที่รับว่าเป็นผู้บาดเจ็บที่สาหัสที่สุดในบรรดาผู้ร่วมชะตากรรม
ในภาพคือ เหตุการณ์ฝ้าพังใกล้ประตูทางเข้าห้องจัดเลี้ยงของ รร แห่งหนึ่ง ย่านรัชดา - ห้วยขวาง เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา ฝ้าบางส่วนหลุดและพังลงมาในช่วงเวลาระหว่าง 6 โมงเย็นถึง 1 ทุ่ม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่งานเลี้ยงพึ่งเริ่มแขกกำลังเดินเข้างาน โดยที่ เศษฝ้าและอื่นๆบางส่วนหลุดร่วงลงมากระแทกศรีษะแขกผู้ร่วมงาน และ ลำตัวของแขกผู้ร่วมงาน จำนวนนึงที่นั่งอยู่ใต้บริเวณฝ้าที่เกิดเหตุ
                 ส่วนตัวเรานั้นนับว่าเป็นผู้โชคดีเสมอต้นเสมอปลาย รับไปเต็มๆ กับ รางไฟนีออนยกเซ็ตบัลลาตที่ร่วงมาฟาดเข้าที่ด้านหลังของศรีษะสิ มึนสิมึนจุดนี้ จุกจนพูดไม่ออกขาสั่นตัวสั่นไปสักพัก ในวันนั้นไม่มีเจ้าหน้าที่ของทางโรงแรมยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือหรือ ปฐมพยาบาลเบื้องต้น เราและผู้บาดเจ็บต้องช่วยกันปฐมพยาบาลตัวเอง น้องที่รู้จักกันวิ่งไปคว้าผ้าเช็ดปากบนโต๊ะจีนของแขกไปหาน้ำแข็งมาให้ประคบหัวโนๆของเรา จนอาการเริ่มดีขึ้นพูดได้ ความปวดก็ถาโถมใส่ ระหว่างนั้นแม่เจ้าสาวไปตามคนของโรงแรมมาหา เซลก็แค่พูดว่าเป็นอะไรมั๊ยต้องขอโทษด้วย เซลได้แต่บอกว่าไม่เห็นผู้บาดเจ็บไม่รู้ว่ามีใครบ้าง มัวแต่ยุ่งกับการเคลียพื้นที่ ทำความสะอาดเศษฝ้า ในห้องจัดเลี้ยงเลยไม่ได้เดินหา ให้ไปหาหมอแล้วมาเบิกกับทางโรงแรม
และหลังจากนั้น นางก็ปล่อยให้ห้องนั้นใช้งานต่อด้วยการ กั้นพื้นที่แบบเปิด ในส่วนที่เสียหาย โดยมี ฝ้าบางส่วนที่หลุดยังคงห้อยอยู่บนเพดานและพร้อมจะร่วงลงมาได้ทุกเวลา และยก โต๊ะบางส่วนออกไป รวมถึง การเคลื่อนย้ายโต๊ะบางส่วนให้พ้นจากแนวเกิดเหตุ โดยไม่มีการประกาศแจ้งเตือนแขก ว่าสามารถใช้ห้องจัดเลี้ยงต่อได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ แขกบางท่านที่มาไม่ทันช่วงเหตุการณ์ยังสามารถเดินผ่านจุดเกิดเหตุเพื่อไปตักอาหารทานได้โดยไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแจ้งเตือนใดๆทั้งสิ้น
                ส่วนเราก็พยายามประคองตัวเองนั่งมึนๆ อยู่ต่อในงานจนจบพิธีการ ด้วยความเกรงใจกลัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะขวัญเสียมากไปกว่านี้ ที่มีแขกจะต้องออกจากงานไปโรงพยาบาล พยายามอยู่เท่าที่ไหว เนื่องจากหัวไม่แตก แค่หัวโนแล้วก็มึนเล็กน้อยในระดับที่พอประคองสติสตังตัวเองทำอะไรก็ได้แบบ "สล็อต!!" และหวาดระแวงว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก โดยพยายามมองขึ้นไปดูบนเพดานและชำเลืองมอง เศษชิ้นส่วนของฝ้าเรื่อยๆ ว่าจะร่วงหลุดลงมาอีกหรือไม่
               พอออกจากงานคืนนั้นเราก็เลยต้องไปหาหมอด้วยตนเอง เลยเลือกโรงพยาบาลแถวบ้าน เผื่อว่ามีเหตุการณ์ที่ต้องเดินทางมาพบแพทย์จะได้สะดวกกับการเดินทาง หลังจากจบกระบวนการ X-ray และ ct scan ทำให้รู้ตัวว่า มีความมึนใช้ได้ในระดับนึงทีเดียว ตอนเดินกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้า ถึงได้สติว่า เราเอาแต่เสื้อไปเก็บ locker แต่ทิ้ง Accessories ทุกชิ้นไว้ในห้องแต่งตัว จะเปิดตู้ locker ก็ลืมกุญแจวางไว้ห้อง x-ray ห้องไหนก็ไม่รู้จำไม่ได้ สติสตังไม่สมประกอบเลยทีเดียว
            และวันรุ่งขึ้น ความงงชีวิตก็ยังดำเนินต่อไป ลืมตาตื่นขึ้นมาตอนเช้า มานั่งมึนคุยกับตัวเองว่า ที่นี่ที่ไหน ตื่นมาทำไม วันนี้วันอะไร แล้วต้องทำยังอะไร นั่งจูนสมองตัวเองสักพัก พอระลึกได้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็เริ่มภาระกิจของวันใหม่ (โดยที่อาการเพี้ยนๆแบบนี้ยังคงอยู่กับตัวไปอีก เกือบสัปดาห์กว่าๆ ใช้ชีวิต แบบ สล็อต slow life สุด เท่าที่เคยเป็นมา มึน ปวดหัว และ ระบบการจัดลำดับชีวิตพังพินาศ อาทิเช่น ระบบวันที่ ไม่สามารถบอกได้ว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่ ถ้ามีคนบอกว่าพรุ่งนี้ จะเข้าใจว่าเป็น มะรืนนี้ จำปี คศ เป็น 2017 / ลืมชื่อคุณหมอประจำตัวที่รักษาอาการไทรอยด์ชนิดที่ว่าเจอหน้ากันทุก 3 เดือนมาเป็นเวลา 3-4 ปี แบบ 100% ไม่สามารถบอกชื่อหมอได้ตอนไปพบแพทย์ / ตอนแต่งหน้า หยิบเอาแป้งพัฟทาหน้า แล้วค่อยทารองพื้น จากนั้นนึกขึ้นได้ ลืมทาครีม ทั้งๆที่ทำแบบนี้ทุกเช้า บางวัน ก็ ทาลิปติกแล้วเอารองพื้นทาทับ ......พูดได้เลยว่า รำคาญตัวเอง จนหงุดหงิดถึงขีดสุด เรื่องปกติที่ชีวิตประจำวันต้องทำอยู่พัง ระดับ 7 จนต้องลากตัวเองไป หาหมอเพิ่มอีกครั้ง ซึ่งคุณหมอ ชี้แจงมาว่า เดี๋ยวก็เข้าที่เข้าทาง อาการแบบนี้ เกิดจาก ความตกใจ และมีความเครียดเข้ามา ทำให้ การจัดลำดับของเรา รวนไปบ้าง ให้เราพยายามอดทนแล้วปรับด้วยตัวเอง ถ้าไม่ไหวจะจ่ายยาให้ ด้วยความไม่อยากทานยาเพิ่ม เลยพยายามทน เป็น สล็อต แล้วดำเนินชีวิตแบบ slow ต่อไป จนเข้าที่เข้าทาง )
                 สักพัก ทางเจ้าของงานก็ติดต่อมาเพื่อส่งเอกสารทางการแพทย์ให้กับทางโรงแรม แต่ด้วยว่า วันนี้ คุณหมอนัดเข้าไป follow up อีก 1 ครั้งกับคุณหมอเฉพาะทางทางสมองโดยตรง เลยยังให้ข้อมูลกับทางเข้าของงานไม่ได้ เนื่องจากไม่สะดวก หลังจากที่ได้รับผลตรวจอีกครั้ง เลยตัดสินใจก็ไปลงบันทึกประจำวันไว้ แล้วเหตุการณ์ก็เป็นไปตามความคาดหมายคือ ไม่มีการตอบรับใดๆทั้งสิ้นจากโรงแรมอีกเลยตั้งแต่ วันเกิดเหตุ จึงได้สอบถามทางเจ้าของงานถึงความคืบหน้า ทางเจ้าของงานก็ชี้แจงว่าทางโรงแรมจะให้คำตอบในวันจันทร์ที่ 23 พค 2559
                เมื่อถึงวันจันทร์ รอจนเที่ยงก็ไม่มีคำตอบ จึงโทรกลับไปที่โรงแรม ขอเรียนสายผู้จัดการโรงแรม น้องที่รับสายตะโกนเรียกผู้ชาย 1 คน ที่อ้างตัวเป็นผู้จัดการโรงแรมมารับสาย ฟังเรื่องราวแว็บเดียวแล้วก็ตัดบทว่า ก็เดี๋ยวให้ ทางเซลติดต่อไป ทางเจ้าบ่าวเจ้าสาวเค้าก็ยังไม่จบเรื่องนิ อืม.....เราก็ชี้แจงไปว่า ไม่ต้องการคุยกับเซล จำเป็นต้องขอคุยกับคนที่มีอำนาจการตัดสินใจ ผู้ชายคนนี้ก็ยังคงบอกให้รอเซลติดต่อมา เลยต้องจำใจวางสาย แล้วรอทางเซลติดต่อมา ผ่านไปสักพักเซลโทรมาสอบถาม แล้วก็พูดขอความเข้าใจว่า ทางทีมบริหารไม่มีใครอยู่เนื่องจากเป็นวันหยุดยา่ว ให้รอหน่อยเลยต่อว่าไปชุดใหญ่
                เซล: นางก็ชี้แจงว่าไม่รู้เลยจริงๆว่ามีใครบ้าง พี่ไม่เจอใครเลยนอกจากคุณ
                เรา: พูดกับนางไปว่าก็แน่สิคะพี่จะเจอใครในเมื่อพี่ไม่เดินตามหาใครเลย ขนาดพี่เจอหนู พี่ยังไม่แม้แต่จะขอชื่อ และข้อมูลการติดต่อ ไว้ติดต่อสอบถามความคืบหน้าใดๆทั้งสิ้น จนหนูต้องโทรมาเอง แล้วพี่มาบอกให้หนูไปหาหมอมาเบิกโรงแรม พี่จะรู้ได้ยังไงว่าหนูคือใครมาแอบอ้างเบิกพี่หรือไม่ ถ้าพี่ไม่เจอหน้าหนูพี่จะอ้างแบบนี้ได้ใช่หรือไม่ หนูต้องการคคุยกับทางผู้บริหารที่มีอำนาจการตัดสินใจ ไม่ใช่พี่ เพราะคุยกับพี่ พี่ก็ตัดสินใจไม่ได้ และต้องการพบเจอ มากกว่าการพูดทางโทรศัพท์ช่วยประสานงานภายใน สิ้นสัปดาห์นี้ (27 พค 2559) (และถึงวันที่ 27 พค ก็ไม่มีใครติดต่อมาตามความคาดหมาย)
ผ่านไปสักพักในวันเดียวกัน มีผู้หญิง 1 ท่านโทรกลับมา อ้างตัวเป็น ผู้จักการฝ่ายขาย หัวหน้าของเซลท่านนั้น โทรมาแสดงความขอโทษและบอกว่าพี่รู้ว่าสายเกินไปที่โทรมาตอนนี้ แต่ต้องการทราบความต้องการว่าทางเราจะเรียกร้องค่าเสียหายอะไรบ้าง จะได้เรียนชี้แจงและทำเรื่องส่งให้คณะกรรมการพิจารณา และขอความเห็นใจว่าทางโรงแรมไม่เคยเกิดเหตุการณ์ในรูปแบบนี้ ต้องขอเวลาในการหาทางแก้ไข ก็คุยกันอยู่นานพอสมควร ถึงข้อเรียกร้อง ซึ่งก็ขอไปตามความจริงว่า ขอค่ารักษาพยาบาลตามจริง และ ค่าทำขวัญตามที่ทางโรงแรมเห็นสมควรว่าควรจะให้ เนื่องจากทางเราไม่สามารถประเมินค่าชีวิตว่ามีมูลค่าเท่าไหร่ ทั้งนี้ต้องการเห็นถึงน้ำใจของทางโรงแรมที่พึงมีให้ เนื่องจากตั้งแต่แรกเกิดเหตุทางโรงแรมไม่มีการแสดงออกใดๆ ที่สื่อให้เห็นถึงความสำคัญของชีวิตลูกค้า จึงจำเป็นต้องเรียกร้องแบบนี้ รวมไปถึง การชดเชยให้กับแฟนที่เป็นผู้บาดเจ็บที่ไม่ได้พบแพทย์ เนื่องจากบาดแผลเล็กน้อยเป็นแผลสด ที่เกิดจากเศษฝ้าร่วงจากที่สูงกระแทกเข้าที่หน้าแข้งจน เนื้อหลุดถลอกเป็นทางยาว และต้องการพบผู้บริหารเพื่อเจรจาภายในวันที่ 27 พค 2559 โดยที่ทางเรายินดี เดินทางไปพบที่โรงแรม และยังได้ชี้แจงกับ เจ้าหน้าที่ท่านนั้นไปว่า ทางเรามิได้ต้องการที่จะเรียกร้องเป็นมูลค่าเงินใดๆจากทางโรงแรม ถ้ามีจัดการและรับมือกับปัญหานี้ ตั้งแต่วินาทีแรกที่เกิดเหตุด้วยการแสดงออก ถึงความใส่ใจหวงใยในชีวิตของผู้บาดเจ็บ อาทิเช่น การปฐมพยาบาลเบื้องต้น มีความกระตือรือร้นที่จะให้การช่วยเหลือ นำผู้บาดเจ็บไปพบแพทย์ หรือ ขอรายละเอียดของผู้บาดเจ็บไว้ติดต่อสอบถามอาการและความคืบหน้าของผลการรักษา หรืออื่นๆที่พึงกระทำเป็นความใส่ใจ มากกว่า การที่จะมาชี้แจงว่า ไม่มีเจตนาที่จะก่อให้เกิดเหตุการณ์สุดวิสัยเช่นนี้
              ส่วนในวันรุ่งขึ้นมีโทรติดตามผล แต่ไม่มีการให้คำตอบใดๆถึงการเข้าพบผู้บริหาร แล้วก็เงียบหายไป จึงได้ปรึกษากับทนายความแล้วรวมกลุ่มกับผู้เสียหายท่านอื่นๆไปลงบันทึกประจำวันเพิ่มเติม และได้มีการรวมเอกสารส่งมอบให้กับทางโรงแรม โดยยื่นเงื่อนไขการให้ระยะเวลาถึงวันนี้ 8 มิถุนายน 2559
              เมื่อถึงวันนี้ 8 มิถุนายน 2559 ทางโรงแรมได้ติดต่อผ่านทางทนายความ ขอยืดระยะเวลาไปอีกเพื่อนัดคุยกับทางทีมผู้บริหาร ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อหาข้อสรุป
              ทางเราจึงมีความเห็นว่า เนื่องจากทางโรงแรม ไม่สามารถให้คำตอบได้ และทางเราก็ได้ให้ระยะเวลาในการหารือเป็นการภายในของโรงแรม รวมทั้งส่งมอบหลักฐานทางการแพทย์ให้กับทางโรงแรมมาในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งถือว่านานพอสมควรแล้ว ความอดทนและการรอคอยถือว่าเป็นอันสิ้นสุด จากนี้ไปจะขอดำเนินคดีกับทางโรงแรมและนำเรื่องราวมาบอกต่อให้ ทุกท่านได้ทราบโดยทั่วกัน เป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้พึงระวังภัยที่อาจะเกิดขึ้นได้หากอยู่ใน อาคารที่ก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน

             นี่คือรูปจากที่เกิดเหตุ




นี่หรือคือมาตรฐานโรงแรมไทย และการแก้ปัญหาและช่วยเหลือเบื้องต้น

** แก้ไขตัวสะกด บางคำ โดยเจ้าของเรื่อง**
** เจ้าของเรื่อง ผู้บาดเจ็บ ไม่อยากให้เพื่อนสมาชิกพาดพิงถึง รร ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นะคะ ขอเป็นการให้กำลังใจ แนะนำแนวทางในการจัดการกับเรื่องดีกว่านะคะ  ***
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่