ในชีวิตคนเรา จะมีสักกี่คนที่โชคดีเจอคนที่ใช่และรักกันไปตลอดตั้งแต่ครั้งแรก
จขกท.จึงอยากร่วมแชร์ประสบการณ์ มุมมอง สิ่งที่เพื่อนๆได้เรียนรู้จากความรักที่ผ่านมา หรือครั้งปัจจุบัน
เพื่อเป็นเหมือนคำสอน คำแนะนำหากใครต้องตกอยู่ในสถานการณ์นั้นๆ มาร่วมแชร์กันนะคะ
ส่วนของจขกท. เคยมีแฟนมา 4 คนค่ะ คนปัจจุบันเป็นคนที่ 4 เพิ่งคบกันไม่นาน แต่ละคนมาในแต่ละช่วงอายุ
คนแรกสมัยม.ต้น [นาย A] คบประมาณเก้าเดือน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แต่เขาเป็นผู้ชายที่ออกสาวและเพื่อนสาวเยอะ แต่ทุกคนเป็นแค่เพื่อน มีแค่คนเดียวที่ดูมีเรื่องราว เพราะมีแฟน
และแฟนเขาไม่ชอบแฟนเรามากๆ เลยทำให้สองคนนี้ที่สนิทกัน ต้องมาแอบเจอ แอบคุย เพราะแฟนฝ่ายหญิง
ตอนแรกเราโอเค แต่ไปๆมาๆเริ่มไม่สบายใจ มีเหตุการณ์ที่สุดๆก็ตอนนัดดูหนังกัน เขาพาน้องสาว พาเพื่อนๆมาเราเข้าใจ
แต่เขาโทรนัดเพื่อนสนิทคนนั้นมาด้วย โดยไม่บอกเรา และด้วยความสนิทและดีใจ ก็กอดทักทายกันกลางห้าง
แต่เราไม่ได้เห็นกับตานะคะ เราฟังจากเพื่อนมาอีกที แต่แค่เห็นตอนเขาเจอกันและดูดีใจกว่าตอนเจอเรามากๆ ก็เจ็บแล้ว
จนต่อมาเจอแฟนคนที่สอง [นาย B] ซึ่งเป็นเพื่อนห้องเดียวกัน เข้ามาจีบ ตอนนั้นด้วยความที่ยังเด็กและเหตุการณ์ต่างๆ
จึงหวั่นไหวบ้าง ซึ่งหลังจากนั้นเพื่อนๆของแฟนเรา สังเกตุเห็นและบอกแฟนเราว่า นาย B มาจีบ ตอนนั้นก็นัดเคลียร์
แต่สุดท้ายเราเลือกที่จะเลิกเพราะเราคงแก้เขาไม่ได้ แต่ยังไม่ตกลงคบกับ นาย B ค่ะ อยากดูกันไปก่อน แต่เชื่อไหมว่า...
หลังจากนั้น โดนแบนจากผู้หญิงทั้งห้อง ทั้งไม่คุย ไม่ทานข้าวด้วย ไม่ให้เข้ากลุ่มรายงาน ตอนนั้นเหลือแค่เรา
เพื่อนผู้ชายคนอื่นๆ และเพื่อนสนิทผู้หญิงหนึ่งคน หลังจากนั้น เรื่องราวผ่านไป ทุกคนโตขึ้น อาจจะมีมุมมองที่เปลี่ยนไป
นาย A ต่อม.ปลายที่อื่น และเพื่อนๆก็กลับมาคุย แต่เราว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็ดีแล้ว เราไม่ขอกลับไปแก้ไขอะไร
เราได้เรียนรู้การพึ่งพาตนเอง การไม่เก็บเรื่องราวคนอื่นมาคิดมาก ได้รู้ว่ามิตรแท้เพียงน้อยนิด ดีกว่ามิตรเทียมมหาศาล
เราไม่สามารถเป็นที่ชื่นชอบของทุกๆคนได้ และการไม่เป็นตัวของตัวเองเพราะคนอื่นมันไม่คุ้มกันเลย บางอย่างที่ไม่ดีจริง
เราก็ปรับ แต่บางอย่างที่ไม่ใช่ความผิดเรา เราไม่แก้ตัว ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย และเวลารักษาทุกอย่างจริงๆ
คนที่สองสมัยม.ปลาย [นาย B] คบประมาณสี่ปี เป็นเพื่อนร่วมห้อง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หลังจากเลิกกับ [นาย A] เราก็ได้คุยและได้ทำความรู้จักกับ [นาย B] มากขึ้น จนตกลงคบกัน
เราคบกันมาโดยดี และแทบจะตัวติดกันเลยก็ว่าได้ แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อตอนที่เรารู้สึกว่าเราเริ่มห่างเหินจากเพื่อนสนิทเรา
เราเลยบอกเขาว่าเราอยากให้ห่างกันมากขึ้น ให้ต่างฝ่ายต่างได้อยู่กับเพื่อน ซึ่งหลังจากนั้นเราไปค่ายแลกเปลี่ยนเยาวชนที่ ตปท.
หนึ่งอาทิตย์ พอกลับมา...เรื่องราวต่างๆก็เกิด เขาทำตามคำแนะนำเราและอยู่กับเพื่อนๆมากขึ้น จนมีเพื่อนคนหนึ่งเป็นไอดอล
เพราะเพื่อนคนนั้นป๊อป รู้จักคนเยอะๆ สาวๆชอบ เขาเลยอยากมีเพื่อนเยอะแบบนั้นบ้าง จากเดิมที่เขาติดเรา เขาก็ติดเพื่อนมากขึ้น
และไปเที่ยวกับเพื่อน ดื่มเหล้า อะไรก็ว่าไปมากขึ้น มีเรื่องชกต้อยจากที่ไม่มีเลย แต่เพราะวัยนั้นเป็นวัยที่คึกคะนอง เขาก็ดูแฮปปี้ดี
แต่เราก็ยังไปไหนมาไหน กลับบ้านด้วยกันเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเรื่องสาวๆที่เริ่มเข้ามา และเริ่มมาเข้าหูมากขึ้น แต่จุดพึคคือม.6
ช่วงเวลาแห่งการเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย เขาไปเรียนกวดวิชา ทุกเย็น ทำให้ไม่ได้กลับบ้านด้วยกันเพราะเลิกเรียนปุ๊ปต้องไปเรียนเลย
และเขามาพอดีเริ่มเรียนทุกวัน ประกอบกับไม่ได้ทานข้าวด้วยกันแล้ว ทำให้มีโอกาสเจอเฉพาะเวลาที่นัดเจอกันเสาร์ อาทิตย์ ซึ่งไม่บ่อย
ไม่อย่างนั้นคือไม่ได้เจอ เราไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรที่ไหนอย่างไร ได้ยิน ได้เห็นแต่เรื่องสาวๆ สมัยนั้น hi5 กำลังฮิตเลย ตอนนั้น...
มีน้องม.ต้นสองคนแอด hi5 มาแต่เราไม่ได้สนใจ วันหนึ่งมีคนทักมาบน msn ไม่แน่ใจว่าเอาเมลล์มาจากไหน เขาถามเรื่องเรากับแฟนเรา
เจอกันบ้างไหม อยู่ห่างกันไม่คิดถึง ไม่เป็นไรหรอ ฯลฯ เราตามสืบจนรู้ว่านางคือคนที่แอด hi5 เรามา และคงสนใจแฟนเราเลยตามสืบ
เราก็ตอบแบบนางเอกไปว่า ถึงห่างไกลแต่เชื่อใจและก็หาเวลาให้กันได้ และก็ไม่ได้คุยกันอีกหลังจากนั้น ช่วงนั้นเพื่อนๆยุให้บอกเลิก
เราทบทวนเรื่องราว กลับมาคิดมากมาย ช่วงนั้นฟังเพลงอกหักเป็นอินมาก สุดท้ายเราบอกเขาว่า ถ้าไม่มาเจอกันกลางวันนี้ เราเลิกกัน
ซึ่งสุดท้าย เขาไม่มา เพราะไปเอาทรานสคริป เราก็เลยเลิกกัน ง่ายไหม ฮ่าๆๆ เพราะเราแค่รู้สึกว่า เวลาพักเที่ยงนานอยู่ มือถือก็มี
แต่เขาไม่มา ไม่ตอบ ไม่บอก และสุดท้ายมาขอคืนดีหลังจากที่เราขึ้นปีหนึ่งและกำลังเริ่มคุยๆกับคนใหม่ [นาย C] ซึ่ง...สายไปไหม
แต่เราก็กลับมาคุย และเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ณ ปัจจุบัน และมันก็บอกว่าตอนนั้นมันเสียใจมาก มันไม่ได้นอกใจเลย แต่เราเข้าใจผิด
คงเพราะสื่อสารกันน้อยไป ทำให้การกระทำกลายเป็นตัวตัดสิน
เราได้เรียนรู้ว่า บางอย่าง ทำได้เฉพาะบางเวลา เมื่อเวลาล่วงเลยมันก็สายไปแล้ว ถ้ารักเขา อยากคืนดี เรารอเวลาไม่ได้หรอก
การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญในความรัก ยิ่งไกลต้องยิ่งใกล้ ความมั่นใจและความเชื่อใจ มันเป็นของคู่กัน ถ้าเรามั่นใจในกันและกัน
เราจะเชื่อใจ
คนที่สาม สมัยมหาวิทยาลัย คบเกือบหนึ่งปี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เริ่มจากการที่เขามาจีบเราก่อน และด้วยความที่เขาใจดี เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน เราเลยคิดว่าเขาน่าจะโอเค เลยตกลงคบกัน
พี่เขาใจดีจริง มาสายเปมาก เลี้ยงข้าว ซื้อของ รับส่ง ทุกอย่างดีมาก จุดเปลี่ยนอาจจะเริ่มจากการที่หลังจากที่ได้เรียนรู้นิสัยกันมากขึ้น
ก็พบว่าบางอย่างไม่ใช่ ด้วยความที่เราไม่ใช่สาวหวาน เรียบร้อย เวลาเราอยู่กับเพื่อนเราก็จะตามสภาพ ไม่ได้เรียบร้อยมากอะไร
ประกอบกับการที่เขาไม่ชอบเพื่อนเราเพราะชื่อเสียงเพื่อนเราไม่ดี ทั้งๆที่ไม่ได้มีการพิสูจน์ แต่ฟังๆเขามา เราจึงเริ่มรู้สึกว่า น่าจะไม่รอด
แต่จุดที่ทำให้ตัดสินใจบอกเลิกคือ เขาบังคับให้เราทำในสิ่งที่เราไม่อยากทำ แต่พอไม่ทำ ก็หงุดหงิดใส่ เราเลยรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้...
รักเราจริงหรอ สุดท้ายหลังจากนั้นก็บอกเลิก
รักครั้งนี้สอนให้รู้ว่า อย่ามั่นใจมากถ้ายังไม่ได้เห็นเขาทุกมุม ทุกคนย่อมมีมุมมืด มุมสว่าง "คนดี" อาจจะไม่ได้ดีเสมอไป ถ้ามันใช่ มันก็ใช่
อย่าฝืนทำ ถ้ามันฝืนใจ อย่ารักเขามากกว่ารักตัวเอง ความรักมันไม่ใช่เรื่องที่ต้องฝืน
คนที่สี่ วัย first jobber คบเกือบห้าปี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หลังจากที่เลิกกับรุ่นพี่ เราก็คบกับเพื่อนสนิทเราซึ่งได้เรารู้สึกว่าเราชอบนิสัยจริงจัง ความรับผิดชอบสูง เป็นที่พึ่งของเพื่อน
ตอนนั้นเริ่มจากเราชอบเขาก่อน แต่เขาก็ตกลงคบเรา คบกันมานาน รักกันดี จนกระทั่งเริ่มทำงาน จากตอนสมัยมหาวิทยาลัย
เราอยู่หอ กลับดึก เที่ยวนู่นนี่ได้สะดวก เราก็ย้ายกลับมาบ้าน กลับดึกไม่ได้ เที่ยวไม่สะดวกเพราะเหนื่อยกับงาน และเดินทางลำบาก
จากปกติเจอทุกอาทิตย์ เหลือเดือนละครั้งสองครั้ง ตอนนั้นเราว่าเราโอเค เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ต้องไลน์คุย โทรหา ไปเที่ยวด้วยกันก็ได้
ตอนนั้นเป็น routine มากว่า ตอนเช้าเขาจะส่งไลน์มาทักทาย แล้วอีกทีก็ตอนเย็นส่งมาถามว่า อยู่ไหน ถ้าไม่ต้องก็จะโทรมาบ้าง
และส่งมาลาไปนอน แค่นั้น ถ้านัดเจอคือวันเสาร์ ไปเดินสยาม หาไรกิน แล้วกลับ จนแม่เรายังแปลกใจทำไมกลับเร็ว ความรู้สึกตอนนั้นคือ
เจอก็ได้ ไม่เจอก็ได้ คุยก็ได้ไม่คุยก็ได้ หายไปทั้งวันก็ไม่ได้คิดถึง เพราะคิดว่า เออ...มันก็นะ ความรักแบบผู้ใหญ่
มีคนเข้ามาคุยก็รู้สึกแปลกใหม่ดี แต่ไม่ได้อะไร อย่างมากคือแอบปลื้มคนที่ทำงานเพื่อให้แลดูมีชีวิต ฮ่าๆ แต่เราก็เริ่มคิดและรู้สึกตัว
เวลาเล่าให้ใครฟัง หรือเวลาดูใครต่อใครว่า มันปกติหรอ เรารู้สึกยังไง เลยรู้สึกว่า เราก็จะเข้าสู่วัยที่ต้องแต่งงานแล้ว เราจะมาคบไปวันๆไม่ได้
ไม่ใช่เขาไม่ดีหรือไม่พร้อม เขารักเรามาก พร้อมแต่ง อยากแต่งกับเราเลยแหละ แต่นิสัยบางอย่าง เช่นการที่เขาเป็นคนจริงจัง แถตรง
รับผิดชอบสูง ที่เคยชอบจึงคบเป็นแฟน ตอนนี้กลายเป็นสิ่งที่ทำให้ไม่สามารถ แต่งงาน ได้ เพราะเราคงทนไม่ไหวและทะเลาะกันแน่ๆ
เราเคยถึงขั้นบอกเขาว่า เราจะไม่แต่งงานนะ คบกันเป็นแฟนไปเรื่อยๆได้ แต่ไม่แต่งงาน เพราะตอนนั้นเราอยากให้เขาบอกเลิกเรา
แต่สุดท้ายเราตัดสินใจบอกเลิกเอง เพราะไม่อยากเสียเวลาเขาไปมากกว่านี้ เขาค้นพบและรู้สิ่งที่เขาต้องการในชีวิตแล้ว แต่เรายัง
เราคิดว่าตอนนี้ไม่ใช่จุดที่จะมาเสียเวลากับสิ่งที่ยังไงก็ไม่ใช่ สุดท้ายก็เลิกกัน เขาเป็นคนไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น ไม่ก้มหัวให้ใคร
เขาเลยไม่ยื้อ และปล่อยเราไป ไม่แสดงความเสียใจใดๆ แต่ผ่านไปสองเดือน เขาก็มาขอคืนดี เรายอมรับว่าเราลังเล ยังใจหายเล็กๆเวลาเจอ
แต่เราเชื่อว่าเราตัดสินใจถูกแล้ว เพราะเราคิดมานาน นานมากๆ ก่อนที่เราจะตัดสินใจบอกเลิกเขาไป
รักครั้งนี้สอนให้รู้ว่า อะไรที่เหมือนจะโอเค อาจจะไม่โอเค เช่น การห่างไกลกัน ต่อให้ไม่มีเวลา ควรจะหาเวลาให้กัน
และปัญหาเล็กๆตอนนี้ อาจจะเป็นปัญหาที่ใหญ่ และปัญหาหลักในอนาคตได้ มีอะไรต้องรีบเคลียร์ ถ้าหากรู้ว่าจิตใจเปลี่ยน ต้องรีบบอก
ถ้ายังอยากรักกันอยู่ และต่อให้เลิกกันแล้ว เราก็ยังมีความรู้สึกดีๆ ห่วงใย ให้ได้ แค่อาจจะไม่ใช่แบบคนรักกันเท่านั้นเอง และต้องชัดเจน
ไม่ให้ความหวัง มันไม่แฟร์ต่อใครทั้งนั้น
ตอนนี้ก็เพิ่งเริ่มต้นบทใหม่กับคนปัจจุบัน เป็นรุ่นน้องสองปี ไม่รู้ว่าสิ่งต่างๆที่ได้เรียนรู้จากความรักที่ผ่านมานั้นจะช่วยอะไรเราได้ไหม
แต่จะพยายามประคับประคองให้ได้นานที่สุด
ความรักแต่ละช่วงมีอุปสรรคไม่เหมือนกัน ทั้งสภาพจิตใจ และสถานการณ์ตอนนั้น
ยังไงทุกคนก็จะผ่านมันไปได้ แค่เราเข้าใจ และมีสติ รู้ตัวว่ากำลังทำอะไร
แล้วเพื่อนๆละคะ ความรักสอนอะไรมาบ้าง : )
ความรักที่ผ่านมาสอนอะไรเพื่อนๆกันบ้างคะ
จขกท.จึงอยากร่วมแชร์ประสบการณ์ มุมมอง สิ่งที่เพื่อนๆได้เรียนรู้จากความรักที่ผ่านมา หรือครั้งปัจจุบัน
เพื่อเป็นเหมือนคำสอน คำแนะนำหากใครต้องตกอยู่ในสถานการณ์นั้นๆ มาร่วมแชร์กันนะคะ
ส่วนของจขกท. เคยมีแฟนมา 4 คนค่ะ คนปัจจุบันเป็นคนที่ 4 เพิ่งคบกันไม่นาน แต่ละคนมาในแต่ละช่วงอายุ
คนแรกสมัยม.ต้น [นาย A] คบประมาณเก้าเดือน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราได้เรียนรู้การพึ่งพาตนเอง การไม่เก็บเรื่องราวคนอื่นมาคิดมาก ได้รู้ว่ามิตรแท้เพียงน้อยนิด ดีกว่ามิตรเทียมมหาศาล
เราไม่สามารถเป็นที่ชื่นชอบของทุกๆคนได้ และการไม่เป็นตัวของตัวเองเพราะคนอื่นมันไม่คุ้มกันเลย บางอย่างที่ไม่ดีจริง
เราก็ปรับ แต่บางอย่างที่ไม่ใช่ความผิดเรา เราไม่แก้ตัว ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย และเวลารักษาทุกอย่างจริงๆ
คนที่สองสมัยม.ปลาย [นาย B] คบประมาณสี่ปี เป็นเพื่อนร่วมห้อง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราได้เรียนรู้ว่า บางอย่าง ทำได้เฉพาะบางเวลา เมื่อเวลาล่วงเลยมันก็สายไปแล้ว ถ้ารักเขา อยากคืนดี เรารอเวลาไม่ได้หรอก
การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญในความรัก ยิ่งไกลต้องยิ่งใกล้ ความมั่นใจและความเชื่อใจ มันเป็นของคู่กัน ถ้าเรามั่นใจในกันและกัน
เราจะเชื่อใจ
คนที่สาม สมัยมหาวิทยาลัย คบเกือบหนึ่งปี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รักครั้งนี้สอนให้รู้ว่า อย่ามั่นใจมากถ้ายังไม่ได้เห็นเขาทุกมุม ทุกคนย่อมมีมุมมืด มุมสว่าง "คนดี" อาจจะไม่ได้ดีเสมอไป ถ้ามันใช่ มันก็ใช่
อย่าฝืนทำ ถ้ามันฝืนใจ อย่ารักเขามากกว่ารักตัวเอง ความรักมันไม่ใช่เรื่องที่ต้องฝืน
คนที่สี่ วัย first jobber คบเกือบห้าปี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รักครั้งนี้สอนให้รู้ว่า อะไรที่เหมือนจะโอเค อาจจะไม่โอเค เช่น การห่างไกลกัน ต่อให้ไม่มีเวลา ควรจะหาเวลาให้กัน
และปัญหาเล็กๆตอนนี้ อาจจะเป็นปัญหาที่ใหญ่ และปัญหาหลักในอนาคตได้ มีอะไรต้องรีบเคลียร์ ถ้าหากรู้ว่าจิตใจเปลี่ยน ต้องรีบบอก
ถ้ายังอยากรักกันอยู่ และต่อให้เลิกกันแล้ว เราก็ยังมีความรู้สึกดีๆ ห่วงใย ให้ได้ แค่อาจจะไม่ใช่แบบคนรักกันเท่านั้นเอง และต้องชัดเจน
ไม่ให้ความหวัง มันไม่แฟร์ต่อใครทั้งนั้น
ตอนนี้ก็เพิ่งเริ่มต้นบทใหม่กับคนปัจจุบัน เป็นรุ่นน้องสองปี ไม่รู้ว่าสิ่งต่างๆที่ได้เรียนรู้จากความรักที่ผ่านมานั้นจะช่วยอะไรเราได้ไหม
แต่จะพยายามประคับประคองให้ได้นานที่สุด
ความรักแต่ละช่วงมีอุปสรรคไม่เหมือนกัน ทั้งสภาพจิตใจ และสถานการณ์ตอนนั้น
ยังไงทุกคนก็จะผ่านมันไปได้ แค่เราเข้าใจ และมีสติ รู้ตัวว่ากำลังทำอะไร
แล้วเพื่อนๆละคะ ความรักสอนอะไรมาบ้าง : )