สวัสดีค่ะ ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงแต่รู้สึกแย่มาก ๆ เลยค่ะ
อาจจะดูไร้สาระที่ทะเลาะกับเพื่อน แล้วต้องมานั่งเสียใจเอง
ตอนนี้ได้แต่ถามตัวเองว่าผิดตรงไหน เราผิดจริง ๆ หรอ
เกริ่นก่อนนะคะว่า ตอนนี้เรียนอยู่ปี 4 เหมือนอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงอะไรหลาย ๆ อย่าง
ไม่รู้ว่าเราเป็นคนที่เหมือนเดิม แต่เพื่อนเปลี่ยนไป หรือเราเป็นคนที่คิดมากไปเองคนเดียวก็ได้
อย่างที่รู้กันว่าปี 4 ก็เป็นช่วงที่อาจจะเรียนหนัก สำหรับบางคน แต่บางคน ก็อาจจะเรียนแบบสบาย ๆ
แต่สำหรับปี 4 ของเราอาจจะเรียนหนักมาก ๆ เพราะต้องทำวิจัย ซึ่งเป็นงานเดี่ยว
เราทำวิจัยพร้อมกับเพื่อนตั้งแต่เทอม 1 จนถึงเทอม 2 คืองานวิจัยของเราก็ไม่ค่อยคืบหน้าเท่าไหร่
อาจจะด้วย อ.ที่ปรึกษาที่ค่อนข้างจู้จี้ คิดว่าเป็นเรื่องราวที่ดีไปละกัน
แต่บางครั้งเวลาที่เพื่อนมาปรึกษาอ. บางทีก็ไม่ชวนเรา ทั้ง ๆ ที่เราเป็นฝ่ายชวนเพื่อนเสมอ
ตรงนี้เพื่อนอาจจะไม่อะไรก็ได้ อาจจะไม่อยากรอนาน เพราะต้องต่อคิวคุยกับอ.
แต่เราก็รู้สึกว่าเพื่อนทำอย่างนี้หลายครั้ง ก็พยายามไม่คิดว่าเพื่อนจะซุ่มหรอก เพราะยังไงก็ต่างคนต่างทำ หัวข้อไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
จนถึงเทอม 2 งานของเรากับเพื่อนก็เหมือนกับจะก้าวหน้าไปนิดนึง
ประกอบกับมีงานที่นึงเปิดรับสมัคร ซึ่งเราอยากทำงานที่นี้มาก ๆ เพื่อนเราก็รู้สึกได้
เราก็ชวนเพื่อนไปสมัครงานที่นี้ด้วยกัน แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้งานนี้ แต่เพื่อนเราได้
แวบแรกถามว่าอิจฉาเพื่อนไหม ตอบตรง ๆ เลยว่า อิจฉา
คือไงอ่ะเราเป็นคนชวน เป็นคนโทรไปถามรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อนแค่เหมือนไปเป็นเพื่อนเฉย ๆ แต่กลับได้งาน
เราก็รู้สึกแย่นะที่คิดอิจฉาเพื่อน เราก็ห้ามความรู้สึกนี้ไม่ได้อ่ะ
แต่ความเป็นเพื่อนก็มีมากกว่า เราก็ทบทวนตัวเองว่าอาจจะเป็นเพราะเราเองด้วยแหละ เค้าก็เลยไม่รับ
ซึ่งช่วงนี้เพื่อนก็พยายามนะที่จะถามว่าโกรธไหม ซึ่งเราก็บอกกับเพื่อนไปตรง ๆ ไม่โกรธหรอก แต่เคยอิจฉาบ้าง
แต่ตอนนั้นก็ยังแซวขำ ๆ กันได้อยู่นะ แต่เพื่อนก็บอกว่าจะทำงานนี้ไม่นานหรอก ไม่อยากทำอยู่แล้ว
จนถึงเวลาจะหมดเทอม2 เรื่องงานที่ไม่ได้ก็ลืมไปแล้ว ไม่ได้ใส่ใจ จนถึงวันสอบวิจัยของเรา
เราสอบไม่ผ่าน แต่เพื่อนเราสอบผ่าน ซึ่งมันก็ดูเหมือนไม่มีอะไร
แต่ก่อนที่เพื่อนเราจะได้สอบวิจัย เพื่อนเราร้องไห้เสียน้ำตาเยอะมาก ๆ เพราะเพื่อนต้องผ่านวิจัยเท่านั้น
เพราะพ่อของเพื่อนได้หางานให้เพื่อนไว้แล้ว ช่วงนี้เราก็ทำหน้าที่ปลอบใจเพื่อนว่า ต้องผ่าน ๆ ไงอ.ก็ให้ผ่าน
แต่เพื่อนก็แบบฟูมฟายร้องไห้ตลอดเวลา กลัวไม่ผ่าน กลัวไม่ทันอย่างเดียว ถ้าไม่ผ่านพ่อจะมาเอาเรื่องอ.
เราก็ให้คำแนะนำเรื่องวิจัยกับเพื่อนไป ว่าลองทำงี้ ๆ นะ แต่เพื่อนก็ไม่ได้ใช่สิ่งที่เราแนะนำหรอก
จนเพื่อนผ่านได้เกรด แต่เราเกรดยังไม่ออก เพราะต้องแก้วิจัยของเราอยู่
ก็ได้คุยกับเพื่อนทางไลน์ว่า ของเพื่อนคนอื่นเป็นไงบ้าง คือเพื่อนเราค่อนข้างเหมือน สส. ที่รู้จักคนไปทั่ว แต่เราจะค่อนข้างมีโลกของเรามากกว่า
เพื่อนก็บอกว่าคนอื่นก็ยังต้องรอเกรดก่อน มีเพื่อนได้เกรดคนเดียว
แล้วเพื่อนก็พูดว่าดีนะที่ไม่ใช้คำแนะนำของเรา เพราะงั้นคงไม่ผ่านแน่
ตอนแรกเราก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพื่อนก็บอกแค่ว่าที่เราแนะนำไปไม่เกี่ยว
ต้องบอกก่อนว่าสิ่งที่เราแนะนำไป เหมือนเนื้อก้อนใหญ่ แต่สิ่งที่เพื่อนใช้ได้มีแค่ 1/4
ในความคิดของเราคือ ให้เพื่อนใช้แค่ 1/4 อันนั้น ไม่ใช่เนื้อก้อนใหญ่ทั้งหมด
เพื่อนก็แนะนำเรามาว่า อะไรไม่ใช่ก็ไม่ต้องใส่มานะ
โอเค เราเข้าใจว่าเพื่อนเป็นห่วงเรา แต่ไม่รู้เพราะเป็นตัวอักษรหรือเปล่า เราถึงคิดว่าเพื่อนกำลังประชดประชันเรา
คือเรามีเซนส์อ่ะ ว่าเพื่อนกำลังประชดเราอยู่ พอเราถามเพื่อนว่าประชดอยู่หรือเปล่า
มีไรก็พูดมาตรง ๆ เลย จะด่าไรเราก็ได้ เราไม่ชอบให้มาประชด
แต่เพื่อนบอกว่าไม่ได้ประชด แค่รู้สึกว่าเราเป็นพวกคิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ ความคิดของเราคือที่สุด ใครก็ห้ามเถียง
ตอนที่เห็นข้อความนี้ รู้สึกแบบ เราเนี้ยนะ เราคิดถึงตัวเองหรอ เราเนี้ยนะ
แบบรับตัวเองไม่ได้เลยอ่ะ ตอนนั้นแบบ เฮ้ย ที่ผ่านมาคือยุ่งหรอ เราทำตัวน่ารำคาญแบบนั้นเลยหรอ
เราผิดมากเลยดิ เราเป็นฝ่ายผิดใช่ป่ะ เสียใจมาก ๆ เลย
ตอนนี้ก็คิดว่าเราเป็นฝ่ายผิดนะ เพราะเรารู้สึกแย่มาก ๆ ทั้งที่เรื่องก็แบบไม่มีไรอ่ะ
ไร้สาระมาก ๆ แต่ก็ห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ไม่รู้จะทำไงดี
ปล. ขอบคุณที่ให้ระบายค่ะ รู้สึกดีขึ้นนิดนึง ต้องกลับไปทำวิจัยต่อแล้ว
พิมผิดตรงไหนก็ขอโทษด้วยนะคะ
ใครเคยทะเลาะกับเพื่อนด้วยเรื่องไร้สาระแล้วเป็นฝ่ายเสียใจเองบ้างคะ
อาจจะดูไร้สาระที่ทะเลาะกับเพื่อน แล้วต้องมานั่งเสียใจเอง
ตอนนี้ได้แต่ถามตัวเองว่าผิดตรงไหน เราผิดจริง ๆ หรอ
เกริ่นก่อนนะคะว่า ตอนนี้เรียนอยู่ปี 4 เหมือนอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงอะไรหลาย ๆ อย่าง
ไม่รู้ว่าเราเป็นคนที่เหมือนเดิม แต่เพื่อนเปลี่ยนไป หรือเราเป็นคนที่คิดมากไปเองคนเดียวก็ได้
อย่างที่รู้กันว่าปี 4 ก็เป็นช่วงที่อาจจะเรียนหนัก สำหรับบางคน แต่บางคน ก็อาจจะเรียนแบบสบาย ๆ
แต่สำหรับปี 4 ของเราอาจจะเรียนหนักมาก ๆ เพราะต้องทำวิจัย ซึ่งเป็นงานเดี่ยว
เราทำวิจัยพร้อมกับเพื่อนตั้งแต่เทอม 1 จนถึงเทอม 2 คืองานวิจัยของเราก็ไม่ค่อยคืบหน้าเท่าไหร่
อาจจะด้วย อ.ที่ปรึกษาที่ค่อนข้างจู้จี้ คิดว่าเป็นเรื่องราวที่ดีไปละกัน
แต่บางครั้งเวลาที่เพื่อนมาปรึกษาอ. บางทีก็ไม่ชวนเรา ทั้ง ๆ ที่เราเป็นฝ่ายชวนเพื่อนเสมอ
ตรงนี้เพื่อนอาจจะไม่อะไรก็ได้ อาจจะไม่อยากรอนาน เพราะต้องต่อคิวคุยกับอ.
แต่เราก็รู้สึกว่าเพื่อนทำอย่างนี้หลายครั้ง ก็พยายามไม่คิดว่าเพื่อนจะซุ่มหรอก เพราะยังไงก็ต่างคนต่างทำ หัวข้อไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
จนถึงเทอม 2 งานของเรากับเพื่อนก็เหมือนกับจะก้าวหน้าไปนิดนึง
ประกอบกับมีงานที่นึงเปิดรับสมัคร ซึ่งเราอยากทำงานที่นี้มาก ๆ เพื่อนเราก็รู้สึกได้
เราก็ชวนเพื่อนไปสมัครงานที่นี้ด้วยกัน แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้งานนี้ แต่เพื่อนเราได้
แวบแรกถามว่าอิจฉาเพื่อนไหม ตอบตรง ๆ เลยว่า อิจฉา
คือไงอ่ะเราเป็นคนชวน เป็นคนโทรไปถามรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อนแค่เหมือนไปเป็นเพื่อนเฉย ๆ แต่กลับได้งาน
เราก็รู้สึกแย่นะที่คิดอิจฉาเพื่อน เราก็ห้ามความรู้สึกนี้ไม่ได้อ่ะ
แต่ความเป็นเพื่อนก็มีมากกว่า เราก็ทบทวนตัวเองว่าอาจจะเป็นเพราะเราเองด้วยแหละ เค้าก็เลยไม่รับ
ซึ่งช่วงนี้เพื่อนก็พยายามนะที่จะถามว่าโกรธไหม ซึ่งเราก็บอกกับเพื่อนไปตรง ๆ ไม่โกรธหรอก แต่เคยอิจฉาบ้าง
แต่ตอนนั้นก็ยังแซวขำ ๆ กันได้อยู่นะ แต่เพื่อนก็บอกว่าจะทำงานนี้ไม่นานหรอก ไม่อยากทำอยู่แล้ว
จนถึงเวลาจะหมดเทอม2 เรื่องงานที่ไม่ได้ก็ลืมไปแล้ว ไม่ได้ใส่ใจ จนถึงวันสอบวิจัยของเรา
เราสอบไม่ผ่าน แต่เพื่อนเราสอบผ่าน ซึ่งมันก็ดูเหมือนไม่มีอะไร
แต่ก่อนที่เพื่อนเราจะได้สอบวิจัย เพื่อนเราร้องไห้เสียน้ำตาเยอะมาก ๆ เพราะเพื่อนต้องผ่านวิจัยเท่านั้น
เพราะพ่อของเพื่อนได้หางานให้เพื่อนไว้แล้ว ช่วงนี้เราก็ทำหน้าที่ปลอบใจเพื่อนว่า ต้องผ่าน ๆ ไงอ.ก็ให้ผ่าน
แต่เพื่อนก็แบบฟูมฟายร้องไห้ตลอดเวลา กลัวไม่ผ่าน กลัวไม่ทันอย่างเดียว ถ้าไม่ผ่านพ่อจะมาเอาเรื่องอ.
เราก็ให้คำแนะนำเรื่องวิจัยกับเพื่อนไป ว่าลองทำงี้ ๆ นะ แต่เพื่อนก็ไม่ได้ใช่สิ่งที่เราแนะนำหรอก
จนเพื่อนผ่านได้เกรด แต่เราเกรดยังไม่ออก เพราะต้องแก้วิจัยของเราอยู่
ก็ได้คุยกับเพื่อนทางไลน์ว่า ของเพื่อนคนอื่นเป็นไงบ้าง คือเพื่อนเราค่อนข้างเหมือน สส. ที่รู้จักคนไปทั่ว แต่เราจะค่อนข้างมีโลกของเรามากกว่า
เพื่อนก็บอกว่าคนอื่นก็ยังต้องรอเกรดก่อน มีเพื่อนได้เกรดคนเดียว
แล้วเพื่อนก็พูดว่าดีนะที่ไม่ใช้คำแนะนำของเรา เพราะงั้นคงไม่ผ่านแน่
ตอนแรกเราก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพื่อนก็บอกแค่ว่าที่เราแนะนำไปไม่เกี่ยว
ต้องบอกก่อนว่าสิ่งที่เราแนะนำไป เหมือนเนื้อก้อนใหญ่ แต่สิ่งที่เพื่อนใช้ได้มีแค่ 1/4
ในความคิดของเราคือ ให้เพื่อนใช้แค่ 1/4 อันนั้น ไม่ใช่เนื้อก้อนใหญ่ทั้งหมด
เพื่อนก็แนะนำเรามาว่า อะไรไม่ใช่ก็ไม่ต้องใส่มานะ
โอเค เราเข้าใจว่าเพื่อนเป็นห่วงเรา แต่ไม่รู้เพราะเป็นตัวอักษรหรือเปล่า เราถึงคิดว่าเพื่อนกำลังประชดประชันเรา
คือเรามีเซนส์อ่ะ ว่าเพื่อนกำลังประชดเราอยู่ พอเราถามเพื่อนว่าประชดอยู่หรือเปล่า
มีไรก็พูดมาตรง ๆ เลย จะด่าไรเราก็ได้ เราไม่ชอบให้มาประชด
แต่เพื่อนบอกว่าไม่ได้ประชด แค่รู้สึกว่าเราเป็นพวกคิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ ความคิดของเราคือที่สุด ใครก็ห้ามเถียง
ตอนที่เห็นข้อความนี้ รู้สึกแบบ เราเนี้ยนะ เราคิดถึงตัวเองหรอ เราเนี้ยนะ
แบบรับตัวเองไม่ได้เลยอ่ะ ตอนนั้นแบบ เฮ้ย ที่ผ่านมาคือยุ่งหรอ เราทำตัวน่ารำคาญแบบนั้นเลยหรอ
เราผิดมากเลยดิ เราเป็นฝ่ายผิดใช่ป่ะ เสียใจมาก ๆ เลย
ตอนนี้ก็คิดว่าเราเป็นฝ่ายผิดนะ เพราะเรารู้สึกแย่มาก ๆ ทั้งที่เรื่องก็แบบไม่มีไรอ่ะ
ไร้สาระมาก ๆ แต่ก็ห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ไม่รู้จะทำไงดี
ปล. ขอบคุณที่ให้ระบายค่ะ รู้สึกดีขึ้นนิดนึง ต้องกลับไปทำวิจัยต่อแล้ว
พิมผิดตรงไหนก็ขอโทษด้วยนะคะ