ชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งที่เรียนจบมาปีกว่าๆ ฉันฉลาดรู้ แต่ไม่ฉลาดรัก

เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้

มันก็คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ฉันเรียนป.ตรี จบมา จนถึง ณ ตอนนี้ ชีวิตก็ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน

เริ่มเรื่องเลยละกัน...

หลังจากเรียนจบมา หลายๆคนคงวาดฝันว่าตัวเองต้องมีงานทำดีๆ มีเงินเดือนดีๆ พอที่จะทำให้พ่อแม่และคนในครอบครัวภาคภูมิใจ
ฉันก็เป็นคนนึงนะที่คิดแบบนี้ แต่ก็อย่างว่าเราเรียนในสิ่งที่เราไม่ได้ชอบ มันเลยฝืนๆ ที่จะต้องทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง
ถามว่าเรียนจบมาได้ยัง ก็แทบตายเหมือนกัน คณะก็ว่าเรียนยากแล้วงานยิ่งหายากถ้าไม่มีประสบการณ์
เราเลือกบริษัทได้ค่ะแต่บริษัทจะเลือกเรารึป่าวไม่รู้...

ฉันตัดสินใจไปทำงานเป็นเสมียนให้กับสำนักงานแห่งหนึ่งที่คนรู้จักพาไปฝาก พุดง่ายๆ ก็เด็กเส้น นั้นแหละ ได้เงินเดือนๆ 10,000 บาท
สำหรับชีวิตใน กทม. ก็ถือว่าน้อยนะ แต่ฉันคิดว่า ก็ยังดีกว่าอยู่เฉยๆ จึงตัดสินใจทำอยู่ประมาน 7 เดือน
มันก็มีปัญหานู้นนี่นั้นเพราะคนที่ทำงานส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย และพวกเขาก็ชอบสังคม ซึ่งเราผู้หญิงเรื่องพวกนี้เราก็พยายามเลี่ยงอยู่แล้ว

ชีวิตปกติดีค่ะเช้ามาไปทำงาน เย็นก็กลับบ้าน ลึกๆ ในใจเหงามากค่ะ เพราะไม่ค่อยมีเพื่อน ตอนเรียนมหาลัยก็เรียนอยู่ต่างจังหวัด
ยิ่งต้องกลับบ้านมาทำงานในกทม.ยิ่งเหงา ไม่มีความสุข

จนวันหนึ่ง
ที่สำนักงานได้ย้ายไปตั้งอีกที่หนึ่ง จึงต้องมีการปรับปรุงทำออฟฟิตใหม่

ฉันก็ได้เจอ...
ผู้ชายคนนึงอายุประมาณ 40 ต้นๆ ชื่อย่อ ต. อุ้มลูกสาวหน้าตาน่ารักเข้ามาในออฟฟิต เข้าพูดคุยเหมือนรู้จักกันมาก่อน
ซึ่งฉันก็งงๆ ว่าใครอ่ะ ไม่รู้จัก มารู้ทีหลังว่าเขาเป็นคนที่ออกค่าทุนให้ผู้รับเหมาทำออฟฟิต
เราก็ไม่รู้หรอกว่าเขาทำอาชีพอะไร จนเจ้าของสำนักงานแนะนำให้รู้จัก ว่าเป็นรุ่นน้องที่จักกันมานานแล้ว เพิ่งมาเจอกัน
ไปๆมาๆ เขาก็แสดงการเล่นไพ่แบบใช้วิธีโกง เราก็พยายามสังเกตว่าเขาเล่นแบบไหน

มันเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่ฉันไม่เคยเจอ และไม่คิดว่าจะเจอ ทั้งคนทั้งการแสดง

วันรุ่ง ฉันก็มาทำงานปกติ  พอเข้ามาในออฟฟิตก็เห็น ต. นั่งอยู่ในออฟฟิตทำสีหน้าเศร้าๆ
ฉันก็เลยถามเขา
ฉ : ว่าเป็นอะไรหรือป่าวค่ะ
ต : พี่โดนเมียขโมยเงินและก็พาลูกสาวหนีไปแล้ว
ฉ : เอิ่ม (พูดไรดี)
ต : พี่จะทำยังไงดีน้องหนู (ร้องไห้)
ฉันก็เลยให้คำปรึกษาต.ไป แววตาของต. ดูดีขึ้น ไม่เหมือนคนที่ร้องไห้
ประจวบกับวันนั้นหัวหน้าและพี่ที่ทำงานไปคุยกับลูกค้าข้างนอก ฉันกับต. เลยมีโอกาสได้คุยเพิ่มมากขึ้น

จนไปๆมาๆ กลายเป็นว่า ฉันกับต. คบกัน
คนที่สำนักงานรู้และไม่ได้อะไร เพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัว แต่พอนานวันกลับกลายเป็นเรื่องที่พวกเขาคุยกันเป็นเรื่องตลกเวลาที่ฉันกลับบ้าน
ถามว่าฉันรู้ได้ยังไง เพราะที่สำนักมีผู้หญิงทำงานกับฉัน เราสนิทกันและปรึกษาช่วยงานกันแทบทุกอย่าง บางครั้งก็ต้องมาโดนลูกค้าด่าด้วย
เพราะความไม่รับผิดชอบของเจ้าของสำนักงาน

เมื่อเรื่องของฉันกลายเป็นเรื่องตลกของคนในออฟฟิต ฉันจึงตัดสินใจลาออก มันจบได้ไม่ดีเพราะเรื่องที่มารู้ตอนหลังในทางเสียๆหายๆ
ฉันกับต. ก็ยังคบกัน คบกันแบบเปิดเผย ท่ามกลางเสียงคนที่พากันพูดว่า
"ไม่เหมาะสม"
"ไม่มีอนาคต"
"ดึงลงมาต่ำ"
เมื่อได้ยินแบบบนี้ฉันก็ไม่รู้สึกอะไรนะ เพราะความรักที่มีให้กัน ฉันอดทนกับคำพูดของคน
แต่ก็อายคนแถวบ้านต. กลัวเขาจะคิดว่า ฉันมาแย่งสามีของเขาหรือป่าว

พอฉันได้งานใหม่ ฉันมีเวลาอยู่กับต.เยอะขึ้น เพราะเวลางานมันไม่แน่นอน
เช้ามาฉันก็ไปหาต.ที่บ้าน พอตกเย็นเลิกงานถ้าไม่ดึกมากนะ ฉันกับต.ก็ทำกับข้าวกินกันที่บ้านต.
ฉันยอมรับว่ามีฉันมีความสุขมากๆ ต.เข้าบ้านไปเจอพ่อแม่ของฉัน พูดคุยกัน แต่ก็ไม่ได้บอกว่ามีอาชีพอะไร
ลึกๆ ฉันรู้ว่าตลอดว่า ต.เป็นอย่างไร มีเรื่องอะไรบ้าง หลายๆอย่างในชีวิตเขาฉับรับรู้แทบทั้งหมด ทั้งจากตัวต.เองและผู้ใหญ่ที่นับถือเป็นคนเล่าให้ฟัง

แต่แล้ววันนึงก็มีผู้ไม่หวังดีไปบอกไปพูดใส่สี ต. ให้แม่และคนในครอบครัวฉันฟัง
แม่ฉันโทรมา บอกให้เลิกคบกับต. เพราะต.เป็นคนเล่นการพนัน เป็นเสือผู้หญิง บลาๆ เยอะแยะมากมาย
ฉันรู้สึกแย่มาก แย่มากจริงๆ ไม่รู้จะปรึกษาใคร
ฉันรู้มาตลอดนะว่าพ่อแม่ห่วงเรื่องที่ฉันคบกับต. เพราะแม่บอกว่า ต.ไม่มีอนาคต ไม่มีความมั่นคง
ฉันไม่ได้ว่าพ่อแม่ฉันไม่ดีนะ เขาดีที่เป็นห่วงเป็นใย แต่ด้วยความที่ฉันไม่ได้รับการแสดงออกถึงความรักของพ่อแม่มาเด็กๆ
ฉันเลยไม่ได้รู้สึกว่าเขาใส่ใจฉันเท่าไร สรุปแล้วคือฉันค่อนข้างมีอคติกับพ่อแม่ในเรื่องของความรัก

แต่ฉันก็ไม่เคยใส่ใจเพราะในใจฉันรู้ทุกอย่างและเคยเจอกับตัวเอง
ฉันตัดสินใจคบกันต่อไป ต.ดูแลฉันดีทุกอย่าง รวมถึงครอบครัวฉัน
ด้วยความที่เขาเป็นผู้ใหญ่อายุมากกว่าฉันหลายปี เขาย่อมรู้ความต้องของพ่อแม่ฉันว่าต้องการอะไร
ภรรยาเก่าต.มาตามราวีจะไม่ยอมเลิก มาทุบรถ ขโมยของในบ้าน จนต.ต้องออกมาอยู่ข้างนอกสักพัก
ฉันสงสารต.มาก พ่อแม่ต.ก็เสียชีวิตหมดแล้ว พี่น้องก็ไม่มีใครอยากช่วยเหลือ
ตอนไปโรงพัก ตำรวจก็พูดนู้นพูดนี้ว่าเรื่องเกิดขึ้นอาจเป็นเพราะต.มีคนใหม่หรือป่าว
ภรรยาเก่าของต. เคยโทรตามให้ฉันไปหาบอกว่า ถ้าฉันไปหา เขาจะสิทธิ์ทุกอย่างให้ฉัน
แต่ฉันไม่ได้เพราะผู้ใหญ่เตือนไว้

จนวันนึงฉันทะเลาะกับต. ฉันกินยานอนหลับ จนเข้าโรงพยาบาล
พ่อแม่นี่แหละที่มาดู แต่ฉันก้ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะหลับ ฉันเสียใจที่เกิดเรื่องขึ้นแบบนี้ แต่พ่อแม่ก็ไม่มีใครด่าว่าอะไรฉันนะ
มีแต่ต. กับผู้ใหญ๋บางคนที่ข้ามาสอนว่าไม่ควรทำแบบนี้
แม่พ่อลุงน้าได้ตกลงกับต. ว่าปีใหม่ให้ ต. มาหมั้นฉัน ซึ่งต.ก็ตกลง แต่แม่ฉันบอกว่าถ้าได้เดือนหน้าจะดีมาก
ซึ่งต.ก็คุยกับฉันว่าแม่ของฉันเร่งรัดต.เกินไป เงินที่แม่ให้ต.ดหมั้น ต.ก็มีเก็บออมอยู่
แต่ถ้าหมั้นฉัน เงินที่เก็บออมมาทั้งชีวิตก็จะหมด แล้วเขาจะเอาที่ไหนมาเป็นทุนในการสร้างครอบครัว

ฉันยอมรับว่า ฉันเป็นคนค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเอง ไม่ค่อยแคร์ใคร
ฉันเคยทำร้ายตัวเองหลายครั้ง เวลาทะเลาะกับต.เพื่อเรียกร้องความสนใจ ซึ่งมันก็ได้ผลทุกครั้ง

จนครั้งล่าสุด
ต.อยู่ในสังคมกับเพื่อนๆ
ฉันกับต. เพราะฉันไม่อยากให้ดื่ม จนทะเลาะกันเพราะเรื่องความหึงหวง พาลไปมีเรื่องกับคนอื่น
ฉันพยายามห้ามต. บอกว่าไม่ใช่ของคนอื่น มันคือความผิดของฉัน ถ้าจะทำให้ทำฉัน
ต.ตบหน้าฉัน และถีบฉัน แต่ที่เขาทำเพราะเขาไม่มีสติ และฉันเป็นคนยุเขาเอง
วันนั้นเป็นวันที่ฉันเสียใจมากๆ


ฉันพยายามขอโทษต. กับเรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้ขามีปัญหา
ขอโทษคนที่ไม่รู้อีโน่อีเน่ที่มีเรื่องกันวันนั้น

จนสุดท้ายต.โมโหและรำคาญที่ฉันพยายามขอโทษพยายามง้อ
เขาไล่ให้ฉันออกไปจากชีวิต อย่าได้มาเจอเขาอีก
ฉันร้องไห้หนักมาก จนโทรให้แม่มารับ แม่รับรู้เรื่องทุกอย่าง
ฉันตัดสินใจไปอยู่กับยายที่ต่างจังหวัด

ยายฉันไม่รู้เรื่องอะไร แต่แกรู้ว่าฉันต้องมีเรื่องแน่ๆ ถึงได้มาอยู่กับยายแบบกระทันหัน
สุดท้ายฉันเก็บไม่ไว้ ฉันเล่าให้ยายฟังกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ยายถามฉัน
ย : ท้องมารึป่าว ถ้าท้องจะพาไปเอาออก ฉันสั่งสอนลูกหลานของคนอื่นไว้ตั้งเยอะ ฉันจะมาให้เกิดกับหลานฉันไม่ได้
ฉ : อึ้ง พูดอะไรไม่ออก รู้สึกจุกก ในใจคิดว่าทำไมยายต้องพูดแบบนี้ ยายกลัวอายคนอื่นเหรอ

หลังจากที่ฉันเล่าให้ยายฟัง ยายฉันคงเสียใจที่มันเรื่องแบบนี้ขึ้น เพราะพ่อแม่ลุงป้าน้าอาคนในครอบครัวให้ความหวังกับฉันไว้เยอะมาก
พ่อถึงขั้นโทรมา "ถ้าไม่ตัดใจจากมัน กับกูตัดกัน"

ส่วนต. เราปรับความเข้าใจกัน เขาขอโทษฉัน ที่ทำแบบนั้นพราะเขาไม่มีสติ เขาอยากขอโทษแม่ฉัน แต่ก็กลัวโดนฆ่าโดนตีเพราะทำกับฉัน

ถามว่า ฉันรู้สึกยังไง??

ฉันเสียใจนะ เสียใจมาก จนไม่อยากอยู่กับใครทั้งนั้น ทุกวันนี้ฉันคิดว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิต
ฉันไม่มีความสุขเลย ไม่รู้จะหันหน้าไปมองใคร
กินไม่ได้นอนไม่หลับ อยากหนีออกบ้านไปให้พ้นๆ

เกลียด คำว่า
"กลัวขายหน้าชาวบ้านเขา"

นึกถึงคำนี้ทีไร อยากเดินออกจากบ้าน
ออกไปใช้ชีวิตอยู่คนเดียว
ไม่ต้องมาเป็นภาระให้ใคร
ไม่ต้องให้ใครมาคาดหวัง
ไม่ต้องให้ใครมานั่งเสียใจ
ไม่ต้องมานั่งรับรู้เรื่องแย่ๆ

เบื่อกับการถูกคาดหวัง
ทำไมจะใช้ชีวิตที่ตัวเองเลือกไม่ได้
ทำเองผิดเองเลือกเอง
แล้วยังไง ฉันขอเลือกทางเดินเองไม่ได้หรือยังไง
เกลียดคำพูดแย่ๆ คำพูดที่กลัวแต่จะขายหน้าชาวบ้าน
ซ้ำเติมมันเข้าไป สุดท้ายแล้ว ฉันขอไปใช้ชีวิตคนเดียวดีกว่าไหม...

เรื่องที่เล่ามาสำหรับฉันมันแย่มาก
ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไง
แฟนฉันก็รัก ครอบครัวฉันก็รัก แต่กับพ่อเราคงไม่ได้คุยกันอีก
เพราะฉันจะไม่กลับไปบ้าน ฉันตัดสินใจมาอยู่กับยาย
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานเท่าไร เพราะฉันชอบทำงาน ฉันอยากมีเงินเก็บเยอะๆ
ฉันอยากสร้างครอบครวกับต. แต่ฉันคิดว่าครอบครัวฉันต้องไม่ยอมรับแน่ๆ

จะด่าฉันก็ตามสบายเลยค่ะ
เพราะความรักทำให้ฉันต้องเป็นต้องทำตัวแบบนี้
หากใครมีคำแนะนำก็บอกฉันได้เลยค่ะ
ฉันพร้อมรับทั้งคำด่าและคำแนะนำ


ขอบคุณมากๆค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่