น้องชายอายุ 3 ขวบกว่า "ดื้อด้าน" และ "พูดไม่รู้เรื่อง" และ "ฟังแต่ไม่สนใจอะไร" หนักมากเลยครับ

รบกวนขอคำปรึกษากับคุณพ่อคุณแม่ทั้งมือใหม่ที่เลี้ยงลูกได้ฉลุยกับเหล่าคุณพ่อคุณแม่ที่เลี้ยงลูกได้ดั่งใจนึกหน่อยครับ

คือ ผมมีน้องชายอายุ 3 ขวบกับ 10 เดือนครับ เป็นน้องคนสุดท้องที่คุณพ่อตั้มกับแฟนคนล่าสุดครับ
ตัวผมอายุ 26 มีน้องชายคนรองอายุ 24 ครับ ผมประสบปัญหากับการเลี้ยงน้องมานานจนคิดว่าตัวเองควรจะปรึกษาคนนอกสักที

ตอนนี้หนักใจ เหนื่อยใจ ท้อแท้มากครับ เพราะ น้องดื้อมาก แถมหลาย ๆ หนคือเหมือนน้องไม่สนใจอะไรรอบข้าง
แกพูดไม่รู้ฟัง แกไม่เคยฟังที่เรียก แกจะดื้อและร้องกรี้ดเวลาไม่ได้ดั่งใจ "ไม่ว่าจะกับใครในบ้าน" ก็ตามแต่
เพราะในบ้านผมมีการเลี้ยงน้องหลายแบบมาก บางคนตามใจ บางคนก็ไม่อยากตามใจแต่พอรำคาญก็จะตามใจ
บางคนถ้าพูดดี ๆ ไม่รุ้เรื่องคือเดินหนี บางคนพูดแล้วถ้าไม่ฟังคือตีแน่นอน (ผมก็คนนึง)

น้องโตมาไม่ค่อยดีครับ ตั้งแต่แกยังไม่ถึงขวบ พอดีเกิดเรื่องจนบ้านแตกทำให้พ่อผมต้องย้ายออกไปอยู่หอกับแฟน
พ่อเป็นคนไม่ทำงานครับ ตั้งแต่เด็กอยู่แบบสุขสบาย มีคนตามใจมีคนโอ๋ มีคนให้ทุกสิ่งอย่างไม่ต้องหามาเองเลย
แล้วนิสัยส่วนตัวคือเป็นคนโมโหร้าย มองโลกในแง่ลบ สามารถต่อว่าทุกคนที่ทำไม่ถูกใจเขาต่อให้ทั้งชีวิตจะให้เข้ามามากแค่ไหน
พ่อผมเป็นคนไม่ลงรอยกับพ่อตัวเอง (ปู่ผม) ตั้งแต่เด็กจนแก่เกือบ 60 ครับ ความเกลียดชังต่อกันเกินจะบรรยายให้เข้าใจกันได้

พอออกไปอยู่หอ พ่อต้องเลี้ยงน้องคนเดียวครับ แฟนทำงาน หลังจากนั้น 3 ปีที่ผ่านมาน้องผมคงจะซึมซับนิสัยของพ่อมามาก
แล้วก็บวกกับว่าถ้าร้องจะได้ดั่งใจเพราะพอพ่อรำคาญน้องก็จะได้สมใจครับ น้องเห็นการกระทำของพ่อผมมามากเหมือนกัน
ไม่ว่าจะปาข้าวของเวลาโมโห ทำร้ายตัวเอง ตะโกนเสียงดังเวลาไม่พอใจ น้องก็โดนจนมันคงจำว่าถ้าไม่พอใจต้องเสียงดัง
ทีนี้มันเป็นต้นเหตุของความหนักใจของผมในวันนี้ครับ จะขอเริ่มเล่าอย่างละเอียด ...

ไทมไลน์
4 ปีก่อน : พ่อออกจากบ้านไปอยู่หอ
1 ปีที่แล้ว : พ่อเลิกกับแฟนแล้วกลับมาอยู่บ้านเพราะไม่มีที่ไปอีกแล้ว

ด้วยนิสัยส่วนตัวของพ่อประกอบกับการที่ตัวเองไม่มีอะไร ทำให้เขาทะเลาะกับแฟนบ่อยขึ้นทั้งเรื่องเงินทอง เรื่องไม่ทำการบ้าน
ด้วยตั้งแต่เด็กโตมาแบบนี้ ทั้งชีวิตของพ่ออะไรที่มีจะมาจากการขอหมด ไม่ว่าจะขอได้ดี ๆ หรือขอแล้วมีเรื่องก่อนถึงจะได้มา
ทำให้แฟนพ่อเริ่มหมดใจหมดรัก และฟางเส้นสุดท้ายก็คือเรื่องที่พ่อลงมือกับน้อง การตีแบบปกติไม่ค่อยมี มีแต่การตีระบายอารมณ์
ซึ่งครั้งหลัง ๆ ถึงขั้นนั่งตบหน้าน้องเรื่อง ๆ จนรอยแดงขึ้นแก้มน้อง ทำให้แฟนเขาทนไม่ไหวอีกต่อไปจนขอแยกกัน (ไม่ได้แต่งงาน)

เมื่อกลับมาอยู่บ้าน น้องก็ยังต้องเห็นภาพไม่ดีครับ เพราะพ่อแกตามง้อแฟน แต่ด้วยนิสัยเป็นคนที่ไม่เคยแก้ไขตัวเอง
ไม่เคยปรับเปลี่ยนความคิดการกระทำอะไรได้จนแก่ ทำให้มีแต่แย่ เพราะเวลาไปง้อแฟนก็มักจะใส่อารมณ์ ไม่ก็ไปทำเขาอีก
ความโมโห ความเสียใจฝังอยู่เต็มอกจนวันนึงจะฆ่าตัวตาย จนนั่งซึมกระทือข้าวปลาไม่ทาน จนผมกับน้องชายทนไม่ไหวอีก
เลยพาแกไปหาจิตแพทย์ซึ่งก็วินิจฉัยว่ามีปัญหาด้านการควบคุมอารมณ์และเป็นโรคซึมเศร้าเพราะสารเคมีในสมองผิดปกติ

หลังจากทานยาก็เริ่มโอเคขึ้นครับ ก็ขอจบเรื่องพ่อไว้เท่านี้ ...

มาต่อกันที่เจ้าน้องตัวแสบ เรื่องของคือมันไม่กลัวพ่อ มันกล้าดื้อกล้าแหกปากกับเขา เพราะพ่อผมต่อให้โวยวายยังไงก็ต้องมาโอ๋มัน
ด้วยการเลี้ยงของพ่อ เลยทำให้น้องเหมือนเป็นเทวดา ห้ามขัดใจ ห้ามบังคับ เพราะไม่ว่าจะกินข้าวอาบน้ำล้างก้น ถ้าน้องไม่ยอม
พ่อผมก็จะไม่ยุ่ง จะปล่อยไปโดยไม่สนใจว่าเด็กมันคิดแค่จะเล่นมันไม่ได้รู้เรื่องว่าตัวจะเน่าจะเหม็นถ้าไม่อาบน้ำ ซึ่งผมพอพ่อกลับมา
ก็ช่วยเลี้ยงน้องมาตลอด ผมเองก็ไม่มีงานทำจนตอนนี้ (ไม่มีคนคอยดูพ่อกับตัวเล็กเลยทำไรไม่ได้มากครับ ทางเลือกน้อย)

ตั้งแต่ปีที่แล้ว ผมสอนน้องทุกวันว่าอย่าดื้อกับพ่อ สอนตลอดว่าเวลาก้นเลอะให้ไปล้างกับพ่อ สอนอีกว่าถ้าดื้อมากจะถูกลงโทษ
(ไม่ต้องไปข้างนอก ไม่ต้องเล่นน้ำตอนอาบน้ำ ไม่ต้องกินไอติม) แต่แล้วน้องก็ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด พ่อเองก็พอเห็นว่าผมช่วย
กลายเป็นเหมือนว่าทำอะไรเองไม่ได้เลยซะอย่างงั้น น้องดื้อก็จะมาตามผมไปทำ น้องร้องทั้งที่ไม่อะไรก็ไม่ปลอบลูก แต่โวยวาย
แล้วพอสุดทนก็มาตะโกนเรียกให้ผมไปจัดการ .. ทั้งหมดที่ผมทำ ผมทำเพราะสงสารเด็กมัน จากใจจริงผมขี้เกียจด้วยครับ

จนวันนี้ น้องเข้าโรงเรียน แทนที่ปัญหาจะเบาลง มันไม่ใช่ครับ น้องดื้อขึ้นอีก ดื้อขึ้นกว่าเดิมแบบทวีคุณ จากที่เวลาหลอกล่ออะไร
น้องจะฟัง จะตาม เวลาตีโดนทีเดียวก็จะสงบ แต่น้องกลายเป็นคนไม่ฟังอะไรเลย พาไปอาบน้ำก็จะวิ่งหนีไปรอบห้อง เรียกก็ไม่ฟัง
จนต้องเอาไม้เอามือสะกิตไปถึงจะฟัง เรียกดี ๆ คือแกไม่ยอมทำตามเลย ผมไม่เคยเริ่มด้วยการออกคำสั่งด้วยการใช้เสียงแข็ง ๆ
ผมจะเรียกดี ๆ จะชวนเล่น แต่หลายเดือนมานี้น้องไม่ตามอะไรอีก จากเสียงดีไปเสียงดุ น้องก็ไม่ฟังต้องสะกิตก่อนทุกที

น้องยังดื้อกับพ่อเช่นเคย เวลาดื้อกับคนอื่นก็จะเรียกหาพ่อ พอพ่อมาเอาไปก็ไปทำให้เขาโมโหต่ออีกคน จนคนอื่นต้องจัดการอีก
ถามว่าทำไมไม่ปล่อย ปล่อยแล้วครับ ผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็ไม่เลิกไม่หยุด แหกปากจนเป็นไข้ จนไม่สบายก็แล้ว ต้องมานั่งคิดมากกัน
เหมือนน้องแกจะคิดว่ายังไงพ่อก็ช่วย ทำให้น้องไม่กลัวใคร ไม่กลัวการโดนลงโทษใด ๆ เพราะพ่อจะช่วยทุกที หลายทีผมต้องบอก
ให้พ่อไปนั่งห่าง ๆ อย่ามาให้น้องเห็นหน้า ซึ่งน้องก็แทนที่จะเงียบหลังจากปล่อยไว้ ก็ร้องไม่เลิกจนผมก็เบรคแตกเสมอ

ไม่ใช่แค่ผมครับ เหล่าผู้หญิงในบ้านผมก็เบรคไม่อยู่เหมือนกันทั้งที่พวกเราค่อยบอกพ่อว่าให้ใจเย็น ๆ อย่าโวยวายมากเดี่ยวเด็กติด
แต่หลาย ๆ หนก็ต้องหลุดซะเอง เรื่องนี้ผมคิดว่าผมเองก็ผิดที่ทำไม่ได้ ทนไม่ได้มากพอ แต่ว่าผมไม่สามารถไปบอกให้ใครมาทน
แบบที่ผมกำลังพยายามได้ นิสัยคนในบ้านเกือบทั้งหมดคือถ้าโมโหแล้วความเห็นใด ๆ ก็ไม่มีผลครับ ผิดทุกอย่างยกเว้นตัวเองทั้งนั้น
ผมตีน้อง บางครั้งผมก็ตีทั้งน้ำตา ผมว่าน้อง บางครั้งก็ว่าทั้งน้ำตา เพราะผมเจ็บปวดที่ต้องมาร้ายกับน้อง

ส่วนนึง ผมอยากสั่งสอน อีกส่วนนึง ผมไม่อยากให้พ่อมาโวยวาย คือ ผมเองก็อยู่ในสภาพนี้มานาน นั่งฟังทุกวัน นั่งเคลียร์ทุกวัน
ไม่ใช่แค่พ่อกับน้อง แต่กับคนอื่นพ่อผมก็มีปัญหาด้วยนิสัยและความคิดส่วนตัวของแก ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะเป็นบ้าไปตอนไหน
ทุกวันนี้ก็พยายามข่มอารมณ์ บอกตัวเสมอว่าจะไม่ตี ก็ทำได้แบบ 3 วันดี 4 วันตีใหม่ เพราะน้องก็ยังเหมือนเดิมครับ

สิ่งที่บ้านผมทำหลาย ๆ อย่างมันผิดไปหมด ผมพยายามหาทางที่ดีที่สุด เด็กไม่ต้องดื้อ ผู้ใหญ่ไม่ต้องหงุดหงิด แต่คือ ...
ผมไม่ค่อยได้รับความร่วมมือ ไม่มีใครยอมปรับเปลี่ยนความคิดและการรับมือ ผมมั่นใจเพราะอะไร เพราะว่านิสัยคนในบ้าน
จะมาแนวนี้ทั้งนั้น อะไรที่ไม่เคยลอง ที่ไม่เห็นด้วย จะไม่คิดลองและทำตามดูสักครั้งเพื่อให้เห็นผลเลย ผมเปลี่ยนวิธีไปเป็นสิบ
ในขณะที่คนอื่นยังคงเดิม แต่ผมก็คิดได้ว่าผมเปลี่ยนผู้ใหญ่ไม่ได้อยู่แล้ว แต่เด็กผมยังพอสั่งสอนให้มันเป็นคนดีได้

ช่วงนี้น้องไม่ทำอะไรเอง เรียกแต่พ่อ พ่อนอนผมบอกว่าอย่าไปกวน ก็ไปปลุกทุก 5 นาทีจนพ่อแทบไม่ได้นอน
พ่อผมเองหลัง ๆ ก็พยายามอดทนให้มากแล้วที่จะไม่โวย แต่เรื่องอื่นยังเหมือนเดิม คือผมต้องช่วยจัดการน้องเสมอ
น้องตื่นมา ร้องจะหาพ่อ บอกดีๆว่าให้เดินไปเอง น้องไม่เดิน แล้วอีกอย่างน้องชอบพูดซ้ำ ๆ ทั้งที่น้องได้รับคำตอบแล้ว
เช่น แม่จะมาหามั้ย (ปกติติดต่อกันครับ) พอตอบว่าเดี่ยวมานะ / วันนี้แม่ไม่ว่าง / จนผมโทรให้แม่พูดเอง

น้องก็จะยังถามซ้ำ ๆ มากกว่า 6 รอบได้ จนผมสงสัยว่าน้องผิดปกติอะไรมั้ย หรือมันเป็นปกติของเด็กที่จะทวนสิ่งที่ตัวเองต้องการ
แล้วน้องก็มีโรคลิ้นหัวใจรั่วอยู่ด้วย ผมจึงพยายามลดการใช้เสียงดังกับน้อง ซึ่งพ่อยังทำไม่ได้ครับ นิสัยเขาเป็นแบบนั้นมาตลอด
หลายทีดื้อจนผมต้องตวาด แต่พอออกไปหนนึงผมก็รีบเบรค หรือ บางทีน้องทุบตีพ่อ ผมก็ต้องเสียงดังอีกเพราะจะทำให้รู้ว่ามันไม่ดีมากแล้วนะ

ตอนนี้คือ มืด 8 ด้านมากครับ ใครอยากถามอะไร ถามมาได้เลยครับ ยินดีบอกทุกอย่าง
อะไรที่ผมไม่ได้เล่าออกไป แล้วท่านอยากถามเพื่อที่จะแนะนำได้ถูกต้อง ก็ถามมาเลยครับ

ส่วนตัวตอนนี้คือ กลัวน้องจะไม่ปกติ ซึ่งบอกในบ้านกี่ทีก็ไม่มีใครทุกข์ร้อนอะไร
เหมือนเขาเชื่อในความคิดที่ว่าเด็กมันก็ดื้อไปเองไม่มีอะไรเลย แต่ผมกังวลมาก
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เหมือนน้องเราเลยค่ะ ตอนเราอายุ 22 แม่คลอดน้องคนที่ 1
พอเราอายุ 25 แม่คลอดน้อง คนที่ 2  แม่พ่อเดียวกัน แต่เรากับน้อง ๆ ห่างกันเหมือนแม่ลูก

เข้าใจอารมณ์ จขกท. แม่เรามีอาการทางประสาทด้วยค่ะ หนักเลยทีนี้ แต่แม่ก็รักน้อง ๆ ดีมาก มากเกินไปด้วยซ้ำ
แต่การดุด่า ตี เกินเหตุบ่อยมาก ตอนน้องคนแรกเรา 3 ขวบ ดีหน่อยค่ะ น้องคนแรกไม่วีนไม่กรี๊ด ไม่ดื้อมาก
แต่น้องคนที่ 2 พอเกิดมาก็ทำให้น้องคนแรกโดนตลอด ๆ

เราก็ได้แต่เป็นพี่คอยช่วยแม่เลี้ยงน้อง ๆ น้องคนที่ 2 ของเราคล้าย ๆ น้อง จขกท.

จากประสบการณ์เลี้ยงน้องตัวเองนะคะ

สิ่งแวดล้อมการเลี้ยงดูให้ความรัก แสดงออกให้มาก กอดกันบ่อย ๆ บอกรักบ่อย ๆ ลูบหัวให้ความอบอุ่น ช่วยได้มาก
เมื่อเด็กได้รับความอบอุ่นความรักจากใคร เค้าจะเชื่อฟังคนนั้น

เราแต่งงานย้ายบ้านออกมาตั้งแต่น้องคนที่ 2 ขึ้น ป.1 ดังนั้นตอนที่ยังอยู่บ้าน เราก็ดูแลน้องด้วยความรักเหมือนเป็นแม่คนที่ 2

น้องกลับบ้านมา แม่ดุด่าแม่ตี เราก็ปกป้องน้อง เล่นกับเค้า จินตนาการไปกับเค้า คือ บางทีเราต้องเป็นเพื่อนเค้าไม่ใช่พี่เค้าน่ะค่ะ

การกอดกัน มีผลต่อสภาพจิตใจเด็กมาก กอดแสดงความรัก ลูบหัว หอมแก้ม จขกท.เป็นชาย ก็พอเข้าใจอาจจะไม่เหมือนเราที่เป็นหญิง

แต่การดุด่าต่อว่า ไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น การสร้างกฎเกณฑ์จะใช้ได้ต่อเมื่อเด็กนับถือเรา ติดเราเป็นตังเม เชื่อฟังเราแล้ว

ทำยังไงน่ะหรือคะ ก็อย่างที่บอกไป จริงใจให้ความรัก หมั่นแสดงออกว่ารักเค้า ไม่ได้รักแบบตามใจ แต่พูดสอนด้วยเหตุผล สิ่งที่ จขกท.ทำน่ะถือว่าดีแล้วค่ะ อยากให้คิดว่าเด็ก 3 ขวบก็คือเด็ก 3 ขวบ มันเป็นปกติในช่วงวัยของเค้าที่จะเป็นช่วงต่อต้านผู้ใหญ่ เพราะเริ่มเดินเริ่มเล่นได้เองโดยไม่ต้องอุ้มแล้ว ดังนั้นการที่เด็กกรี๊ด หรือดื้อมาก ๆ เราเป็นพี่ ก็ต้องปรับความเข้าใจ เรียนรู้ช่วงวัยของเค้าว่าวัยนี้เด็กต้องการอะไร

ชื่นชม จขกท.ที่ดูแลน้อง ที่ไม่ใช่จากคุณแม่เดียวกัน ซึ่งเราพูดมันง่ายค่ะเพราะน้องเราพ่อแม่เดียวกันแต่น้องห่างกับเรารุ่นลูกเลย

เราสอนเค้าแต่เด็ก ฟังหรือไม่เราไม่สน เด็กจะเชื่อฟังไม่ได้ใช้เวลาแค่ปีเดียวในการทำให้เค้าคุ้นชิน นับถือ ยอมรับในตัวเรา
แต่เชื่อเถอะค่ะการปลูกฝังสิ่งดี ๆ เด็กจะรับได้ในวันนึง แล้ววันนั้นคุณจะภูมิใจ

เช่น น้องคนเล็กเรากรี๊ดจะเอาของ จะให้ทำนู่นนี่ ชักดิ้นชักงอ เราก็ไม่สนใจเค้าค่ะ เราจะตกลงกับเค้าเสมือนการพูดคนเดียวว่า
ร้องแบบนี้ พี่ไม่ให้นะ ถ้าอยากได้ มาคุยกันดี ๆ มาพูดดี ๆ แต่เค้าก็ยังร้องนะ ครั้งแรก ครั้ง 2 3 4 5 จนครั้งที่ 8 พอเค้าจะร้อง
เราก็พูดเหมือนเดิม ทีนี้เค้าเงียบเลย เช็ดน้ำตาแล้วพยักหน้า เราก็ให้ตามที่เราพูด เด็กจะรู้เงื่อนไข เราต้องรักษาคำพูดด้วยค่ะ
เช่น บอกว่าถ้าร้องเพลง ABC จบ แล้วจะพาไปกินไอติมปากซอย พอเค้าท่องจบ หรือพยายามท่องจนจบ เราก็ต้องพาไปตามคำพูด
ที่นี้ คำพูดเราจะเริ่มศักดิ์สิทธิ์ นี่ทำให้น้องเชื่อฟังเรามากกว่าแม่ เพราะเราสัญญาแค่สิ่งที่ให้ได้ และถ้าเค้าทำตามได้ เราก็ให้ไม่อิดออด

จากนั้น เราอยากให้เค้าท่อง ก-ฮ อยากให้ทำอะไรเพื่อพัฒนาการที่ดีกว่าของเค้า เราก็ตั้งเงื่อนไขได้ ตอนนี้น้อง ๆ เรา ดื้อเหมือนเดิม
แต่  กับเราคนเดียว ที่น้องจะไม่ดื้อด้วยเลย สั่งอะไรทำหมดทุกอย่าง สั่งให้รู้หน้าที่ รีดผ้าเองซักผ้าเอง ล้างจานแบ่งหน้าที่ แม่สั่งยายสั่ง
งอแง ทำเพราะถูกสั่งไม่อยากโดนด่า แต่พอเราสั่ง ก็ทำแบบ สั่งทีเดียวอยู่ ไม่ต้องสั่งอีกเลยค่ะ จนแม่กับยาย เวลาน้องดื้อ อ้างเราตลอด
บางทีก็มาให้เราสั่งแทน .....แต่ เราก็ต้องปกป้องน้องด้วยในบางเรื่อง

ที่น้อง ๆ ทำไม่ใช่เพราะถ้าไม่ทำแล้วเราจะด่าว่าเค้า เปล่าค่ะ แต่เพราะถ้าเค้าทำ เราจะชื่นชมเค้า ให้ความรัก กอดเค้า(น้องคนโตเริ่มเขิน ๆ)
แนะนำเค้า พูดคุยกับเค้า หยอกล้อเล่นกันเหมือนสมัยเค้าเด็กกว่านี้ น้องคนโตอายุ 14 แล้ว เราก็ต้องเปิดตำราบทใหม่ เรียนรู้พฤติกรรมเด็กย่างเข้าสู่วัยรุ่นต่อไปอีก ส่วนน้องคนที่ 2 ตอนนี้ 11 ขวบ ก็ยังเล่นอยู่ในโลกจินตนาการได้อยู่ คือยังไง เราต้องเป็นทั้งพี่ ทั้งแม่คนที่ 2 และเพื่อนที่เข้าใจเค้าด้วย คนเล็ก เล่นกับเราเราก็เล่นกับเค้าเหมือนเราเป็นเด็กอีกคน คนโตก็คอยไถ่ถามความเป็นอยู่ คอยฟังเค้าเล่าเรื่องต่าง ๆ เรื่องเพื่อนเรื่องนู่นนี่นั่น
สารพันเรื่องของเด็กโตกำลังเปลี่ยนวัย น้องคนโตตอนนี้เราแค่อยู่ในช่วงรับฟัง เป็นผู้ฟังที่ดีเท่านั้นค่ะ สอนให้คิด แทนการสอนให้ทำตาม
แนะนำให้คิดตาม แทนการลงโทษให้จดจำเหมือนสมัยเด็ก

อยากบอก จขกท.ว่า เด็ก 3 ขวบ ยังสอนได้ค่ะ อย่าเครียดมาก ผู้ใหญ่จะเป็นยังไงก็ช่าง คุณพ่อท่านคงเปลี่ยนอะไรไม่ได้
ตอนนี้น้องสำคัญกว่า อยากให้เค้าโตมาเป็นเด็กคิดเป็น เราต้องใจเย็นฝึกเค้าค่ะ ทำตัวให้เค้านับถือเรา ให้เค้าเห็นเราแล้วต้องวิ่งเข้ามากอดให้ได้ก่อน แล้วเรื่องอื่นจะง่ายขึ้นมาก ๆ ค่ะ ลองดูเว็บนี้ก็ได้ค่ะ

https://mysmartkid.wordpress.com/

จะมีคอลัมน์ดี ๆ มากมายให้ศึกษาเกี่ยวกับพัฒนาการของเด็กแต่ละช่วงวัย การเลี้ยงเด็กให้ดีทำอย่างไร

สู้ ๆ ค่ะ ฝึกเป็นคุณพ่อในอนาคตได้เลยนะนี่ เลี้ยงเด็กต้องใจเย็นค่ะ สมาธิต้องนิ่งกว่าเด็ก หากเรารู้สึกว่าไม่ไหวกับพฤติกรรมเราต้องเฉยเท่านั้น
การใช้อารมณ์ไม่ช่วยอะไรนอกจากทำให้เราเสียใจภายหลัง ลืมยากด้วยค่ะ เคยตีน้องเพราะทะเลาะกัน ทุกวันนี้น้องคนแรกเข้าสู่วัยรุ่น น้องลืมไปหมด เรายังจำไม่ลืมเลยค่ะว่าเคยตีน้องด้วยอารมณ์เหมือนกัน

เป็นกำลังใจให้นะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่