คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 15
มีความรู้สึกว่า คนไทยบางคนติดนิสัยประหยัดจนเกินไป มีเงินไปเที่ยว แต่อยากได้ที่พักฟรี เพื่อเซฟเงินไปช้อปปิ้งก็มี เลยไปรบกวนหาที่พักฟรีตามที่ต่างๆ อย่างบ้านคนรู้จัก บ้านเพื่อนของเพื่อน กระทั่งวัด นึกว่าวัดต่างประเทศจะเหมือนเมืองไทย ที่กว้างใหญ่ มีเด็กวัดคอยทำความสะอาด หลายปีก่อน มีคนมาตั้งกระทู้ถาม จะมาเที่ยวเมืองที่เราอยู่ วัดอยู่ที่ไหน จะไปพักวัด เราเลยตอบไปว่าวัดที่นี่ไม่เหมือนเมืองไทย ที่มีโบสถ์ใหญ่ๆ มีกุฎิหลายหลัง แต่วัดที่นี่คือบ้านขนาดสองสามห้องนอน มีพระอยู่ไม่กี่รูป เป็นผู้หญิงจะไปขอพักน่ะ พระท่านไม่อาบัติหรือ
จะไปเที่ยวทั้งที น่าจะเตรียมตัวให้พร้อม เก็บเงินเผื่อค่าที่พัก ถ้าศึกษาข้อมูลดีๆ ก็หาที่พักราคาประหยัดได้ ไม่ต้องไปรบกวนคนอื่น หรือวัด คือสบายเรา คนอื่นเดือดร้อน ช่างมัน ขอประหยัดเงินไว้ก่อน
ญาติแฟนตอนจะไปเที่ยวญี่ปุ่น โทรมาหาแฟนเรา เพราะแฟนเรามีเพื่อนเป็นคนญี่ปุ่นอยู่สองสามคน ญาติก็โทรมาบอกว่าจะไปเที่ยว มีเพื่อนคนไหนที่จะไปพักด้วยได้บ้าง แฟนเราอึ้ง (เพราะตอนเราไปเที่ยวญี่ปุ่นกัน ก็ไปพักโรงแรม ไม่เคยมีความคิดจะขอไปพักกับเพื่อน นอกจากเกรงใจแล้ว กลัวอึดอัดด้วย)
แฟนเราเลยแนะนำญาติว่า บ้านคนญี่ปุ่นเล็ก คับแคบ เนื้อที่ใช้สอยจำกัดมากๆๆ พักโรงแรมหรือโฮสเทลเถอะ ไม่ได้แพงมากมายอะไร
จะไปเที่ยวทั้งที น่าจะเตรียมตัวให้พร้อม เก็บเงินเผื่อค่าที่พัก ถ้าศึกษาข้อมูลดีๆ ก็หาที่พักราคาประหยัดได้ ไม่ต้องไปรบกวนคนอื่น หรือวัด คือสบายเรา คนอื่นเดือดร้อน ช่างมัน ขอประหยัดเงินไว้ก่อน
ญาติแฟนตอนจะไปเที่ยวญี่ปุ่น โทรมาหาแฟนเรา เพราะแฟนเรามีเพื่อนเป็นคนญี่ปุ่นอยู่สองสามคน ญาติก็โทรมาบอกว่าจะไปเที่ยว มีเพื่อนคนไหนที่จะไปพักด้วยได้บ้าง แฟนเราอึ้ง (เพราะตอนเราไปเที่ยวญี่ปุ่นกัน ก็ไปพักโรงแรม ไม่เคยมีความคิดจะขอไปพักกับเพื่อน นอกจากเกรงใจแล้ว กลัวอึดอัดด้วย)
แฟนเราเลยแนะนำญาติว่า บ้านคนญี่ปุ่นเล็ก คับแคบ เนื้อที่ใช้สอยจำกัดมากๆๆ พักโรงแรมหรือโฮสเทลเถอะ ไม่ได้แพงมากมายอะไร
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ถึงขนาดให้ออกเอกสารเป็นสปอนเซอร์เพื่อขอวีซ่าให้คงไม่ทำแน่นอนค่ะ อันนี้เกินไปมาก ควรจะเป็นคนในครอบครัว เช่น พ่อ แม่ หรือลูก เป็นต้น
ควรต้องมีความเกรงใจมาก ๆ ข้อนี้ เพราะต้องเปิดเผยเอกสารการเงินหลายอย่าง การทำงาน บ้านช่อง ฯลฯ
เคยมีเพื่อนของลูกสมัยเรียนออสเตรเลียด้วยกัน ไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสแล้วขอมาค้างที่บ้านสามวัน จริง ๆ ก็บอกแล้วว่าไม่สะดวกเพราะบ้านไกลจากลอนดอน แต่ก็บอกว่า จะมาอาศัยนอนอย่างเดียว จะเที่ยวตลอดและไม่กวนลูกสาวด้วยเพราะเขาต้องเรียนทุกวัน ตอนอยู่ออสเตรเลียสนิทกันมากก็เลยจำใจอนุญาตไป
ปรากฏว่า เธอเที่ยวกลับดึก ๆ ดื่น ๆ ทุกวัน แล้วดิฉันก็เป็นห่วงเพราะเป็นเด็กสาว เดินกลับจากสถานีรถไฟมาบ้านหรือนั่งแท๊กซี่มาคนเดียว นอนก็ไม่หลับ สองคืนลูกสาวลุกมาเปิดประตูให้ คืนสุดท้ายดิฉันเปิดให้
เรื่องกินไม่เคยหวง วันที่กินข้าวเย็นด้วยกัน เธอกวาดขนมจีนน้ำยากะทิหม้อใหญ่ ครึ่งหม้อ คนเดียว ขนมจีนอีก ดิฉันก็คิดในใจ อยู่ฝรั่งเศสคงไม่ค่อยได้มีโอกาสกินอาหารไทย ไม่เป็นไร แบ่ง ๆ กัน ตกลงดิฉันไม่ได้กิน ลูกสาวกินไปนิดเดียว นอกนั้นเธอจัดการหมด
อาหารเช้า ลูกดิฉันต้องทำให้ก่อนไปโรงเรียนเพราะเธอตื่นสาย กลับดึก เลยบอก ไม่ต้องทำ ให้ไปโรงเรียน วันรุ่งขึ้นเธอลงมาถามว่า อ้าว วันนี้ไม่มีอาหารเช้าหรือคะแม่ เลยตอบว่า มีค่ะ แต่ต้องทำเองนะคะ เธอบอก ทำไม่เป็นค่ะ เดี๋ยวไปหากินข้างนอกเอาก็ได้
วันสุดท้าย จะอยู่จนค่ำ ๆ เพราะไฟลท์ดึก ดิฉันเลยเรียกลูกสาวมาคุย บอกให้ช่วยเชิญเพื่อนให้เอากระเป๋าไปด้วย แล้วออกไปตอนสาย ๆ เลย เพราะดิฉันไม่ไหวแล้ว ใช้ห้องน้ำสกปรกเลอะเทอะ ดิฉันต้องตามเก็บทุกวันเพราะสภาพแบบที่เธอใช้ คงไม่มีใครใช้ต่อได้ เตียงนอนเสร็จแล้วไม่เก็บพับ เสื้อผ้าถอดเป็นกอง ๆ ไว้ ของเกะกะเต็มห้องลูกสาวไปหมด ดิฉันไม่จัดนะ เพราะถือว่านั่นห้องลูก หากเธอทนได้ก็ทนไป
ก็รู้ว่าเธอโกรธนะที่ดิฉันไม่ใช่อยู่จนถึงค่ำ เพราะรู้ว่าถ้ารถเมล์ไม่มี ก็ต้องขับรถไปส่งเธออีก ทั้งหลายทั้งปวง คำขอบคุณไม่เคยได้ยิน ไหว้สวัสดีตอนมาครั้งเดียว นอกนั้นไม่เคยได้ยินอะไร ยังดีที่มีแก่ใจเอาไวน์แดงติดมือมาขวดนึง ดิฉันก็ไม่หวังอะไรมาก เพราะก็ยังเรียนอยู่ แต่เรื่องมารยาทในการอาศัยอยู่บ้านคนอื่นนี่ ไม่ไหวเลย ที่บ้านคงไม่ได้เน้นและสั่งสอน
อีกกรณี เพื่อนเรียนหนังสือด้วยกัน มาเรียนที่นี่ พอช่วงคริสต์มาสไม่ได้กลับเมืองไทยเพราะเป็นวันหยุดยาว ก็ขอจะมาค้างที่บ้าน บอกซื้อตั๋วแล้วด้วย
พอบอกสามีเท่านั้น เขามองหน้าแล้วถามว่า คริสต์มาสนี่เขาต้องอยู่กับครอบครัวไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาจึงขอมา เขาทำไมถึงไม่เข้าใจ ฯลฯ ดิฉันก็ต้องปฏิเสธไป เธอคงไม่พอใจเอามาก ๆ ที่ดิฉันไม่สามารถให้เธอมาช่วงนั้นได้ ก็เลยไม่ได้ติดต่อกัน แต่ทำไงได้ ก็ต้องเลือกครอบครัวอ่ะนะ ทั้ง ๆ ที่ดิฉันก็รู้ว่าไม่ควรจะถาม แต่ก็ลองถามดูเผื่อสามีจะเปลี่ยนใจ
สำหรับดิฉันแล้ว ถ้าออกปากชวนว่า มาเที่ยวนะ มาอยู่บ้านได้ นี่ดิฉันชัวร์จริง ๆ ซึ่งจะมีเพื่อนไม่กี่คนหรอกที่ดิฉันออกปาก แต่ก็ขออนุญาตคนที่บ้านก่อนเพราะว่าเขาเองก็ต้องโอเคด้วย ไม่ใช่เราเออออเอง แล้วไปทำความลำบากใจให้เขา
คือถ้ามาเที่ยวไม่นาน สี่ห้าวัน หรืออาทิตย์หนึ่ง สำหรับเพื่อนกลุ่มนี้ที่ดิฉันเอ่ยปากชวน ไม่เป็นอะไรเลย เพราะเพื่อนก็เข้าใจว่าเราเป็นอย่างไร แต่สำหรับคนไม่สนิทชิดเชื้อกันนี่ แค่มาเที่ยวบ้านก็ไม่อยากให้มาแล้ว ไม่ชอบให้คนมารุกล้ำความเป็นส่วนตัว
ปีที่แล้วไปเที่ยวแล้วแวะหาเพื่อนที่อิตาลี ให้เพื่อนช่วยเป็นธุระจองโรงแรมใกล้ ๆ บ้านเพื่อนให้ เพราะไม่ต้องการไปรบกวนครอบครัวเขามากนัก แค่เราไปกินข้าว เที่ยวกับเขาเป็นบางวัน ก็รบกวนเขามากแล้ว ข้าวของจากทางนี้เราก็เอาไปฝาก เป็นสินน้ำใจที่เขาอุตส่าห์ต้อนรับเรา กลับมาก็มีส่งของไป กินข้าวก็ผลัดกันจ่าย ไอศครีมก็ผลัดกันเลี้ยง ก็มีความสุขด้วยกันทั้งสองฝ่าย ไม่ต้องล้ำความเป็นส่วนตัวกันจนเกินไป เที่ยวเอง กินเอง หลายวัน วันไหนเพื่อนว่างจึงจะไปกินด้วยกัน ก็ไม่ต้องเลิกคบกัน เพราะเราเกรงใจซึ่งกันและกัน
ควรต้องมีความเกรงใจมาก ๆ ข้อนี้ เพราะต้องเปิดเผยเอกสารการเงินหลายอย่าง การทำงาน บ้านช่อง ฯลฯ
เคยมีเพื่อนของลูกสมัยเรียนออสเตรเลียด้วยกัน ไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสแล้วขอมาค้างที่บ้านสามวัน จริง ๆ ก็บอกแล้วว่าไม่สะดวกเพราะบ้านไกลจากลอนดอน แต่ก็บอกว่า จะมาอาศัยนอนอย่างเดียว จะเที่ยวตลอดและไม่กวนลูกสาวด้วยเพราะเขาต้องเรียนทุกวัน ตอนอยู่ออสเตรเลียสนิทกันมากก็เลยจำใจอนุญาตไป
ปรากฏว่า เธอเที่ยวกลับดึก ๆ ดื่น ๆ ทุกวัน แล้วดิฉันก็เป็นห่วงเพราะเป็นเด็กสาว เดินกลับจากสถานีรถไฟมาบ้านหรือนั่งแท๊กซี่มาคนเดียว นอนก็ไม่หลับ สองคืนลูกสาวลุกมาเปิดประตูให้ คืนสุดท้ายดิฉันเปิดให้
เรื่องกินไม่เคยหวง วันที่กินข้าวเย็นด้วยกัน เธอกวาดขนมจีนน้ำยากะทิหม้อใหญ่ ครึ่งหม้อ คนเดียว ขนมจีนอีก ดิฉันก็คิดในใจ อยู่ฝรั่งเศสคงไม่ค่อยได้มีโอกาสกินอาหารไทย ไม่เป็นไร แบ่ง ๆ กัน ตกลงดิฉันไม่ได้กิน ลูกสาวกินไปนิดเดียว นอกนั้นเธอจัดการหมด
อาหารเช้า ลูกดิฉันต้องทำให้ก่อนไปโรงเรียนเพราะเธอตื่นสาย กลับดึก เลยบอก ไม่ต้องทำ ให้ไปโรงเรียน วันรุ่งขึ้นเธอลงมาถามว่า อ้าว วันนี้ไม่มีอาหารเช้าหรือคะแม่ เลยตอบว่า มีค่ะ แต่ต้องทำเองนะคะ เธอบอก ทำไม่เป็นค่ะ เดี๋ยวไปหากินข้างนอกเอาก็ได้
วันสุดท้าย จะอยู่จนค่ำ ๆ เพราะไฟลท์ดึก ดิฉันเลยเรียกลูกสาวมาคุย บอกให้ช่วยเชิญเพื่อนให้เอากระเป๋าไปด้วย แล้วออกไปตอนสาย ๆ เลย เพราะดิฉันไม่ไหวแล้ว ใช้ห้องน้ำสกปรกเลอะเทอะ ดิฉันต้องตามเก็บทุกวันเพราะสภาพแบบที่เธอใช้ คงไม่มีใครใช้ต่อได้ เตียงนอนเสร็จแล้วไม่เก็บพับ เสื้อผ้าถอดเป็นกอง ๆ ไว้ ของเกะกะเต็มห้องลูกสาวไปหมด ดิฉันไม่จัดนะ เพราะถือว่านั่นห้องลูก หากเธอทนได้ก็ทนไป
ก็รู้ว่าเธอโกรธนะที่ดิฉันไม่ใช่อยู่จนถึงค่ำ เพราะรู้ว่าถ้ารถเมล์ไม่มี ก็ต้องขับรถไปส่งเธออีก ทั้งหลายทั้งปวง คำขอบคุณไม่เคยได้ยิน ไหว้สวัสดีตอนมาครั้งเดียว นอกนั้นไม่เคยได้ยินอะไร ยังดีที่มีแก่ใจเอาไวน์แดงติดมือมาขวดนึง ดิฉันก็ไม่หวังอะไรมาก เพราะก็ยังเรียนอยู่ แต่เรื่องมารยาทในการอาศัยอยู่บ้านคนอื่นนี่ ไม่ไหวเลย ที่บ้านคงไม่ได้เน้นและสั่งสอน
อีกกรณี เพื่อนเรียนหนังสือด้วยกัน มาเรียนที่นี่ พอช่วงคริสต์มาสไม่ได้กลับเมืองไทยเพราะเป็นวันหยุดยาว ก็ขอจะมาค้างที่บ้าน บอกซื้อตั๋วแล้วด้วย
พอบอกสามีเท่านั้น เขามองหน้าแล้วถามว่า คริสต์มาสนี่เขาต้องอยู่กับครอบครัวไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาจึงขอมา เขาทำไมถึงไม่เข้าใจ ฯลฯ ดิฉันก็ต้องปฏิเสธไป เธอคงไม่พอใจเอามาก ๆ ที่ดิฉันไม่สามารถให้เธอมาช่วงนั้นได้ ก็เลยไม่ได้ติดต่อกัน แต่ทำไงได้ ก็ต้องเลือกครอบครัวอ่ะนะ ทั้ง ๆ ที่ดิฉันก็รู้ว่าไม่ควรจะถาม แต่ก็ลองถามดูเผื่อสามีจะเปลี่ยนใจ
สำหรับดิฉันแล้ว ถ้าออกปากชวนว่า มาเที่ยวนะ มาอยู่บ้านได้ นี่ดิฉันชัวร์จริง ๆ ซึ่งจะมีเพื่อนไม่กี่คนหรอกที่ดิฉันออกปาก แต่ก็ขออนุญาตคนที่บ้านก่อนเพราะว่าเขาเองก็ต้องโอเคด้วย ไม่ใช่เราเออออเอง แล้วไปทำความลำบากใจให้เขา
คือถ้ามาเที่ยวไม่นาน สี่ห้าวัน หรืออาทิตย์หนึ่ง สำหรับเพื่อนกลุ่มนี้ที่ดิฉันเอ่ยปากชวน ไม่เป็นอะไรเลย เพราะเพื่อนก็เข้าใจว่าเราเป็นอย่างไร แต่สำหรับคนไม่สนิทชิดเชื้อกันนี่ แค่มาเที่ยวบ้านก็ไม่อยากให้มาแล้ว ไม่ชอบให้คนมารุกล้ำความเป็นส่วนตัว
ปีที่แล้วไปเที่ยวแล้วแวะหาเพื่อนที่อิตาลี ให้เพื่อนช่วยเป็นธุระจองโรงแรมใกล้ ๆ บ้านเพื่อนให้ เพราะไม่ต้องการไปรบกวนครอบครัวเขามากนัก แค่เราไปกินข้าว เที่ยวกับเขาเป็นบางวัน ก็รบกวนเขามากแล้ว ข้าวของจากทางนี้เราก็เอาไปฝาก เป็นสินน้ำใจที่เขาอุตส่าห์ต้อนรับเรา กลับมาก็มีส่งของไป กินข้าวก็ผลัดกันจ่าย ไอศครีมก็ผลัดกันเลี้ยง ก็มีความสุขด้วยกันทั้งสองฝ่าย ไม่ต้องล้ำความเป็นส่วนตัวกันจนเกินไป เที่ยวเอง กินเอง หลายวัน วันไหนเพื่อนว่างจึงจะไปกินด้วยกัน ก็ไม่ต้องเลิกคบกัน เพราะเราเกรงใจซึ่งกันและกัน
ความคิดเห็นที่ 10
ส่วนตัวผมเป็นคนคนละแบบกับคุณนะ อาจจะเพราะผมเริ่มชีวิตในต่างประเทศในฐานะนักเรียน และได้ซึมซับวัฒนธรรม couchsurfing ของนักเรียนยุโรปมาพอสมควร เวลาไปเที่ยวถ้ามีเพื่อนที่รู้จักอยู่เค้าก็เสนอให้ไปนอนพักห้องเค้า คนรู้จักมาหาก็ให้นอนห้องผม ห้องแบบหอพักนักเรียน ก็ปูผ้านอนพื้นกันไป บางทีอัดกันสี่คนในห้องพักนักเรียนขนาด 10 ตร.ม ก็ทำมาแล้ว
ปัจจุบันผมทำงานแล้วอยู่ apartment 2 ห้องนอน ใครไปใครมาผมก็เสนอตัวให้มาพักบ้านผมตลอดด้วยความเต็มใจ คนสนิทนี่ถ้าไม่มานอนผมโกรธด้วยซ้ำ คนไม่สนิทกันมาก ถ้ามาแป้บๆ ผมก็ให้พักนะ บ้านผมอยู่ใกล้สนามบิน น้องๆ บางคนจะบินกลับไทยตอนเช้า พักอยู่เมืองไกลๆ ผมก็ให้มาพัก จะได้ไม่ต้องเดินทางลำบาก บางสถานการณ์ไม่สะดวก ติดธุระหรือยังไงผมก็ปฎิเสธไปตรงๆ
ผมถือว่าค่าที่พักที่นี่มันแพงบางทีช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป แล้วผมอาจจะโชคดีเพราะเท่าที่ผ่านมาผมก็ไม่เจอแบบไม่เกรงใจนะ ทุกคนมาก็ซื้อของมาฝากเป็นสินน้ำใจ มากน้อยต่างกันไป บางคนอยู่นานหน่อยก็เสนอให้เงินช่วยค่าน้ำ ค่าไฟ
แต่ทั้งหมดที่เล่ามาเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจ ทั้งเวลาผมต้อนรับคนอื่นที่บ้านและไปพักบ้านคนอื่น (ผมจะไปพักบ้านคนอื่นเฉพาะเมื่อเจ้าบ้านเสนอตัวเองเท่านั้น) ผมเคยแชร์ห้องกับผู้หญิงชาวจีนซึ่งไม่ชอบให้ใครมาพัก ช่วงนั้นผมก็ปฎิเสธทุกคนไปตรงๆ ว่าไม่สะดวก
ผมเข้าใจดีว่าบางคนก็ไม่สะดวกใจจะให้คนอื่นมาพักด้วย แต่ก็ไม่กล้าปฎิเสธตรงๆ กรณีนี้ก็ต้องรู้มารยาทและหาที่พักเอาเอง
ปัจจุบันผมทำงานแล้วอยู่ apartment 2 ห้องนอน ใครไปใครมาผมก็เสนอตัวให้มาพักบ้านผมตลอดด้วยความเต็มใจ คนสนิทนี่ถ้าไม่มานอนผมโกรธด้วยซ้ำ คนไม่สนิทกันมาก ถ้ามาแป้บๆ ผมก็ให้พักนะ บ้านผมอยู่ใกล้สนามบิน น้องๆ บางคนจะบินกลับไทยตอนเช้า พักอยู่เมืองไกลๆ ผมก็ให้มาพัก จะได้ไม่ต้องเดินทางลำบาก บางสถานการณ์ไม่สะดวก ติดธุระหรือยังไงผมก็ปฎิเสธไปตรงๆ
ผมถือว่าค่าที่พักที่นี่มันแพงบางทีช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป แล้วผมอาจจะโชคดีเพราะเท่าที่ผ่านมาผมก็ไม่เจอแบบไม่เกรงใจนะ ทุกคนมาก็ซื้อของมาฝากเป็นสินน้ำใจ มากน้อยต่างกันไป บางคนอยู่นานหน่อยก็เสนอให้เงินช่วยค่าน้ำ ค่าไฟ
แต่ทั้งหมดที่เล่ามาเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจ ทั้งเวลาผมต้อนรับคนอื่นที่บ้านและไปพักบ้านคนอื่น (ผมจะไปพักบ้านคนอื่นเฉพาะเมื่อเจ้าบ้านเสนอตัวเองเท่านั้น) ผมเคยแชร์ห้องกับผู้หญิงชาวจีนซึ่งไม่ชอบให้ใครมาพัก ช่วงนั้นผมก็ปฎิเสธทุกคนไปตรงๆ ว่าไม่สะดวก
ผมเข้าใจดีว่าบางคนก็ไม่สะดวกใจจะให้คนอื่นมาพักด้วย แต่ก็ไม่กล้าปฎิเสธตรงๆ กรณีนี้ก็ต้องรู้มารยาทและหาที่พักเอาเอง
ความคิดเห็นที่ 56
คืองี้ มันมีคนอยู่สองกลุ่มนะ กลุ่มที่ชอบความเป็นส่วนตัว กับกลุ่มที่ไม่แคร์ความเป็นส่วนตัวเท่าไหร่
กลุ่มที่ไม่แคร์ความเป็นส่วนตัวนี่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดีนะ คนกลุ่มนี้มักจะชอบต้อนรับแขก ยินดีรับคนอื่น (เพื่อน ญาติ คนแปลกหน้า) เข้ามาอยู่ในบ้านได้โดยไม่อึดอัด แล้วก็มักจะเป็นพวกที่มักจะไปขออาศัยอยู่บ้านคนอื่นเขาได้อย่างไม่เกรงใจ... เพราะเขาไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ไง ไม่ใช่เพราะเขาคิดว่าเคยมีบุญคุณต่อกัน เป็นญาติ หรือเป็นเพื่อนกันหรอก
อีกกลุ่มที่ชอบความเป็นส่วนตัวมาก (เราอยู่กลุ่มนี้นะ) จะไม่ชอบให้คนอื่นเข้ามาอาศัยในบ้าน อาจจะพอรับแขกได้บ้าง แต่หลังสามทุ่ม กลับไป๊ ชิ๊วๆ
เป็นกลุ่มหวงบ้าน ไม่อยากตื่นมาปุ๊บต้องรับแขกทันที คนกลุ่มนี้จะไม่ชอบไปค้างบ้านคนอื่น ไม่ใช่แค่เกรงใจ มันอึดอัด ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็จะไม่ค้างอยู่นาน ต้องออกไปหาโรงแรมนอนให้ได้
ทีนี้ ถ้ากลุ่มที่ไม่ขี้เกรงใจ เข้าไปอาศัยกันเอง มันก็แฮปปี้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย กลุ่มโลกส่วนตัวสูง ก็ไม่มีวันไปขออาศัยกันเองแหงๆ ปัญหามันเกิดก็ตอนที่คนต่างกลุ่มมันมาเจอกันเนี่ยแหละ อย่างที่เคยเกิดกับเราตอนอยู่ต่างประเทศ มีญาติผู้พี่ (ค่อนข้างสนิท) มาขออาศัยอพาร์ทเม้นท์...ซักพัก... คำว่าซักพักสำหรับเราคือ ซักสัปดาห์นึง แต่พอมาอยู่ด้วยเกินสัปดาห์แล้ว ก็ไม่มีทีท่าว่าจะย้ายไปไหนเลย ในที่สุดพอรวบรวมความกล้า ถามว่าตั้งใจจะอยู่ซักกี่วัน ก็บอกมากว่าจนกว่าจะหางานทำได้ น่าจะซักเดือน.... สองเดือน... T_T ... เรายังโชคดีที่ญาติอีกคน (น้องของเขา) รู้นิสัย(สันดาน)เรา แอบติดต่อมาสะกิดให้ย้ายออก ซึ่งเขาก็ย้ายออกไปโดยดี ค่อยยังชั่ว อึดอัดมาก ไม่อยากจะว่า เพราะเป็นคนกันเอง และพี่เขาก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร
กลุ่มที่ไม่แคร์ความเป็นส่วนตัวนี่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดีนะ คนกลุ่มนี้มักจะชอบต้อนรับแขก ยินดีรับคนอื่น (เพื่อน ญาติ คนแปลกหน้า) เข้ามาอยู่ในบ้านได้โดยไม่อึดอัด แล้วก็มักจะเป็นพวกที่มักจะไปขออาศัยอยู่บ้านคนอื่นเขาได้อย่างไม่เกรงใจ... เพราะเขาไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ไง ไม่ใช่เพราะเขาคิดว่าเคยมีบุญคุณต่อกัน เป็นญาติ หรือเป็นเพื่อนกันหรอก
อีกกลุ่มที่ชอบความเป็นส่วนตัวมาก (เราอยู่กลุ่มนี้นะ) จะไม่ชอบให้คนอื่นเข้ามาอาศัยในบ้าน อาจจะพอรับแขกได้บ้าง แต่หลังสามทุ่ม กลับไป๊ ชิ๊วๆ

ทีนี้ ถ้ากลุ่มที่ไม่ขี้เกรงใจ เข้าไปอาศัยกันเอง มันก็แฮปปี้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย กลุ่มโลกส่วนตัวสูง ก็ไม่มีวันไปขออาศัยกันเองแหงๆ ปัญหามันเกิดก็ตอนที่คนต่างกลุ่มมันมาเจอกันเนี่ยแหละ อย่างที่เคยเกิดกับเราตอนอยู่ต่างประเทศ มีญาติผู้พี่ (ค่อนข้างสนิท) มาขออาศัยอพาร์ทเม้นท์...ซักพัก... คำว่าซักพักสำหรับเราคือ ซักสัปดาห์นึง แต่พอมาอยู่ด้วยเกินสัปดาห์แล้ว ก็ไม่มีทีท่าว่าจะย้ายไปไหนเลย ในที่สุดพอรวบรวมความกล้า ถามว่าตั้งใจจะอยู่ซักกี่วัน ก็บอกมากว่าจนกว่าจะหางานทำได้ น่าจะซักเดือน.... สองเดือน... T_T ... เรายังโชคดีที่ญาติอีกคน (น้องของเขา) รู้นิสัย(สันดาน)เรา แอบติดต่อมาสะกิดให้ย้ายออก ซึ่งเขาก็ย้ายออกไปโดยดี ค่อยยังชั่ว อึดอัดมาก ไม่อยากจะว่า เพราะเป็นคนกันเอง และพี่เขาก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร
ความคิดเห็นที่ 31
ถูกใจกระทู้นี้มากกกกก เป็นอะไรในใจที่อยากพูดมานาน พวกมาขอพักฟรีนานๆ หรือมาเที่ยว
เอาเพื่อนมาด้วยให้พาเที่ยว ปีที่แล้วมีเพื่อนมาหาให้พาเที่ยวสิบวัน เค้าเอาเพื่อนมาด้วย
พอมาถึงตลอดทริปตัวเพื่อนก้อโพสเฟช อัฟรูป ปล่อยให้เราดูแลเทคแคร์เพื่อนเค้า
เพื่อนเค้าชาติที่แล้วคงเคยเกิดเป็นไก่อะ จิกใช้เราอย่างกะเป็นคนใช้ เราก้อไม่อยาก
พูดไร คิดว่าแค่สิบวันก้อจบ พอใกล้จบทริปเพื่อนของเพื่อนมีหน้ามาบอกปีหน้าขอมาเที่ยวเดือนนึง
ให้พาเที่ยวกับขอมาพักด้วย เราอึ้งค่ะ ตอนนี้ปิดเฟชบุคละ เพื่อนในไลน์ก้อมีแค่คนในครอบครัว
แล้วสงสัยอย่างนะ คนไทยปากหนักมากกก พูดคำว่าขอบคุณไม่เป็น แล้วไปตามร้านอาหาร
ก้อยังมีทัศนคติว่าเด็กเสริฟ์เป็นขี้ข้า เพลียอะ คนเราทุกคนควรมีสถานะเท่ากันอะ ไม่ว่าอาชีพไรก้อตาม
เอาเพื่อนมาด้วยให้พาเที่ยว ปีที่แล้วมีเพื่อนมาหาให้พาเที่ยวสิบวัน เค้าเอาเพื่อนมาด้วย
พอมาถึงตลอดทริปตัวเพื่อนก้อโพสเฟช อัฟรูป ปล่อยให้เราดูแลเทคแคร์เพื่อนเค้า
เพื่อนเค้าชาติที่แล้วคงเคยเกิดเป็นไก่อะ จิกใช้เราอย่างกะเป็นคนใช้ เราก้อไม่อยาก
พูดไร คิดว่าแค่สิบวันก้อจบ พอใกล้จบทริปเพื่อนของเพื่อนมีหน้ามาบอกปีหน้าขอมาเที่ยวเดือนนึง
ให้พาเที่ยวกับขอมาพักด้วย เราอึ้งค่ะ ตอนนี้ปิดเฟชบุคละ เพื่อนในไลน์ก้อมีแค่คนในครอบครัว
แล้วสงสัยอย่างนะ คนไทยปากหนักมากกก พูดคำว่าขอบคุณไม่เป็น แล้วไปตามร้านอาหาร
ก้อยังมีทัศนคติว่าเด็กเสริฟ์เป็นขี้ข้า เพลียอะ คนเราทุกคนควรมีสถานะเท่ากันอะ ไม่ว่าอาชีพไรก้อตาม
ความคิดเห็นที่ 1
ของคุณ จขกท คือเพื่อน เราสิเจอเพื่อนร่วมงานของน้อง ไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้าค่าตา แค่รู้ว่าเราอยู่ต่างประเทศ ตอนนั้นโทรไปคุยกับน้อง แล้วน้องอยู่ออฟฟิศ เพื่อนร่วมงานคนนี้เลยรู้ เลยบอกน้องว่าเอาที่อยู่พี่เธอมา ฉันจะไปที่นั่น ขออยู่ด้วยจนกว่าจะหางานทำได้ ขุ่นพระ!! จะมาขออาศัยอยู่บ้านโดยที่ไม่รู้จัก ไม่ถามเจ้าของบ้านสักคำ แล้วที่ว่าจะมาหางานทำ จะมาด้วยวีซ่าอะไร ตอนนั่นน้องเลยบอกไปว่าพี่ชั้นอยู่บ้านนอก ไกลปืนเที่ยง ไม่มีงานให้ทำหรอก
รายต่อมา เพื่อนสมัยเรียนมัธยมต้นของน้อง ไม่ทราบว่าไปรู้มาจากไหนว่าเราอยู่ต่างประเทศ ติดต่อน้องเราบอกว่าจะฝากหลานไปเรียนหนังสือ ขออาศัยกับเรา น้องเราปฏิเสธไปทันที มาบ่นกับเราว่า ไม่เคยติดต่อกันมาเป็นสิบปี อยู่ดีๆ จะเอาหลานมาฝาก มันเรื่องอะไร
เจอสองรายนี้ก็เงิบจนพูดไม่ออก แปลกใจมากว่าไม่เคยรู้จักกัน ทำไมไม่มีความเกรงใจสักนิด ยังสงสัยว่าถ้าได้ที่อยู่ เขาจะกล้ามาเคาะประตูบ้านขออาศัยได้ลงหรือ ไม่คิดบ้างหรือว่าเรามีครอบครัวของเรา ไม่อยากให้คนแปลกหน้ามาอาศัยด้วย
น้องเราเสียอีก เคยบอกหลายครั้งว่าถ้าหลานจะมาเรียนต่อหรือเรียนภาษาอังกฤษช่วงปิดเทอม มาได้เลยนะ ยินดีต้อนรับเสมอ ก็หลานเราเอง กินอยู่ฟรี น้องเรายังไม่ส่งลูกมาเลย ทั้งที่เงินเดือนส่งลูกมาเรียนได้สบายๆ แต่เกรงใจเรากับแฟน พี่น้องกลับมีความเกรงใจมากกว่าคนอื่น
รายต่อมา เพื่อนสมัยเรียนมัธยมต้นของน้อง ไม่ทราบว่าไปรู้มาจากไหนว่าเราอยู่ต่างประเทศ ติดต่อน้องเราบอกว่าจะฝากหลานไปเรียนหนังสือ ขออาศัยกับเรา น้องเราปฏิเสธไปทันที มาบ่นกับเราว่า ไม่เคยติดต่อกันมาเป็นสิบปี อยู่ดีๆ จะเอาหลานมาฝาก มันเรื่องอะไร
เจอสองรายนี้ก็เงิบจนพูดไม่ออก แปลกใจมากว่าไม่เคยรู้จักกัน ทำไมไม่มีความเกรงใจสักนิด ยังสงสัยว่าถ้าได้ที่อยู่ เขาจะกล้ามาเคาะประตูบ้านขออาศัยได้ลงหรือ ไม่คิดบ้างหรือว่าเรามีครอบครัวของเรา ไม่อยากให้คนแปลกหน้ามาอาศัยด้วย
น้องเราเสียอีก เคยบอกหลายครั้งว่าถ้าหลานจะมาเรียนต่อหรือเรียนภาษาอังกฤษช่วงปิดเทอม มาได้เลยนะ ยินดีต้อนรับเสมอ ก็หลานเราเอง กินอยู่ฟรี น้องเรายังไม่ส่งลูกมาเลย ทั้งที่เงินเดือนส่งลูกมาเรียนได้สบายๆ แต่เกรงใจเรากับแฟน พี่น้องกลับมีความเกรงใจมากกว่าคนอื่น
แสดงความคิดเห็น
ช่วงนี้เห็นกระทู้ถามเรื่องขออาศัยบ้านคนอื่นเวลาไปอยู่เมืองนอกแล้วลำบากใจ ทำไมตอนขอมาอาศัย คนขอไม่คิดถึงผลเสียกันบ้าง?
แต่เจ้าของบ้านอย่างอิชั้นและสามี อกจะแตกตาย!!!
เพื่อนคนนี้รู้จักกันมานานเกือบ 30ปีแล้ว
แต่ในความเหมาะสม รวมถึงความสบายใจของเจ้าของบ้านคืออิชั้นและสามี ได้ออกปากปฏิเสธไปแล้ว แม้ทางโน้นจะไม่ค่อยพอใจ (เค้า) คิดว่าทางเราทำไมเรื่องแค่นี้ช่วยไม่ได้หรือ ทำไมล่ะ บลาๆๆๆ อิชั้นก็ใจดำบอกกันไป ซ้ำๆซากๆ ว่า ไม่สะดวกๆๆ เพราะการมีคนนอกเข้ามาอยู่ในบ้าน แม้ข้ามคืนเดียว ก็ทำให้เจ้าของบ้านคืออิชั้นและสามี อึดอัดจะตายชักแล้ว สามีเองญาติพี่น้องเพื่อนฝูง เค้ายังไม่เคยมีใครมาขออาศัย
ขอให้ศึกษาชีวิต ความเป็นอยู่ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ของประเทศที่จะไปบ้าง
เพราะเจ้าของบ้านหลายๆคนก็ทำงานไม่เป็นเวลา นอนไม่เป็นเวลา อย่างบ้านอิชั้นเป็นต้น ที่สำคัญ ไม่มีเวลาพาเที่ยว เพราะนั่นหมายถึงต้องลางาน
เพราะฉะนั้นอย่ามาอยู่กะเพื่อนเลย ถ้าอยากมาเที่ยวแต่ไม่อยากไปกะทัวร์ ก็หาคนมาเป็นเพื่อนแล้วแขร์ค่าที่พัก สบายใจกว่ามาอาศัยเพื่อน
จึงอยากจะแชร์ว่า
คนไทยที่อยากมาเที่ยวต่างประเทศ อย่าคิดว่าการที่เจ้าของบ้านแบ่งรับแบ่งสู้ หรือ บอกว่ายินดีพาเที่ยว มันไม่ได้หมายความว่าเค้า ยินดีให้มากิน มานอน ทำตัวตามสบายเหมือนอยู่บ้านคุณเอง เพราะเมื่อไหร่เจ้าของบ้านเอ่ยปากบอกแบบนั้น คือ เค้าหวานอมขมกลืนแท้ๆ เค้าอาจจะสงสารพวกคุณ เค้าอัดอั้นตันใจ แบ่งรับแบ่งสู้ อยากรักษามิตรภาพ หรือ บางคนอาจจะเคยมีบุญคุณกันมาก่อน ซึ่งในกรณีอิชั้นนั้น มีแต่ฝ่ายเราช่วยเหลือมาตลอดไม่มีหนี้บุญคุณใดใดเลย ถ้าจะมีคือ ฝ่ายเรามีคุณกับเค้า เค้าจึงเห็นว่าเราใจดี พึ่งพาอาศัยได้แค่นั้นเอง
คำว่ามาขอความช่วยเหลือ ควรเก็บไว้ใช้กับคนที่ลำบากที่สุด ไม่มีที่ไป ไม่มีเงิน ไม่มีข้าวกิน ไม่มีบ้านอยู่อาศัย ไม่เคยท่องโลก ไม่เคยเที่ยวประเทศไหนๆเลย คนเหล่านั้นบางคนเค้ายังภูมิใจที่จะนอนข้างถนนมากกว่ามาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนหรือคนรู้จักอื่นๆเลย เค้าเรียกมีศักดิ์ศรีในตัวเอง ยิ่งคนไทยรวยๆมีกินมีใช้อยู่แล้ว อย่าตระหนี่ถี่เหนียวกับเรื่องท่องเที่ยวของตัวเองเลยนะ อย่าไปขอความช่วยเหลือจากใครเลย แม้จะเป็นเพื่อนกัน ญาติกัน แต่คุณไม่รู้ปัญหาในครอบครัวเค้าว่า ถ้าคุณมาขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเนี่ย มันจะสร้างความเดือดร้อนให้พวกเค้ายังไงกันบ้าง คนเคยรักกันก็กลายเป็นชิงชัง เช่น อิชั้นกะเพื่อนเป็นต้น มันมีแต่บ่อนทำลายนะคะ
ในกรณีเพื่อนอิชั้นได้บอกไปแล้วว่า ไม่สามารถช่วยเหลือเรื่องวีซ่าให้ได้ แม้วีซ่าอาจจะผ่านเพราะทำเองโดยไม่มีจดหมายรับรองจากทางเรา แต่เราก็ไม่สามารถให้มาพักที่บ้านได้เหมือนกัน คืองานนี้เสียเพื่อนก็คิดว่า ยินดีมาก
ก็แค่ขอฝากเป็นข้อแนะนำสำหรับคนที่จะเดินทางต่างประเทศและชอบขอความช่วยเหลือจากคนอื่นๆที่ต่างประเทศ แม้เค้าอาจจะช่วยได้ก็ขอให้คนขอมีความเกรงใจเค้าบ้าง อย่าเอาเปรียบกัน อย่าเห็นแก่ความสบายของตัวเองฝ่ายเดียว คิดถึงความลำบากกายใจของอีกฝ่ายด้วย ถ้าเป็นคนพุทธก็ขอให้นึกถึงเรื่องความไม่เบียดเบียดกันไว้ด้วย อย่าต้องให้คนช่วยเหลือ ต้องแผ่เมตตาตามหลัง
ใครเคยมีปัญหาทั้งเป็น ผู้ขออาศัย และ เจ้าของบ้าน เข้ามาแบ่งปันประสบการณ์กันตามสบายค่ะ
จะได้ให้ขัอคิดกันทุกฝ่าย
ขอบคุณค่ะ