[SR] เกาะหมากมีอะไร ... ทำไมฉันถึงต้องไปเกาะหมาก [วันที่ 1]

พูดถึง "เกาะหมาก"  เพื่อน ๆ นึกถึงอะไรกันบ้างนะคะ   ถ้าถามพิม พิมก็คงนึกถึงทะเลสวย  หาดทรายขาว  น้ำทะเลใสๆ  และที่ขาดไม่ได้ คือ อาหารทะเลที่ทั้งสด และอร่อยอ่ะค่ะ ^_^

จะว่าไปปกติแล้วพิมเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ไปทะเลเลยนะคะ   เพราะพิมรู้สึกว่าทะเลมันเวิ้งว้าง  แบบว่ามองไปทางไหนก็เหมือนไม่มีอะไร มีแต่น้ำทะเลสีเขียวสีฟ้าโล้น ๆ โล่ง ๆ สุดลูกหูลูกตาเท่านั้นเองอ่ะค่ะ  เพราะงั้นเวลาพิมนึกอยากจะเที่ยวไหน  ที่ ๆ พิมคิดขึ้นมาในหัวเลยก็คือ ป่า  หรือภูเขา ที่มีต้นไม้เยอะๆ   นั่นแหละค่ะ คือที่ ๆ พิมจะไป

จนเมื่อประมาณช่วงมีนาที่ผ่านมา  อยู่ดี ๆ กลางดึกคืนนึง พี่อ๋องจากเวบ Go Travel Photo  ซึ่งเป็นพี่ที่เราเคยได้ร่วมทริปกันตอนไปบุรีรัมย์ ในโครงการ 12 เมืองต้องห้าม..พลาดของ ททท. เมื่อกลางปีที่แล้วอ่ะค่ะ  ก็โทรมาถามพิมว่า  สนใจไปเกาะหมากในโปรเจค Castaway @ Low Carbon Island กับทาง อพท. ไหม ?? ตอนแรกพิมก็งง ๆ ค่ะ Castaway คืออะไร Low Carbon Island คืออะไร อพท. คืออะไร  แล้วเราจะไปเกาะหมากเพื่อทำอะไร บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  คือคำถามมีในหัวมากมาย  เพราะไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนเลย   แต่พี่อ๋องก็ใจเย็นมาก อธิบายคร่าวๆ ให้พิมฟังว่าอย่างนั้นคืออะไร อย่างนี้คืออะไร     พร้อมกับสรุปว่า งานนี้มันเหมาะกับพิมมากจริง ๆ นะ  บวกกับทางตัวแทนของ  อพท. โทรมาคุย  ทำให้พิมรู้สึกว่า เออ...อ โปรเจคนี้มันเหมาะกับพิมจริงๆ     พิมก็เลยตัดสินใจไป  ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยมีคำว่าทะเลหรือเกาะอยู่ในใจสักนิดเดียวเลยอ่ะค่ะ

พูดถึงโปรเจค Castaway @ Low Carbon Island แล้ว พิมเชื่อว่าหลายคนก็อาจจะสงสัยเหมือนพิมนะ  ว่าเป็นโปรเจคเกี่ยวกับอะไร และใครเป็นผู้จัดทำขึ้นมา  เพราะงั้นพิมจะเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังแบบสั้นๆ  ก่อนดีกว่า เพื่อความเข้าใจก่อนที่เราจะไปเที่ยวเกาะหมากด้วยกันถึง 5 วันเน๊าะคะ  ^_^

โปรเจค Castaway @ Low Carbon Inland เนี่ย  เป็นโปรเจคขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน  หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า อพท.  ร่วมมือกับสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม   หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า  ISMED  และหน่วยงานร่วมอีกหลายหน่วยงาน เพื่อช่วยกันเสริมสร้างการท่องเที่ยวในลักษณะ Low Carbon บนเกาะหมากค่ะ
หลายคนอาจจะสงสัยอีกล่ะว่า แล้วการท่องเที่ยวแบบ Low Carbon มันคืออะไร  มีความสำคัญขนาดไหนถึงกับจะต้องทำเป็นโปรเจคขึ้นมา .... การท่องเที่ยวแบบ Low Carbon  คือการท่องเที่ยวที่พิมเรียกง่ายๆ  ว่าท่องเที่ยวแบบรักโลกนะคะ (แต่ไม่ใช่โลกสวยนะ ^^)   คือการท่องเที่ยวแบบที่เราเที่ยวไปด้วย มีความสุข ได้รับความสนุกไปด้วย เหมือนการท่องเที่ยวปกติทั่วไป  แต่ระหว่างเที่ยว เราจะพยายามปลดปล่อยคาร์บอนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นได้เลยอ่ะค่ะ   เช่น จากเดิมที่เคยขี่มอไซด์บรื้น ๆ ไปเที่ยวจุดนั้นจุดนี้   ก็เปลี่ยนมาใช้วิธีขี่จักรยานแทน   นอกจากจะช่วยลดคาร์บอนที่เกิดจากการเผาไหม้ของน้ำมันแล้ว ก็ยังทำให้เราซึมซับกับบรรยากาศสวยงามระหว่างทางมากขึ้นอีกด้วยนะคะ  หรือจากเดิมที่เราเคยไปเที่ยวแล้วสั่งอาหารแปลกๆ  ที่ไม่มีในท้องถิ่นมากิน เช่น มาเกาะหมากแล้วสั่งพิซซ่า   ก็ลองเปลี่ยนมากินอาหารที่ใช้วัตถุดิบที่หาได้จากในท้องถิ่นแทน  เช่น ผัดกะเพราหมึก กุ้ง ต้มยำปลาทะเลสด ๆ   เพื่อลดการขนส่ง ลดการใช้น้ำมัน ซึ่งก็จะส่งผลทำให้เกิดการปล่อยคาร์บอนน้อยลงไปด้วย ... อะไรประมาณนี้อ่ะค่ะ   ซึ่งในเมืองไทยเราอาจจะยังไม่ค่อยได้ยินคนพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องนี้   แต่ในต่างประเทศแล้วเนี่ย ถือได้ว่าเป็นเทรนด์ใหม่ของการท่องเที่ยว  ที่เรียกว่าการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนเลยนะคะ ^_^

แล้วทำไมต้องเป็น "เกาะหมาก" ทำไมเป็นเกาะอื่นไม่ได้เหรอ ....... จริง ๆ แล้วพื้นที่ low carbon ในความดูแลของ อพท. ก็มีอยู่หลายที่หลายที่นะคะ   แต่เหตุผลที่เลือกเกาะหมากก็เพราะเกาะหมากเป็นเกาะที่ใคร ๆ คิดว่าไม่มีอะไรค่ะ  คนบนเกาะหมากเองก็บอกว่าเกาะตัวเองไม่มีอะไร  คือ ไม่มีร้านสะดวกซื้อ  ไม่มีตู้ ATM  ไม่มีเจ๊ทสกี ไม่มีบานาน่าโบ๊ท ไม่มีขยะ ไม่มีโจร  แต่ในคำว่าไม่มีอะไรนี่แหละค่ะ คือเสน่ห์ของเกาะหมาก  การที่เกาะ ๆ นึงที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงมากนัก  แต่ยังเป็นเกาะที่มีความสวยงามมาก หาดทรายสวย น้ำทะเลใสปิ๊ง ๆ  ยืนอยู่บนสะพาน ก็มีปลาว่ายเวียนมาให้ชม  อาหารการกินสมบูรณ์ ราคาไม่แพง  มีการจัดการในเรื่องของขยะ และพลังงานทดแทน (โซล่าเซลล์) อย่างมีประสิทธิภาพ   แถมธรรมชาติทั้งบนเกาะและในทะเลก็ยังสมบูรณ์มากกกกก   แล้วก็ยังมีการท่องเที่ยวในแบบวิถีชุมชนที่เรียบง่าย น่าสนใจ ไม่มีปัญหาเรื่องขโมยขโจร   ที่สำคัญนักท่องเที่ยวไปไหนมาไหนบนเกาะก็ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่น  ชาวบ้านมีแต่รอยยิ้ม  มีแต่คำทักทาย ก็เลยทำให้เกาะหมากเป็นสถานที่ ๆ น่าไปเยือนมาก  .......  เรียกว่าจากที่พิมไม่เคยสนใจทะเล ไม่เคยสนใจเกาะไหนสักเกาะ  แต่ตอนนี้เกาะหมากกลับอยู่ในหัวใจพิมไปแล้วอ่ะค่ะ  ^_^

โปรเจค Low Carbon Destination @ Koh Mak    เป็นโปรเจคที่ทาง อพท. ได้ชวนบล๊อคเกอร์ใน 4 สายการท่องเที่ยว ก็คือ กิน  จักรยาน  ถ่ายภาพ  และดำน้ำปีนเขา  รวมทั้งหมด 10 บล๊อคไปร่วมทริปกันเพื่อตามหาว่าเกาะหมากมีดียังไง และการท่องเที่ยวแบบ Low Carbon มันสนุกสนานมากน้อยแค่ไหนนะคะ   ซึ่งแน่นอนว่าครัวบ้านพิม ต้องอยู่ในทีมกินแน่นอนค่า  ...... ส่วนว่าจะได้กินอะไรบ้าง  ได้กินมากน้อยแค่ไหน อาหารที่เกาะหมากอร่อยจริงอย่างเค้าว่ากันไหม    ..... ก็ต้องตามพิมมาเลยค่า ^_^
ทริปนี้ของพิมเนี่ย เริ่มต้นกันที่ปั๊ม ปตท. วิภาวดี เมื่อหลังสงกรานต์ที่ผ่านมาค่ะ  สังเกตุว่าในภาพเหมือนพิมจะสดใส แต่จริง ๆ ขอบอกว่าง่วงมากกกนะคะ   เพราะเค้านัดกันตี 5 1/2   แล้วด้วยความที่พิมกลัวตื่นไม่ทัน  ก็เลยนอนไม่หลับซะงั้นค่า >_<
แล้วพอหลังจากขึ้นรถไปได้สักพัก  ด้วยความที่แอร์เย็น ๆ พิมก็เลยเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ >_<   ตื่นมาอีกทีคือถึงตราดแล้ว  และทุกคนกำลังจะลงจากรถไปกินข้าวกันแล้ว  คือแบบว่าหลับยาวนานมากกกค่ะ - -"
มื้อแรกของเราทุกคน (ไม่นับข้าวกล่อง ^^) ฝากท้องกันไว้ที่ร้านเรือนทะเลนะคะ  เป็นร้านอาหารแนวบ้านๆ ไม่หรูหรา แต่อยู่ติดริมทะเล บรรยากาศดีงาม  .. และเนื่องจากมื้อเช้าเรากินมาแบบค่อนข้างเบา   มื้อนี้ทาง อพท. ก็เลยจัดให้หนักนิ๊ดดนึง ทั้งข้าวผัดกุ้ง ต้มยำทะเล ทอดมันกุ้ง และก็กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา ... เรียกว่ามื้อนี้อิ่มแปล้  หนักท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อนกันไปตาม ๆ กันเลยค่ะ ฮ่ะๆ

หลังจากอิ่มหมีพีมันกับของคาวที่ร้านเรือทะเลกันไปเรียบร้อยแล้ว  ทีมของพิม (Eat it Fresh)  ซึ่งมีพิม คุณสามีพิม (แคช) และพี่เล็กจากเพจ LovelyTrip  ก็ตรงดิ่งกันไปกินของหวานกันต่อที่สวนทุเรียนของคุณไพฑูรย์นะคะ  จริงๆ การไปกินทุเรียนเนี่ยไม่ได้อยู่ในแผนเลยค่ะ   แต่ด้วยความอยากล้วนๆ   เพราะทุเรียนเป็นผลไม้สุดเลิฟของพิม  บวกกับพี่เจ้าหน้าที่ อพท. ประจำจังหวัดตราด มาบอกเราว่าทุเรียนสวนคุณไพฑูรย์อร่อยมากกกก อร่อยขนาดเป็นที่เชิดหน้าชูตาของจังหวัดตราดเลย เพราะงั้นงานนี้จะพลาดได้ยังไงเน๊าะคะ ^_^
สวนคุณไพฑูรย์อยู่ไม่ไกลจากร้านเรือนริมน้ำสักเท่าไหร่ค่ะ   ถ้าขับรถก็จะใช้เวลาประมาณ 30 กว่านาทีนะคะ  ......  สวนคุณไพฑูรย์อยู่ในเขตอำเภอเมืองมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 500 ไร่  แบ่งออกเป็น 2 แปลงใหญ่ ๆ ด้วยกัน  หลัก ๆ ก็ปลูกทุเรียนหมอนทองนี่แหละค่ะ  แต่พันธุ์อื่น เช่นก้านยาว ชะนี และผลไม้อย่างอื่น เช่น มังคุด เงาะ คุณลุงก็ปลูกนะคะ แต่ไม่มากเท่ากับทุเรียนนะคะ

ตอนที่พิมไปถึง คุณไพฑูรย์กำลังให้ลูกน้องขนทุเรียนขึ้นรถเพื่อไปส่งให้บริษัทนึงอยู่พอดีเลยค่ะ พิมเลยถามคุณลุงว่าปลูกทุเรียนเยอะขนาดนี้  หลัก ๆ คุณลุงเอาไปขายที่ไหน  คุณไพฑูรย์ก็บอกว่าส่งออกไปต่างประเทศเกือบทั้งหมดค่ะ  มีเจ้าที่รับซื้อกันอยู่ประจำอยู่  แต่ก็มีขายในประเทศบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นคนมาซื้อที่สวน อะไรประมาณนั้นนะคะ

ว่าแล้วคุณลุงก็ถามพวกเราว่า มาถึงที่สวนลุงแล้ว ชิมทุเรียนลุงสักหน่อยไหม  มีสุกอยู่ 4-5 ลูกพอดีเลย  ....  ด้วยความเกรงใจคุณลุง พิมก็เลยไม่กล้าปฏิเสธค่ะ ^^"  คุณลุงก็เลยจัดมาให้หลายพูเลยค่า
และหลังจากได้ชิมทุเรียนสวนคุณลุงแล้ว  ขอบอกเลยว่า อร่อยมากกกกกก ทั้งหวานมัน หอม และรสชาติเข้มข้น สมแล้วที่ใคร ๆ บอกว่าคุณภาพระดับส่งออกค่ะ

แต่ว่างานนี้พิมก็ไม่ได้กินมากนะคะ   เพราะกลัวว่าจะอิ่มเกิน  แล้วไปเรอบนรถ >_<   ก็เลยจัดไปแค่ 2 พูดเบา ๆ ขนาดในภาพเท่านั้นเองอ่ะค่ะ  ^_^

หลังจากอิ่มทั้งของคาวจากที่ร้านเรือนริมน้ำ และของหวานคือทุเรียนที่สวนคุณลุงไพฑูรย์แล้ว  ก็ได้เวลาไปเที่ยว เอ๊ยย.ย.ย.ย.ย ได้เวลาทำงานแล้วอ่ะค่ะ ^^  ซึ่งจุดหมายแรกของของเราก็คือ แหลมกลัด ที่ตั้งของชุมชนบ้านระวะ ... นะคะ
หลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ .. ไหนตอนแรกบอกจะไปเกาะหมาก  แล้วทำไมมาที่แหลมกลัด  แหลมกลัดมีอะไรน่าสนใจหรือเกี่ยวข้องกับเกาะหมากยังไงเหรอ ถึงได้มา  ....  ขอบอกว่าเยอะค่ะ แหลมกลัดมีอะไรที่น่าสนใจเยอะมาก ส่วนจะน่าสนใจยังไง พิมจะทยอยเล่าให้ฟังนะคะ

แหลมกลัด เดิมชื่อ แหลมตรัส ... เป็นแหล่งที่อยู่ของชุมชนบ้านระวะค่ะ  ซึ่งเป็นชุมชนที่ทำประมงปูม้าเป็นหลัก  (แต่ก็ทำประมงอย่างอื่นด้วย)   ชุมชนนี้เดิมเป็นชุมชนที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางทะเลมาก  แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทะเลแถบนี้ก็ประสบปัญหาเรื่องของโลกร้อนไม่ต่างจากที่อื่น  ทำให้ปูม้า และสัตว์ทะเลอื่นๆ ที่เคยจับได้ ลดน้อยลง   ชาวบ้านจึงได้รวมตัวกันจัดตั้งศูนย์อนุรักษ์ประมงชาวฝั่งหน้าปากคลองอ่าวระวะ รวมถึงจัดตั้งธนาคารปูม้าขึ้นมา   เพื่ออนุรักษ์และขยายพันธุ์ปูม้าไม่ให้หายไปจากท้องทะเลแหลมกลัดนะคะ

โดยชาวบ้านจะจับเอาแม่ปูที่ไข่แก่แล้วเนี่ยมาเลี้ยงไว้  พอถึงเวลาแม่ปูสลัดไข่ออกจากตัว (ทีละ 2-3 แสนฟอง)  ชาวบ้านเค้าก็จะรีบนำไข่ปูไปปล่อยลงสู่ทะเล เพื่อให้กลายเป็นลูกปู และปูตัวโตต่อไป   แล้วระหว่างที่ลูกปูยังเล็กอยู่  เพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกปลาตัวใหญ่หรือสัตว์ทะเลอื่นๆ  มากินตัวเอง  ลุกปูก็จะไปอาศัยอยู่ตามกอหญ้าทะเลนะคะ  แต่ปัจจุบันเนี่ยกอหญ้าทะเลแถว ๆ นี้ ส่วนใหญ่ตายในหน้าที่บ้าง ไม่ก็ถูกลากติดอวนขึ้นมาบ้าง  หญ้าทะเลที่เป็นหญ้าจริง ๆ ก็เลยเหลือน้อยเต็มที  ทางชุมชนเค้าก็เลยมีการจัดทำหญ้าทะเลเทียมขึ้นมา   โดยอาศัยความร่วมมือจากคนในชุมชนบ้าง จากนักท่องเที่ยว และจากองค์กรต่างๆ  เช่น อพท.  บ้าง จนปัจจุบันทะเลแหลมกลัด กลายเป็นแหล่งทำหญ้าทะเลเทียมมากที่สุดในประเทศไทยไปแล้วอ่ะค่ะ ^_^
ชื่อสินค้า:   Low Carbon Destination @ Koh Mak by อพท.
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่