วิธีเปลี่ยนจากเด็กเกรด 2.1 ในวันนั้น กลายเป็น 3.5 ในวันนี้

นานาสวัสดี ก่อนอื่นต้องบอกว่า เรามีความตั้งใจไว้ตั้งแต่เเรกว่า ถ้าเราใช้วิธีนี้ทำให้ได้เกรด 3.5 ในเทอมนี้ได้ เราจะตั้งกระทู้เพื่อเป็นแนวทางและสร้างทัศนคติที่ดีให้กับน้องๆที่กำลังจะเข้าหรือกำลังเรียนมหาลัย   เราเป็นคนๆนึงที่ตอนเรียนมัธยมได้เกรด 3 ขึ้นมาโดยตลอด ติดอันดับต้นๆของสายชั้นและเรียนอยู่ห้อง 2 ที่ใครๆเค้าก็บอกว่าเด็กเก่ง ตอน ม. 6 เราก็สอบติดมหาลัยหลายที่ โดยที่เราไม่เคยเรียนพิเศษกับติวเตอร์ไหนเลย นั่นทำให้เราคิดว่า "ฉันเก่ง" และเราเชื่อว่าในสังคมทุกวันนี้ยังมีเด็กประเภทเราอีกมาก (ตอนนี้เราเลิกทะนงตัวเเบบนั้นเเล้ว) แล้ววันที่...เราก้าวมาเป็นเด็กมหาลัย อะไรๆก็ดูสวยงามไปหมด ชีวิตที่ไม่ต้องอยู่ในกฏเกณฑ์ ใกล้สอบก็อ่านปกติ อ่านเหมือนที่เคยอ่านตอนมัธยมแหละ หวังไว้เลย "เราต้องได้เกียรตินิยม" เท่ พอเกรดเทอมแรกออก 2.1 !! ฟ้าผ่ากลางหัว !! ช็อค !! ครั้งแรกในชีวิต !! ร้องไห้ เอาไงดีล่ะทีนี้ สิ่งแรกเลยคือ ด่าตัวเองว่าโง่ ไม่เก่ง ห่วยแตก , เอาตัวเองไปเทียบคนอื่น ยิ่งเห็นคนอื่นได้มาก ก็ยิ่งด่าตัวเอง โทษตัวเอง , เสียความมั่นใจในตัวเองสุดๆ เหมือนกับที่เค้าว่า "อยู่สูงมากเท่าไหร่ ตกลงมาก็เจ็บมากเท่านั้น" คือตอนนั้นรู้ซึ้งเลยค่ะ เจ็บกว่านั้นคือ คนรอบข้างที่เค้าคิดว่าเราเก่งมาตลอด เค้าก็ถามว่าเกรดเป็นไงบ้าง โอ้โห ตอบไงดีล่ะทีนี้ โกหกก็ไม่เก่ง พอบอกเกรดที่เเท้จริงไป ตึ้งงงง สายตาค่ะ สายตาที่เค้ามองเรามันเปลี่ยนไป คำพูดที่เค้าพูดกับเราก็เปลี่ยนไป ยังไม่พอค่ะ ยังมีระเบิดลูกใหญ่กว่านี้... "ลูกป้าเทอมนี้ได้ 3 กว่าเลยแหละ แต่ป้าก็ว่าน้อยนะ" สาวแว่น พอเจอแบบนี้ ตั้งใจไว้เลยว่า "เทอมหน้าเอาใหม่" 5555 คุ้นๆมั๊ยคะคำนี้ เด็กมหาลัยส่วนใหญ่คุ้นเคยกับคำนี้ดี จุ๊บๆ พอเทอมถัดไป ตั้งใจเรียนสุดๆ ปากกาสี ปากกาไฮไลท์มีครบทุกสี จดมันทุกอย่าง อาจารย์พูดอะไร จดเข้าไป ออกแน่ๆ !! พอใกล้สอบ ตายละหว่า ทำไมเนื้อหาเยอะงี้ ที่ไฮไลท์ก็น่าจะออก ที่จดเพิ่มมา อ. ก็บอกว่าจะออก เห้ย หนูอ่านไม่ทันแล้วววค่ะจารย์ เทอมนี้มีตั้ง 7 ตัว ไหนจะต้องปั่นรีพอร์ทแลปส่ง อ. ก่อนสอบอีก ! สุดท้ายพอเกรดออก 2.74 !! เห้ยเกรดเพิ่มขึ้นละ ดีใจๆๆ ยิ้ม  แสดงว่าการจดที่ อ.พูดในห้องนอกเหนือจากชีทมีผล พอเทอมถัดไป ความมั่นใจเริ่มกลับขึ้นมา พร้อมกับความมุ่งมั่นมากขึ้น แต่ดั๊นลืมไปว่าเทอมนี้มีแต่เคมีที่คำนวณเยอะมากๆ เเคลก็มา ชีวะก็มี ภาษาอังกฤษเขียนที 2 หน้า คือมีความตั้งใจแต่ไม่ฝึกฝน จบกัน เทอมนั้นกลับมาที่ 2.19 !! Facepalm ความรู้สึกเดิมๆกลับมาอีกครั้ง เจอเพื่อนที่ได้ 3.9 ว่าให้อีก "แกต้องพยายามมากกว่านี้ แกยังพยายามไม่พอ" นั่นไง ดูมันพูด มาว่าให้เราอีก รู้ได้ไงเราไม่พยายาม บลาๆ โทษนั่นโทษนี่ไปหมด และก็วนเวียนอยู่แบบนี้จนถึงปี 3 ค่ะ ใช้วิธีอ่านหนังสือแบบผิดๆมา 5 เทอม (ตอนซัมเมอร์ที่ใครๆบอกว่าเกรดง่าย ก็ได้ 2.5 มา T^T) พอปี 3 จัดระบบความคิดใหม่ สร้างทัศนคติดีๆให้กับตัวเอง วางแผนการอ่านหนังสือใหม่ ทำให้ 2 เทอมที่ผ่านมามันทำให้เรารู้สึกดีมาก มากแบบที่ตั้งแต่เข้ามหาลัยมาไม่เคยเป็นมาก่อน มาดูกันค่ะ ว่าเราทำยังไง....

1. สร้างทัศนคติที่ดีและเคารพตนเอง : หากเรามองว่าตัวเองโง่ ห่วย ด่าตัวเองซ้ำๆ ดูถูกตัวเองซ้ำๆ แล้วเราจะเอากำลังใจจากไหนมา ต่อให้คนรอบข้างบอกเราว่า "สู้ๆนะ" แต่เรายังด่าตัวเองว่า "ฉันโง่ ห่วย จะทำได้ไง" คำพูดของคนมากมายก็ช่วยอะไรเราไม่ได้หรอก และหากใครที่โดนดูถูก อย่าเอามันมาทำร้ายตัวเอง ขอให้ใช้คำดูถูกนั้น มาผลักดันตัวเอง และพิสูจน์ให้เค้าเห็นว่า "เราก็ทำได้"
2. ตั้งใจฟังสิ่งที่อาจารย์พูดและจับประเด็นหลักให้ได้ : เเรกๆอาจจะยาก แต่ขอให้พยายามดูค่ะ ไม่งั้นสอบทีนึง อ่านชีทหมดปึก ก็จำไม่หมดหรอก ซ้ำยังจะทำให้เราท้อและขี้เกียจอ่านอีก
3. ลองสรุปสิ่งที่เราเรียนในแต่ละสัปดาห์ด้วยคำพูดที่เราเข้าใจง่ายๆ : การท่องจำเก่งช่วยให้ทำข้อสอบได้ก็จริง แล้วถ้าต้องคำนวณล่ะ ? มันจะดีกว่ามั๊ยคะ ถ้าเราไม่ต้องจำมากๆ แต่ใช้ความเข้าใจ พอเห็นข้อสอบ "อุ้ย ทำไมอาจารย์ออกง่ายจัง" 55555
4. เชื่อมโยงเนื้อหาให้เป็น : เเรกๆอาจจะยาก แต่ถ้าทำข้อ 1-3 ได้ ข้อนี้ก็สบายๆเลยค่ะ เพราะเราเคยผ่านจุดนี้มาก่อน พอเจอข้อสอบคิดวิเคราะห์หรือประยุกต์ เราก็ตายอย่างเขียด ! ตกหลุมพลางอาจารย์เลย T^T
5. อ่านก็คืออ่าน อย่าอ่านจนแบตมือถือหมด 555 : เราคนนึงชอบอ่านหนังสือที่ร้านกาแฟ ร้านน่ารักๆ บรรยากาศดีๆ แต่สิ่งที่ได้ อ่ะเช็คอินพร้อมแคปชั่น "อ่านหนังสือกัน" แล้วก็อ่านครึ่งชั่วโมง อ่าวเพื่อนเม้น อ่ะตอบเม้น อ้าว คนที่ชอบโพส เฮ้ยโพสถึงใคร เราเปล่า? ถ้าไม่ใช่เราเเล้วเค้าหมายถึงใคร นอยนีนอยนีนอยๆ กันเลยทีเดียว สมาธิหายโม้ดด ซึ่งเอาจริงๆ เเทบไม่ได้อ่านเลย 555 เพราะฉะนั้น กำหนดไว้เลย "ฉันจะอ่าน 2 ชั่วโมงนะ" ซึ่ง 2 ชั่วโมงนั้นเราต้องเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในชีทนั้นให้ได้ เหมือนท่องไปในอีกโลกนึง อยู่กับมัน สนุกไปกับมัน เข้าใจมัน แล้วหลังจากนั้นจะจับมือถือหรือเล่นเกมส์ก็ไม่เสียหายอะไร ถือว่าภาระกิจนี้ลุล่วงแล้ว เย้ๆๆๆ
6. อย่าดราม่าชีวิตหดหู่ : ช่วงอ่านหนังสือสอบนี่ควรให้อารมณ์นิ่งๆ ไม่ควรหาเรื่องดราม่า นอยด์ ทะเลาะกับแฟน หรืออะไรที่มีผลต่ออารมณ์ด้านดาร์คๆ ไม่งั้นเราก็จะ "ไม่อ่านมันละโว้ยยยย" เราเคยมีเพื่อนคนนึง เรียนโอเคเลยเเหละ เทอมนั้นทะเลาะกับแฟนแล้วเลิกช่วงสอบพอดี คือชีวิตดิ่งเลยนะ ถ้าผ่านมันไปไม่ได้
7. หาเวลาผ่อนคลายบ้าง : ดูหนัง ฟังเพลง แต่ไม่ใช่ดูซีรีส์เกาหลีนะ ไม่งั้นยาวววว สอบเสร็จ ยังดูซีรีส์ไม่จบเลย 555555
8. นึกถึงพ่อแม่ทุกครั้งเวลาจะไปสอบ : ก่อนสอบเรามักจะ "ขอบุญบารมีพ่อแม่มาปกเกล้าปกกระหม่อมลูก ให้มีสติ สมาธิ ปัญญาด้วยเทอด" นอกจากเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ ยังเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนเราว่า ยังมีพ่อเเม่ที่รอดูความสำเร็จของเราอยู่
9. นั่งสมาธิ สวดมนต์บ้าง : เคยเป็นมั๊ย อ่านหนังสือมาเเทบตาย เจอข้อสอบก็เเสนง่าย  รู้นะว่าจะตอบว่าไร แต่ดั้นคิดไม่ออก เกิดอาการลนข้อสอบซะงั้น เพราะฉะนั้น หมั่นนั่งสมาธิ ฝึกสติ และสวดมนต์ เพื่อให้เรามีสติและไม่ลนเวลาเจอข้อสอบ สำหรับเรา ข้อนี้ช่วยได้มากๆเลย
10. ทบทวนกับเพื่อนซัก 2 ชั่วโมงก่อนสอบ : สิ่งที่เพื่อนพูดอาจออกสอบ และสิ่งที่เราตอบผิดแล้วเพื่อนช่วยแก้ให้ถูก นั่นแหละ มันจะเเว๊บและก้องในหัวเราตอนเจอข้อสอบ

         10 ข้อง่ายๆที่เหมือนจะยาก แต่ถ้าหากลองทำดู และฝึกฝนให้เป็นนิสัย มันก็จะช่วยให้การเรียนดีขึ้นได้ "คนเก่งเค้าอาจจะอ่านเเค่ 2 รอบเเล้วทำข้อสอบได้ แต่เราอาจจะต้องอ่าน 10 รอบถึงทำข้อสอบได้ ระหว่างนั้นมันอาจจะเบื่อ ท้อ เหนื่อย แต่ขอให้รู้ไว้...สิ่งตอบแทนมันย่อมคุ้มค่าเสมอ" สู้ๆนะคะ "สิ่งที่ยากที่สุดไม่ใช่ชนะคนอื่น แต่เป็น...เราชนะใจตนเอง" นานาขอบคุณ

ปล. ใครมีทริคดีๆในการอ่านหนังสือ มาแชร์กันนะคะ เม่าเนิร์ด

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่