เลิกกับแฟนเก่ามา 6 ปี แต่ทำไมยังฝันเกือบทุกวัน

เมื่อปี 2552 ผมได้เรียนอยู่โรงเรียนช่างกลย่านหนองแขม ผมมีเพื่อนเรียนอยู่โรงเรียนพานิชย่านจรัญสนิทวงศ์ ด้วยความที่เป็นเด็กก็เลยโทรหาเพื่อน ให้ติดต่อเพื่อนผู้หญิงให้ 1 คน สรุปเพื่อนก็ติดต่อให้ แล้วเราก็ได้โทรคุยกับเขาและนัดเจอที่เดอะมอลล์บางแค ครั้งแรกที่ผมเห็นหน้าเขา ผมรู้สึกหลงไหลทันที หลังจากนั้นเราก็ได้คุยกันไปเรื่อย ๆ จนได้สนิทกันมากขึ้น จนผมบอกเขาว่าเป็นแฟนกันนะ ต่างคนก็ต่างเขิน สรุปว่าเขาก็ได้ตกลงเป็นแฟนกับผม พอผ่านไปเรื่อย ๆ ผมได้นำโทรศัพท์เพื่อนร่วมห้องโทรหาเขา คือจะโทรลองใจกัน ผมได้ถามเขาว่ามีแฟนหรือยังครับ โดยทีเขาตอบกลับมา ยังค่ะ เท่านั้นหละครับ ผมเลยบอกว่า เราเอง เขาก็เงียบไปสักพักแล้วเขาก็ได้ตัดสายไป ผมก็โทรไปหลายรอบเขาก็ไม่รับ ผมรู้สึกเสียใจมาก จนกลับมาถึงบ้านลองโทรอีกสักรอบ สรุปเขารับสายผม ผมก็ได้ถามเขาว่าทำไมถึงทำแบบนี้ เขาก็เงียบ ๆ หลังจากนั้นเขาก็ตัดสายผมไป ผมก็รู้สึกว่าคนนี้เขายังไม่จริงใจกับเรา ผมก็ไม่โทรหาเลย หลังจาก 6 เดือนผ่านมา เขาได้โทรมาหาผม แล้วบอกว่าเปลี่ยนเพลง HI5 ให้หน่อย (สมัยนั้น HI5 ดังมากครับ) ผมก็ได้บอกว่าจะเอาเพลงอะไร เดี๋ยวลงให้ เขาก็บอกเพลงอะไรก็ได้ ด้วยความที่ผมไม่รู้จะเอาเพลงอะไรลง ตอนนั้นมีเพลงหญิงไทย ของดา เอ็นโดรฟิน ผมก็เอาเพลงนี้ลงให้เขา หลังจากนั้นก็ได้ผมก็ได้คุยกับเขา ทั้ง ๆ ที่เขาทำผมเจ็บ แต่ผมก็ไม่รู้สึกโกรธอะไรเขา ผมก็ลองดูอีกสักครั้งว่ะ ไม่มีไรจะเสียแล้ว คุยนู๊นคุยนี้ ตามภาษาเด็ก ๆ พอคุยไปกันนาน ๆ ผมรู้สึกรักเขามาก ผมเลิกเรียน 14.30 ผมรีบกลับมาแต่งตัวออกไปหาเขาเดอะมอลล์ เพราะผมกับเขาจะนัดกันเดอะมอลล์ทุกวัน ก็จะนั่งแต่ที่เดิม ๆ หน้าร้านทองชั้น G โต๊ะสีขาวเก้าอี้สีขาว จนถึงวันเกิดเขา ด้วยความที่ผมไม่เคยซื้อของให้ผู้หญิงคนไหนมาก่อน ผมก็เลยซื้อดอกกุหลาบมา 1 ช่อใหญ่แล้วก็ทำนาฬิกาโดยมีพื้นเป็นรูปผมกับเขา ผมก็เขินทั้งแต่เดินออกจากบ้านมาคนมองกันเต็ม คนในหมู่บ้านไม่เท่าไหร่ผมเดินขึ้นรถเมล์มาปุ๊บ เจอเด็กช่างโรงเรียนเดียวกันอีก มองกันทั้งคน ผมนี่รีบลงป้ายหน้าแล้วโบกแท็กซี่เลย พอถึงหน้าเดอะมอลล์ โอ้โห ทำไมคนมันเยอะจังว่ะ ทั้ง ๆ ที่ลงจากรถแอร์เย็น ๆ พอเดินกำลังจะขึ้นห้าง เหงื่อผมนี่มาเต็มเลยครับ ระหว่างที่เดินไปหาเขา คนก็มองกัน ยิ้มกัน ผมก็นึกในใจว่า ไม่เคยทำกันไงว่ะ อายก็อาย พอเดินไปถึงจุดหมายเขาได้นั่งหันหลังพอดี ผมก็ได้ยื่นดอกไม้ให้ เขานี่เขินเลยครับ หน้าแดงอย่างกับมะเขือเทศคนในร้านทองก็มองแล้วยิ้ม ถ่ายรูปบ้าง อะไรก็ไม่รู้ ภาพวันนั้นผมจำได้ขึ้นใจเลย ด้วยความเป็นเด็กผมเลยถามเขาว่า อยากอยู่ใกล้ ๆ กันมั้ย จะได้ไม่ต้องมานัดเจอกันทุกวัน ผมก็เริ่มปรึกษาเขาว่าจะย้ายโรงเรียน จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียเวลาเพราะโรงเรียนเขาเลิกก่อนผม เขาก็โอเคที่ผมจะย้ายโรงเรียน ผมก็หาที่เรียนใกล้ ๆ เขา จนได้ที่เรียนอีกอย่างมีสาขาที่ผมอยากเรียนด้วย นั่นคือโรงเรียนอาชีวย่านจรัญสนิทวงศ์ โรงเรียนเขากับโรงเรียนผมใกล้กันมาก จนผมได้ย้ายมาเรียนโรงเรียนนี้ ด้วยที่โรงเรียนนี้มีระบบรุ่นพี่รุ่นน้อง ปกติเลิก 14.00 น. รุ่นพี่เรียกก็เลิก 16.00-17.00 น. แต่สมัยนี้คงไม่มีแล้วมั้ง ผมก็ได้บอกเขาให้รอก่อน เดี๋ยวกลับพร้อมกัน เขาก็โอเค สรุปก็กลับพร้อมกันทุกวัน (ช่วงแรก ๆ) พอมาโรงเรียนถ้าผมมาก่อน ผมก็จะลงป้ายรถเมล์ที่เขาต้องขึ้นทุกวัน เพื่อเราจะได้มาพร้อมกัน เราทำแบบนี้ทุกวัน จนมาวันนึงเขาอยากให้ผมตัดหน้าม้า แล้วบังเอิญเพื่อนที่ติดต่อผู้หญิงคนนี้ เขาได้ย้ายมาเรียนที่เดียวกับผมด้วย เขาเรียนคหกรรม ผมเดินดิ่งไปหาเขาเลย บอกว่า ตัดหน้ามาให้กูหน่อยดิ มันก็บอกตัดไม่เป็น จนมีรุ่นพี่ของเพื่อนเดินมาถามว่าทำไรกัน ผมเลยบอกว่าจะให้เพื่อนตัดหน้าม้าให้ รุ่นพี่ของเพื่อนก็ตัดให้ หลังจากนั้นไม่รู้อะไรเขาสิงห์ ผมรู้สึกชอบรุ่นพี่ของเพื่อนที่ตัดหน้าม้าให้ แล้วก็ไม่รู้ทำเป็นท่าไหน ได้เบอร์มาเฉย ผมกับแฟนก็เริ่มห่างกัน เพราะว่าผมได้ไปคุยกับรุ่นพี่ของเพื่อน จนมาถึงวันนึงรุ่นพี่ของเพื่อนได้ยืมโทรศัพท์ แล้วแฟนผมได้โทรมา ได้มีปากเสียงกัน แล้วผมก็ได้เลิกลากับเขาไป ผมรู้สึกเสียใจมาก ไม่รู้ทำไมผมถึงได้หลงรุ่นพี่ของเพื่อนมากนัก สรุปเลยผมได้เลือกรุ่นพี่ของเพื่อน ทุกวันนี้ผมยังรู้สึกผิดมากที่ทำเขาร้องไห้และผมก็เสียใจมากที่ทิ้งเขาไป และเขาได้บอกผมว่า ไม่น่าให้มาเรียนที่นี่เลย

ปัจจุบันนี้ ตรง ๆ เลย ผมยังลืมเขาไม่ได้และผมก็อยากจะกลับไปเริ่มต้นกับเขาใหม่ แต่ติดแฟนปัจจุบัน หลังจากนั้นผมเลยไม่กล้าบอกเลิกใครอีกเลย
ปล.ตั้งแต่ผมคบกับใครมา ผมโดนบอกเลิกเกือบทุกคน (เวรกรรมตามทัน)
ชื่อผม B ชื่อเขา B
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่