
สวัสดีคะเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน นี่เป็นกระทู้แรกของเรา หลังจากหลบซ่อนตัวเป็นผู้อ่านมานาน เดินทางตามรอยเพื่อนๆในพันทิปไปเที่ยวก็หลายครั้ง ตั้งใจจะเขียนรีวิวหลายทีล่ะ แต่ไม่เคยได้เขียนซักที เพราะทุกอย่างไม่เคยไปตามแผน พลาดตลอดทุกการเดินทาง ไปทะเลโทรศัพท์จมน้ำบ้าง รูปที่เซฟไว้กดลบไปหมดบ้าง 5555 มีครั้งนี้แหละค่าท่านผู้ชมมมม ที่เป็นไปตามแผนที่คิดไว้ ถึงจะแอบมีพลาดบ้างนิดนึงก็ตาม
กระทู้นี้เราไม่เน้นสาระเนอะ !!เอาไว้เป็นแพลนคร่าวๆสำหรับคนที่ไม่เคยไปได้ หรือคิดซ่ะว่าเข้ามาดูรูปเป็นแรงจูงใจให้เพื่อนๆอยากเก็บกระเป๋าออกไปเห็นด้วยตาตัวเองเนอะ ปล.อาจมีคำพูดไม่สุภาพ เขียนอาจไม่ถูกต้อง ต้องขออภัยไว้ก่อนเลยอยากให้มีแต่ความบันเทิง ไม่เอาดราม่าเนอะ


เอาล่ะ! มาเริ่มกันเลยดีกว่าเนอะ
ช่วงหยุดยาวที่ผ่านมาวันที่ 20-22 พ.ค 59 เรามีแพลนกับเพื่อนไว้ว่าจะไปเขาทะลุจังหวัดประจวบ พวกเราเป็นพวกบ้าทะเล ตั้งใจจะเก็บทะเลในไทยให้ครบก่อนตาย 555 แต่ด้วยงบประมาณล่ะความลังเลของเรา ทริปนี้จึงจบที่สังขละบุรี จากทะเลสู่สะพานมอญ ดูไม่แตกต่างเนอะ! สรุปสถานที่ได้ก็เริ่มอ่านรีวิวในพันทิป อ่านทุกวันจนไม่เป็นอันทำงาน อ่านจนรู้ทุกซอกทุกมุมของสังขละ แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ฟินเท่าไปเห็นด้วยตาของตัวเองหรอกค่ะ!
20 พ.ค 59
ตีห้าครึ่งพวกเราออกจากที่พักนั่งแท็กซี่ไปสถานนีรถไปธนบุรี เพื่อไปขึ้นรถไฟฟรี เราไปถึงประมาณ6โมงครึ่ง คนที่สถานีก็เยอะแล้วคะ อาจเป็นเพราะวันนี้เป็นวันหยุดยาวด้วย เราขึ้นไปรับตั๋วรถไฟฟรีจากพี่เจ้าหน้าที่โดยยื่นบัตรประชาชน แล้วแจ้งพี่เค้าคะว่าไปธนบุรี-น้ำตกรถไฟจะมาถึงประมาณ 7.35 น. เหลือเวลาอีก 1 ชม.ทำอะไรดีคะ หาของกินและถ่ายรูปคะ

ถ่ายรูปไปเพลินๆ หันมาอีกทีโอ้ววว คนเต็มสถานี ไปไหนกันแกรรร มาทำอะไรกันเยอะแยะ จะมีที่นั่งไหมเนี่ยย หรือจะต้องยืน!!!


รถไฟมาถึง ด้วยความที่เป็นชะนีที่แข็งแรงบวกกับร่างอันอวบอั๋น เราก็เบียดเสียดผู้คนแล้วขึ้นไปหาที่นั่งได้ ตามที่อ่านรีวิวมาต้องนั่งฝั่งซ้ายจะได้เห็นวิวแม่น้ำแคว ฝั่งซ้าย! ฝั่งซ้าย! ฝั่งซ้าย! เต็มค่ะ!!!! อย่างที่บอกวันนี้เป็นวันหยุดยาว ที่นั่งจึงเต็มเร็วและมีบางคนที่ต้องยืน

จริงๆแล้วการเดินทางไปได้หลายแบบนะคะ มีทั้งรถตู้ที่ขึ้นจากอนุสาวรีย์ หรือหมอชิตไปลงที่บขส.กาญจนบุรี ราคาอยู่ที่ 120 บาท หรือใครมีรถจะขับไปเองก็ตามใจคะ แต่เราเลือกที่จะไปรถไฟเพราะฟรี เอ้ย! เพราะระหว่างทาง...มันมีความสวยงามซ่อนอยุ่ค่ะ ได้มองดูผู้คนที่มาเป็นกลุ่ม บางคนก็มาเป็นคู่

บางคนเพิ่งเจอกัน แต่ก็คุยกันได้ตลอดทาง (นี่แหละคะมิตรภาพ ที่ขับรถมาเองจะไม่ได้เจอ ฮ่าๆๆ)

ได้กินข้าวราดแกงราคา 10 บาท รสชาติใช้ได้ สมราคา

ได้มองเห็นธรรมชาติที่สวยงาม

บางทีก็มีฝุ่นบ้าง เป็นอรรถรส 5555


ถึงสะพานข้ามแม่น้ำแควแล้ววว ดูวิวสิแกรรรร


พอรถไฟผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแคว คนที่อยู่บนสะพานก็ต้องหลบกันตรงนี้ ใกล้รถไฟมากๆเลยยย (อุ้ย! ผู้ชายมองกล้องด้วยย 555)

และแล้วก็ถึงสถานีที่รอคอย รถไฟจะมีการชะลอตัวก่อน ที่จะเคลื่อนตัวผ่านเส้นทางรถไฟสายมรณะ ตรงสถานีถ้ำกระแซ พวกเราย้ายที่นั่งมาอยู่ฟังซ้ายได้พอดี แต่ถ่ายรูปไว้ได้แค่นี้จริงๆไม่กล้าโผล่หัวไปมากก กลัวหัวหลุด 555


วิวมันสวยงามมากคุ้มกับการที่ นั่งตากฝุ่น ตากลม ตากฝนมา ฮ่าๆๆๆ

ข้างทางรถไฟ จะมีคนมายืนถ่ายรูปกัน ซึ่งอันตรายมากนะคะ ไม่มีที่กั้นด้วย ระมัดระวังกันด้วยน๊าาาา


เราถึงสถานีน้ำตกประมาณ 12.45 น.

เรานั่งรถสองแถวต่อไปน้ำตกไทรโยค เพื่อไปยืนรอขึ้นรถบัสสังขละบุรีที่ใต้ต้นหูกวาง ตามรีวิวเป๊ะ!!! ถึงใต้ต้นหูกวางประมาณ บ่ายโมงเดินไปถามแม่ค้าแถวนั้นเค้าบอกมาว่ารถบัสจะมาตอนบ่าย2 อ่ะ! เหลือเวลาทำไรดี? หาข้าวกินคะ แถวนั้นมีร้านอาหารหลายร้าน มีเซเว่นด้วย ใครไปถึงก็หาไรกินและซื้อขนมติดไปด้วยนะคะ เพราะกว่าจะไปถึงสังขละใช้เวลายาวนานมาก อย่าไปท้องร้องบนรถเหมือนเรา อายเค้าคะ! นี่ขนาดกินข้าวก่อนขึ้นรถแล้วนะ 555
รถบัสมาถึงเรารีบขึ้นไปหาที่นั่ง รถบัสเป็นรถปรับอากาศที่ไม่เย็นคะ บวกกับคนเยอะจึงทำให้มีคนที่ต้องยืน ยิ่งทำให้อากาศค่อนข้างแออัด หายใจไม่ออก ต้องเพิ่งยาดมตลอดทาง ราคาค่ารถอยู่ที่ 160บาท

แต่เราต้องมาเปลี่ยนรถที่หน้าวัดทองผาภูมิ เป็นรถบัสพัดลม ตอนแรกนั่งไปลมโกรกชิวๆดีค่ะ แต่พอฝนตกเท่านั้นแหละ หน้าต่างต้องถูกปิดอากาศเริ่มไม่ถ่ายเท หายใจไม่ออกอีกแล้ววว

ยืนยาวๆๆเลยค่าาาาา

ทางไปสังขละเป็นทางขึ้นลงเขาซ่ะส่วนใหญ่ใครขับรถมาเองต้องระมัดระวังด้วยนะคะ เรามาถึงสังขละเวลา 6โมงกว่าๆ ใช้เวลาเดินทางตั้งแต่ขึ้นรถไฟมาถึงสังขละบุรีทั้งหมด 12 ชม.โอ้วววระยะทางเท่ากับฉันนั่งรถทัวร์กลับบ้านที่กระบี่เลย.....
แล้วเราก็นั่งวินมอเตอร์ไซค์ต่อไปที่พักคะ

การเดินทางที่แสนยาวนานครั้งนี้มันคุ้มค่ะกับวิวที่อยู่ตรงหน้า วิวจากที่พักแรกของเรา Forget me not house and resort

เราเลือกห้องพัดลม ราคา 700 บาท สำหรับ2คน แต่เราไปกัน3สาว ทางที่พักคิดเพิ่มอีก 200 บาทเป็น 900บาทรวมอาหารเช้า สภาพห้องกว้างดีคะ มีเตียง5ฟุต 2เตียง มีพัดลมให้ 2ตัว แต่ดูมีความเก่า มีหยากไย่เข้ากับผนังไม้ มีความชิคดีคะ 555555

ห้องน้ำก็กว้าง น้ำฝักบัวไหลเบาเว่อออ ส่วนสายฉีดชักโครกมีความแรง มีความสะดุ้งคะ



เก็บสัมภาระเรียบร้อย อาบน้ำแต่งตัว แล้วเราก็ออกไปหาไรกินคะ เราเดินออกจากที่พักมาเรื่อยๆๆ แต่ตอนนั้นคือไม่มีของขายเลย ยิ่งเดินยิ่งมืด นี่เพิ่ง2ทุ่ม คนไปไหนหมดว่ะ นี่เมืองท่องเที่ยวนะเว้ยทำไม่เงียบจังว่ะ! เดินไปบ่นไปฝนก็ดันตกลงมาซ่ะอีก เรายืนเอ๋อซักพัก! ก็มีนางฟ้าตัวน้อยนั่งอยู่บนสามล้อมาโปรด ตะโกนเรียกว่า “พี่ค่ะไปตลาดกันไหมคะ” ไปสิคะรออะไร

เรากระโดนขึ้นสามล้อทันที น้องก็ชวนคุยตลอดทาง ถามว่าเรามาจากไหน? ไปตักบาตรตอนเช้าหรือยัง? ไปนั่งเรือชมวัดหรือเปล่า? เราบอกไปว่าพี่เพิ่งมาถึงยังไม่ได้ไปไหน น้องเลยจัดการแจกเบอร์โทรพร้อมบอกว่าพรุ่งนี้เจอกันที่สะพานนะพี่! ถึงตลาดจ่ายเงินค่าสามล้อคนละ 15 บาท พร้อมขอถ่ายรูปน้องก่อนลง สุดท้ายเกือบลืมถามชื่อ สรุปได้ว่าชื่อน้องพลอยนะคะ ใครไปเจอฝากทักทายด้วยคะ

วันที่เราไปนั้นที่ตลาดมีการจัดงาน ถนนคนเดินสังขละบุรี มีสินค้าแล้ะมีเวทีโชว์การแสดงพื้นเมืองจากเด็กๆในโรงเรียนของสังขละ
แต่ตอนที่เราไปถึงตลาดฝนตก แม่ค้าก็เริ่มทยอยเก็บของ เดินไปร้านแรกเจอขนมที่ชื่อว่า “ทองโย๊ะ ขนมกระเหรี่ยง” หน้าตาคล้ายๆกุ๊ยช่ายบ้านเราคะ แต่แข็งละจึดไปหน่อย ลองจิ้มนมดู อารมณ์เหมือนกินปาท่องโก๋อะ


เดินวนไปเรื่อยๆเจอกับร้าน หมูจุ่มตามรีวิว 555 จัดสิคะรออะไร ราคาไม้ละ1บาท รสชาติก็โอเค มีน้ำจิ้มให้ 2อย่าง คือน้ำจิ้มซีฟู้ดและน้ำจิ้มซอสแดงๆ ส่วนตัวเราชอบจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด แต่เพื่อนเราบอกว่าน้ำจิ้มซอสแดงๆอร่อยกว่า


ในร้านยังมียำอีกอย่าง ยำจะมีส่วนผสมของหมู กะหล่ำปลี แตงกวา เส้นโซบะเหลืองๆ ราดด้วยซอสแดงคลุกเคล้าให้เข้ากัน อ่ะเชิญแหลกค่า!!!!
รสชาติเพื่อนบอกอร่อย ส่วนเราไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ ร้านนี้พวกเราสอยหมูจุ่มไปทั้งหมด 65 ไม้ 3คนกินแบบจิบๆ เพราะมีอีกหลายอย่างที่ต้องกิน 555 เดินมาเรื่อยๆสะดุดตากับบาร์บีคิวไม้ใหญ่มากก ราคา15 บาท รสชาติดีให้ 3 ผ่านคะ
สุดท้ายเราก็มาจบที่เซเว่น ร้านอาหารหลักที่คุ้นเคยของเรา กะว่าจะเข้าไปซื้อเบียร์ไปจิบชิวๆที่ห้องพัก แต่ลืมไปคะว่าวันนี้เป็นวันวิสาขบูชา งดขาย!อดกินไปคะ เราเลยได้ขนมติดไม้ติดมือมานิดหน่อย ราคาสินค้าในเซเว่นไม่ได้บวกเพิ่มเหมือนเซเว่นตามแหล่งท่องเที่ยวทั่วไปนะคะ เซเว่นที่สังขละจะอยู่ซอยข้างตลาด ในตลาดมีธนาคาร และATM อยู่หลายจุดใครช้อปจนเงินหมดไม่ต้องกังวลคะ5555
ขากลับเราก็เดินถามแม่ค้าแถวนั้น หาวินมอเตอร์ไซค์ หรือเรียกอีกอย่างว่าเมล์เครื่อง นั่งกลับไปที่พัก แล้วก็นั่งกินขนมคุยกันที่โต๊ะหน้าห้องสักพัก สี่ทุ่มกว่าๆเราก็เดินเข้าห้องพัก แล้วจู่ก็ได้ยินเสียงคนมาเคาะประตู แล้วพูดอะไรไม่รู้เสียงผู้ชายๆ ด้วยความที่เราอยู่กันสามสาว และมีความสวยมากอยู่ เลยไม่กล้าเปิดประตูออกไป
พอเสียงนั้นเงียบเลยนึกขึ้นได้ว่าข้างๆห้องเราเป็นฝรั่งผู้หญิงคนเดียวนี่หว่า เค้ามีอะไรหรือเปล่าว่ะ เลยตัดสินใจเปิดประตูไป ฝรั่งข้างห้องก็โผล่มาพร้อมบ่นๆพวกเรา ประมาณว่าเค้าจะนอน คุยกันเบาๆหน่อย แปลได้แค่นี้จริงๆ ตอนแรกตกใจกลัวนึกว่าผู้ชายที่ไหนจะเข้ามาทำมิดีมิร้ายย!!! เราก็ได้แต่ยกมือขอโทษไปตามระเบียบ เวลาอยู่กับเพื่อนทีไรเสียงดังทุกที ลืมตัวตลอด ซอรี่อีกที่นะยู เราไม่ได้ตั้งใจค่า หลังจากนั่นเราก็อาบน้ำเข้านอน พูดหรือทำอะไรอย่างเบาที่สุด ซึ้งไม่เป็นตัวเองเลยยย

บรรทัดเต็มแล้ววววต่อในคอมเม้นเน้ออ.....
[CR] "สังขละบุรี" เมืองนี้อยากให้มา!!!!
กระทู้นี้เราไม่เน้นสาระเนอะ !!เอาไว้เป็นแพลนคร่าวๆสำหรับคนที่ไม่เคยไปได้ หรือคิดซ่ะว่าเข้ามาดูรูปเป็นแรงจูงใจให้เพื่อนๆอยากเก็บกระเป๋าออกไปเห็นด้วยตาตัวเองเนอะ ปล.อาจมีคำพูดไม่สุภาพ เขียนอาจไม่ถูกต้อง ต้องขออภัยไว้ก่อนเลยอยากให้มีแต่ความบันเทิง ไม่เอาดราม่าเนอะ
เอาล่ะ! มาเริ่มกันเลยดีกว่าเนอะ
ช่วงหยุดยาวที่ผ่านมาวันที่ 20-22 พ.ค 59 เรามีแพลนกับเพื่อนไว้ว่าจะไปเขาทะลุจังหวัดประจวบ พวกเราเป็นพวกบ้าทะเล ตั้งใจจะเก็บทะเลในไทยให้ครบก่อนตาย 555 แต่ด้วยงบประมาณล่ะความลังเลของเรา ทริปนี้จึงจบที่สังขละบุรี จากทะเลสู่สะพานมอญ ดูไม่แตกต่างเนอะ! สรุปสถานที่ได้ก็เริ่มอ่านรีวิวในพันทิป อ่านทุกวันจนไม่เป็นอันทำงาน อ่านจนรู้ทุกซอกทุกมุมของสังขละ แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ฟินเท่าไปเห็นด้วยตาของตัวเองหรอกค่ะ!
20 พ.ค 59
ตีห้าครึ่งพวกเราออกจากที่พักนั่งแท็กซี่ไปสถานนีรถไปธนบุรี เพื่อไปขึ้นรถไฟฟรี เราไปถึงประมาณ6โมงครึ่ง คนที่สถานีก็เยอะแล้วคะ อาจเป็นเพราะวันนี้เป็นวันหยุดยาวด้วย เราขึ้นไปรับตั๋วรถไฟฟรีจากพี่เจ้าหน้าที่โดยยื่นบัตรประชาชน แล้วแจ้งพี่เค้าคะว่าไปธนบุรี-น้ำตกรถไฟจะมาถึงประมาณ 7.35 น. เหลือเวลาอีก 1 ชม.ทำอะไรดีคะ หาของกินและถ่ายรูปคะ
ถ่ายรูปไปเพลินๆ หันมาอีกทีโอ้ววว คนเต็มสถานี ไปไหนกันแกรรร มาทำอะไรกันเยอะแยะ จะมีที่นั่งไหมเนี่ยย หรือจะต้องยืน!!!
รถไฟมาถึง ด้วยความที่เป็นชะนีที่แข็งแรงบวกกับร่างอันอวบอั๋น เราก็เบียดเสียดผู้คนแล้วขึ้นไปหาที่นั่งได้ ตามที่อ่านรีวิวมาต้องนั่งฝั่งซ้ายจะได้เห็นวิวแม่น้ำแคว ฝั่งซ้าย! ฝั่งซ้าย! ฝั่งซ้าย! เต็มค่ะ!!!! อย่างที่บอกวันนี้เป็นวันหยุดยาว ที่นั่งจึงเต็มเร็วและมีบางคนที่ต้องยืน
จริงๆแล้วการเดินทางไปได้หลายแบบนะคะ มีทั้งรถตู้ที่ขึ้นจากอนุสาวรีย์ หรือหมอชิตไปลงที่บขส.กาญจนบุรี ราคาอยู่ที่ 120 บาท หรือใครมีรถจะขับไปเองก็ตามใจคะ แต่เราเลือกที่จะไปรถไฟเพราะฟรี เอ้ย! เพราะระหว่างทาง...มันมีความสวยงามซ่อนอยุ่ค่ะ ได้มองดูผู้คนที่มาเป็นกลุ่ม บางคนก็มาเป็นคู่
บางคนเพิ่งเจอกัน แต่ก็คุยกันได้ตลอดทาง (นี่แหละคะมิตรภาพ ที่ขับรถมาเองจะไม่ได้เจอ ฮ่าๆๆ)
ได้กินข้าวราดแกงราคา 10 บาท รสชาติใช้ได้ สมราคา
ได้มองเห็นธรรมชาติที่สวยงาม
บางทีก็มีฝุ่นบ้าง เป็นอรรถรส 5555
ถึงสะพานข้ามแม่น้ำแควแล้ววว ดูวิวสิแกรรรร
พอรถไฟผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแคว คนที่อยู่บนสะพานก็ต้องหลบกันตรงนี้ ใกล้รถไฟมากๆเลยยย (อุ้ย! ผู้ชายมองกล้องด้วยย 555)
และแล้วก็ถึงสถานีที่รอคอย รถไฟจะมีการชะลอตัวก่อน ที่จะเคลื่อนตัวผ่านเส้นทางรถไฟสายมรณะ ตรงสถานีถ้ำกระแซ พวกเราย้ายที่นั่งมาอยู่ฟังซ้ายได้พอดี แต่ถ่ายรูปไว้ได้แค่นี้จริงๆไม่กล้าโผล่หัวไปมากก กลัวหัวหลุด 555
วิวมันสวยงามมากคุ้มกับการที่ นั่งตากฝุ่น ตากลม ตากฝนมา ฮ่าๆๆๆ
ข้างทางรถไฟ จะมีคนมายืนถ่ายรูปกัน ซึ่งอันตรายมากนะคะ ไม่มีที่กั้นด้วย ระมัดระวังกันด้วยน๊าาาา
เราถึงสถานีน้ำตกประมาณ 12.45 น.
เรานั่งรถสองแถวต่อไปน้ำตกไทรโยค เพื่อไปยืนรอขึ้นรถบัสสังขละบุรีที่ใต้ต้นหูกวาง ตามรีวิวเป๊ะ!!! ถึงใต้ต้นหูกวางประมาณ บ่ายโมงเดินไปถามแม่ค้าแถวนั้นเค้าบอกมาว่ารถบัสจะมาตอนบ่าย2 อ่ะ! เหลือเวลาทำไรดี? หาข้าวกินคะ แถวนั้นมีร้านอาหารหลายร้าน มีเซเว่นด้วย ใครไปถึงก็หาไรกินและซื้อขนมติดไปด้วยนะคะ เพราะกว่าจะไปถึงสังขละใช้เวลายาวนานมาก อย่าไปท้องร้องบนรถเหมือนเรา อายเค้าคะ! นี่ขนาดกินข้าวก่อนขึ้นรถแล้วนะ 555
รถบัสมาถึงเรารีบขึ้นไปหาที่นั่ง รถบัสเป็นรถปรับอากาศที่ไม่เย็นคะ บวกกับคนเยอะจึงทำให้มีคนที่ต้องยืน ยิ่งทำให้อากาศค่อนข้างแออัด หายใจไม่ออก ต้องเพิ่งยาดมตลอดทาง ราคาค่ารถอยู่ที่ 160บาท
แต่เราต้องมาเปลี่ยนรถที่หน้าวัดทองผาภูมิ เป็นรถบัสพัดลม ตอนแรกนั่งไปลมโกรกชิวๆดีค่ะ แต่พอฝนตกเท่านั้นแหละ หน้าต่างต้องถูกปิดอากาศเริ่มไม่ถ่ายเท หายใจไม่ออกอีกแล้ววว
ยืนยาวๆๆเลยค่าาาาา
ทางไปสังขละเป็นทางขึ้นลงเขาซ่ะส่วนใหญ่ใครขับรถมาเองต้องระมัดระวังด้วยนะคะ เรามาถึงสังขละเวลา 6โมงกว่าๆ ใช้เวลาเดินทางตั้งแต่ขึ้นรถไฟมาถึงสังขละบุรีทั้งหมด 12 ชม.โอ้วววระยะทางเท่ากับฉันนั่งรถทัวร์กลับบ้านที่กระบี่เลย.....
แล้วเราก็นั่งวินมอเตอร์ไซค์ต่อไปที่พักคะ
การเดินทางที่แสนยาวนานครั้งนี้มันคุ้มค่ะกับวิวที่อยู่ตรงหน้า วิวจากที่พักแรกของเรา Forget me not house and resort
เราเลือกห้องพัดลม ราคา 700 บาท สำหรับ2คน แต่เราไปกัน3สาว ทางที่พักคิดเพิ่มอีก 200 บาทเป็น 900บาทรวมอาหารเช้า สภาพห้องกว้างดีคะ มีเตียง5ฟุต 2เตียง มีพัดลมให้ 2ตัว แต่ดูมีความเก่า มีหยากไย่เข้ากับผนังไม้ มีความชิคดีคะ 555555
ห้องน้ำก็กว้าง น้ำฝักบัวไหลเบาเว่อออ ส่วนสายฉีดชักโครกมีความแรง มีความสะดุ้งคะ
เก็บสัมภาระเรียบร้อย อาบน้ำแต่งตัว แล้วเราก็ออกไปหาไรกินคะ เราเดินออกจากที่พักมาเรื่อยๆๆ แต่ตอนนั้นคือไม่มีของขายเลย ยิ่งเดินยิ่งมืด นี่เพิ่ง2ทุ่ม คนไปไหนหมดว่ะ นี่เมืองท่องเที่ยวนะเว้ยทำไม่เงียบจังว่ะ! เดินไปบ่นไปฝนก็ดันตกลงมาซ่ะอีก เรายืนเอ๋อซักพัก! ก็มีนางฟ้าตัวน้อยนั่งอยู่บนสามล้อมาโปรด ตะโกนเรียกว่า “พี่ค่ะไปตลาดกันไหมคะ” ไปสิคะรออะไร
เรากระโดนขึ้นสามล้อทันที น้องก็ชวนคุยตลอดทาง ถามว่าเรามาจากไหน? ไปตักบาตรตอนเช้าหรือยัง? ไปนั่งเรือชมวัดหรือเปล่า? เราบอกไปว่าพี่เพิ่งมาถึงยังไม่ได้ไปไหน น้องเลยจัดการแจกเบอร์โทรพร้อมบอกว่าพรุ่งนี้เจอกันที่สะพานนะพี่! ถึงตลาดจ่ายเงินค่าสามล้อคนละ 15 บาท พร้อมขอถ่ายรูปน้องก่อนลง สุดท้ายเกือบลืมถามชื่อ สรุปได้ว่าชื่อน้องพลอยนะคะ ใครไปเจอฝากทักทายด้วยคะ
วันที่เราไปนั้นที่ตลาดมีการจัดงาน ถนนคนเดินสังขละบุรี มีสินค้าแล้ะมีเวทีโชว์การแสดงพื้นเมืองจากเด็กๆในโรงเรียนของสังขละ
แต่ตอนที่เราไปถึงตลาดฝนตก แม่ค้าก็เริ่มทยอยเก็บของ เดินไปร้านแรกเจอขนมที่ชื่อว่า “ทองโย๊ะ ขนมกระเหรี่ยง” หน้าตาคล้ายๆกุ๊ยช่ายบ้านเราคะ แต่แข็งละจึดไปหน่อย ลองจิ้มนมดู อารมณ์เหมือนกินปาท่องโก๋อะ
เดินวนไปเรื่อยๆเจอกับร้าน หมูจุ่มตามรีวิว 555 จัดสิคะรออะไร ราคาไม้ละ1บาท รสชาติก็โอเค มีน้ำจิ้มให้ 2อย่าง คือน้ำจิ้มซีฟู้ดและน้ำจิ้มซอสแดงๆ ส่วนตัวเราชอบจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด แต่เพื่อนเราบอกว่าน้ำจิ้มซอสแดงๆอร่อยกว่า
ในร้านยังมียำอีกอย่าง ยำจะมีส่วนผสมของหมู กะหล่ำปลี แตงกวา เส้นโซบะเหลืองๆ ราดด้วยซอสแดงคลุกเคล้าให้เข้ากัน อ่ะเชิญแหลกค่า!!!!
รสชาติเพื่อนบอกอร่อย ส่วนเราไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ ร้านนี้พวกเราสอยหมูจุ่มไปทั้งหมด 65 ไม้ 3คนกินแบบจิบๆ เพราะมีอีกหลายอย่างที่ต้องกิน 555 เดินมาเรื่อยๆสะดุดตากับบาร์บีคิวไม้ใหญ่มากก ราคา15 บาท รสชาติดีให้ 3 ผ่านคะ
สุดท้ายเราก็มาจบที่เซเว่น ร้านอาหารหลักที่คุ้นเคยของเรา กะว่าจะเข้าไปซื้อเบียร์ไปจิบชิวๆที่ห้องพัก แต่ลืมไปคะว่าวันนี้เป็นวันวิสาขบูชา งดขาย!อดกินไปคะ เราเลยได้ขนมติดไม้ติดมือมานิดหน่อย ราคาสินค้าในเซเว่นไม่ได้บวกเพิ่มเหมือนเซเว่นตามแหล่งท่องเที่ยวทั่วไปนะคะ เซเว่นที่สังขละจะอยู่ซอยข้างตลาด ในตลาดมีธนาคาร และATM อยู่หลายจุดใครช้อปจนเงินหมดไม่ต้องกังวลคะ5555
ขากลับเราก็เดินถามแม่ค้าแถวนั้น หาวินมอเตอร์ไซค์ หรือเรียกอีกอย่างว่าเมล์เครื่อง นั่งกลับไปที่พัก แล้วก็นั่งกินขนมคุยกันที่โต๊ะหน้าห้องสักพัก สี่ทุ่มกว่าๆเราก็เดินเข้าห้องพัก แล้วจู่ก็ได้ยินเสียงคนมาเคาะประตู แล้วพูดอะไรไม่รู้เสียงผู้ชายๆ ด้วยความที่เราอยู่กันสามสาว และมีความสวยมากอยู่ เลยไม่กล้าเปิดประตูออกไป
พอเสียงนั้นเงียบเลยนึกขึ้นได้ว่าข้างๆห้องเราเป็นฝรั่งผู้หญิงคนเดียวนี่หว่า เค้ามีอะไรหรือเปล่าว่ะ เลยตัดสินใจเปิดประตูไป ฝรั่งข้างห้องก็โผล่มาพร้อมบ่นๆพวกเรา ประมาณว่าเค้าจะนอน คุยกันเบาๆหน่อย แปลได้แค่นี้จริงๆ ตอนแรกตกใจกลัวนึกว่าผู้ชายที่ไหนจะเข้ามาทำมิดีมิร้ายย!!! เราก็ได้แต่ยกมือขอโทษไปตามระเบียบ เวลาอยู่กับเพื่อนทีไรเสียงดังทุกที ลืมตัวตลอด ซอรี่อีกที่นะยู เราไม่ได้ตั้งใจค่า หลังจากนั่นเราก็อาบน้ำเข้านอน พูดหรือทำอะไรอย่างเบาที่สุด ซึ้งไม่เป็นตัวเองเลยยย
บรรทัดเต็มแล้ววววต่อในคอมเม้นเน้ออ.....
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น