วันนี้ขออนุญาตมาระบายเรื่องความชอกช้ำในรักที่มีกันถึงสามคนค่ะ คือดิฉันกับสามีแต่งงานกันมา 10 ปีแล้ว มีลูกด้วยกัน 2 คน ภายนอกก็จะดูเป็นเหมือนครอบครัวที่อบอุ่นนะคะ สามีก็รับผิดชอบดูแลเรากับลูกดีทุกอย่างไม่เคยขาดตกบกพร่อง ที่สำคัญเรื่องผู้หญิงก็เคยไม่มีมาให้รบกวนหัวใจ
จนเมื่อ 7 ปีที่แล้ว สามีต้องไปทำงานต่างจังหวัดที่หัวหิน คือไปทำงานที่นั่นแค่ชั่วคราว แรกๆที่ไปทำงานที่นั่นก็ไปกลับทุกเสาร์ อาทิตย์ หรือช่วงวันหยุดยาวก็กลับมาหาเรากับลูก หลังๆเริ่มกลับบ้างไม่กลับบ้าง เราก็ไม่ได้คิดอะไร เข้าใจว่างานเขาคงยุ่ง งานคงเยอะ ด้วยความที่เราคบกัน แต่งงานกันมาก็นาน และมีลูกด้วยกันความไว้ใจก็ให้ไปเต็มร้อย จากที่กลับรายอาทิตย์ผ่านไปเป็นเดือนละครั้ง สองเดือนครั้ง เราก็ไม่เอะใจอะไร เพราะโทรคุยกันปกติ เค้าก็วิดิโอคอลหาลูกบ้าง บางครั้งเราก็ไปเที่ยวหัวหินบ้าง จนหลังๆ เริ่มหนักขึ้นเพราะเมื่อเราบอกว่าจะไปเยี่ยมเพราะว่าเป็นช่วงที่ลูกๆปิดเทอม อยากจะขึ้นไปอยู่ด้วย เค้ากลับบอกว่างานเยอะ ไม่สะดวก กลัวไม่มีเวลาเทคแคร์หรือดูแลเรากับลูกไว้ค่อยมาอะไรแบบนี้ เราก็เข้าใจ ไม่ได้คิดอะไร เพราะเราเชื่อใจสามีเรามาก
ก็เป็นอยู่แบบนี้ประมาณปีกว่าๆ วันนึงเค้ากลับมาบ้านเพราะเป็นวันเกิดลูกคนโต เราก็สังสรรค์กันตามประสาครอบครัว มันก็ดูปกติมาก พอหลังจากที่กินข้าวเสร็จเค้าก็บอกกับเราว่าเดี๋ยวขอคุยอะไรด้วยหน่อยมีเรื่องสำคัญจะบอก พอเราได้เรายินคำนี้ ใจเราเต้นแรงมาก กลัวเป็นเรื่องที่ไม่ดีเพราะดูจากหน้าเค้าซีเรียสมาก เค้าก็เดินไปรอเราที่ห้องทำงานเราก็เดินตามไปติดๆ เราก็ถามเค้าว่าเรื่องสำคัญที่อยากจะบอกของคุณน่ะคืออะไร เค้าก็อ้ำๆอึ้งๆและบอกว่า ผมขอพูดตรงๆเลยนะ “ผมมีผู้หญิงอีกคนที่นั่น และตอนนี้เขาก็กำลังตั้งท้อง” สิ่งที่ผู้หญิงคนนึงได้ฟังจากปากสามีมันช่างแสนเจ็บปวดเหลือเกิน ใจเรานี่แตกเป็นเสี่ยงๆ แทบล้มทั้งยืน ความรู้สึกตรงนั้นคือยืนช็อคค่ะ น้ำตาเริ่มไหล เค้าก็เงียบไปสักพัก และค่อยๆเดินเข้ามาหาเราพร้อมกอดเราแล้วพูดว่า “ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว” คือตอนนั้นมันแน่นิ่งไปเลยค่ะ คิดวนเวียนอยู่ในหัวว่า ฉันคือภรรยาคุณนะและฉันก็เป็นแม่ของลูกคุณด้วย ฉันผิดอะไร ฉันทำหน้าที่ตรงไหนบกพร่องเหรอ ทั้งดูแลบ้าน ดูแลลูก และดูแลคุณดีมาตลอด ส่วนเค้าเองก็ทำหน้าที่สามีและหน้าที่พ่อของลูกไม่ขาดตกบกพร่องเลย มาพังก็เพราะเรื่องนี้แหละค่ะ พอเราตั้งสติได้เราเลยถามกลับไปว่า มันเกิดขึ้นได้ยังไง และตั้งแต่เมื่อไหร่ เค้าก็ตอบเราว่า ผมไม่ได้ตั้งใจ มันเกิดจากความใกล้ชิดที่ได้ร่วมงานกัน เจอหน้ากันทุกวันและวันนั้นก็มีการสังสรรค์กันซึ่งผมก็เมามากด้วยวันนั้นแหละเป็นวันที่ผมมีอะไรกับเค้า พอได้ยินก็ช็อคหนักเข้าไปอีก คือเค้าบอกว่าผู้หญิงฝั่งนั้นไม่รู้ว่ามีลูกมีเมียอยู่แล้วเพราะสามีไม่ได้บอกและช่วงที่เราไปหาสามีเราก็ไม่เคยเจอเพื่อนร่วมงานของสามีเลย แต่พอเลยเถิดกันไปมากมาย สามีก็เลยสารภาพกับผู้หญิงคนนั้นว่าผมมีครอบครัวละนะ ผู้หญิงคนนั้นก็รับไม่ได้เหมือนกันและ รู้สึกผิดมาก ก็ค่อยๆตีตัวออกห่างจากสามีไป ไม่แน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นเค้าลาออกจากงานด้วยหรือเปล่า จนมาวันนึงผู้หญิงคนนี้ก็เดินเข้ามาบอกกับสามีเราว่าเค้ากำลังตั้งท้องจะทำยังไงดี สามีเราได้ยินก็อึ้งเหมือนกัน แล้วเค้าก็บอกกับผู้หญิงคนนั้นว่าเค้าจะรับผิดชอบลูกและดูแลทุกอย่างไม่ต้องห่วง ผู้หญิงคนนั้นก็รู้สึกผิดและรู้สึกแย่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด คือเค้าก็ไม่ได้เรียกร้องให้สามีมาบอกเลิกเราหรืออะไรเรานะคะ แต่แค่ให้สามีมาสารภาพผิดและมาบอกความจริงทุกอย่างกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ด้วยความที่เราเองก็เป็นแม่คนก็เข้าใจหัวอกความเป็นแม่และสงสารเด็กที่กำลังเกิดมา ตั้งสติทั้งน้ำตาและบอกสามีว่าคุณต้องรับผิดชอบทุกอย่างกับสิ่งที่คุณทำ แต่คุณต้องดูแลครอบครัวเราให้เหมือนเดิมไม่มีขาดตกบกพร่อง ส่วนฝั่งนั้นก็ต้องดูแลด้วย กล้าทำก็ต้องกล้ารับผิดชอบ ในวันนั้นเค้ารับปากอย่างมั่นใจจนเวลาผ่านไปถึง ณ วันนี้เค้าก็ดูแลเราดีเหมือนเดิม เพิ่มเติมคืออีกครอบครัวที่หัวหินที่เค้าก็ไปมาหาสู่บ้าง และที่ดิฉันทนมาได้ทุกวันนี้เพราะลูกๆ เลยค่ะบวกกับความเสมอต้นเสมอปลายที่เค้าดูแลเราเป็นอย่างดี
จนมาถึงจุดที่ต้องรู้สึกชอกช้ำอีกครั้งเพราะเค้าแอบซื้อคอนโดให้ฝั่งนั้นโดยที่ไม่บอกเราซักคำ เพราะปกติเวลาเค้าจะใช้จ่ายให้ฝั่งนั้นเค้าจะบอกกล่าวเราเสมอ เช่น ค่านมลูกหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ส่วนที่เรารู้ว่าสามีซื้อคอนโดให้เพราะจดหมายให้ไปโอนห้องส่งมาที่บ้านเราค่ะ ตอนแรกที่เห็นก็นึกว่าจดหมายโบชัวร์ทั่วไปแนะนำคอนโดไรงี้ พอเข้าไปอ่านเท่านั้นแหละค่ะ ชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์คือชื่อผู้หญิงคนนั้นแต่สามีเราเป็นคนซื้อ
ความรู้สึกตอนนั้นปี๊ดแตกค่ะแล้วก็น้อยใจมากที่เค้าไม่บอกเราเลย รู้อีกทีเค้าก็ซื้อคอนโดแล้วพร้อมโอนละด้วย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าหน้าตาคอนโดมันเป็นยังไง เปิดคอมเสิดเลยค่ะว่าที่ไหน ยังไง แอบคิดว่าคงเป็นคอนโดโนเนมทั่วไปไรงี้ แต่เปล่าเลยโครงการใหญ่มาก ชื่อเอนเนอร์จี้หัวหิน และห้องที่ซื้อก็เป็นเฟส 2 ติดทะเลคิดเลยว่าราคาคงสูงน่าดู เพราะมันดูหรูหรา ถามว่าอิจฉามั้ยก็อิจฉาสิคะ แต่น้อยใจมากกว่า เพราะว่าดิฉันเป็นเมียที่ตบแต่งกันมานมนานก็มีแค่บ้านหลังเดียวที่เราซื้อด้วยกันตอนแต่งงาน แต่กับเมียที่ต้องรับผิดชอบเพราะความผิดพลาดกลับได้คอนโดหรูหราถ้าเป็นคุณจะรู้สึกยังไงล่ะคะ
เย็นวันนั้น เราเดินเข้าไปที่ห้องทำงานสามีเพื่อคุยเรื่องนี้กับเค้า อารมณ์ขึ้นมากค่ะ ฟาดจดหมายนั่นไปบนโต๊ะอย่างแรง แล้วถามว่านี่มันอะไร หมายความว่ายังไง สามีก็นั่งนิ่งไป 10 วิ พูดอะไรไม่ออก แล้วก็พูดมาสั้นๆ ว่า “ผมว่าจะบอกอยู่พอดีแต่ไม่มีโอกาส” เราก็เลยพูดขึ้นว่าอยู่บ้านด้วยกันทุกวันบอกว่าไม่มีโอกาสเนี่ยนะ ปรี๊ดแตกมาก คือพอสิ้นสุดคำพูดนั้นก็อารมณ์ระเบิดเลยค่ะ ทะเลาะกันใหญ่โตลามไปเรื่องผู้หญิงคนนั้น จนลูกๆ งง ว่าพ่อแม่ทะเลาะไรกัน เพราะไม่เคยเห็นแม่เป็นแบบนี้ ลูกก็เข้ามาห้าม มาปลอบใจตามประสาเด็กๆ เข้าใจใช่มั้ยคะเวลาสติหลุดมันพูดได้ทุกเรื่องและทุกอย่าง วันนั้นแหละค่ะที่ลูกรู้ความจริงว่าพ่อเขาไปทำอะไรไว้ ใจก็สงสารลูกอีกใจก็สงสารตัวเองมากเหมือนกัน พากันกอดและร้องไห้ตามประสาแม่ลูก ลูกคนโตถามพ่อเค้าว่า ทำไมพ่อทำกับแม่แบบนี้ แค่ฟังประโยคที่ลูกพูดน้ำตาก็ไหลนองหน้า ไม่รู้จะทำไงดี สามีก็หน้าเสีย ได้แต่บอกว่าพ่อขอโทษๆ ๆ แล้วก็เดินออกจากบ้านขับรถออกไป ดิฉันนั่งร้องไห้กอดกับลูกไม่รู้ว่าจะทำยังไง หลังจากเหตุการณ์นั้น เราก็ยังอยู่กันเหมือนเดิม เพียงแค่บรรยากาศมันไม่เหมือนเดิม พูดกันน้อยลง เหมือนต่างคนต่างอยู่เพื่อลูกค่ะ มีใครเคยเจอประสบการณ์แบบดิฉันบ้างมั้ยคะ แล้วควรจะทำต่อไปอย่างไรดี
ชีวิต “คี่” ที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางลงตัว
จนเมื่อ 7 ปีที่แล้ว สามีต้องไปทำงานต่างจังหวัดที่หัวหิน คือไปทำงานที่นั่นแค่ชั่วคราว แรกๆที่ไปทำงานที่นั่นก็ไปกลับทุกเสาร์ อาทิตย์ หรือช่วงวันหยุดยาวก็กลับมาหาเรากับลูก หลังๆเริ่มกลับบ้างไม่กลับบ้าง เราก็ไม่ได้คิดอะไร เข้าใจว่างานเขาคงยุ่ง งานคงเยอะ ด้วยความที่เราคบกัน แต่งงานกันมาก็นาน และมีลูกด้วยกันความไว้ใจก็ให้ไปเต็มร้อย จากที่กลับรายอาทิตย์ผ่านไปเป็นเดือนละครั้ง สองเดือนครั้ง เราก็ไม่เอะใจอะไร เพราะโทรคุยกันปกติ เค้าก็วิดิโอคอลหาลูกบ้าง บางครั้งเราก็ไปเที่ยวหัวหินบ้าง จนหลังๆ เริ่มหนักขึ้นเพราะเมื่อเราบอกว่าจะไปเยี่ยมเพราะว่าเป็นช่วงที่ลูกๆปิดเทอม อยากจะขึ้นไปอยู่ด้วย เค้ากลับบอกว่างานเยอะ ไม่สะดวก กลัวไม่มีเวลาเทคแคร์หรือดูแลเรากับลูกไว้ค่อยมาอะไรแบบนี้ เราก็เข้าใจ ไม่ได้คิดอะไร เพราะเราเชื่อใจสามีเรามาก
ก็เป็นอยู่แบบนี้ประมาณปีกว่าๆ วันนึงเค้ากลับมาบ้านเพราะเป็นวันเกิดลูกคนโต เราก็สังสรรค์กันตามประสาครอบครัว มันก็ดูปกติมาก พอหลังจากที่กินข้าวเสร็จเค้าก็บอกกับเราว่าเดี๋ยวขอคุยอะไรด้วยหน่อยมีเรื่องสำคัญจะบอก พอเราได้เรายินคำนี้ ใจเราเต้นแรงมาก กลัวเป็นเรื่องที่ไม่ดีเพราะดูจากหน้าเค้าซีเรียสมาก เค้าก็เดินไปรอเราที่ห้องทำงานเราก็เดินตามไปติดๆ เราก็ถามเค้าว่าเรื่องสำคัญที่อยากจะบอกของคุณน่ะคืออะไร เค้าก็อ้ำๆอึ้งๆและบอกว่า ผมขอพูดตรงๆเลยนะ “ผมมีผู้หญิงอีกคนที่นั่น และตอนนี้เขาก็กำลังตั้งท้อง” สิ่งที่ผู้หญิงคนนึงได้ฟังจากปากสามีมันช่างแสนเจ็บปวดเหลือเกิน ใจเรานี่แตกเป็นเสี่ยงๆ แทบล้มทั้งยืน ความรู้สึกตรงนั้นคือยืนช็อคค่ะ น้ำตาเริ่มไหล เค้าก็เงียบไปสักพัก และค่อยๆเดินเข้ามาหาเราพร้อมกอดเราแล้วพูดว่า “ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว” คือตอนนั้นมันแน่นิ่งไปเลยค่ะ คิดวนเวียนอยู่ในหัวว่า ฉันคือภรรยาคุณนะและฉันก็เป็นแม่ของลูกคุณด้วย ฉันผิดอะไร ฉันทำหน้าที่ตรงไหนบกพร่องเหรอ ทั้งดูแลบ้าน ดูแลลูก และดูแลคุณดีมาตลอด ส่วนเค้าเองก็ทำหน้าที่สามีและหน้าที่พ่อของลูกไม่ขาดตกบกพร่องเลย มาพังก็เพราะเรื่องนี้แหละค่ะ พอเราตั้งสติได้เราเลยถามกลับไปว่า มันเกิดขึ้นได้ยังไง และตั้งแต่เมื่อไหร่ เค้าก็ตอบเราว่า ผมไม่ได้ตั้งใจ มันเกิดจากความใกล้ชิดที่ได้ร่วมงานกัน เจอหน้ากันทุกวันและวันนั้นก็มีการสังสรรค์กันซึ่งผมก็เมามากด้วยวันนั้นแหละเป็นวันที่ผมมีอะไรกับเค้า พอได้ยินก็ช็อคหนักเข้าไปอีก คือเค้าบอกว่าผู้หญิงฝั่งนั้นไม่รู้ว่ามีลูกมีเมียอยู่แล้วเพราะสามีไม่ได้บอกและช่วงที่เราไปหาสามีเราก็ไม่เคยเจอเพื่อนร่วมงานของสามีเลย แต่พอเลยเถิดกันไปมากมาย สามีก็เลยสารภาพกับผู้หญิงคนนั้นว่าผมมีครอบครัวละนะ ผู้หญิงคนนั้นก็รับไม่ได้เหมือนกันและ รู้สึกผิดมาก ก็ค่อยๆตีตัวออกห่างจากสามีไป ไม่แน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นเค้าลาออกจากงานด้วยหรือเปล่า จนมาวันนึงผู้หญิงคนนี้ก็เดินเข้ามาบอกกับสามีเราว่าเค้ากำลังตั้งท้องจะทำยังไงดี สามีเราได้ยินก็อึ้งเหมือนกัน แล้วเค้าก็บอกกับผู้หญิงคนนั้นว่าเค้าจะรับผิดชอบลูกและดูแลทุกอย่างไม่ต้องห่วง ผู้หญิงคนนั้นก็รู้สึกผิดและรู้สึกแย่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด คือเค้าก็ไม่ได้เรียกร้องให้สามีมาบอกเลิกเราหรืออะไรเรานะคะ แต่แค่ให้สามีมาสารภาพผิดและมาบอกความจริงทุกอย่างกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ด้วยความที่เราเองก็เป็นแม่คนก็เข้าใจหัวอกความเป็นแม่และสงสารเด็กที่กำลังเกิดมา ตั้งสติทั้งน้ำตาและบอกสามีว่าคุณต้องรับผิดชอบทุกอย่างกับสิ่งที่คุณทำ แต่คุณต้องดูแลครอบครัวเราให้เหมือนเดิมไม่มีขาดตกบกพร่อง ส่วนฝั่งนั้นก็ต้องดูแลด้วย กล้าทำก็ต้องกล้ารับผิดชอบ ในวันนั้นเค้ารับปากอย่างมั่นใจจนเวลาผ่านไปถึง ณ วันนี้เค้าก็ดูแลเราดีเหมือนเดิม เพิ่มเติมคืออีกครอบครัวที่หัวหินที่เค้าก็ไปมาหาสู่บ้าง และที่ดิฉันทนมาได้ทุกวันนี้เพราะลูกๆ เลยค่ะบวกกับความเสมอต้นเสมอปลายที่เค้าดูแลเราเป็นอย่างดี
จนมาถึงจุดที่ต้องรู้สึกชอกช้ำอีกครั้งเพราะเค้าแอบซื้อคอนโดให้ฝั่งนั้นโดยที่ไม่บอกเราซักคำ เพราะปกติเวลาเค้าจะใช้จ่ายให้ฝั่งนั้นเค้าจะบอกกล่าวเราเสมอ เช่น ค่านมลูกหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ส่วนที่เรารู้ว่าสามีซื้อคอนโดให้เพราะจดหมายให้ไปโอนห้องส่งมาที่บ้านเราค่ะ ตอนแรกที่เห็นก็นึกว่าจดหมายโบชัวร์ทั่วไปแนะนำคอนโดไรงี้ พอเข้าไปอ่านเท่านั้นแหละค่ะ ชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์คือชื่อผู้หญิงคนนั้นแต่สามีเราเป็นคนซื้อ
ความรู้สึกตอนนั้นปี๊ดแตกค่ะแล้วก็น้อยใจมากที่เค้าไม่บอกเราเลย รู้อีกทีเค้าก็ซื้อคอนโดแล้วพร้อมโอนละด้วย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าหน้าตาคอนโดมันเป็นยังไง เปิดคอมเสิดเลยค่ะว่าที่ไหน ยังไง แอบคิดว่าคงเป็นคอนโดโนเนมทั่วไปไรงี้ แต่เปล่าเลยโครงการใหญ่มาก ชื่อเอนเนอร์จี้หัวหิน และห้องที่ซื้อก็เป็นเฟส 2 ติดทะเลคิดเลยว่าราคาคงสูงน่าดู เพราะมันดูหรูหรา ถามว่าอิจฉามั้ยก็อิจฉาสิคะ แต่น้อยใจมากกว่า เพราะว่าดิฉันเป็นเมียที่ตบแต่งกันมานมนานก็มีแค่บ้านหลังเดียวที่เราซื้อด้วยกันตอนแต่งงาน แต่กับเมียที่ต้องรับผิดชอบเพราะความผิดพลาดกลับได้คอนโดหรูหราถ้าเป็นคุณจะรู้สึกยังไงล่ะคะ
เย็นวันนั้น เราเดินเข้าไปที่ห้องทำงานสามีเพื่อคุยเรื่องนี้กับเค้า อารมณ์ขึ้นมากค่ะ ฟาดจดหมายนั่นไปบนโต๊ะอย่างแรง แล้วถามว่านี่มันอะไร หมายความว่ายังไง สามีก็นั่งนิ่งไป 10 วิ พูดอะไรไม่ออก แล้วก็พูดมาสั้นๆ ว่า “ผมว่าจะบอกอยู่พอดีแต่ไม่มีโอกาส” เราก็เลยพูดขึ้นว่าอยู่บ้านด้วยกันทุกวันบอกว่าไม่มีโอกาสเนี่ยนะ ปรี๊ดแตกมาก คือพอสิ้นสุดคำพูดนั้นก็อารมณ์ระเบิดเลยค่ะ ทะเลาะกันใหญ่โตลามไปเรื่องผู้หญิงคนนั้น จนลูกๆ งง ว่าพ่อแม่ทะเลาะไรกัน เพราะไม่เคยเห็นแม่เป็นแบบนี้ ลูกก็เข้ามาห้าม มาปลอบใจตามประสาเด็กๆ เข้าใจใช่มั้ยคะเวลาสติหลุดมันพูดได้ทุกเรื่องและทุกอย่าง วันนั้นแหละค่ะที่ลูกรู้ความจริงว่าพ่อเขาไปทำอะไรไว้ ใจก็สงสารลูกอีกใจก็สงสารตัวเองมากเหมือนกัน พากันกอดและร้องไห้ตามประสาแม่ลูก ลูกคนโตถามพ่อเค้าว่า ทำไมพ่อทำกับแม่แบบนี้ แค่ฟังประโยคที่ลูกพูดน้ำตาก็ไหลนองหน้า ไม่รู้จะทำไงดี สามีก็หน้าเสีย ได้แต่บอกว่าพ่อขอโทษๆ ๆ แล้วก็เดินออกจากบ้านขับรถออกไป ดิฉันนั่งร้องไห้กอดกับลูกไม่รู้ว่าจะทำยังไง หลังจากเหตุการณ์นั้น เราก็ยังอยู่กันเหมือนเดิม เพียงแค่บรรยากาศมันไม่เหมือนเดิม พูดกันน้อยลง เหมือนต่างคนต่างอยู่เพื่อลูกค่ะ มีใครเคยเจอประสบการณ์แบบดิฉันบ้างมั้ยคะ แล้วควรจะทำต่อไปอย่างไรดี