1 วันของฉันกับการเป็นล่ามเลขา (ภาษาญี่ปุ่น)

หลังจากที่เมื่อต้นปีได้เข้ามาบ่นๆ กับหน้าที่การงานใหม่ที่ได้รับมอบหมาย ตามลิงค์นี้
http://pantip.com/topic/34766823
หลังจากผ่านมาได้ราวๆ 3 เดือน เพื่อนๆ คนคิดว่าหลายๆ อย่างน่าจะเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว
มันก็ใช่ค่ะ บางอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว แต่บางอย่างก็เหมือนจะหนักกว่าเดิม 555
(ใครหนอจะมาเข้าใจ ชีวิตของอิฉัน)
เอาล่ะค่ะ ไม่เป็นไร ไม่มีใครเข้าใจชีวิตของอิฉันก็ไม่เป็นไร ขอให้อิฉันเข้าใจตัวเองเป็นพอ
ซึ่งเอาตรงๆ พักหลังๆ นี่เริ่มไม่เข้าใจตัวเองและ 555

วันนี้ฤกษ์งามยามดี ไม่มีอะไรค่ะ คือว่าง! เลยอยากจะมาเล่าให้ฟังว่า
วันๆ นึงนั้น ล่ามเลขาอย่างอิฉันทำอะไรบ้าง
อ่อ ไม่ต้องตกใจนะคะถ้าเป็นบทความคล้ายๆ กันนี้ที่บล็อกๆ นึง
นั่งบล็อกอิฉันเองค่ะ แต่บทความนั้นเขียนไว้เมื่อวีคก่อน
เนื้อเหมือนกันค่ะ แต่น้ำไม่เหมือน ในนี้น้ำเยอะกว่า 555

แจ้งให้ทราบกันก่อนเวลาเข้างานของเรา คือ 08:00-17:00 จ.-ศ.ค่ะ
ซึ่งเราอยู่สำนักงานใหญ่ที่กทม.ค่ะ
เอาล่ะ คุณๆ พร้อมกันรึยังคะ ถ้าพร้อมแล้วเริ่มค่ะ!

ทุกเช้าอิฉันจะหอบเอาตัวเองออกจากบ้านช่วงประมาณ 6:45-7:00 ไม่เกินนี้
บ้านอยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศมากค่ะ แต่เป็นโซนที่รถติดบรรลัยเลย
โดยเฉพาะเปิดเทอม  บรรลัยขึ้นอีกหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
ถ้ารถไม่ติด แวะซื้อกาแฟเสร็จ ก็จะถึงออฟฟิศประมาณ 7:15 ไม่เกินนี้
ถ้ารถติดก็ทดเวลากันไป เจ้เพลียมากจุดนี้
ถ้าช่วงเปิดเทอม เราจะออกจากบ้านเร็วกว่าเดิม
"โดยมาแต่งหน้าในรถเอา" คือมันติดแบบนั้นจริงๆ
ติดแบบแต่งหน้าได้สบายๆ กรีดอายไลน์เนอร์ได้เป๊ะ แบบไม่ต้องกังวล
เอาล่ะพอจอดรถเสร็จเรียบร้อย ก็ขึ้นออฟฟิศ แวะเอาหนังสือพิมพ์ของนายที่ประชาสัมพันธ์
แล้วก็หอบหิ้วตัวเองขึ้นไปบนออฟฟิศ

โดยปกติแล้วนายจะมาถึงออฟฟิศประมาณ 7:30
ซึ่งตั้งแต่เปิดเทอมมา เลขาไม่เคยมาทันนายสักวัน
แล้วคือนายอยู่สุขุมวิทนะ แต่รถไม่ติด หนูนี่เพลียใจ T^T
เอาล่ะ ตัดภาพกลับมาที่อิฉันที่เดินขึ้นมาถึงออฟฟิศ
สิ่งแรกที่ทำคือโยนหนังสือพิมพ์ให้นาย (นี่คือเพ้อเจ้อนะ 555)
วางหนังสือพิมพ์ไว้หลังโต๊ะนายต่างหากเล่า
ถ้านายมาแล้วก็เดินไปชงกาแฟให้นาย ถ้านายยังไม่มาก็ไปแต่งหน้าต่อในห้องน้ำ 555
ปกติแล้วงานชงกาแฟจะเป็นงานแม่บ้านประจำตึก
แต่บางทีคุณป้าก็ช้าเกินไป ทำให้เลขาอย่างอิฉันไม่สามารถทนเห็นนายอยู่อย่างขาดคาเฟอีนได้
จึงต้องเป็นคนไปชงให้เอง
และไม่รู้ยังไง คือพอช่วงแรกๆ ทำเองบ่อยๆ เข้า
แม่บ้านก็ไม่เคยมาชงกาแฟให้นายอีกเลย
อิฉันทำเองล้วนๆ T^T แบ่งเงินมาให้หนูหน่อยได้มั้ยคะป้าขา

พอเสิร์ฟกาแฟเสร็จ อิฉันกับนายก็จะนั่งเมาท์มอยกันสักพัก
พอช่วง 8 โมงที่บริษัทจะมี 朝礼 (โจเร) แปลเป็นไทยก็คือ Mornig Meeting
ไทยมากกกกก ภาษาไทยที่สุด 555 แปลเป็นไทยก็อารมณ์ว่า ประชุมเช้าค่ะ
ซึ่งเจ้าโจเรเนี่ยะ พนักงานในสำนักงานใหญ่ทุกคนก็จะมารวมตัวกัน
แล้วนายก็จะเป็นคนบรรเลง แจ้งกำหนดการณ์นู่นนี่นั่น อัพเดทข่าวสาร
ซึ่งแน่นอนค่ะ ว่าอิฉันก็จะเป็นคนแปล ซึ่งเป็นการแปลสด
เพราะเจ้านายไม่เคยจะบอกว่าวันนี้จะพูดอะไรบ้างสักที ทั้งๆ ที่นั่งเมาท์อยู่ด้วยกัน
ตรงนี้ใช้เวลาไม่นาน ราวๆ 5-10 นาที
หลังจากนั้นก็ แยกย้ายกันไปทำงาน

พอกลับมานั่งโต๊ะ สิ่งแรกที่เราทำคือเช็คตารางของเจ้านาย
วันนี้มีไปไหนบ้าง แล้วก็คอนเฟิร์มกับนายอีกครั้ง เผื่อแกลืม 555
เมคชัวร์ด้วยว่า อันไหนเราต้องเข้า อันไหนเราไม่ต้องเข้า
เสร็จปุ๊ปก็โทรแจ้งคนขับรถ ถ้านายมีต้องออกไปประชุมข้างนอก
เสร็จสรรพเรียบร้อย เราก็ทำงานของเราไป
ซึ่งงานหลักๆ ของเราคือทำทุกอย่างที่เจ้านายสั่ง 555
ซึ่งนายสั่งเยอะมาก เยอะชนิดที่ว่าต้องทำเป็นเมโม
แล้วคอยอัพเดทให้นายทุกๆ วัน งานที่ได้รับมอบหมาย
ก็มีตั้งแต่เรื่องส่วนตัว, รีพอร์ทนู่นนี่นั่น, หาข้อมูล หรือบางทีก็เข้าประชุมกับนาย ไม่ก็ถูกส่งไปประชุมคนเดียว T^T

ยังนึกภาพไม่ออกใช่มั้ยคะ
มาค่ะ จะเล่าให้ฟังคร่าวๆ แล้วกันเนอะ
เริ่มจากเรื่องส่วนตัว
ตอนนี้ที่ค้างนายอยู่คือเรื่อง ทำบัตรเครดิต กับ สมัครแพคเกจทีวีที่อพาร์ทเมนท์
คือจริงๆ กรอกข้อมูลแล้ว แต่ไม่มีเวลาคอนเฟิร์มกับเจ้านาย
เอกสารก็เลยยังนอนแอ้งแม้งอยู่ในเก๊ะอยู่อย่างนั้น
จองตั๋วเครื่องบิน, ทำตารางทัวร์ (ในวันที่ครอบครัวนายมาไทย)

ส่วนรีพอร์ทหลักๆ คือ
ยอดขายที่จริงๆ ระบบจะมีส่งออโต้มาให้ทุกคืน
แต่นายดูไม่เป็น หรือขี้เกียจดูนั่นเอง
เราก็จะเอาตารางนั้นมาทำให้มันง่ายขึ้น เทียบกับปีที่แล้วก็ ส่งให้นายทุกสิ้นเดือน

หาข้อมูลอันนี้กว้างมาก ข้อมูลอะไรก็ตามที่นายต้องการ
เลขาคนนี้ต้องไปไขว่คว้ามาให้ได้ ถ้าไม่ได้ก็ต้องไปหาวิธีมาให้ได้
หรือถ้าจนปัญญาจริงๆ ก็ต้อง ตีหน้าเศร้า หยอดน้ำตาเทียม เล่าให้นายฟัง
ข้อมูลส่วนใหญ่ จะเป็นข้อมูลที่นายอยากได้ไปใช้ในการตัดสินใจต่างๆ
ซึ่งบางทีเป็นข้อมูลของบ.เก่าที่เราไปซื้อธุรกิจเขามาบางส่วน
ความร่วมมือบางอย่างจากอีกฝั่ง ก็อาจไม่ได้สวยหรูเหมือนเงินที่เราจ่ายเขาไป T^T

เรื่องประชุมนี่เป็นอะไรที่เสียพลังงานที่สุดแล้วสำหรับเรา
ไม่ว่าจะเป็นประชุมกรรมการบริษัท ประชุมผลิต ประชุมยอดขาย
ประชุมระบบ แระชุมบุคคล ประชุมผู้ตรวจสอบบัญชี ประชุมกับบริษัทเดิมที่เราซื้อธุรกิจเขามา
อิฉันเหมาหมด ขอให้เจ้านายเราเข้า เจ้านายก็จะลากอิฉันไปแปลด้วยหมด
หรือถึงแม้ไม่ต้องการล่าม คุยกับเป็นอังกฤษ ก็หิ้วอิฉันเข้าไปด้วยอยู่ดี
ซึ่งบางทีอิฉันก็ตกกระไดพลอจโจน ต้องแปลอังกฤษเป็นไทย เป็นญี่ปุ่นอีก
ถ้าใครคุ้นเคยกับการประชุมที่มีแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบริษัท
หรือการประชุมระหว่างแผนก น่าจะเข้าใจดีว่ามันคือสงครามดีๆ นี่เอง
และคนที่บาดเจ็บปางตายทีสุดก็คือล่ามนี่แหล่ะค่ะ
นอกจากต้องแปลแล้ว ยังต้องเป็นตัวกลางในการประณีประนอม
โดยเฉพาะการประชุมของผู้ใหญ่ อย่างกรรมการบริษัท
ที่ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม ความเห็นของแต่ละท่านมักจะไม่ตรงกัน
แล้วบางท่านก็ใช้คำพูดที่เจ็บปวดในการแปลสำหรับล่ามเหลือเกิน
เรียกว่าออกมาจากห้องนี่สะบักสะบอมกันเลยทีเดียวค่ะ
แทบจะต้องหามล่ามออกมากันเลยทีเดียว
ดีไม่ดี ยังเจอคำพูดถากถางน้ำใจกันอีก
ซึ่งเรารู้ดีค่ะ ว่าแต่ละท่านไม่ได้มีเจตนาไม่ดี
ไม่ว่าจะเป็น ทำไมเอ็งไม่แปล ไม่กล้าล่ะสิ
หรือนี่เธอแปลถูกรึเปล่า ซึ่งคำพูดเหล่านี้
เรารู้ดีว่าไม่ใช่การติเตียน แต่เป็นการแซวเล่นๆ ของผู้บริหาร
แต่ถึงอย่างนั้น กำลังใจที่เสียไปมันก็เรียกกลับคืนมาไม่ได้อีกแล้วล่ะเนอะ

บางทีคนในแผนกทะเลาะกัน เรื่องจิปาถะ หรือประชุมที่มีแต่คนไทยเข้าไปคุยกัน
เจ้านายก็จะถีบ(ส่ง)เราเข้าไปในห้องประชุม แล้วให้มาเล่าให้แกฟังอีกที
โดยเจ้านายให้เหตุผลว่า อย่างงี้เร็วกว่า ฉันได้ทำงาน ส่วนประชุมก็จบเร็วด้วย
เพราะไม่ต้องเว้นระยะให้เธอแปล
จริงๆ นายบอกว่า เรื่องบางเรื่องก็ไม่ได้อยากรู้ 555
แต่ฉันอาจจะอยากรู้ทีหลัง เพราะฉะนั้นเธอเข้าไปนั่นแหล่ะดีแล้ว

ทีนี้ถ้าใครจำได้เรื่องเซ็นเอกสารเมื่อกระทู้ที่แล้ว
ตอนนี้เราแบ่งออกเป็น 2 ช่วงคือ เช้ากับบ่าย
คือจะเอาเอกสารมาให้ตอนไหนก็ได้ แต่นายจะเซ็นแค่ 2 รอบเท่านั้น
นอกจากด่วน ก็จะมีการเอาขนมมาเซ่นเลขา พร้อมบอกว่าขอเลยได้ป่าวหนู
และเนื่องจากเราสวย เราใจดี ถ้านายดูไม่ยุ่ง และไม่เครียดมาก เราก็จะให้นายเซ็นให้เลยค่ะ

ทีนี้ตอนเที่ยงเวลากินข้าวกลางวัน
อันนี้รู้สึกเหมือนอยู่ใน Job Description เรา
คือไปกินข้าวกับเจ้านาย อันเนื่องมาจากนายเป็นญี่ปุ่นคนเดียวในออฟฟิศ
เราก็ต้องพาเจ้านายไปกินข้าว ซึ่งทุกร้านเลขาเลือกเอง รวมถึงเมนูด้วย 555
เจ้านายมีหน้าที่กินอย่างเดียว คือจริงๆ ก็จะถามแกก่อน
ถ้าร้านไหนมีรูปก็แล้วไป แต่ร้านป้าแดง ลุงก่ำแถวออฟฟิศอย่างนี้มันไม่มีรูปไง
ถ้าแกนึกอะไรไม่ออก แกก็จะบอกว่าอะไรก็ได้ 555

ทีนี้กินข้าวเสร็จตัดมาตอนบ่าย
เราก็ทำหน้าที่เดิม ชงกาแฟยามบ่ายให้นายกิน
ก่อนจะกลับไปทำงานต่อ ถ้ามีประชุมก็ประชุมกันต่อไปยาวๆ
ถ้าเย็นวันไหนนายมีทานข้าวกับลูกค้า กับเจ้านายคนอื่นๆ
ก็ต้องโทรบอกคนขับรถให้เรียบร้อย
ถ้าวันไหนไม่มีกินข้าวข้างนอก
ก็หน้าที่เรา ที่จะกดดันให้นายรีบกลับ 555
โดยปกติเราจะพยายามกลับหลังเจ้านาย (สร้างภาพที่สุด)
คือจริงๆ งานมันมีตลอดอยู่แล้ว ทำถึงเช้ามันก็ไม่เสร็จ 555
แต่ถ้าสัก 2 ทุ่มแล้วเจ้านายยังไม่มีท่าทีว่าจะกลับ
เราจะเริ่มบิวท์เจ้านายเรื่องผี ซึ่งก็มักจะได้ผล แต่ก็จะโดนบ่นทุกที
ทีนี้บางวันถ้างานเราเสร็จแล้ว แต่เจ้านายไม่กลับ
แล้วมัน 2 ทุ่มแล้ว เราก็จะกลับก่อน
และแน่นอนก่อนกลับเราต้องบิวท์ เพราะกว่าจะถึงตอนนั้นคือทุกคนเขากลับกันหมดแล้ว
เหลือกันอยู่ 2 หน่อนี่แหล่ะ
ซึ่งเรื่องผีมันจะได้ผลเสมอ ถึงแม้เจ้านายจะทำเก่ง ว่าไม่มีผีหรอกนะ
(คือจริงๆ นายบอกถึงมีจริง ก็คุยกันไม่รู้เรื่อง!)
แต่ก็ไลน์มาบ่นตามหลังทุกที ว่าเธอบิวท์ฉัน แค่เสียงเมล์เข้า ฉันยังสะดุ้งเลยเนี่ยะ
เลขาก็สนุกกันไป แกล้งเจ้านายเล่นแก้เครียด

แล้วเลขาท่านอื่นๆ ล่ะค่ะ
ใน 1 วันทำอะไรกันบ้าง มาแชร์กันค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่