[แปล] นิชคุณ " Journey, Map that Embraces the Wind "

From http://venitajh.blog.fc2.com/blog-entry-66.html
| Posted by VenitaJH |

Credit:
1) Kor-Chn: Chu-008 and Yueyue, Chn-Eng: Chu-Alpaca
Please take out with full credits to KVChuxin
http://www.twitlonger.com/show/n_1son35u
2) Eng-Thai: @fai_bossanjazz
3) Photo - Scan by KV初心工会


1. ทุกครั้งที่ผมรู้สึกลังเลที่จะเดินหน้าต่อไป คุณพ่อของผมจะพูดว่า ‘เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส’ เวลาที่ผมได้ยินคำพูดนั้นจากคุณพ่อ ผมก็จะรู้สึกได้อีกครั้งว่าท่านเป็นต้นแบบของพลังและสามารถวางใจได้ ไม่สั่นคลอนเหมือนกับภูเขา
2. เริ่มแรกมันเป็นความบังเอิญ ความบังเอิญที่เราได้พบกัน การทำงานและมีงานอดิเรกที่คล้ายกันทำให้มันง่ายสำหรับเราที่จะพูดคุยกัน และมันทำให้เรารู้สึกว่าเราพบกันช้าไป ดังนั้นเราเลยตัดสินใจที่จะทำความรู้จักกันให้ดีขึ้น และสร้างความทรงจำที่ดีร่วมกัน เพราะอย่างนั้นในช่วงบ่าย พี่ (อีจองจิน) ถามผมว่า 'อยากไปไหม?' ผมเลยถามว่า 'ผมไปได้เหรอ?' แล้วมันก็เกิดขึ้น พวกเราเห็นสอดคล้องกันโดยปริยาย นี่คือสิ่งที่นำเรามายังสถานที่สวยงามอย่างนี้
3. ผมใช้เวลากับตัวเองมากกว่ากับครอบครัวตอนที่ผมโตขึ้นมา แต่ทุกครั้งที่ผมกำลังมุ่งไปผิดทาง คุณแม่จะนำทางผมกลับมาด้วยถ้อยคำที่ชาญฉลาดในการปลุกใจ แม้ตอนนี้เมื่อผมรู้สึกหลงทาง คำพูดของคุณแม่ก็ยังคงเปรียบเสมือนเข็มทิศ “อย่าหวังพึ่งคนอื่น แต่จงมีศรัทธาในตัวเอง”

4. ผมกลายมาเป็นคนที่เริ่มชีวิตในหนทางลัดโดยไม่ได้ตั้งใจ ขณะที่กำลังพยายามหาเส้นทางที่ง่ายกว่านั้น ผมกลับนำพาตัวเองมาสู่อุปสรรคมากมาย แม้ว่ามันจะไม่ยืนยาว แต่มันกลายเป็นบทเรียนชีวิตของผม “อย่าโกหกตัวเอง” มันอาจจะเป็นเหมือนถ้อยคำง่ายๆ และธรรมดาทั่วไป แต่มันเป็นถ้อยคำที่ผมจะใช้เตือนตัวเอง อย่างน้อยผมก็หวังว่าจะไม่กลายเป็นคนที่ทรยศตัวเขาเอง นี่คืดสิ่งที่ผมให้สัญญากับตัวเอง

5. การเดบิวต์เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน แต่มันเป็นเวลาสิบปีมาแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปผมพบว่าตัวเองถูกแต่งแต้มอำพรางหนาขึ้น ยิ่งถูกแต่งแต้มอำพรางหนาขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งยากที่จะหาตัวตนของตัวเองเจอ เพราะอย่างนั้นมีคนบอกผมว่า “มันไม่สายไปหรอกที่จะเริ่มต้นผจญภัย” ผมจะไม่เรียกมันว่าการผจญภัยหรอกนะ แต่ว่าผมวางแผนที่จะเริ่มต้นออกเดินทางไปยังที่ที่ผมสามารถกำจัดการอำพรางออกไปได้เพราะว่าผมยังอายุน้อย
6. “มันมีสองทางเท่านั้นในการใช้ชีวิตของคุณ ทางหนึ่งคือไม่มีอะไรเป็นเรื่องมหัศจรรย์ กับอีกทางหนึ่งทุกสิ่งล้วนมหัศจรรย์” ผมเองก็ไม่สามารถเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ได้ทั้งหมด ผมแค่รู้ว่านักวิชาการที่เชี่ยวชาญที่สร้างสมการ E=mc2 และพิสูจน์ทฤษฎีสัมพันธภาพอย่างไอน์สไตน์พูดประโยคนี้ที่รวบรวมเอาความหมายในทางปรัชญาเชิงลึกเอาไว้ (Note:เขาไม่เข้าใจจริงๆ) เมื่อผมมีเวลาได้นั่งลงและคิด มันทำให้ผมตระหนักว่าผมกำลังยืนอยู่บนทางแยกที่สำคัญของชีวิตที่เต็มไปด้วยโอกาส
7. ผมนึกถึงประโยคนี้ขึ้นมาได้ตอนกำลังอ่าน “เพื่อจะเป็นคนที่ดีกว่าเดิม คุณควรออกไปข้างนอกและดูโลกกว้าง” ผมเห็นด้วยกับมันมาก การท่องเที่ยวก็เหมือนสารอาหารที่ช่วยให้ผมเติบโตมาเป็นคนอย่างนี้ คิดถึงคำของ Marcel Proust “การเดินทางเพื่อเรียนรู้สิ่งต่างๆ อย่างแท้จริงไม่ใช่แค่การมองหาสถานที่แห่งใหม่ แต่เป็นการมองสิ่งต่างๆ ในมุมใหม่ด้วย”

8. ถ้าคุณรู้สึกชินชากับชีวิตประจำวันของคุณ และเสียงภายในตัวของคุณเริ่มส่งเสียงขัดแย้ง การออกไปข้างนอกคือตัวเลือกที่ดีที่สุด ความเข้าใจใหม่จากการออกเดินทาง ทิวทัศน์ที่มองเห็นตามทาง การท่องเที่ยวที่ทำให้ใจมีความสุข จิตวิญญาณของผมจะบอกผมถึงคำตอบที่ถูกต้องเอง
9. ผมชอบนักแสดงที่เป็นที่รู้จักกันในนามของตัวแทนนักแสดงรุ่นเยาว์ในชื่อ Jameston [ชื่อนี้คนแปล Eng ก็ไม่แน่ใจค่ะ] แม้ว่าเขาจะเกิดก่อนผมนาน ด้วยหัวใจที่ศรัทธาที่ผลักดันให้เขาพ้นผ่านความวุ่นวายและความไม่มั่นคงของความเยาว์วัยผ่านทางสายตาที่ช่ำชองโลก เขาเป็นที่จดจำได้อย่างง่ายดายในภาพเก่าสีขาวดำ นั่นคือสิ่งที่เขาเหลือไว้ให้กับโลกใบนี้ มรดกที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์อันเป็นความฝันของเขา และใช้ชีวิตทุกๆ วันให้เหมือนเป็นวันสุดท้าย

10. พวกเราต่างก็ปรารถนาจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่เราหลายคนไม่ได้เข้าใจเลยว่าความสุขที่แท้จริงคืออะไร ผมเองก็เหมือนคนส่วนใหญ่ รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน หลายครั้งสิ่งเล็กๆ น้อยๆ สามารถทำให้ผมมีความสุขได้ แต่บางครั้งก็มีสิ่งที่ทำให้ผมโมโห แม้ว่ามันจะเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม บางครั้งผมจะถามตัวเอง ผมมีความสุขจริงๆ หรือ? น่าผิดหวังที่แม้แต่คำถามแค่นี้ผมก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ถ้าผมได้คิดเกี่ยวกับมันมากกว่านี้หน่อย เมื่อนั้นผมก็จะตระหนักได้ว่าความสุขเกิดจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ สองพันปีก่อน อริสโตเติลกล่าวว่าความสุขอยู่ในกำมือของเรา มาร์คัส ออเรลิอัสกล่าวว่าการทำให้ชีวิตมีความสุขต้องการอะไรน้อยมาก คำตอบนั้นชัดเจน แล้วทำไมผมถึงจะต้องค้นหาความสุขอย่างยากลำบากเช่นนั้นล่ะ? มันอยู่ในหัวใจของผมแล้ว ถ้าหากคุณกำลังมองหาความสุข ผมสามารถบอกคุณได้ว่า “ความสุขอยู่ข้างในตัวเอง”
11. มันเป็นเรื่องน่ายินดีในการทำบางสิ่งและได้รับความใส่ใจและความรักจากคนมากมาย และมันจะยิ่งน่ายินดีมากขึ้นไปอีกในการที่ได้ทำสิ่งที่ผมรัก นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงรู้สึกยินดี ในฐานะที่เป็นคนที่ได้รับมากมายมากกว่าคนอื่นๆ ผมได้กลายมาเป็นคนที่ระมัดระวังในการกระทำของตัวเอง และยิ่งฉลาดในการใช้ชีวิต คติประจำใจที่ผมใช้ในการดำเนินชีวิตคือคำพูดของคานธี

“ความเชื่อของคุณกลายมาเป็นความคิดของคุณ
ความคิดของคุณกลายมาเป็นคำพูดของคุณ
คำพูดของคุณกลายมาเป็นการกระทำของคุณ
การกระทำของคุณกลายมาเป็นนิสัยของคุณ
นิสัยของคุณกลายมาเป็นคุณค่าของคุณ
คุณค่าของคุณกลายมาเป็นโชคชะตาของคุณ”

การใช้ชีวิตแบบวุ่นวายเป็นอะไรที่ผมไม่อยากเห็นในตัวเอง ทุกครั้งที่ผมพบว่าตัวเองกำลังใช้ความเหนื่อยยากมาเป็นข้อแก้ตัว ผัดวันประกันพรุ่ง หรือโดดออกมาจากปัญหา ผมมักจะนึกถึงถ้อยคำของคานธีเสมอ
12. เมื่อผมโตขึ้น ผมมองเห็นตัวเองโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันผมรู้สึกว่าโครงร่างของชีวิตกลับไม่ชัดเจน แม้ว่าผมจะอยากบอกว่าผมเป็นที่ยอมรับมากขึ้นเมื่อเติบโต มันอาจเป็นสิ่งที่ผมไม่อาจแน่ใจได้เลยเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเอง หรือความชืดชาก็เติบโตขึ้นมาในชีวิตผมเหมือนกัน ความหลงใหลในสิ่งที่ทำ และความรักที่มีให้คนที่ผมใส่ใจ นี่อาจเป็นหนทางที่ง่ายที่สุดในการดำเนินชีวิตแบบที่ผมใช้อยู่ในปัจจุบัน หนังสือ เพลง และคนที่ผมรัก… ทุกสิ่งที่ผมสามารถชื่นชมกับมันได้ในการเดินทาง ผ่านการท่องเที่ยวผมถึงสามารถตระหนักได้ว่าผมชอบผู้คนมากแค่ไหน หนึ่งในนักเขียนคนโปรด Mark Twain เคยพูดไว้ครั้งหนึ่งว่า “ไม่มีหนทางที่ชัดเจนในการหาว่าคุณชอบใครหรือเกลียดใครได้มากไปกว่าการเดินทางไปพร้อมกับเขาเหล่านั้น” และผมไม่สามารถเห็นด้วยไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่