สะพัด!“คณะทำงาน ป.ป.ช.” ถอย! มีมติ “ไม่ถอนฟ้องคดีสั่งสลายพันธมิตร ปี 51” ปล่อย “สมชาย -พัชรวาท -สุชาติ”รับกรรม ย้ำเหตุไม่ถอนฟ้อง เชื่อ “พยานหลักฐานที่ผู้ร้องยื่นเข้ามาไม่มีพยานหลักฐานใหม่ที่เป็นสาระสำคัญ” เตรียมลงนามรับรองมติ 24 พ.ค. ก่อนเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ตัดสิน 26 พ.ค.นี้อย่างเป็นทางการ
วันนี้ (17 พ.ค.) มีรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา คณะทำงานที่มีนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานพิจารณาถอนฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรปี 2551 ได้ประชุมกันเป็นนัดสุดท้ายเพื่อพิจารณาว่าท้ายสุดจะมีการยื่นถอนคดีดังกล่าวหรือไม่ ก่อนส่งให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติในช่วงสัปดาห์สุดท้ายปลายเดือน พ.ค. นี้
โดยผลการลงมติ “คณะทำงานมีมติไม่ถอนฟ้อง” ในคดีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตร ปี 51 เพราะมีความเห็นไปในแนวทางเดียวกันว่าไม่ควรถอนฟ้องในคดีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตร เนื่องจากเห็นว่า พยานหลักฐานที่ผู้ร้องยื่นเข้ามาไม่มีพยานหลักฐานใหม่ที่เป็นสาระสำคัญ นอกจากนี้ได้ชี้แจงเหตุผลต่อข้อร้องเรียนเป็นข้อ ๆ จนเสร็จสิ้นข้อสงสัยแล้ว”
ทั้งนี้ภายหลัง มติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ให้คณะอนุกรรมการฝ่ายกฎหมายไปดูตามคำร้องขอความเป็นธรรมของผู้ถูกกล่าวหา 3 ราย (นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น.) โดยอ้างพยานหลักฐานใหม่ว่ามีสิทธิ์ถอนฟ้องหรือไม่ ดังนั้น ป.ป.ช. จึงมีมติตั้งคณะทำงานชุดดังกล่าวขึ้นมา
มีรายงานว่า ภายหลังประชุม นายสรรเสริญ เปิดเผยว่า ที่ประชุมของคณะทำงาน ได้ข้อสรุปแล้วว่า จะเสนอแนวทางอย่างไร โดยให้เลขานุการของคณะทำงานฯ สรุปรายละเอียดและเรียบเรียงจัดทำเอกสาร เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะทำงานฯลงนามมติดังกล่าวอีกครั้งในวันที่ 24 พ.ค. 59 ก่อนเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในวันที่ 26 พ.ค.นี้ อย่างเป็นทางการ
“ขณะนี้คณะทำงานได้แนวทางที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรียบร้อยแล้ว ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีความเห็นชอบอย่างไรนั้น คงจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง สำหรับแนวทางที่เสนอนั้น ไม่ได้มีเป็นข้อๆ แต่เป็นเพียงภาพรวมที่ได้พิจารณาข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และความคิดเห็นต่างๆ” นายสรรเสริญ กล่าว
ส่วนประเด็นที่สื่อมวลชนสงสัยว่าคณะทำงานฯจะมีข้อเสนอแนะต่อประเด็นนี้ที่เกี่ยวโยงกับพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. เพื่อให้ข้อเสนอแนะว่า ควรจะร่วมลงมติหรือไม่นั้น นายสรรเสริญ กล่าวว่า ตรงนี้ไม่ใช่หน้าที่ของคณะทำงาน เพราะมีหน้าที่เพียงพิจารณากรอบการทำงาน ตามที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น
แหล่งข่าวจากสำนักงานป.ป.ช. ชี้แจงว่า แนวทางการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะต้องพิจารณาเรื่องนี้ให้รอบคอบที่สุด เนื่องจากอาจจะมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์โดยรวมขององค์กร นอกจากดูในประเด็นพยานเอกสารหลักฐานใหม่ที่ผู้ร้องยื่นมาว่าเป็นไปตามนั้นหรือไม่ มีความเหมาะสมหรือไม่ และกฎหมายให้ทำได้หรือไม่ เนื่องจากต้องส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปแล้ว และยังต้องดูระเบียบศาลฎีกาฯด้วยว่า สามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งต้องถูกต้องตามข้อกฎหมายด้วย
มีรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะพิจารณาตามข้อเสนอของคณะทำงานฯว่า มีความเห็นอย่างไร ให้ความเป็นธรรมต่อผู้ร้องหรือไม่ ขณะเดียวกันต้องความถูกต้องและสอดคล้องกับกฎหมาย ป.ป.ช. เพราะ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ต้องดูตรงนี้เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะพิจารณาโดยนำ 2 สำนวนคดีที่คล้ายกัน คือคดีสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงปี 2553 กับคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรปี 2551 มาเปรียบเทียบกัน โดยดูว่าการดำเนินการสลายการชุมนุมในปี 2551 เป็นการใช้แผนปฏิบัติการฉุกเฉินในการสลายการชุมนุมหรือไม่ เนื่องจากการดำเนินการสลายการชุมนุมปี 2553 จะมีแผนการปฏิบัติงานตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ
ส่วนกรณีความเหมาะสมที่ พล.ต.อ.วัชรพล จะร่วมลงมติถอนฟ้องคดีดังกล่าวหรือไม่นั้น พล.ต.อ.วัชรพล ต้องพิจารณาเองว่า ในเมื่อเป็นประเด็นทางสังคม และมีคนท้วงติงก็อาจจะต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมและความเกี่ยวข้อง เนื่องจากประธาน ป.ป.ช. เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ควรหรือไม่ควรนั่งร่วมพิจารณา จะถอนตัวในการลงมติหรือไม่ คนอื่นคิดแทนไม่ได้ .
http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9590000049693
สะพัด!“คณะทำงาน ป.ป.ช.” ถอย! มีมติ “ไม่ถอนฟ้องคดีสั่งสลายพธม. ปี 51 (ชายจืด มีหนาว)
วันนี้ (17 พ.ค.) มีรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา คณะทำงานที่มีนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานพิจารณาถอนฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรปี 2551 ได้ประชุมกันเป็นนัดสุดท้ายเพื่อพิจารณาว่าท้ายสุดจะมีการยื่นถอนคดีดังกล่าวหรือไม่ ก่อนส่งให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติในช่วงสัปดาห์สุดท้ายปลายเดือน พ.ค. นี้
โดยผลการลงมติ “คณะทำงานมีมติไม่ถอนฟ้อง” ในคดีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตร ปี 51 เพราะมีความเห็นไปในแนวทางเดียวกันว่าไม่ควรถอนฟ้องในคดีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตร เนื่องจากเห็นว่า พยานหลักฐานที่ผู้ร้องยื่นเข้ามาไม่มีพยานหลักฐานใหม่ที่เป็นสาระสำคัญ นอกจากนี้ได้ชี้แจงเหตุผลต่อข้อร้องเรียนเป็นข้อ ๆ จนเสร็จสิ้นข้อสงสัยแล้ว”
ทั้งนี้ภายหลัง มติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ให้คณะอนุกรรมการฝ่ายกฎหมายไปดูตามคำร้องขอความเป็นธรรมของผู้ถูกกล่าวหา 3 ราย (นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น.) โดยอ้างพยานหลักฐานใหม่ว่ามีสิทธิ์ถอนฟ้องหรือไม่ ดังนั้น ป.ป.ช. จึงมีมติตั้งคณะทำงานชุดดังกล่าวขึ้นมา
มีรายงานว่า ภายหลังประชุม นายสรรเสริญ เปิดเผยว่า ที่ประชุมของคณะทำงาน ได้ข้อสรุปแล้วว่า จะเสนอแนวทางอย่างไร โดยให้เลขานุการของคณะทำงานฯ สรุปรายละเอียดและเรียบเรียงจัดทำเอกสาร เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะทำงานฯลงนามมติดังกล่าวอีกครั้งในวันที่ 24 พ.ค. 59 ก่อนเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในวันที่ 26 พ.ค.นี้ อย่างเป็นทางการ
“ขณะนี้คณะทำงานได้แนวทางที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรียบร้อยแล้ว ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีความเห็นชอบอย่างไรนั้น คงจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง สำหรับแนวทางที่เสนอนั้น ไม่ได้มีเป็นข้อๆ แต่เป็นเพียงภาพรวมที่ได้พิจารณาข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และความคิดเห็นต่างๆ” นายสรรเสริญ กล่าว
ส่วนประเด็นที่สื่อมวลชนสงสัยว่าคณะทำงานฯจะมีข้อเสนอแนะต่อประเด็นนี้ที่เกี่ยวโยงกับพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. เพื่อให้ข้อเสนอแนะว่า ควรจะร่วมลงมติหรือไม่นั้น นายสรรเสริญ กล่าวว่า ตรงนี้ไม่ใช่หน้าที่ของคณะทำงาน เพราะมีหน้าที่เพียงพิจารณากรอบการทำงาน ตามที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น
แหล่งข่าวจากสำนักงานป.ป.ช. ชี้แจงว่า แนวทางการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะต้องพิจารณาเรื่องนี้ให้รอบคอบที่สุด เนื่องจากอาจจะมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์โดยรวมขององค์กร นอกจากดูในประเด็นพยานเอกสารหลักฐานใหม่ที่ผู้ร้องยื่นมาว่าเป็นไปตามนั้นหรือไม่ มีความเหมาะสมหรือไม่ และกฎหมายให้ทำได้หรือไม่ เนื่องจากต้องส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปแล้ว และยังต้องดูระเบียบศาลฎีกาฯด้วยว่า สามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งต้องถูกต้องตามข้อกฎหมายด้วย
มีรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะพิจารณาตามข้อเสนอของคณะทำงานฯว่า มีความเห็นอย่างไร ให้ความเป็นธรรมต่อผู้ร้องหรือไม่ ขณะเดียวกันต้องความถูกต้องและสอดคล้องกับกฎหมาย ป.ป.ช. เพราะ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ต้องดูตรงนี้เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะพิจารณาโดยนำ 2 สำนวนคดีที่คล้ายกัน คือคดีสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงปี 2553 กับคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรปี 2551 มาเปรียบเทียบกัน โดยดูว่าการดำเนินการสลายการชุมนุมในปี 2551 เป็นการใช้แผนปฏิบัติการฉุกเฉินในการสลายการชุมนุมหรือไม่ เนื่องจากการดำเนินการสลายการชุมนุมปี 2553 จะมีแผนการปฏิบัติงานตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ
ส่วนกรณีความเหมาะสมที่ พล.ต.อ.วัชรพล จะร่วมลงมติถอนฟ้องคดีดังกล่าวหรือไม่นั้น พล.ต.อ.วัชรพล ต้องพิจารณาเองว่า ในเมื่อเป็นประเด็นทางสังคม และมีคนท้วงติงก็อาจจะต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมและความเกี่ยวข้อง เนื่องจากประธาน ป.ป.ช. เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ควรหรือไม่ควรนั่งร่วมพิจารณา จะถอนตัวในการลงมติหรือไม่ คนอื่นคิดแทนไม่ได้ .
http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9590000049693