นี่ท่าน ธัมมชโย ก็ป่วยอีกแล้ว ป่วยหนักขนาดนี้ ถึงขั้นตายได้ ถ้าไปพบ DSI ตามที่หมอออกมาแถลง
ผมก็เคยป่วยหนัก แต่ถ้าใจมันจะไปซะอย่าง อะไรก็หยุดไม่ได้
ตอนผมเรียน ผมแอบหลงรักผู้หญิงคนหนึ่ง ผมเรียนที่ จุฬาฯ แต่เธอเรียน เอแบค
ก่อนหน้าวันเกิดเธอ 2 วัน ผมได้ซื้อของขวัญเตรียมไว้ให้เธอ จะเอาไปให้เธอในวันเกิด
ปรากฎว่า ก่อนหน้าวันเกิดเธอ 1 วัน ผมมีอาการป่วย ตัวร้อน ไข้ขึ้นสูง หนาวสั่นอย่างมาก
ผมต้องนอน เอาเสื้อผ้าทั้งหมด มาห่ม นอนบนพื้นกระดาน เอาฟูกที่นอนมาทับ แล้ว เอาผ้าห่ม มาห่มอีกที
พอวันรุ่งขึ้น วันเกิดเธอ อาการผมกลับแย่ลง เพื่อน รูมเมท บอกให้ผมไปหาหมอ แกจะพาไป แต่ผมไม่ยอม
เพราะกลัวว่า อาจได้นอนโรงพยาบาล นั่นหมายถึง ผมจะไม่ได้เอาของขวัญไปให้เธอ
พอตอนเย็นๆ ผมก็ดันทุรัง จะเอาของขวัญไปให้เธอ โดยนั่งรถเมล์ จาก จุฬาฯ ไป เอแบค เธออยู่หอพักใกล้ๆ มหาวิทยาลัย
ต้องนั่งรถเมล์ 2 ต่อ ต่อแรก ผมต้องยืนตลอด ผมใส่เสื้อกันหนาว 2 ชั้น ของผม 1 ชั้น ยืมของเพื่อนมาอีก 1 ชั้น
ผมหนาว ตัวสั่น ขณะเดียวกันก็ร้อน ตัวร้อนมาก ปวดหัวรุนแรง แต่ใจมันไปอยู่ที่เธอ คนที่ผมหลงรักแล้ว จะเป็นจะตายยังไง ก็จะไปให้ได้
พอลงรถเมล์ ผมก็เดินเข้าไปในซอยอีก ประมาณ 200 เมตร ก็เดิน มันปวดหัว มันหนาว จะล้มลงเสียให้ได้ ขณะที่ตัวก็ร้อน เดินสั่นตลอดทาง
พอไปถึงหอพักเธอ ก็โทรขึ้นไปเรียกเธอลงมารับของขวัญ เธอก็ลงมารับของขวัญ แล้วบอก ขอบคุณค่ะ แล้วเราก็แยกย้าย
โดยที่เธอไม่ถามผมสักคำ ว่า ทำไมผมถึงต้องใส่เสื้อกันหนาวหนาๆแบบนี้มาด้วย ทั้งที่อากาศร้อน
แต่แค่นั้น ผมก็ชื่นใจแล้ว
ผมกลับมาถึงหอพักก็ดึกมากแล้ว อาการทรุดลงอีก ปวดหัวรุนแรงมาก จนผมบอกกับเพื่อนว่า ผมต้องไปโรงพยาบาลแล้ว
เพื่อนรูมเมท ก็พาผมซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ไปโรงพยาบาล ประมาณเที่ยงคืน แล้วผมก็ต้องแอดมิต นอนโรงพยาบาลจริงๆ
ใช้บัตรนิสิต นอนโรงพยาบาลจุฬาฯ
คือถ้าจะไปซะอย่าง อาการป่วยอะไร ไม่ใช่อุปสรรค ทำให้ผม ไม่เชื่อ ว่าท่าน ธัมมชโย ป่วยจริง แต่เป็นข้ออ้าง
แต่ถ้าไม่อยากไป...
ตอนนั้น มีอยู่วิชาหนึ่ง ผมทำคะแนนสอบมิดเทอมแย่มาก แต่ไม่ยอมถอนรายวิชานั้น ตัดสินใจสู้
พอถึงวันใกล้สอบ ผมอ่านหนังสือไม่ทัน และ ไม่เข้าใจ พยายามแล้ว แต่ตำรามันหนามาก มีแต่คำนวนยุบยับ เต็มไปหมด
ถ้าผมเข้าสอบ ผมติด F แน่นอน พยายามคิด หาทางออก จนในที่สุดผมก็คิดว่า ผมต้องลาป่วย
ในวันสอบ ผมก็ไม่ไปสอบ แต่ไปหาหมอที่คลีนิคแทน
ก็พยายามบอกหมอ ว่าผมป่วย ปวดท้อง เป็นไมเกรน เป็นโน่นเป็นนี่ สารพัด
แล้วก็ขอใบรับรองแพทย์ ว่าผมป่วย แล้วลงความเห็นแพทย์ว่า ให้ผมนอนพัก 2 วัน ได้ยามา 2 ชุด หมดตังค์ไป 450
ตอนหมอเขียนใบรับรองแพทย์ หมอก็แซวผม เหมือนรู้ว่าผมไม่ได้ป่วยจริง
คือใจมันไม่ไปซะอย่าง ก็ต้องดิ้นรน ทำทุกอย่าง เพื่อจะได้ไม่ไปสอบ
ผมเชื่อว่า ท่าน ธัมมชโย ไม่ได้ป่วยจริง อีกเช่นกัน แต่ให้หมอมาตรวจ แล้วออกใบรับรองแพทย์ว่า ถ้าไปพบ DSI อาจถึงตายได้
แล้วทำไมไม่ไปนอน โรงพยาบาล หืออออ หรือว่าที่วัดพระธรรมกาย มีเครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์ เหนือกว่าที่โรงพยาบาล
การที่ท่าน ธัมมชโย ให้หมอมาตรวจรักษาที่วัดพระธรรมกาย ไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือ ที่หมอต้องทิ้งคนไข้อื่นๆ เสียเวลา มาดูแลท่านคนเดียวที่วัด
กรณี แผลที่ขาท่าน ผมก็ไม่เชื่ออีก เพราะเรื่องแผลนี่ ผมเคยโดนหลอกมาแล้ว
มีครั้งหนึ่ง ผมเคยไปเป็น ไกด์ ช่วยพี่ชาย พาฝรั่งขึ้นดอยที่เชียงใหม่ ฝรั่งก็นั่งหลังช้าง ขึ้นดอย ไปหมู่บ้านชาวเขา แล้วก็นั่งช้างลงมา เป็นที่สนุกสนาน
จนลงมา แล้วพี่ชายผมก็มอบหมายให้ผมพาฝรั่ง 3 คน ไปเที่ยววัดแห่งหนึ่ง
ตอนไปที่วัด ผมเจอขอทานคนหนึ่ง ที่แขนเขามีแผลลึกมาก เห็นถึงกระดูกเลย ผมตกใจและสงสารมาก เลยหยิบเงินให้ไป ร้อย นึง
แล้วผมก็ไปบอกฝรั่งว่า มีขอทานคนหนึ่ง เป็นที่แผลแขน น่ากลัวมาก แล้วผมก็พาฝรั่งมาดู พวกเขาก็ตกใจมาก พากันหยิบเงิน ร้อยนึง สองร้อย
เอาให้ขอทานคนนั้น ผมก็บอกขอทานคนนั้นว่า พี่ รีบไปหาหมอซะ เดี๋ยวมันจะเน่า อันตรายมาก
พอกลับถึง เกสท์เฮ้าส์ ผมบอกพี่ชายว่า ผมเจอขอทานคนหนึ่ง เป็นแผลที่แขน ลึกถึงกระดูก เลยให้เงินไปร้อยนึง ฝรั่งก็ให้เงินกัน หลายร้อย
พี่ชายผมก็บอกว่า ไปให้ทำไม พวกนี้มันอยากจะทำประกันแผลที่แขนเอาไว้ด้วย เพราะวันหนึ่งๆมันได้เงินเยอะแยะจากแผลของมัน
พอผมกลับมาถึงกรุงเทพ มีวันหนึ่ง ผมไปที่สะพานควาย ตอนผมเดินข้ามสะพานลอยแห่งหนึ่ง ผมเจอขอทานคนหนึ่ง มีแผลลุกลามใหญ่โตที่ขา
แผลเหวอะหวะมาก มีน้ำเลือดน้ำหนองแห้งกรังที่แผล ผมก็เลยหยุดยืนดู มีคนให้ทานจำนวนมากทีเดียว ผมพยายามสังเกตที่แผล
ตอนนั้น ผมเห็นแมลงวัน 3-4 ตัว บินมาตอมตัว ตอมหน้าขอทานคนนั้น แต่ ไม่มีตัวไหนเลย ที่ไปตอมแผลขอทาน
ปกติ ถ้าแผลนั้นเป็นของจริง มีน้ำหนองแห้งกรังอยู่ตรงนั้น แมลงวันต้องรุมตอมแน่นอน เพราะมันคืออาหารชั้นดี คนที่เป็นแผลคงทราบว่า แมลงวันชอบแค่ไหน เขาทำปลอมขึ้นมาหลอกนั้นเอง พวกหลอกลวง !!!
มีน้องผู้หญิงคนหนึ่ง เรียนพยาบาล ส่งรูปๆหนึ่งมาให้ผมดู เป็นรูปเธอกับเพื่อนๆ มีแผลที่มือ ที่แขน ทำเหมือนมาก คือเป็นของปลอมที่ตกแต่งขึ้นโดยฝีมือธรรมดา แต่ถ้าเป็นฝีมือระดับ ช่างเทคนิค ตกแต่ง ตอนถ่ายทำภาพยนตร์ มันจะเหมือนสักแค่ไหน
เอาแค่ภาพยนตร์ไทย ไม่ต้องถึงขนาดเทคนิคภาพยนตร์ ฮอลิวูด
แต่ถ้ามีเงินขนาด ธัมมชโย จะจ้างฝีมือตกแต่งขนาดฮอลีวู๊ดมา ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
เรื่องตกแต่งพวกนี้ ดูด้วยตาเปล่าไม่กี่นาที ทำไม่ได้หรอก มันต้องพกแมลงวันไปด้วย
ผมไม่เชื่อ ท่าน ธัมมชโย ที่เลือกวันป่วยได้พอดีเหมาะเหม็งขนาดนั้น และป่วยถึงขั้นตายได้ หรือขนาด อาจต้องตัดขาทิ้ง แต่ไม่ไปนอนโรงพยาบาล
ท่านโกหกคนทุกคน ตลอดเวลาไม่ได้หรอก
ปล. โอเคครับ ผมเอาเรื่อง ในหลวง ออกแล้ว
ผมไม่เชื่อ "ธัมมชโย"
ผมก็เคยป่วยหนัก แต่ถ้าใจมันจะไปซะอย่าง อะไรก็หยุดไม่ได้
ตอนผมเรียน ผมแอบหลงรักผู้หญิงคนหนึ่ง ผมเรียนที่ จุฬาฯ แต่เธอเรียน เอแบค
ก่อนหน้าวันเกิดเธอ 2 วัน ผมได้ซื้อของขวัญเตรียมไว้ให้เธอ จะเอาไปให้เธอในวันเกิด
ปรากฎว่า ก่อนหน้าวันเกิดเธอ 1 วัน ผมมีอาการป่วย ตัวร้อน ไข้ขึ้นสูง หนาวสั่นอย่างมาก
ผมต้องนอน เอาเสื้อผ้าทั้งหมด มาห่ม นอนบนพื้นกระดาน เอาฟูกที่นอนมาทับ แล้ว เอาผ้าห่ม มาห่มอีกที
พอวันรุ่งขึ้น วันเกิดเธอ อาการผมกลับแย่ลง เพื่อน รูมเมท บอกให้ผมไปหาหมอ แกจะพาไป แต่ผมไม่ยอม
เพราะกลัวว่า อาจได้นอนโรงพยาบาล นั่นหมายถึง ผมจะไม่ได้เอาของขวัญไปให้เธอ
พอตอนเย็นๆ ผมก็ดันทุรัง จะเอาของขวัญไปให้เธอ โดยนั่งรถเมล์ จาก จุฬาฯ ไป เอแบค เธออยู่หอพักใกล้ๆ มหาวิทยาลัย
ต้องนั่งรถเมล์ 2 ต่อ ต่อแรก ผมต้องยืนตลอด ผมใส่เสื้อกันหนาว 2 ชั้น ของผม 1 ชั้น ยืมของเพื่อนมาอีก 1 ชั้น
ผมหนาว ตัวสั่น ขณะเดียวกันก็ร้อน ตัวร้อนมาก ปวดหัวรุนแรง แต่ใจมันไปอยู่ที่เธอ คนที่ผมหลงรักแล้ว จะเป็นจะตายยังไง ก็จะไปให้ได้
พอลงรถเมล์ ผมก็เดินเข้าไปในซอยอีก ประมาณ 200 เมตร ก็เดิน มันปวดหัว มันหนาว จะล้มลงเสียให้ได้ ขณะที่ตัวก็ร้อน เดินสั่นตลอดทาง
พอไปถึงหอพักเธอ ก็โทรขึ้นไปเรียกเธอลงมารับของขวัญ เธอก็ลงมารับของขวัญ แล้วบอก ขอบคุณค่ะ แล้วเราก็แยกย้าย
โดยที่เธอไม่ถามผมสักคำ ว่า ทำไมผมถึงต้องใส่เสื้อกันหนาวหนาๆแบบนี้มาด้วย ทั้งที่อากาศร้อน
แต่แค่นั้น ผมก็ชื่นใจแล้ว
ผมกลับมาถึงหอพักก็ดึกมากแล้ว อาการทรุดลงอีก ปวดหัวรุนแรงมาก จนผมบอกกับเพื่อนว่า ผมต้องไปโรงพยาบาลแล้ว
เพื่อนรูมเมท ก็พาผมซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ไปโรงพยาบาล ประมาณเที่ยงคืน แล้วผมก็ต้องแอดมิต นอนโรงพยาบาลจริงๆ
ใช้บัตรนิสิต นอนโรงพยาบาลจุฬาฯ
คือถ้าจะไปซะอย่าง อาการป่วยอะไร ไม่ใช่อุปสรรค ทำให้ผม ไม่เชื่อ ว่าท่าน ธัมมชโย ป่วยจริง แต่เป็นข้ออ้าง
แต่ถ้าไม่อยากไป...
ตอนนั้น มีอยู่วิชาหนึ่ง ผมทำคะแนนสอบมิดเทอมแย่มาก แต่ไม่ยอมถอนรายวิชานั้น ตัดสินใจสู้
พอถึงวันใกล้สอบ ผมอ่านหนังสือไม่ทัน และ ไม่เข้าใจ พยายามแล้ว แต่ตำรามันหนามาก มีแต่คำนวนยุบยับ เต็มไปหมด
ถ้าผมเข้าสอบ ผมติด F แน่นอน พยายามคิด หาทางออก จนในที่สุดผมก็คิดว่า ผมต้องลาป่วย
ในวันสอบ ผมก็ไม่ไปสอบ แต่ไปหาหมอที่คลีนิคแทน
ก็พยายามบอกหมอ ว่าผมป่วย ปวดท้อง เป็นไมเกรน เป็นโน่นเป็นนี่ สารพัด
แล้วก็ขอใบรับรองแพทย์ ว่าผมป่วย แล้วลงความเห็นแพทย์ว่า ให้ผมนอนพัก 2 วัน ได้ยามา 2 ชุด หมดตังค์ไป 450
ตอนหมอเขียนใบรับรองแพทย์ หมอก็แซวผม เหมือนรู้ว่าผมไม่ได้ป่วยจริง
คือใจมันไม่ไปซะอย่าง ก็ต้องดิ้นรน ทำทุกอย่าง เพื่อจะได้ไม่ไปสอบ
ผมเชื่อว่า ท่าน ธัมมชโย ไม่ได้ป่วยจริง อีกเช่นกัน แต่ให้หมอมาตรวจ แล้วออกใบรับรองแพทย์ว่า ถ้าไปพบ DSI อาจถึงตายได้
แล้วทำไมไม่ไปนอน โรงพยาบาล หืออออ หรือว่าที่วัดพระธรรมกาย มีเครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์ เหนือกว่าที่โรงพยาบาล
การที่ท่าน ธัมมชโย ให้หมอมาตรวจรักษาที่วัดพระธรรมกาย ไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือ ที่หมอต้องทิ้งคนไข้อื่นๆ เสียเวลา มาดูแลท่านคนเดียวที่วัด
กรณี แผลที่ขาท่าน ผมก็ไม่เชื่ออีก เพราะเรื่องแผลนี่ ผมเคยโดนหลอกมาแล้ว
มีครั้งหนึ่ง ผมเคยไปเป็น ไกด์ ช่วยพี่ชาย พาฝรั่งขึ้นดอยที่เชียงใหม่ ฝรั่งก็นั่งหลังช้าง ขึ้นดอย ไปหมู่บ้านชาวเขา แล้วก็นั่งช้างลงมา เป็นที่สนุกสนาน
จนลงมา แล้วพี่ชายผมก็มอบหมายให้ผมพาฝรั่ง 3 คน ไปเที่ยววัดแห่งหนึ่ง
ตอนไปที่วัด ผมเจอขอทานคนหนึ่ง ที่แขนเขามีแผลลึกมาก เห็นถึงกระดูกเลย ผมตกใจและสงสารมาก เลยหยิบเงินให้ไป ร้อย นึง
แล้วผมก็ไปบอกฝรั่งว่า มีขอทานคนหนึ่ง เป็นที่แผลแขน น่ากลัวมาก แล้วผมก็พาฝรั่งมาดู พวกเขาก็ตกใจมาก พากันหยิบเงิน ร้อยนึง สองร้อย
เอาให้ขอทานคนนั้น ผมก็บอกขอทานคนนั้นว่า พี่ รีบไปหาหมอซะ เดี๋ยวมันจะเน่า อันตรายมาก
พอกลับถึง เกสท์เฮ้าส์ ผมบอกพี่ชายว่า ผมเจอขอทานคนหนึ่ง เป็นแผลที่แขน ลึกถึงกระดูก เลยให้เงินไปร้อยนึง ฝรั่งก็ให้เงินกัน หลายร้อย
พี่ชายผมก็บอกว่า ไปให้ทำไม พวกนี้มันอยากจะทำประกันแผลที่แขนเอาไว้ด้วย เพราะวันหนึ่งๆมันได้เงินเยอะแยะจากแผลของมัน
พอผมกลับมาถึงกรุงเทพ มีวันหนึ่ง ผมไปที่สะพานควาย ตอนผมเดินข้ามสะพานลอยแห่งหนึ่ง ผมเจอขอทานคนหนึ่ง มีแผลลุกลามใหญ่โตที่ขา
แผลเหวอะหวะมาก มีน้ำเลือดน้ำหนองแห้งกรังที่แผล ผมก็เลยหยุดยืนดู มีคนให้ทานจำนวนมากทีเดียว ผมพยายามสังเกตที่แผล
ตอนนั้น ผมเห็นแมลงวัน 3-4 ตัว บินมาตอมตัว ตอมหน้าขอทานคนนั้น แต่ ไม่มีตัวไหนเลย ที่ไปตอมแผลขอทาน
ปกติ ถ้าแผลนั้นเป็นของจริง มีน้ำหนองแห้งกรังอยู่ตรงนั้น แมลงวันต้องรุมตอมแน่นอน เพราะมันคืออาหารชั้นดี คนที่เป็นแผลคงทราบว่า แมลงวันชอบแค่ไหน เขาทำปลอมขึ้นมาหลอกนั้นเอง พวกหลอกลวง !!!
มีน้องผู้หญิงคนหนึ่ง เรียนพยาบาล ส่งรูปๆหนึ่งมาให้ผมดู เป็นรูปเธอกับเพื่อนๆ มีแผลที่มือ ที่แขน ทำเหมือนมาก คือเป็นของปลอมที่ตกแต่งขึ้นโดยฝีมือธรรมดา แต่ถ้าเป็นฝีมือระดับ ช่างเทคนิค ตกแต่ง ตอนถ่ายทำภาพยนตร์ มันจะเหมือนสักแค่ไหน
เอาแค่ภาพยนตร์ไทย ไม่ต้องถึงขนาดเทคนิคภาพยนตร์ ฮอลิวูด
แต่ถ้ามีเงินขนาด ธัมมชโย จะจ้างฝีมือตกแต่งขนาดฮอลีวู๊ดมา ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
เรื่องตกแต่งพวกนี้ ดูด้วยตาเปล่าไม่กี่นาที ทำไม่ได้หรอก มันต้องพกแมลงวันไปด้วย
ผมไม่เชื่อ ท่าน ธัมมชโย ที่เลือกวันป่วยได้พอดีเหมาะเหม็งขนาดนั้น และป่วยถึงขั้นตายได้ หรือขนาด อาจต้องตัดขาทิ้ง แต่ไม่ไปนอนโรงพยาบาล
ท่านโกหกคนทุกคน ตลอดเวลาไม่ได้หรอก
ปล. โอเคครับ ผมเอาเรื่อง ในหลวง ออกแล้ว