แมวปิฬาร์.....กับ Maewsion possible 2

กระทู้สนทนา
===============================
แมวปิฬาร์.....กับ Maewsion possible 2
===============================



             พักนี้ถ้าใครตั้งใจสังเกตให้ดีจะเห็นว่าแมวปิฬาร์ มีพฤติกรรมแปลกประหลาด คือชอบไปห้อยโหนอยู่ตามที่สูง ๆ เช่น ชายคาบ้าน หลังคา ต้นไม้สูง และพฤติกรรมที่แสดงออกนับว่าผิดปกติอย่างมาก คือใช้เท้าข้างเดียวห้อยต่องแต่งแกว่งไกวไปมาอย่างน่าหวาดเสียวผิดวิสัยแมว เพราะคนเลี้ยงแมวรักแมวจะรู้ว่าแมวไม่มีทางห้อยเท้าเดียวได้นานนัก ไม่ช้าก็เร็วต้องหล่นลงมาเป็นธรรมดา แต่สำหรับแมวจอมยุ่งอะไรที่ดูธรรมดากลับเป็นสิ่งไม่ธรรมดาไปได้

             บางทีหลังจากแกว่งไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ปิฬาร์ก็จะถีบเท้าสุดกำลัง พุ่งลอยออกไปเกาะยังอีกจุดหนึ่งของความสูง(แบบเดียวกับที่พระเอกทำในภาพยนตร์เรื่อง  Mission impossible 2 )  แถมยังมีการลื่นไหล ทำท่าจะร่วงลงมา

             ในหนังเรื่อง Mission impossible 2  พระเอกลืนไถลลงมาแล้วเกาะแง่งหินของหน้าผาสูงชันไว้ด้วยมือข้างเดียวอย่างหวุดหวิดหวาดเสียวเหลือเชื่อ ไม่ตกลงไปข้างล่างซึ่งดูอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้...แต่ถ้าตกลงไปตาย หนังคงจบตั้งแต่ต้นเรื่อง ทำเอาสาว ๆ ร้องกรี๊ดกันลั่นโรงหนัง แล้วตามด้วยเสียงปรบมือกันกราวใหญ่ ตามหลักสากลว่าคนหล่อย่อมมีสาวเข้าข้างส่งแรงใจช่วยเสมอ

             แต่ครั้งล่าสุดแมวปิฬาร์โยนตัวเองจากกิ่งไม้จุดประสงค์คือลอยไปเกาะหลังคาบ้าน  แต่เกิดความผิดพลาดในการกะระยะกระโดดไปไม่ถึงเป้าหมาย ทำให้ลื่นไหลลงมาตามผนังบ้าน บังเอิญว่าผนังบ้านเรียบมากไม่มีแง่แง่งให้เกาะ  ถึงลื่นไถลรวดเดียวหล่นโครมลงมาด้านล่าง
โชคดีว่าหล่นลงในกาละมังน้ำซักผ้าขี้ริ้ว ซึ่งหนูแจ๋วคนใช้ของคุณนายนำมาวางไว้หลังบ้าน

             “ว๊าย...!”  หนูแจ๋วกำลังนั่งซักผ้าขี้ริ้วเตรียมถูพื้นฟังหมอลำคลาสสิกอยู่ถึงกับสะดุ้งสุดตัว กระโดดโหยงขึ้นมาอย่างตกใจสุดชีด ข้างแมวสาวพอหล่นลงกาละมัง  ด้วยความตกใจก็ตะกายหนีสุดชีวิตแต่หัวกลับมุด เข้าไปในผ้าขี้ริ้วแล้วแมวปิฬาร์ก็วิ่งวนหมุนจี๋เป็นวงกลมในกาละมังจนน้ำกระจาย

             “ว๊าย...ซอยข่อยแน้ ผ้าขี้ริ้วผีสิง”    หนูแจ๋วตาเหลือกแหกปากเสียงหลง กระโดดโลดเต้นไปมาแบบคนตกใจ เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น ผ้าขี้ริ้วประหลาดวิ่งวนในกาละมังได้ราววิญญาณร้ายสิงสู่


               “เอะอะ อะไรกันจ้ะ”   คุณนายข้างบ้านกำลังนอนอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบใกล้ ๆ ริมรั้ว พอกหน้าตาเพื่อประทินโฉมด้วยสมุนไพรสีคล้ำบำรุงความงามเต็มหน้า พอได้ยินเสียงเอะอะเลยลุกขึ้นชะโงกหน้าข้ามรั้วมาดูด้วยความสงสัย  หนูแจ๋วได้ยินเสียงร้องถาม จึงหันมามองเต็มตาแบบไม่ตั้งใจ

             “กริ๊ด....! ปอบหวีดสยอง...ซอยข่อยแน้ ผีหลอก!”     เธอถึงกับปากอ้าตาค้างแล้วร้องเสียงหลง เมื่อเห็นซอมบี้หน้าดำเละยื่นหัวพ้นกำแพงรั้วบ้านขึ้นมาอย่างน่ากลัว เมื่อคืนคุณนายใจดีพาดูหนังสยองขวัญจนดึก ภาพซอมบี้ยังติดตาอยู่ พอมาเจอเอาหน้าพอกสมุนไพรเข้าแบบนี้เลยพาลนึกว่าผีหลอกกลางวัน กระโดดโหยงเหยงถอยหลังหนี บังเอิญเท้าไปเหยียบขอบกาละมังเต็มแรงทำให้กาละมังกระดกวูบ ไม่กระดกเปล่าดีดแมวปิฬาร์ลอยขึ้นมาชนหัวหนูแจ๋ว

             ”กรี๊ด...!”      อีกครั้งที่หวีดสยองโลกจะแตก

              แมวปิฬาร์เผ่นหนีไปทางหนึ่งส่วนผ้าขี้ริ้วทั้งเปียกทั้งเย็นลอยไปโปะหน้าหนูแจ๋ว คนกำลังตื่นกลัวอยู่ดีไม่ว่าดี มีสิ่งลื่น ๆ เปียก ๆ ลอยมาโปะหน้า ทำให้คิดว่าผี เธอเลยตกใจแทบสลบแต่ด้วยความเป็นคนใช้มืออาชีพระดับพระกาฬ ทำให้จิตใจแข็งแกร่ง ตกใจได้แต่ไม่สลบ ได้แต่ร้องกรี้ดๆ จนเหวี่ยงผ้าขี้ริ้วทิ้งออกไปได้ หนูแจ๋วก็เผ่นตัวปลิวเข้าไปในบ้านอย่างอกสั่นขวัญแขวนด้วยอาการหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ

             เจ้ากรรม...ผ้าขี้ริ้วเจ้าปัญหาที่เหวี่ยงทิ้งแบบมั่ว ๆไปดันลอยไปโปะลงบนหน้าคุณนายข้างบ้านเข้าพอดี   ความจริงคุณนายข้างบ้านยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหนูแจ๋วตกใจอะไร  เพราะเหตุการณ์ต่าง ๆ มันเกิดขึ้นรวดเร็วมาก เห็นหนูแจ๋วร้องกรี้ด ๆ ก็ใจแป้วไปเสียหลายส่วนแล้ว  กำลังยืนงงอยู่ข้างรั้วทันใดนั้นก็มีของเย็น ๆ เปียก ๆ ลอยมาโปะเต็มหน้าจนโลกมืดก็ตกใจสุดขีด

             “ว๊าย...!”      ทีนี้คุณนายข้างบ้านเป็นฝ่ายร้องลั่นบ้านบ้าง หลับหูหลับตาคว้าผ้าขี้ริ้วเหวี่ยงทิ้งไปไม่รู้เหนือไม่รู้ใต้ และมันเป็นเรื่องของความบังเอิญอีกว่าแมวปิฬาร์กำลังยืนตัวเปียกใจหายใจคว่ำอยู่บนกำแพงพอดี และแล้วโลกของแมวสาวก็มืดลงกะทันหันเพราะผ้าขี้ริ้วเจ้าปัญหาลอยมาคลุมเต็มหน้า

             แมวปิฬาร์ร้องเสียงหลง กระโดดผลุงสุดตัวก่อนหล่นพลั่กลงพื้นดินด้วยความตกใจ สัญชาตญาณของแมวทำให้วิ่งกลับเข้าไปในบ้านโดยมีผ้าชี้ริ้วพันรอบคอไปด้วย

             ข้างคุณนายข้างบ้านอกสั่นขวัญแขวน ไม่รู้จะวิ่งไปทางไหนเห็นจวนตัวก็วิ่งไปหาคุณผู้ชายสามีคนดีที่หนึ่ง ผู้กำลังนอนหลับอยู่โซฟาอย่างสบายกายสบายใจ เขย่าตัวให้ตื่นพลางร้องกรอกหูดังลั่น

              “ช่วยด้วยค่ะ ผีหลอก”

             คุณผู้ชายกำลังหลับเพลิน ๆได้ยินเสียงแว่วในหูว่า”ผีหลอก”ดังลั่นความฝัน ลืมตาขึ้นมองอย่างมึนงงตกใจแล้วก็ตกใจเพิ่มเป็นสิบเท่าเมื่อเห็นใบหน้าเละเทะไปด้วยสมุนไพร กระดำกระด่างลอยเด่นเป็นสง่าอยู่เต็มจอไม่ต่างจากซอมบี้ในหนังประเภทผีลืมหลุมเลยสักนิด แล้วใครจะไม่ตกใจ เมื่อเจอแบบนี้

             “โว๊ย......ซอมบี้ผียายแก่ยายแม่มดหลอก...!”    ร้องสุดเสียง มือผลักหน้าผีตัวที่อยู่ข้างหน้าเต็มแรงด้วยสัญชาตญาณป้องกันตัว
คุณนายไม่คิดว่าจะโดนผลักกะทันหัน ไม่ทันระวังตัวจึงเซผงะล้มหงาย มือเหวี่ยงออกไปปัดเอาแจกันบนโต๊ะประดับหล่นโครมลงมาแตกกระจาย
บริเวณนั้นเป็นห้องนั่งเล่นของบ้าน มีกระจกบานใหญ่ตั้งอยู่ข้างผนัง  คุณนายบังเอิญล้มลงไปบริเวณใกล้หน้ากระจกพอดี เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เจอใบหน้าตัวเองเต็มจอ

             “กรี๊ดด....!”   ตกใจหน้าตัวเองที่ดูแล้วเหมือนซอมบี้ผีดิบสยองไม่มีผิด  ลืมนึกไปว่าตัวเองโปะใบหน้าด้วยสมุนไพรบำรุงผิวหน้าจนดูคล้ายซอมบี้ไม่มีผิด ความตกใจทำให้ลุกขึ้นวิ่งไปมาแบบคนสติแตกพลางกรีดร้องจนแสบแก้วหู

              ฝ่ายคุณผู้ชายพอผลักผีร้ายล้มลงไปแล้วยังมองเห็นผีตัวนั้นร้องกรี๊ดจนแสบแก้วหูแถมยังลุกพรวดพราดกางมือวิ่งผวาไปมาทำให้นึกถึงหนัง เรื่องผีอมตะ  Evil dead ฉากผีผู้หญิงอาละวาด ก็ตกใจสุดขีดเพราะปกติเป็นคนปอดแหกอยู่แล้ว กระโจนพรวดเดียววิ่งออกไปทางประตูหน้าบ้านแบบไม่คิดชีวิต เพื่อเอาตัวรอดจากการหลอกหลอนของผีกลางวัน


             ข้างฝ่ายหนูแจ๋ววิ่งมานั่งคุดคู้บนโซฟาหลับหูหลับตาพนมมือปากคอสั่น

            “โอย บ้านหลังนี้ผีฮ้ายขนาด ผ้าถูพื้นผีสิง ตายคัก ๆ”

              โซฟาตัวนี้เป็นโซฟาตัวโปรดของแมวปิฬาร์ ซึ่งกำลังกระโจนขึ้นมาหาแหล่งหลบภัยตามประสาแมวหนีภัยที่มักกลับมายังสถานที่อันคุ้นเคยเสมอ   แน่นอนว่าลากผ้าขี้ริ้วเจ้ากรรมมาด้วยแบบไม่ตั้งใจ

             “กรี๊ดด."     เห็นถนัดชัดตาเลยว่าผ้าขี้ริ้วผีสิงวิ่งตามมาถึงโซฟา หนูแจ๋วเลยร้องลั่นบ้าน เผ่นตัวปลิวเข้าไปในห้องนอน แมวสาวเองก็ตกใจแบบไม่มีเหตุผลเหมือนกัน พอเห็นคนวิ่ง แมวก็ลากผ้าขี้ริ้วเจ้าปัญหาวิ่งตามไปบ้าง แม้จะไม่รู้เหตุผลของการวิ่ง

               หางตาของหนูแจ๋วเห็นแวบ ๆ ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังติดตามาก็ยิ่งใจหายวาบ พอดีว่าวิ่งผ่านบริเวณห้องนอนชั้นสอง บังเอิญมีไม้กวาดพิงผนังอยู่ เลยจับไม้กวาดขึ้นมา หลับหูหลับตาหวดซ้ายป่ายขวาอุตลุด

             “ฮือ ๆ ๆ อย่าเข้ามานะ ผีบ้าผีบอ ตีให้ตายเลย นี่แนะ ๆ งือ ๆ ”

            ถ้าเป็นภาพสโลว์โมชันจะเห็นว่าแมวปิฬาร์ ค่อย ๆ สปริงตัวกระโดดหลบไม้กวาดไปมาได้อย่างหวุดหวิดสวยงาม โดยมีไม้กวาดเหวี่ยงผ่านเฉียดใต้เท้า เฉียดหัว เฉียดตัว เฉียดหาง แบบน่าดูน่าชมเสียเหลือเกิน    จังหวะสุดท้าย ไม้กวาดเกี่ยวผ้าขี้ริ้วหลุดออกไปได้ จังหวะพอดีกับแมวสาวสปริงตัวออกไปทางบันไดอย่างหวุดหวิด ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจู่ ๆ หนูแจ๋ว จึงลุกขึ้นมาร่ายรำเพลงไม้กวาดอย่างนั้นทั้งที่ยังไม่ได้เปิดเพลงหมอลำซิ่ง

            ผ้าขี้ริ้วเจ้าปัญหาลอยไปปะทะตู้เสื้อผ้าก่อนค่อยร่วงลงบนพื้น หนูแจ๋วรีบกระโดดตามไปกระทืบเต็มแรงหลายครั้ง แถมด้วยไม้กวาดกระหน่ำอีกชุดใหญ่

             “นี่แนะ ตายซะเถิดแก อยากหลอกดีนัก อย่าอยู่ให้อั่งโลกเลย”


            ข้างฝ่ายคุณหญิงคุณชายเพื่อนบ้านยังไม่จบเรื่อง

            คุณผู้ชายวิ่งออกมาหายใจหอบบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้านอย่างอกสั่นขวัญหาย ตื่นขึ้นมาก็เจอผีหลอกเต็ม ๆ ไม่ทันตั้งตัวตกใจก็บ้าแล้ว ใครจะไปคิดว่าผีจะกล้าหลอกเวลากลางวันแถมยังในบ้านของตัวเอง

             ส่วนคุณนายยินเสียงร้องลั่นบ้าน ทั้งในบ้านตนเองและจากบ้านใกล้เรือนเคียง ยิ่งใจหายใจคว่ำหลอนผวาหนักเข้าไปอีก และเป็นธรรมดาว่าต้องหาที่พึ่ง มองออกไปทางหน้าต่างเห็นคุณผู้ชายของเธอยืนอยู่สนามหญ้าหน้าบ้านก็ค่อยใจชื้นขึ้นมาบ้างว่าไม่ได้เผชิญกับผีหลอกอยู่เพียงลำพัง

              วิ่งไปหาดีกว่า พอคิดได้ก็วิ่งออกจากบ้านไปหาคุณผู้ชายทันที

             คุณผู้ชายยังไม่ทันตั้งหลักคิดอะไรให้ถี่ถ้วน เห็นประตูกระแทกเปิดออกโดยแรง มีผีหน้าเลอะเทอะผมเผ้ายุ่งเหยิงตัวหนึ่งเหมือนผีในเรื่องผีอมตะไม่มีผิด วิ่งกางมือตรงเข้ามาหาก็สะดุ้งผวาสุดขีดด้วยความตกใจกลัว ว่านี่มันอะไรกัน อยู่ไม่ได้แล้วตามมาหลอนถึงหน้าบ้านขนาดนี้

             ช่วยด้วย...ผีหลอก...!!”    ชายหนุ่มร้องสุดเสียงด้วยความตกใจกลัวพร้อมอาการกระโดดตัวลอย ไม่ทันสังเกตให้ดีว่านั่นเป็นภรรยาสุดที่รัก หันหลังกลับออกวิ่งหนีไปทางประตูบ้านไม่คิดชีวิตแบบขวัญกระเจิง

             ฝ่ายคุณนายพอเห็นสามีตนเองมองมายังตนเองพร้อมกับทำหน้าตาหวาดกลัวแล้วร้องสุดเสียงเผ่นหนี ก็นึกว่ามีผีกำลังวิ่งตามมาข้างหลัง  ไม่ต้องหันไปมองให้เสียเวลา คุณนายสาววิ่งหนีผีซึ่งคิดว่าอยู่ด้านหลังแบบสุดชีวิต ตามคุณชายไปติด ๆ  ตามสัญชาตญาณว่าต้องหาที่พึ่ง วิ่งไปร้องไปเหมือนคนสติแตก

            ส่วน คุณผู้ชายวิ่งไปได้ระยะหนึ่งก็ได้ยินเสียงเอะอะไล่หลังมาเลยหันกลับไปมอง อ้าว...นั่นผีอมตะ  Evil dead  ยังวิ่งกางมือตามมาติด ๆราวฝันร้าย (ภรรยาเป็นนักกรีฑาเก่า) เลยตกใจแทบสิ้นสติ กระโดดตัวลอยออกวิ่งเร่งสปีดเร็วกว่านรกแน่นอนว่าคุณนายเห็นท่าทางอย่างนั้น ก็นึกว่าผีกำลังวิ่งไล่ตามมาแบบไม่ยอมเลิกก็ยิ่งตกใจใหญ่  เร่งฝีเท้าสปิดเร็วกว่านรกขึ้นมาบ้าง

             ด้วยความกังวลและห่วงบ้าน ทั้งสองจึงวิ่งวนไปมาอยู่รอบ ๆ หมู่บ้านนั่นเองไม่กล้าวิ่งหนีออกจากเมือง   เป็นเวลาเช้าตรู่ที่ควรสงบเงียบอย่างเช่นทุกวันผ่านมา  แต่วันนี้กลับมีเสียงเอะอะวุ่นวาย สุนัขหลายตัวในบริเวณนั้น พอเห็นสิ่งผิดปกติก็ไม่คิดอะไรให้มากเรื่องหลายความ พร้อมอกพร้อมใจกันโก่งคอเห่าหอนเซ็งแซ่ประสานเสียง สร้างเสริมบรรยากาศชวนขนลุกขนพองสยองเกล้ามากขึ้นอีก

             ภาพที่ผู้คนย่านนั้นเห็นจึงเป็นภาพซอมบี้ผีอมตะตัวหนึ่ง กำลังไล่ผู้ชายคนหนึ่งไปรอบหมู่บ้านแบบสปิดเร็วกว่านรก ผู้คนทั้งหลายต่างพากันตกใจ สั่งลูกหลานปิดบ้านปิดช่อง ปิดประตู ปิดหน้าต่าง  ปิดไฟ ปิดพัดลม หลายคนโทรศัพท์หาตำรวจ บอกว่ามีซอมบี้กำลังไล่กัดคน แบบเดียวกับหนังเรื่องรุ่งอรุณแห่งความตาย  Dawn of the dead

             จังหวะตุณผู้ชายกำลังวิ่งเลี้ยวออกปาก ซอยรถประจำทางคันหนึ่งวิ่งผ่านมาพอดี ฃายหนุ่มกำลังเหนื่อยจนลมออกหู เห็นรถประจำทางวิ่งมาเหมือนพระมาโปรด ได้จังหวะกระโจนเกาะราวประตูรถได้อย่างหวุดหวิด  ร้องเสียงลั่น

            ช่วยด้วยครับ ผีมันไล่ผมมา”



             มีต่อครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่